ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 403 บทเรียนนำมาซึ่งประสบการณ์
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 403 บทเรียนนำมาซึ่งประสบการณ์
ตอนที่ 403 บทเรียนนำมาซึ่งประสบการณ์
……….
สัญชาตญาณสั่งให้จินนาหันหลังกลับ ด้วยเกรงว่า ตนจะถูกผู้ช่วยจิตเวชที่คล้ายกับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ จับได้ว่ากำลังจ้องมอง
แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน เธอนึกถึงสภาวะจิตใจ รวมถึงการแสดงออกของตน ขณะเข้าใกล้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ จึงควบคุมตัวเอง ค่อยๆ ละสายตากลับมาอย่างเป็นธรรมชาติ
เธอรักษาความสงบเพียงพอ เดินออกจากตึกสีเทาอมฟ้าตามจังหวะเดิม ภายใต้แสงแดดจากด้านนอกหน้าต่าง สวมหมวกฟางสีน้ำตาลอ่อนประดับด้วยผ้าดอกไม้
จนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลจิตเวชเดลตาได้อย่างแท้จริง กลับมาถึงถนนที่พบกับเด็กชาย จินนาจึงถอนหายใจเบาๆ
เธอยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า ขึ้นรถม้าสาธารณะกลับไปยังเขตตลาด
…………
ยามเย็น ณ ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 ห้อง 601
ลูเมี่ยนที่ถูกจินนาเรียกตัวมา ฟังการค้นพบของเธอ
ลูเมี่ยนไม่ปิดบังความประหลาดใจระคนสงสัยของตน
“จริงหรือ?”
“แน่ใจนะว่ามองไม่ผิด?”
นี่มันบังเอิญเกินไปไหม?
จินนาเพิ่งเห็นภาพวาดของ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ ในตอนเช้า ตอนบ่ายก็พบเป้าหมายแล้ว ในโรงพยาบาลจิตเวชเดลตาที่เธอไปเพียงสองครั้ง ในขณะที่ทั้งลูเมี่ยน ฟรังก้า หรือแม้แต่อาร์คาน่าใหญ่เล็กในทรีอาร์ ต่างก็ไม่ได้อะไรติดมือเลย!
ความบังเอิญนี้ ทำให้ลูเมี่ยนได้กลิ่นของแผนการ ได้กลิ่นการจัดฉาก จนขาดความยินดีอย่างแท้จริง
“ใช่ มันดูบังเอิญเกินไปจริงๆ …” ก่อนที่ลูเมี่ยนจะมาถึง ฟรังก้าก็มีท่าทีแบบนี้แล้ว
เธอพึมพำต่อไปว่า
“แม้มันจะเป็นบทที่ค่อนข้างคลาสสิก เมื่อคนที่มีแนวโน้มต่อต้านมนุษยชาติ และมีสติปัญญาไม่ต่ำ จะเลือกซ่อนตัวในโรงพยาบาลบ้า อีกทั้งยังได้ใกล้ชิดกับแพทย์…แต่มันไม่โชคร้ายไปหน่อยหรือ ที่จะบังเอิญถูก ‘คนมาเยี่ยมไข้’ ซึ่งเคยเห็น ‘ใบปลิว’ ของตัวเองพบเข้า? คนที่ได้เห็น ‘ใบปลิว’ ของมันในทรีอาร์ รวมแล้วไม่น่าจะเกินห้าสิบคน!”
นี่ยังรวมถึงผู้ที่อ็องโตนี·รีด กับผู้ถือไพ่คนอื่นๆ สอบถามตลอดทั้งวัน
“ฉันเพิ่งจะเคยได้ยินบทคลาสสิกแบบนี้นี่แหละ…” จินนาพึมพำแล้วพูดต่อ “แต่ฉันเจอจริงๆ นะ แล้วก็ไม่ได้จำผิดด้วย…หรือว่าช่วงนี้ฉันจะโชคดีเป็นพิเศษ?”
