ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 353 ร่างเสียสติ
ตอนที่ 353 ร่างเสียสติ
“ได้มาทั้งที จะไม่ลองได้อย่างไร”
โครงกระดูกขาวซีดจ้องมองลูเมี่ยนที่ถูกพลังอันน่าครั่นคร้ามข่มขวัญจนตัวแข็งทื่อ พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน เย้ยหยัน เล่นใหญ่ และบ้าคลั่ง
ซ่า!
น้ำพุสีหม่นที่มิใช่ซีดจาง พุ่งออกมาจากรูสีดำสนิท เติมเต็ม ‘สระ’ ขนาดไม่ใหญ่นัก
เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ในน้ำมีร่างหนึ่งเพิ่มเข้ามา
ร่างดังกล่าวดูเหมือนกำลังลุกไหม้อย่างโชติช่วง เปลวไฟที่แทบไร้สีห่อหุ้มอยู่ทั่วร่าง
แม้อีกฝ่ายจะใหญ่แค่ราวๆ มุมหนึ่งของตาน้ำ แต่ลูเมี่ยนที่ยืนแข็งทื่อกลับรู้สึกว่า ร่างกายของชายคนดังกล่าวใหญ่โตจนผิดวิสัย เทียบเท่าได้กับภูเขาลูกหนึ่งเลย
มองผ่านเปลวไฟที่แทบไร้สีเข้าไป จะเห็นผมยาวสีเลือดหม่น เห็นใบหน้าที่ราวกับถูกแกะสลัก เต็มไปด้วยร่องรอยเน่าเปื่อยเปื้อนหนอง เห็นกระดูกภายในแวววาวราวกับโลหะเหล็กกล้า เห็นดวงตาสีดำเหมือนเหล็กที่คล้ายกับ ‘ขึ้นสนิม’ กำลังส่องประกายสีเลือดอย่างเกรี้ยวกราด
‘ลาวาร้อน’ สีเหลืองอมส้มหยดจากร่างดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะถูกน้ำพุสีซีดจางดับลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่บ่อน้ำสตรีซามาเรียล้นทะลักระลอกใหม่ โครงกระดูกสีขาวอันเบียดเสียดซึ่งเคยส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว พลันสงบปากสงบคำโดยพร้อมเพรียง แล้วเริ่มกระจัดกระจายกระจาย ดูคล้ายกำลังจะผุพังกลายเป็นโคลน
หลังจากเห็นร่างเน่าเปื่อยที่ใหญ่โตมโหฬารราวกับขุนเขานั่น กลิ่นเลือดและสนิมเหล็กที่ปลายจมูกลูเมี่ยนก็ยิ่งเหม็นคาวหนักข้อ จิตใจที่ถูกข่มขวัญฉาบล้นไปด้วยความบ้าคลั่งที่ต้องการทำลายทุกสรรพสิ่ง ซึ่งคอยจุดไฟให้กับความดุร้ายเกรี้ยวกราดที่เด็กหนุ่มมีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
หากมิใช่เพราะตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาพปางตาย ซึ่งมีผลทำให้ความคิดก็ยังเหี่ยวเฉา ลูเมี่ยนคงคุมสติไม่อยู่จนกลายเป็นบ้าไปแล้ว
หากเป็นเช่นนั้น ภาวะคลุ้มคลั่งก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แต่อย่างไรก็ดี เด็กหนุ่มยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในตำแหน่งเดิม ประหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ชวนให้ขวัญผวา ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างมิอาจหักห้าม หลงลืมการต่อต้าน หลงลืมการหลบหนี
ซ่าๆ!
