ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 362 คำลวง
ตอนที่ 362 คำลวง
ลูเมี่ยนไม่รีบร้อนสัมผัสหน้ากากสีขาวเงิน แต่เปิดจดหมายแล้วอ่านลายมือที่ประณีตสวยงาม ซึ่งแตกต่างจากของมาดามเมจิกเชี่ยน
“นี่คือรางวัลตอบแทนที่สัญญาไว้”
“คำลวง”
“มันช่วยให้คุณแปลงโฉมตัวเองได้อย่างแท้จริง ปรับเปลี่ยนรูปร่างกับความสูงได้ในระดับหนึ่ง”
“นอกจากนี้ยังจะมอบพลัง ‘ควบคุมไฟ’ ‘โอนถ่ายความเจ็บปวด’ และ ‘ลางสังหรณ์อันตรายที่ค่อนข้างดี’ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสมดุลร่างกายและความคล่องแคล่ว เช่นเดียวกับที่ ‘นักมายากล’ ทำได้”
“สามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกได้ทุกเมื่อ จะเป็นแบบใดก็ได้”
“เมื่อสวมใส่ อารมณ์ของคุณจะถูกขยาย คุณต้องเรียนรู้วิธีควบคุมตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาตามมาไม่น้อย”
“นอกจากนี้ โปรดจำไว้ว่า”
“อย่าหลงหายเข้าไปในคำลวง”
“พกไปไหนมาไหนได้โดยไม่มีผลข้างเคียง?” หลังจากลูเมี่ยนอ่านจดหมายจบ ท่าทีแรกมิใช่ยินดีปรีดากับคุณสมบัติของ ‘คำลวง’ ที่ตรงใจทุกประการ แต่ประหลาดใจที่ผลข้างเคียงเชิงลบของสมบัติวิเศษเบากว่าที่คิดไว้มาก
ต้องสวมใส่จึงจะขยายอารมณ์!
หรือก็คือ ลูเมี่ยนสามารถเก็บมันไว้ในภาชนะอย่างถุงหรือกระเป๋า พกติดตัวไว้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องทนรับผลข้างเคียงใด
เมื่อเทียบกับ ‘คำลวง’ แล้ว ‘มีหน้ามีตา’ ต้องแช่ในเหล้ากลั่นตลอดเวลา ไม่สะดวกทั้งการเก็บหรือหยิบฉวยออกมาใช้ ส่วน ‘ทุบตี’ แค่พกไว้กับตัวก็เกิดผลข้างเคียงแล้ว
หลังทอดถอนใจ ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะจิกกัดตัวเองสองสามคำ
“ทำไมถึงเป็นผลข้างเคียงเกี่ยวกับอารมณ์อีกแล้วล่ะ?”
“ประดังกันเข้ามาแบบนี้ ต่อให้เป็น ‘ภิกษุบิณฑบาต’ ก็คงระเบิดคาที่แหง…”
การกัดกร่อนอันดำมืดจากสัตว์พันธสัญญา; ความผันผวนของแรงกระหายอันเกิดจาก ‘ทุบตี’; และ ‘ของขวัญ’ ที่ได้จากจักรพรรดิโลหิตอลิสต้า·ทูดอร์ ก็ล้วนส่งผลกับอารมณ์ทั้งสิ้น หากเพิ่ม ‘คำลวง’ เข้าไปอีก ผลลัพธ์ย่อมต้องเป็น ‘1+1+1+1’ มากกว่า ‘4’ แน่นอน