พอพูดจบ เธอเห็นสีหน้าไม่เชื่อ ฉาบล้นบนใบหน้าลูเมี่ยนกับฟรังก้า
ลูเมี่ยนผู้มีประสบการณ์มากพอ ครุ่นคิดโดยได้รับอิทธิพลจากความบังเอิญ ก่อนจะถามว่า
“ลองนึกย้อนกลับไปตั้งแต่เช้านี้ เริ่มจากตื่นนอน ดูว่ามีสิ่งใดบังเอิญมากเกินพอดี หรือมีสิ่งใดเกิดขึ้นต่างจากปกติบ้าง”
จินนาที่นั่งบนโซฟาเดี่ยว จมลงในความคิด
เกือบสิบห้านาทีผ่านไป เธอสบถ ‘บัดซบ’ แล้วพูดว่า
“ไม่มีอะไรต่างจากปกติเลยนี่หว่า!”
“เอ่อ…มีอย่างหนึ่ง ฉันไม่เคยเจอมาก่อน…”
เธอเล่าเหตุการณ์ที่ตนเจอเด็กหลงคนหนึ่ง เลี้ยงไอศกรีมวานิลลาเขาไปหนึ่งถ้วย แล้วเรียกตำรวจมาดูแล สุดท้ายถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจว่า
“นี่คงไม่นับว่าผิดปกติใช่ไหม?”
ฟรังก้าพูดกับตัวเอง
“เด็กชายคนนั้นบอกว่า…เธอจะได้รับโชคดี?”
ส่วนลูเมี่ยนสนใจรายละเอียดอีกอย่างหนึ่ง
“เด็กคนนั้นบอกว่า นารีขี้เหล้าพาเขามา?”
“ใช่” จินนาตอบทั้งสองคำถาม ด้วยคำเดียว
ลูเมี่ยนมีผู้ต้องสงสัยในใจทันที
นอกจากหางเครื่องบางคน ผู้หญิงที่เขารู้จัก ซึ่งชอบดื่มเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ มีเพียงสองคน ที่เหลือนับได้ว่าแค่ลิ้มลอง หรือเข้าสังคมเท่านั้น
คนหนึ่งคือมาดามเฮล่า อีกคนคือมาดามเมจิกเชี่ยน
คนแรกมักพกเหล้าหลายกระติกติดตัวเสมอ ส่วนคนหลังชอบลิ้มลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายรสชาติ แม้กระทั่งหยิบแก้วเหล้าออกมาดื่มจากความว่างเปล่า
คำนึงจากข้อเท็จจริงที่ว่า การตามหา ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เป็นภารกิจสาธารณะของชุมนุมทาโรต์ โดยยังไม่ได้แจ้งเรื่องนี้ให้มาดามเฮล่าทราบ ลูเมี่ยนสรุปหลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่า เด็กชายคนนั้นถูกมาดามเมจิกเชี่ยนพาตัวมายังกรุงทรีอาร์
เมื่อรวมกับที่ฟรังก้ากังวลเกี่ยวกับการ ‘ได้รับโชคดี’ ลูเมี่ยนเชื่อว่าเด็กชายคนนั้น คงมีพลังวิเศษบางอย่างสำหรับมอบโชคดีให้แก่ผู้อื่น ส่วนจินนาที่ได้รับโชคดี จึงบังเอิญได้เจอ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เข้า
เมื่อเห็นทั้งลูเมี่ยนกับฟรังก้าเงียบไป ไม่พูดอะไรเป็นสิบวินาที จินนายิ่งใจไม่ดี
“เรื่องของเด็กคนนี้…มีปัญหาจริงหรือ?”