ร่างที่เน่าเปื่อยสถานหนัก แถมยังถูกเปลวไฟไร้สีห่อหุ้มร่างกาย ย่ำเท้าเหยียบปากรูสีดำมืด แล้วเหยียดตัวไปทางริมบ่อน้ำสตรีซามาเรีย หวังยื่นมือขวาที่มีของเหลวสีเหลืองอมแดงหยดย้อยอย่างต่อเนื่อง มาคว้าตัวลูเมี่ยนที่เอาแต่ยืนแน่นิ่ง
ซ่าๆ น้ำพุเอ่อล้นอีกคำรบ หมอกจางๆ ไหลมารวมตัวกัน ขวางกั้นร่างที่มองแล้วรู้สึกใหญ่เหมือนขุนเขามิให้ออกจากตาน้ำ
ร่างดังกล่าวส่งเสียงคำรามต่ำ ในดวงตาสีเหล็กดำประกายโลหิต กำลังอัดแน่นไปด้วยความบ้าคลั่งอันบริสุทธิ์ ที่เพียงแค่มองก็จะถูกปนเปื้อนด้วยมลทิน
ภายใต้อิทธิพลดังกล่าว ความคิดของลูเมี่ยนหวีดหวิวว่างเปล่า บ่อน้ำสตรีซามาเรียสั่นสะเทือนหนักหน่วงรุนแรง
แม้ร่างอันน่าพรั่นพรึงนั่นจะมิอาจหลุดพ้นจากขอบเขตของตาน้ำ แต่ก็สามารถยับยั้งมิให้น้ำพุหดกลับเข้าไปในรูสีดำมืดทึบ
ขณะเดียวกัน บรรดาร่างอันเน่าเปื่อยและหม่นหมองที่จมๆ ลอยๆ อยู่ในน้ำพุ ถูกเสียงคำรามต่ำชักนำให้ปรี่เข้าหาฝั่ง
ในบรรดาร่างเหล่านี้ มีสตรีหนองไหลเยิ้มซึ่งบรรยากาศดูสงบนิ่งราวกับยามราตรี มีศพเน่าเปื่อยสวมมงกุฎทองคำ มีโครงกระดูกสีเหล็กที่งอกขนนกมันเยิ้มจำนวนมาก มีร่างที่เหมือนถูกซากหนอนแมลงจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะกุม มีสิ่งแปลกประหลาดที่เหลือเพียงก้อนสีดำ…
ร่างเหล่านี้มิอาจหลุดพ้นจากขอบเขตของบ่อน้ำสตรีซามาเรียได้เช่นกัน แต่เข้าใกล้ขอบบ่อแล้วยื่นมือสีซีดขาวที่มีหนองไหลเยิ้มหรือเน่าเปื่อย หรือเต็มไปด้วยขนนกสีเหลืองอ่อน หรือประกอบจากหนอนแมลงอันน่าขยะแขยง เข้าหาปลายเท้าของลูเมี่ยน
เส้นผมสีดำยาวที่ลอยกระเพื่อมบนผิวน้ำราวกับสาหร่ายทะเล พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด ทอดยาวออกไปนอกสระน้ำในพริบตา
สตรีชุดขาวที่วนเวียนอยู่รอบๆ บ่อน้ำสตรีซามาเรีย ถูกผมยาวๆ สีดำพันรอบในทันที กระจกตาอันเย็นชาสีน้ำเงินไร้ชีวิตชีวา กำลังสะท้อนภาพของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มถูกมือประหลาดอันน่าหวาดหวั่นจับไว้ แล้วถูกเส้นผมสีดำลากจูงจนค่อยๆ ไถลเข้าไปในบ่อน้ำสตรีซามาเรียอย่างไม่อาจขัดขืน เข้าใกล้ร่างมหึมาที่ประกอบจากความบ้าคลั่งและเปลวไฟ
ร่างกายเด็กหนุ่มยิ่งเย็นเฉียบ ความคิดของเด็กหนุ่มยิ่งว่างเปล่า
ทันใดนั้น แสงทั้งหมดตรงหน้าเขาพลันอันตรธานหาย ฉาบย้อมด้วยความมืดที่ลึกและหนักอึ้งที่สุด
เสียงเพลงไพเราะ เสียงขับร้องลอยมาแต่ไกล เปลี่ยนบริเวณนี้ให้เงียบสงบ เปลี่ยนร่างอันพร่ามัวหม่นหมองเหล่านั้นให้เลิกบ้าคลั่ง ประหนึ่งได้รับการปลอบโยน
ฝ่ามืออันน่าพรั่นพรึงที่กำลังจับเท้าของลูเมี่ยนอยู่ จนร่างกายและวิญญาณของเขามีอันต้องแข็งทื่อไป พลันหดกลับเข้าไปด้านใน เส้นผมสีดำที่คอยพันธนาการร่างกายเด็กหนุ่ม คล้ายกับสูญเสียพลังงานกะทันหัน หย่อนคล้อยลงบนพื้นด้วยท่าทีอ่อนแรง ร่างของสตรีที่เดินวนเวียนรอบบ่อน้ำสตรีซามาเรีย ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นนางมารลำดับสูง ก็พลันแน่นิ่งไปเช่นกัน ราวกับตั้งใจสดับรับฟังบทเพลงแห่งราตรี
แม้แต่ร่างที่น่าหวาดหวั่นที่สุด บ้าคลั่งที่สุด ก็ยังแสดงออกถึงความเชื่องช้า บรรยากาศคุกคามที่ชวนให้ใจฝ่อซึ่งแผ่ออกจากร่างกายอีกฝ่าย ก็พลันอ่อนกำลังลงไปหลายส่วน
ลูเมี่ยนได้สติกลับคืนมาตามลำดับ เข้าใจทันทีว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
หัวขโมยที่ขโมยแร่เลือดธรณีไปจากตน คือโมไนต์แห่งคาบาเร่ต์แกะดำ!