ลูเมี่ยนผู้มีแผลใจ มีความทรงจำอันเจ็บปวดจากอดีต พึ่งจะเสร็จสิ้นการบำบัดจิตจนกลับมาเป็นปกติได้ เชื่อว่าหากตนไม่อยากลิ้มรสหรือ ‘เผย’ ความบ้าคลั่งที่แท้จริง จนหลงทางไปสู่นรกแห่งการคลุ้มคลั่ง ทางที่ดีที่สุดคือไม่ควรปล่อยให้ผลข้างเคียงของ ‘คำลวง’ กับ ‘ทุบตี’ แผลงฤทธิ์พร้อมกัน
“คำลวงใช้เข้าร่วมสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก ซึ่งเน้นการสังสรรค์แลกเปลี่ยนเป็นหลัก ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ‘ทุบตี’ ส่วนในเวลาอื่นเรามีใบหน้าของไนเซอร์ใช้แทนคำลวงอยู่แล้ว…” ลูเมี่ยนคิดสักพักแล้วโยนกระเป๋าสะพายที่ใส่ถุงมือ ‘ทุบตี’ ลงบนเตียง
จัดการเสร็จ เด็กหนุ่มหยิบหน้ากาก ‘คำลวง’ สีขาวเงินขึ้นมาสวมใบหน้า
หน้ากากดังกล่าวแปรสภาพเป็นของเหลวคล้ายปรอททันใด ซึมเข้าไปในผิวหนังลูเมี่ยน จนกระทั่งห่อหุ้มทั้งศีรษะเอาไว้
เพียงพริบตา ทุกสิ่งเริ่มจัดเรียงใหม่ เส้นเค้าโครงกับรายละเอียดบนใบหน้าลูเมี่ยน ถูกปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ของเหลวสีเงินขาวคล้ายกับถูกดูดซึมเข้าไปจนหมด บ้างก็ระเหยหายไป สีผิวของลูเมี่ยนเริ่มเปลี่ยนกลับเป็นปกติ ดูขาวกว่าเดิมมากทีเดียว
จากนั้น ส่วนสูงของเด็กหนุ่มหดหายกะทันหัน เสื้อเชิ้ตสีขาวเริ่มตึงเพราะหน้าอกที่พองออกมา
ลูเมี่ยนก้มหน้ามองสักพัก แล้วรำพันกับตัวเองในใจ
“ไม่ว่าจะเพิ่มหรือลดส่วนสูงก็ทำได้ไม่เกินสิบเซนติเมตร…”
“เมื่อก่อนเราสูง 1.76 เมตร สูงกว่าโอลัวร์แค่แปดเซนติเมตร แต่ตอนนี้สูง 1.81 เมตรแล้ว อา… ช่องว่างสามเซนติเมตรก็ไม่เลว คนทั่วไปคงดูไม่ออก เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ล้วนใส่รองเท้าส้นสูงเพื่ออำพรางส่วนสูงกันทั้งนั้น…”
“เสียงก็เลียนแบบได้ด้วย… นี่คือส่วนสำคัญในการแปลงโฉมอย่างแท้จริง…”
ลูเมี่ยนลากกางเกงขายาวหลวมๆ กับเสื้อเชิ้ตรัดติ้วออกจากห้อง 207 เดินเข้าห้องน้ำแล้วส่องกระจก
บนกระจกสะท้อนภาพหญิงงามผู้หนึ่ง ผมยาวหนานุ่มสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนเป็นประกาย จมูกโด่งเรียว ริมฝีปากแดงไม่หนาไม่บาง สดใสราวกับแสงแดดยามเช้า
รายละเอียดบนใบหน้า รวมถึงเส้นโครงหน้า ยังคงถูกปรับแต่งอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลาหลายสิบวินาทีจึงจะเสร็จสมบูรณ์
