ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 346 ตรวจซ้ำ
ตอนที่ 346 ตรวจซ้ำ
“คุณทราบได้อย่างไรว่าฉันก็อยู่ด้วย?” เสียงของมาดามจัสติสดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะแผ่วเบา
ลูเมี่ยนมองเบาะฝั่งตรงข้ามซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีคนนั่งอยู่จริงไหม ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“การทักทายสักคำไม่ใช่เรื่องเสียหาย”
ซูซี่รับช่วงต่อ
“ขอแสดงความยินดีที่คุณแก้แค้นสำเร็จเบื้องต้นแล้ว เรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า”
“ได้ครับ” ลูเมี่ยนมิได้แสดงอารมณ์รุนแรงเมื่อคำว่า ‘แก้แค้น’ ถูกเอ่ยถึง
แน่นอน นี่เป็นเพราะเด็กหนุ่มมิได้พกถุงมือ ‘ทุบตี’ ติดตัวมาด้วย เนื่องจากวันนี้จะมีการประเมินสภาพจิตใจเป็นหลัก จึงไม่ควรเพิ่มอิทธิพลจากภายนอก เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้นักจิตบำบัดไขว้เขว
เด็กหนุ่มเริ่มเล่าอย่างรวบรัดตั้งแต่การมองหาผู้ช่วยเหลือ การกำหนดแผน ตลอดจนประสบการณ์ในช่วงสองวันมานี้ เรื่องเดียวที่ไม่เล่าคือความลับของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก
หลังจากความเงียบเข้าปกคลุมระยะสั้น เสียงอ่อนโยนของซูซี่ดังขึ้นอีกครั้ง
“สภาพจิตใจของคุณดูดีมาก แม้ว่าในบางสถานการณ์ คุณจะยังตอบสนองรุนแรงเกินเหตุไปบ้าง แต่นั่นคือเรื่องปกติ การบำบัดจิตมิได้ทำให้คนเราสูญเสียอารมณ์ความรู้สึก แต่ช่วยให้คุณปล่อยวางภาระในใจลง เรียนรู้ที่จะปรองดองกับมัน ค้นพบความเข้มแข็งภายในจิตใจของตัวเอง ไม่ถูกฝันร้ายกัดกินอีกต่อไป มิเช่นนั้น อ้างอิงจากคำพูดของนักจิตเวชที่ขาดความน่าเชื่อถือบางคน แค่ตัดกลีบสมองส่วนหน้าของคุณออก ก็จะช่วยให้คุณสงบได้ตลอดกาลแล้ว”
“ตัดกลีบสมองส่วนหน้าออก?” ลูเมี่ยนเพิ่งเคยได้ยินวิธีรักษาแบบนี้
น้ำเสียงของซูซี่แฝงด้วยความรังเกียจ
“นี่เป็นแนวคิดที่เพิ่งปรากฏขึ้นในช่วงสองสามปีหลัง มันไม่มีทางบรรลุวัตถุประสงค์ที่คาดหวังได้เลย รังแต่จะสร้างอันตรายให้ผู้ป่วย ฉันสัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายจากแผนการรักษานี้ ราวกับมีใครบางคนที่ไร้มนุษยธรรมจงใจเผยแพร่มันออกมา เพราะอยากเห็นหมอกับคนไข้ถูกมองเป็นตัวตลก”
การเล่นตลกที่ไม่สนใจชีวิตคนอื่น? ลูเมี่ยนพูดต่อ
“มาดามซูซี่ คุณยังไม่ทันได้ถามความรู้สึกของผม ยังไม่ทันวิเคราะห์ความคิด ก็สรุปได้แล้วว่าผมหายดีเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องกลับมาตรวจซ้ำอีก?”