อีกฝ่ายคงจงใจสร้างเหตุบังเอิญ เพื่อให้ได้เจอกันในชั้นสี่ของสุสานใต้ดิน แล้วอาศัยศาสตร์การ ‘ขโมย’ แอบคืนแร่เลือดธรณีใส่ในกระเป๋าเสื้อของลูเมี่ยน จนเขาเผลอนำตัวอย่างแร่ก้อนดังกล่าวเข้าใกล้บ่อน้ำสตรีซามาเรีย จนความผิดปกติถูกกระตุ้นขึ้นมา!
ต้องไม่ลืมว่า ในระยะนี้ลูเมี่ยนไม่มีความคิดที่จะพกแร่เลือดธรณีลงใต้ดิน เพราะมองว่าด้วยระดับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตน คงยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับความผิดปกติต่างๆ ในทรีอาร์ใต้ดินได้สบายนัก การ ‘ขโมยและคืน’ ของโมไนต์ นักต้มตุ๋นชาวหมู่เกาะ มีเจตนาเพื่อให้ลูเมี่ยนเผลอไปกระตุ้นปรากฏการณ์ที่อาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้!
หากจะถามว่าเขาทำไปทำไม อาจต้องรอให้เรื่องราวจบลงก่อนจึงจะกระจ่าง
ขณะความคิดลูเมี่ยนกำลังพลุ่งพล่าน สัญชาตญาณก็สั่งให้ยื่นมือออกไป คว้าแขนของเฮล่าไว้พร้อมกับกระตุ้นรอยประทับพันธสัญญา เตรียมใช้พลัง ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ หลบหนีออกไป
ระหว่างนี้ เด็กหนุ่มยังพยายามสลัดแร่เลือดธรณีในมือทิ้ง เพื่อให้มันคอยดึงดูดร่างเสียสติเจ้าของผมยาวสีเลือดนั่นแทน
แร่เลือดธรณีก็คงได้รับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมอันไม่ปกติรอบๆ ด้วยเช่นกัน บนผิวของมันเริ่มผุกร่อนชัดเจน
อย่างเงียบงัน มันแตกสลายกลายเป็นผงละเอียด ลอยฟุ้งคละคลุ้งไปในอากาศ โดยที่จุดสีเลือดบนแผ่นหินซึ่งเคยติดอยู่บนฝ่ามือลูเมี่ยน ก็เริ่มซึมเข้าสู่ผิวหนัง
อีกด้านหนึ่ง เปลวไฟจากเทียนสีขาวในมือของเฮล่าริบหรี่ลงจนเกือบดับ ขณะที่แหวนเพชรสีดำบนมือขวาของเธอ คอยแผ่ความมืดมิดยามค่ำคืนออกมาอย่างเงียบงัน
หลังจากที่คว้าแขนของเธอไว้ ลูเมี่ยนกลับพบว่าพวกตนมิได้เคลื่อนย้ายไปไหน
ดูเหมือนว่าแถบนี้จะถูกตัดขาดจากโลกวิญญาณ จนไม่สามารถ ‘เทเลพอร์ต’ ออกไป!