ลูเมี่ยนจ้องหน้าสาวในกระจกอย่างเหม่อลอย สายตาอ่อนโยนลงทุกขณะ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย
ผ่านไปไม่กี่วินาที เด็กหนุ่มหัวเราะในคอพร้อมกับกล่าว:
…………
หลังกลับจากถนนน้ำพุ ฟรังก้าก้าวเข้าประตูอพาร์ตเมนต์ห้อง 601 ด้วยฝีเท้าเบาหวิว
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาเธอ คือใบหน้าที่เหมือนตัวเองราวกับแกะ:
ผมหางม้าสีเชือกป่าน นัยน์ตายิ้มแย้มแจ่มใสสีน้ำทะเลสาบ คิ้วสีน้ำตาลเหินเข้าขมับ ริมฝีปากบางๆ สีแดงสด…
ฟรังก้าพลันตึงเครียด รีบโพล่งออกมา
“คุณเป็นใคร ปลอมตัวเป็นฉันทำไม”
ฟรังก้าอีกคนชี้มาหาเธอ
“คุณเป็นใคร ปลอมตัวเป็นฉันทำไม”
ฟรังก้าแสยะยิ้มด้วยโทสะ พลางบังคับใยแมงมุมที่แอบปล่อยขณะพูด ให้รัดพันร่างกายสินค้าเลียนแบบนั่น
ประกายสีแดงฉานวาบขึ้นทันที เผาไหม้เส้นด้ายที่มองไม่เห็นรอบๆ
ฟรังก้าพลันกระจ่าง จึงชี้หน้าฟรังก้าตัวปลอมพร้อมกับกล่าว
“ไอ้ลิงกังหกหูนี่ กล้าดียังไงมาปลอมเป็นฉัน!”
ใบหน้าของฟรังก้าปลอมเริ่มยุบพอง เปลี่ยนกลับไปเป็นรูปลักษณ์ลูเมี่ยน
ส่วนสูงก็เพิ่มขึ้นพอสมควร
หลังจากถอด ‘คำลวง’ ที่ใช้เป็นต่างหูออก ลูเมี่ยนถามด้วยความสงสัย
“อะไรคือลิงกังหกหู?”
ฟรังก้าอ้ำอึ้งประหนึ่งไม่อยากเล่า แต่นึกขึ้นได้ว่าลูเมี่ยนล่วงรู้ความลับไปบ้างแล้ว ไม่จำเป็นต้องปิดบังรายละเอียดเบ็ดเตล็ดเหล่านี้
จึงตอบกลับไปว่า
“ที่บ้านเกิดของฉันกับพี่สาวคุณมีตำนานเทพนิยายอยู่ไม่น้อย ลิงกังหกหูคือหนึ่งในนั้น มันจะแอบฟังทุกความลับของคุณ แล้วแปลงโฉมให้เหมือนคุณทุกกระเบียดนิ้ว”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ ฟรังก้าถามอย่างตื่นเต้น
“ได้สมบัติวิเศษสำหรับแปลงโฉมแปลงกายมาแล้วหรือ”
“คุณไม่เห็นหรือว่าผมบาดเจ็บอยู่” ลูเมี่ยนยกมือซ้ายที่ห่อด้วยผ้าพันแผลสีขาวสองสามทบ “ผมรับคำสั่งจากมาดามจัสติส ให้ลงไปนำของบางอย่างจากสุสานใต้ดินชั้นสี่กลับมา ค่าตอบแทนคือ ‘คำลวง’ นี้”
พูดไปพลาง มือขวาของลูเมี่ยนก็โยนสมบัติวิเศษรูปต่างหูเล่น
“งี้นี่เอง” เมื่อวานฟรังก้าเดาไว้แล้วว่า ที่ลูเมี่ยนต้องลงไปสำรวจสุสานใต้ดิน คงเป็นภารกิจจากชุมนุมทาโรต์ เธอจึงไม่ได้ถามย้ำต่อหน้าจินนา
หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้
“นำของอะไรกลับมา?”