ลูเมี่ยนมองเธอด้วยสายตาครุ่นคิด แล้วพูดว่า
“บางที การซื้อไอศกรีมให้เด็กคนนั้น อาจช่วยให้วันนี้คุณโชคดีจริงๆ”
เล่ห์กลการ ‘ให้และรับ’ เช่นนี้ พบได้บ่อยในด้านโชคชะตา เช่นเดียวกับ ‘พิธีเปลี่ยนชะตา’ ซึ่งเป้าหมายต้องเต็มใจรับสื่อกลาง ต้องได้ประโยชน์ที่ไม่ควรได้ และมีความตั้งใจในเชิงอัตวิสัย จึงจะทำให้การเปลี่ยนโชคสำเร็จ
ดังนั้น ลูเมี่ยนจึงสงสัยอย่างมีเหตุผลว่า เด็กชายคนนั้นเป็นผู้วิเศษเส้นทาง ‘สัตว์ประหลาด’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือเส้นทาง ‘โชคชะตา’ โดยเขาแอบมอบ ‘โชคดี’ ให้จินนาอย่างลับๆ ผ่านการร้องขอไอศกรีม จนจินนาบังเอิญพบกับ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เข้า
‘ผมไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร ทำได้แค่รออยู่ตรงนี้’ ก็ดี หรือ ‘ขอไอศกรีมสักถ้วยสิ แล้วคุณจะได้รับโชคดี’ ก็ดี ช่างอบอวลไปด้วยกลิ่นอายความลึกลับในขอบเขตด้านโชคชะตาเสียเหลือเกิน!
“ก็จริง…” ฟรังก้านึกถึงความเป็นไปได้ทางนี้เช่นกัน
จินนาเข้าใจในทันที
“หมายความว่า เด็กชายคนนั้นเป็นผู้วิเศษที่แข็งแกร่งมาก แล้วเขาก็มอบโชคดีให้ฉันพอสมควร?”
“แต่นอกจากเจอ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แล้ว ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่ได้เจอเงินหล่น หรือไม่ได้เจอของแจกฟรี”
“โชคดีของเธอคงหมดไปกับการเจอ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แล้วล่ะ” ฟรังก้าเอ่ยอย่างซาบซึ้ง
ลูเมี่ยนลุกพรวดขึ้น
“ผมขอยืนยันให้แน่ใจก่อน”
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องนอนของฟรังก้า แล้วปิดประตูห้อง
“ยืนยันยังไง?” จินนาถามฟรังก้าอย่างสงสัย
ฟรังก้าตอบกึ่งๆ เดา
“เขียนจดหมาย”
“ถึงมาดามเฮล่า?” ในการรับรู้ของจินนา บุคคลเดียวที่มีผู้ส่งสารคือมาดามเฮล่า
“คนละมาดาม” ฟรังก้าพูดไม่ถนัดปาก
ในห้องนอนของเธอ ลูเมี่ยนเก็บกวาดแท่นบูชาเสร็จ ไม่นานก็ได้รับจดหมายตอบกลับจากมาดามเมจิกเชี่ยน
“ที่แท้ก็ตามหา ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ แบบนี้นี่เอง…ในฐานะโหราจารย์ ฉันรู้สึกว่าวิธีแบบนี้มันเหมือนพวกนักต้มตุ๋นชอบกล”
“ไม่ต้องสงสัยหรอก นั่นคือผู้ช่วยที่พวกเราขอมาจริงๆ ต้องเสียบุญคุณไม่น้อย รวมถึงไอศกรีมกองโต”
“ในเมื่อได้ผลแล้ว เธอก็ลงมือเถอะ ฉันจะคอยเป็นหูเป็นตาให้ ช่วยระวังเหตุไม่คาดฝันให้พวกเธอ”
อย่างที่คิดเลย…ลูเมี่ยนยิ้มออก
จากคำพูดของมาดามเมจิกเชี่ยน เด็กหนุ่มคาดเดาว่า เด็กชายคนนั้นคงไม่ใช่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ หากจะดึงเข้าร่วมภารกิจสาธารณะ ก็ต้องมีค่าตอบแทนให้ ต้องเสียทั้งบุญคุณ ต้องเสียทั้งไอศกรีม
แล้วทำไมถึงเป็นไอศกรีม? ผู้วิเศษที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แค่ได้กินไอศกรีมก็ปลื้มแล้วหรือ? ลูเมี่ยนรู้สึกขำในความไร้สาระ แต่แล้วก็นึกถึงบุตรบุญธรรมของบารอนบรินิแยร์ ไอ้เด็กทึ่มคนนั้นก็ไม่ปกติเหมือนกัน เป็นพวกถูกอาหารรสเลิศซื้อใจเอาง่ายๆ
สิ่งนี้ทำให้เขาสงสัยว่า ผู้วิเศษในรูปลักษณ์ของ ‘เด็กชาย’ จะมี ‘จุดอ่อน’ แบบนี้เหมือนกันหมดหรือเปล่า
ลูเมี่ยนเปิดประตูออกไป กลับมายังห้องนั่งเล่น
จินนาลุกขึ้นยืน ถามเสียงเครียดเล็กๆ
“ยืนยันแล้วหรือ?”