หนีไม่ได้… ลูเมี่ยนชักมือกลับทันที มองไปยังร่างเปลวไฟที่จ้องมองตนด้วยดวงตาอันบ้าคลั่ง แล้วอ้าปากกว้าง
“ฮ่า!”
ลำแสงสีเหลืองอ่อนพุ่งออกจากปาก ชนเข้ากับร่างมืดมิดมหึมาราวภูเขานั่น
ร่างดังกล่าวโงนเงนเล็กน้อย แต่ก็แค่นั้น มันส่งเสียงคำรามที่มองไม่เห็นอีกครั้ง
หลังจากได้รับ ‘คำสั่ง’ ใหม่ เหล่าร่างประหลาดที่ถูกปลอบโยนด้วยราตรีอันสงบนิ่ง ก็พลันสั่นไหวไปทั้งตัว ต่างรีบยื่นมือเน่าเปื่อยหรือน่าขยะแขยงของตัวเองออกมาใหม่ คอยจับคว้าเท้าทั้งสองของลูเมี่ยน กระทั่งเส้นผมสีดำที่โรยราลงบนพื้นก็ลอยกลับขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อลูเมี่ยนเห็นว่าหลบไม่ทันแน่ เปลวไฟอันโชติช่วงก็ลุกโชนคลอกร่างในทันที
แต่บุปผาสีแดงฉานแห่งการทำลายล้างเหล่านี้ ต่างก็เลือนรางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดับวูบไปจนหมด ประหนึ่งชีวิตของพวกมันถูกผลาญเกลี้ยงในพริบตา
ฝ่ามือซีดขาวเปื้อนหนอง ซึ่งเป็นมือแรกที่คว้าเท้าขวาของลูเมี่ยนไว้ ทำให้เด็กหนุ่ม ‘สงบ’ ลงในทันที ความคิดดำดิ่งอย่างรวดเร็ว
มือที่เน่าเปื่อยเหวอะหวะ โครงกระดูกสีเหล็กที่เต็มไปด้วยขนสีเหลืองอ่อน รวมถึงร่างที่ประกอบจากซากหนอนแมลง ช่วยกันทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วง ลากลูเมี่ยนที่หลับตาสนิทเหมือนกำลังหลับ ให้เข้าไปในเขตบ่อน้ำสตรีซามาเรีย
เฮล่าถูกเส้นผมสีดำม้วนพันร่างกาย พวกมันทะลุผ่านราตรีอันสงบนิ่งเข้ามาได้ แล้วพันรอบร่างหญิงสาวที่เริ่มมีร่องรอยเน่า
ลูเมี่ยนกำลังจ้องมองใบหน้าชัดลึกที่ราวกับถูกแกะสลัก เพียงแต่เน่าเปื่อยจนเห็นกระดูก จ้องมองนัยน์ตาสีดำเหล็กที่เปล่งประกายสนิมเลือด จนรับรู้ได้ถึงความบ้าคลั่งอันบริสุทธิ์และสุดขั้ว แต่ในหัวกลับคิดเรื่องอื่นไม่ได้เลย
ร่างกายของเด็กหนุ่มเริ่มแข็งทื่อตามลำดับ ผิวหนังปรากฏรอยช้ำสีม่วงแดง
เขาอยู่ห่างจากบ่อน้ำสีซีดเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
แต่ทันใดนั้น บ่อน้ำสตรีซามาเรียที่ถูกร่างมหึมา ‘อุด’ ไว้เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้รับอิสระกลับคืนมา พัดร่างทั้งหมดม้วนลงรูสีดำที่แม้แต่แสงก็ส่องเข้าไปไม่ได้
ร่างมหึมาที่ถูกเปลวไฟล่องหนคลอก ส่งเสียงคำรามอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ถูกของเหลวสีซีดพัดหายไปในส่วนลึกของรู
ลูเมี่ยน ‘ตื่น’ ทันที เห็นร่างสตรีในชุดคลุมสีขาวเริ่มเดินวนเวียนอีกครั้ง จึงรีบหมุนตัวแล้ววิ่งพรวดขึ้นไปบนยอดเนินลาดอย่างบ้าคลั่ง