ลูเมี่ยนคิดสักครู่ พบว่าทั้งมาดามเมจิกเชี่ยน มาดามจัสติส และมาดามเฮล่า ต่างก็ไม่ได้ขอให้ตนเก็บเป็นความลับ จึงตอบไปตามตรง
“น้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย”
“บ่อน้ำสตรีซามาเรียมีอยู่จริง?” ฟรังก้าอึ้งไป
เธอเคยอ่านนิตยสารศาสตร์เร้นลับเพ้อเจ้อพวกนั้นของกรุงทรีอาร์ เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบ่อน้ำสตรีซามาเรีย และเคยลงสุสานใต้ดินเพื่อตามหาบ่อน้ำที่ผู้ดูแลสุสานตั้งชื่อไว้ แต่ก็ไม่พบความมหัศจรรย์เลยสักนิด
“มีอยู่จริง” ลูเมี่ยนตอบพลางใคร่ครวญ “อยู่ลึกลงไปในสุสานใต้ดิน เกี่ยวข้องกับทรีอาร์ยุคที่สี่”
“มหัศจรรย์ไหม” ฟรังก้าถามย้ำตาเป็นประกาย
ลูเมี่ยนชำเลืองมองเธอ
“มหัศจรรย์สิ แต่เฉพาะกับผู้วิเศษเส้นทาง ‘ผู้เก็บซากศพ’ ‘นักรบ’ และ ‘ผู้ไร้หลับ’ เท่านั้น ถ้าคุณอยากลองดู ก็มีเพียงผลลัพธ์เดียว นั่นคือลืมว่าตัวเองเคยเป็นใคร ลืมบ้านเกิดที่พร่ำเพ้อถึง กลายเป็นนางมารตัวจริงแห่งกรุงทรีอาร์ไปตลอดกาล”
ฟรังก้าสั่นสะท้าน ส่ายหัวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“แบบนั้นมันต่างกับตายตรงไหน?”
เธอเลิกถามถึงบ่อน้ำสตรีซามาเรีย โดยเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นอย่างกระตือรือร้น
“คุณแปลงโฉมเป็น ‘มักเกิ้ล’ ได้ไหม? ฉันขอดูหน่อยสิ”
ลูเมี่ยนมองฟรังก้าอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ยอมสวมต่างหูสีเงินขาวนั่นอีกครั้ง
ในไม่ช้า โอลัวร์ในเสื้อเชิ้ตสีขาว เสื้อกั๊กสีดำ กางเกงขายาวเรียบง่าย ก็ปรากฏตัวต่อหน้าฟรังก้า
“ว้าว!” ฟรังก้าอุทานเสียงหลง “สวยกว่าที่ฉันจินตนาการไว้เสียอีก!”
“ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นหรือ?” ลูเมี่ยนย้อนถามด้วยเสียงของโอลัวร์
ฟรังก้ายิ้มแหยๆ อย่างเขินอาย
“ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันใกล้เคียงกับ ‘มักเกิ้ล’ ตัวจริงแค่ไหน แต่ระหว่างร่วมชุมนุม เราทุกคนต่างก็ปลอมตัวเป็นปกติ แค่นี้ก็ถือว่าพอแล้ว”
ลูเมี่ยนเปลี่ยนกลับไปเป็นรูปลักษณ์เดิม ถอดต่างหูคำลวงออก แล้วพูดว่า
“ผมเขียนจดหมายถึงมาดามเฮล่าแล้ว เธอบอกว่าเมื่อถึงการชุมนุมคราวหน้า เธอจะแจ้งให้ผมทราบและพาผมไป”
ฟรังก้าถอนสายตากลับด้วยความผิดหวังเล็กๆ
“งั้นฉันก็ไม่ต้องเป็นห่วงคุณแล้วสินะ อา… เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังว่าการชุมนุมนี้ต่างจากปกติยังไง รวมถึงจุดเด่นของสมาชิกสมาคมแต่ละคน…”
จนกระทั่งถึงเที่ยงวัน ฟรังก้าจึงจบ ‘คาบติวเสริม’
เห็นลูเมี่ยนเตรียมจะกลับ เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะเปิดปาก
“เอ่อ… ช่วยแปลงโฉมเป็นฉันอีกรอบได้ไหม”
ลูเมี่ยนขมวดคิ้วงุนงง แต่ไม่ได้คัดค้าน
ใช้เวลาไม่นาน ในเมื่อมีแบบอ้างอิงแล้ว เด็กหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นฟรังก้าอีกคนอย่างแม่นยำ
ฟรังก้าจ้องหน้าตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม
ทันใดนั้น เธอยื่นมือขวาออกมา ลูบไล้ไปบนแก้มของลูเมี่ยน
“เฮ้ย!” เด็กหนุ่มก้าวถอยหลังทันที
ฟรังก้าพลันสะดุ้ง พร้อมกับหัวเราะแหะๆ
“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณยังขาดอะไรอยู่… แต่ก็บอกไม่ถูกว่าขาดอะไร”
“ขาดเสน่ห์ของผู้หญิง?” ลูเมี่ยนครุ่นคิดหนึ่งวินาที ก่อนจะถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“อาจจะ” ฟรังก้าถอนหายใจหนึ่งเฮือก มองส่งลูเมี่ยนเดินไปทางประตู
ลูเมี่ยนพึ่งจะเปิดประตูห้อง ก็ได้ยิน ‘นางมารสุขสม’ ตะโกนไล่หลัง:
“เชี่ย! เมื่อกี้คุณกำลังด่าฉันอ้อมๆ หรือ?”
“เสน่ห์ของผู้หญิงกับผีน่ะสิ!”
…………
ณ คาบาเร่ต์ลมเอื่อย ลูเมี่ยนเพิ่งได้นั่ง ซาโกตาก็ถือใบประกาศจับแผ่นหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วพูด
“สองสามวันมานี้ พวกหมาดำถือไอ้นี่เดินถามคนไปทั่วเมืองเลยครับ”
ลูเมี่ยนเหล่มองแวบหนึ่ง พบว่าเป็นใบประกาศจับของเขาเอง
เด็กหนุ่มหัวเราะในคออย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
“ช่างเถอะ ปล่อยให้พวกมันตามหาไป”
ซาโกตาไม่พูดมาก เพียงช่วยย้ำเตือนลูเมี่ยน
“วันนี้บอสบอกให้คุณไปหาที่ถนนน้ำพุครับ”
เรื่องอะไรอีก? ลูเมี่ยนครุ่นคิดแล้วพยักหน้ารับ
เกือบพลบค่ำ เด็กหนุ่มเดินทางมาถึงบ้านเลขที่ 11 ถนนน้ำพุ เขตหอรำลึก
สนามหญ้ามีร่องรอยความเสียหาย ในห้องโถงใหญ่ที่จัดแสดงอาวุธชุดเกราะ ยิ่งเสียหายหนักกว่า
พอได้เห็นการ์ดเนอร์·มาร์ติน ลูเมี่ยนไม่ปิดบังความสงสัยเลย
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ”
การ์ดเนอร์·มาร์ติน ผู้ที่ใบหน้าเหมือนมีรัศมีเปล่งปลั่งออกมา พูดพลางอมยิ้ม
“สืบเนื่องจากคดี ‘มนุษย์หมาป่า’ เมื่อคราวก่อน พวกมันลอบโจมตีอีกครั้ง แต่ถูกตีกลับ เสียหายไปไม่เบา”
พวกโรงเรียนกุหลาบตกหลุมพรางของบอสเข้าจนได้? ลูเมี่ยนเห็นว่าการ์ดเนอร์·มาร์ตินไม่อยากเล่า จึงเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น
“ครับ แล้ววันนี้บอสเรียกผมมาทำไม”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินหยิบบัตรเชิญสุดประณีตออกมา
“สุดสัปดาห์นี้ เคานต์ปุยฟ์เชิญคุณไปร่วมซาลอนที่ปราสาทหงส์แดงของเขา”
ปราสาทหงส์แดง? ลูเมี่ยนย่นคิ้วชนกันเบาๆ
……………………………………………………..