“เขาเป็นผู้ช่วยที่มาเพื่อมอบ ‘โชคดี’ โดยเฉพาะ แต่การที่เขาได้เจอคุณ ถือเป็นการจัดวางของโชคชะตา และการที่คุณเลี้ยงไอศกรีม ถือเป็นการเลือกสายโชคชะตาที่ถูกต้อง” ลูเมี่ยนตอบเหมือนพวกนักต้มตุ๋น
ในฐานะผู้วิเศษที่อยู่ในขอบเขต ‘ชะตากรรม’ ด้วย เขายังพอมีสิทธิ์พูดเรื่องโชคชะตาอยู่บ้าง
“โล่งอกไป…” จินนาถอนหายใจโดยไม่ปิดบัง เธอเพิ่งกังวลใจว่า ตนตกหลุมพรางเข้าแล้วหรือเปล่า
เห็นฟรังก้าลุกขึ้นยืนด้วย ลูเมี่ยนหยิบต่างหู ‘คำลวง’ สีเงินขาวออกมา ยิ้มมุมปากพูดว่า
“ไปโรงพยาบาลบ้ากันเลย ฉันรอไม่ไหวแล้ว”
“ดี” ฟรังก้าตอบรับ พลางโอดครวญในใจ
ตั้งแต่ชาร์ลมาถึง ตัวเธอแทบไม่ได้ว่างเว้นจากการต่อสู้เลย
เพิ่งจะผ่าน ‘การถูกโลกิโจมตี’ มาได้ไม่กี่วันเท่านั้น!
…………
ในรถม้าสี่ล้อสี่เบาะ มุ่งหน้าสู่เขตน้ำพุร้อน
ลูเมี่ยนมองเสาไฟถนนสีดำด้านนอกหน้าต่าง ขมวดคิ้วขึ้นมาทันใด
เขาพึมพำด้วยความสงสัย
“สิ่งที่จินนาเห็น จะใช่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ จริงๆ หรือ?”
ฟรังก้ากับจินนาหันไปมองเขา นึกถึงเรื่องเดียวกัน
ตอนล่าหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ พวกตนพบ ‘ตัวแทน’ สองคนพร้อมกัน โดยที่กิโยม·เบเนต์ตัวจริง คือสุนัขใหญ่ที่กำลังนอนหมอบอยู่ข้างๆ!
“คุณสงสัยว่า นั่นอาจเป็นตัวแทน?” ฟรังก้ากดเสียงต่ำถาม
เมื่อมีบทเรียนแล้ว คนเราก็ควรตกผลึกเป็นปัญญา หลังจากเห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมของหลวงพ่อแล้ว หากยังไม่ระวังความเป็นไปได้ในแง่ดังกล่าวอีก ก็แสดงว่าไม่เหมาะกับเส้นทาง ‘นักล่า’ และ ‘นางมาร’
ลูเมี่ยนกระซิบอย่างใคร่ครวญ
“เมื่อปัญหาถูกเปิดเผย และมีแนวโน้มสูงว่าจะถูกไล่ล่า ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ จึงกังวลว่า ‘การเล่นพิเรนทร์’ ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนของตน จะกลายเป็นภัยแฝงที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัว?”