ความคิดของเด็กหนุ่มไม่ซับซ้อน
ในเมื่อความผิดปกติเกิดจากแร่เลือดธรณี ซึ่งตอนนี้มันหลอมรวมเข้ากับฝ่ามือของตนไปกว่าครึ่งแล้ว ลูเมี่ยนจำเป็นต้องรีบหนีออกไปก่อน มิใช่ฉวยโอกาสตักน้ำที่เหลืออยู่ในตาน้ำ
ตราบใดที่ตนหนีออกไปได้ก่อนที่น้ำบ่อสีซีดจะล้นทะลักอีกครั้ง และก่อนที่ร่างอันน่าสะพรึงกลัวนั้นจะโผล่กลับมาใหม่ เฮล่าที่มาด้วยกันจะยังคงปลอดภัย สามารถตักน้ำได้ตามใจชอบ รวมถึงตักเผื่อในส่วนของลูเมี่ยนด้วย
ส่วนจะหนีอย่างไรนั้น ในกรณีที่ ‘เทเลพอร์ต’ ใช้การไม่ได้ สุดท้ายเขาก็ต้องพึ่งพาสองขาของตน
ลูเมี่ยนวิ่งไปพลางเตรียมตัวในกรณีที่หนีไม่ทัน
อาศัยพลังของนักวางเพลิงทำให้เปลวไฟบนเทียนสีขาวนิ่งสงบ หยิบถุงมือ ‘ทุบตี’ ออกจากกระเป๋าสะพายแล้วสวมใส่ฝ่ามือ
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มพยายามสวดพระนามอันทรงเกียรติของมิสเตอร์ฟูลด้วยภาษาเฮอร์มิส
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย…”
นี่คือแรงบันดาลใจที่หมอกสีเทาขาวรอบๆ บ่อน้ำสตรีซามาเรียมอบให้เขา!
ซ่าๆ!
ลูเมี่ยนเพิ่งจะสวดได้ครึ่งทาง วิ่งไปได้เพียงไม่กี่หลา เสียงน้ำพุ่งทะลักก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
นี่มันเร็วกว่าที่เขาคำนวณไว้!
เสียงคำรามต่ำที่อันแน่นด้วยกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นสนิม ท่วมท้นไปด้วยความบ้าคลั่ง ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ
เฮล่าผู้ตามออกมาจากริมขอบสระเนื่องจากไม่เข้าใจความคิดลูเมี่ยน ร่างกายพลันสั่นสะท้านอีกคำรบ ราวกับเปลี่ยนจากศพไร้อารมณ์ กลายเป็นคนธรรมดาที่ตื่นตระหนกหวาดกลัว
เธอใช้หางตาเหลือบมองร่างมหึมาที่มีเปลวไฟล่องหนลุกโชน จนเห็นเรือนผมสีเลือด เห็นชุดเกราะย่อยยับเปื้อนเลือดของอีกฝ่าย
ลูเมี่ยนก็ได้รับอิทธิพลเช่นกัน ในใจนึกอยากยอมยอมจำนน ละทิ้งการต่อต้านทั้งปวง
เด็กหนุ่มข่มกลั้นอย่างสุดหัวใจ เหลือสมาธิไม่เพียงพอต่อการสวดพระนามอันทรงเกียรติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับถุงมือ ‘ทุบตี’ เท่านั้น
ทนไว้อีกนิด ทนไว้อีกนิด เทพมารเร้นลับเหล่านั้นกำลังจะมองมายังวัสดุของถุงมือนี้ แล้วก็จะส่งตัวอันตรายมาสร้างอิทธิพล หรือไม่ก็ลงมือโจมตีโดยตรง
หากเป็นเมื่อก่อน ลูเมี่ยนคงสวดอ้อนวอนให้ ‘หายนะ’ ที่กำลังจะมาเยือน อยู่ในขอบเขตที่ตนยังพอรับมือไหว แต่ตอนนี้ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งให้เกิดความฉิบหายในระดับสูงสุด!
เมื่อน้ำขุ่น ปลาจึงจะมีโอกาสหนีรอด!