“ถ้าผมเป็นมัน ในเมื่อลบร่องรอยไม่ได้ ก็คงต้องรีบออกจากทรีอาร์ แล้วค่อยกลับมาใหม่หลังจากเรื่องซาลง แต่มันก็ไม่ได้ทำ…”
“นี่แสดงว่า มันมั่นใจเต็มประดาว่าเราจะหาไม่เจอ หรือยังติดธุระสำคัญมาก จนออกไปจากทรีอาร์ไม่ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น การซ่อนตัวในเงามืด วางตัวแทนไว้เป็นเป้า ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก”
“หรือว่าเขาก็มี ‘คำลวง’ หรือ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ ที่คุณพูดถึง?” จินนาถามย้อนด้วยความสงสัย
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“มันอาจไม่มี ‘คำลวง’ แต่เทพมารที่มันศรัทธา ปกครองในอาณาจักร ‘นักทำนาย’ เป็นหนึ่งใน ‘ผู้ไร้หน้า’ ที่แข็งแกร่งที่สุด ขอเพียงเข้าใจอาคมพิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน ก็สามารถสวดวิงวอนให้พระองค์ ช่วยเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกใครสักคนได้อย่างสมบูรณ์”
นี่ก็เหมือนกับ การที่สมาชิกชุมนุมทาโรต์ สามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณในนามของมิสเตอร์ฟูลได้
“สร้างตัวแทนผ่านอาคมพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ‘ผู้ไร้หน้า’…ส่วนตัวจริงก็คอยสอดส่องอยู่ในที่ลับ…แต่ทำไมมันเลือกที่จะสร้างตัวปลอม แทนการเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเองเป็นคนอื่น? แค่ทำแบบนั้น เราก็คงไม่มีทางหามันพบแล้ว!” ฟรังก้านึกถึงความเป็นไปได้ที่เลวร้าย
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“ถ้าคนที่โรงพยาบาลบ้าเดลตาเป็นตัวแทนจริง ก็แสดงว่าหมอนั่นเป็นกับดัก ตั้งใจล่อพวกเราเข้าไปหา โดยที่ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ คอยจับตาดูผลลัพธ์สุดท้ายอย่างใกล้ชิด”
“ดังนั้น ตัวแทนอาจแฝงอันตรายมหาศาล ไม่เพียงจะลากผู้ไล่ล่าไปตายด้วยกัน แต่ยังจะสร้างเสียงอึกทึกครึกโครมไม่น้อย หรือไม่ก็ ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก หรือมีการเชื่อมโยงกันทางศาสตร์เร้นลับ”
“สถานการณ์แรกไม่ต้องกังวล มีมาดามผู้ทรงพลังท่านหนึ่งคอยป้องกันเหตุไม่คาดฝันอยู่ ส่วนความเป็นไปได้ที่เหลือ ก็ต้องขึ้นอยู่กับฟรังก้าแล้วล่ะ…”
แต่ถ้าหนึ่งในผู้ป่วยจิตเวชคือ ‘ฉันมีเพื่อนอยู่คนนึง’ เรื่องราวก็ยิ่งง่าย
…………
กลางดึกสงัด ชั้นสามของโรงพยาบาลจิตเวชเดลตา ในห้องติดกับตึกทางฝั่งตะวันออก
กรอบสีทองของแว่นตา สะท้อนแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาในห้อง ส่วนคนไข้บนเตียงยังคงนอนหลับสนิท
ทันใดนั้น ร่างมนุษย์สีดำเปิดประตูหนักๆ ที่ติดตั้งหน้าต่างกับลูกกรงเหล็ก แล้วเดินเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียง
เขาจับที่จับประตูอย่างสุภาพ เมื่อประตูห้องถูกปิดอย่างทะนุถนอม เสียงด้านนอกก็ดูจะเงียบสงัดไป
มิติภายในทั้งหมด ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
……………………………………………………..