ซูซี่กลับมาอารมณ์ดีอีกครั้ง เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
“บางครั้ง พฤติกรรมของคนเราก็สะท้อนสภาพจิตใจได้ดีกว่าความคิด คุณต้องจำไว้ว่า มนุษย์เราเชี่ยวชาญการหลอกตัวเอง มักจะสรรหาสารพัดเหตุผลให้กับพฤติกรรมของตัวเองได้เสมอ ส่งผลให้สะท้อนความเป็นจริงได้ไม่ดีเท่ากับการแสดงออกทางพฤติกรรม หากต้องการประเมินสภาพจิตใจให้แม่นยำโดยอ้างอิงจากความคิดอันขัดแย้งซับซ้อนเหล่านี้ จำเป็นต้องลงมือวิเคราะห์อย่างละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งโดยมากมักนำไปสู่การกระทบกระเทือนทางใจ ฉันจึงเริ่มจากพฤติกรรมของคุณก่อน”
“ตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าคุณจะยอมรับหรือไม่ แต่คุณได้สร้างความสัมพันธ์ทางสังคมขึ้นมาใหม่ เริ่มไว้เนื้อเชื่อใจผู้อื่นพอประมาณ และยินดีที่จะให้ผู้อื่นไว้วางใจในตัวคุณ”
“ก่อนจะลงมือล้อมจับกิโยม·เบเนต์ คุณสามารถไตร่ตรองอย่างสุขุม เตรียมตัวด้วยความรัดกุม ถึงแม้ระหว่างลงมือจะแสดงอาการหุนหันพลันแล่นอยู่บ้าง มีพฤติกรรมบิดเบี้ยวอยู่บ้าง แต่มันคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากไม่เป็นเช่นนั้น บางทีคงต้องมาพิจารณากันว่า คุณอาจประสบปัญหาทางจิตซ่อนเร้นที่รุนแรงกว่าเดิม พอเรื่องราวจบลง คุณก็กลับเป็นปกติทันที สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามเดิม แถมยังคิดถึงการสืบสวนขยายผล”
“จากภาพรวมของพฤติกรรมข้างต้น ขอแสดงความยินดีด้วย แนวโน้มที่จะทำลายตัวเองอย่างแรงกล้าหายไปจากใจคุณแล้ว สามารถก้าวออกจากนรกแห่งความเจ็บปวดได้อย่างแท้จริง”
“แน่นอน ความเจ็บปวดจะยังไม่หายไป เพียงแต่จะทุเลาลง วันข้างหน้ามันอาจถูกกระตุ้นจนหวนกลับมารบกวนจิตใจคุณได้ใหม่ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนก ด้วยประสบการณ์ในช่วงนี้ ฉันเชื่อว่าคุณจะรับมือกับมันได้ดี ในทางจิตวิทยา ภาวะเช่นนี้ถือว่าหายดีแล้ว”
“ในทำนองเดียวกัน อดีตย่อมทิ้งร่องรอยไว้บนตัวเราเสมอ แนวโน้มที่จะทำลายตัวเอง ระดับความสุดโต่ง หรือความบิดเบี้ยวในใจคุณย่อมสูงกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย แต่ทั้งหมดยังอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล”
ลูเมี่ยนฟังจบแล้วถอนหายใจเบาๆ
“ผมก็สัมผัสได้เหมือนกัน… ตัวผมในตอนนี้ กับตัวผมที่เพิ่งมาถึงทรีอาร์ มีสภาพแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“ขอบคุณครับ มาดามซูซี่… ขอบคุณครับ มาดามจัสติส”
เด็กหนุ่มสังเกตเห็นอย่างชัดเจน ทั้งการรักษาของสองนักจิตบำบัด ทั้งประสบการณ์มากมายในเขตตลาด ล้วนช่วยให้ตัวเขาค่อยๆ หลุดพ้นจากสภาพอันบ้าคลั่งที่ไม่แยแสสิ่งรอบตัว ใครจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ถึงตัวเองตายก็ไม่คิดมาก จากปีศาจแห่งการแก้แค้น กลายเป็นมนุษย์ที่ต้องการแก้แค้น อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น ลงมือทำมากขึ้น แม้จะสุดโต่งไปบ้างก็ตาม
“อันที่จริง มันคือการชุบชีวิตตัวเอง” น้ำเสียงของซูซี่บ่งบอกชัดเจนว่ามีความสุขกว่าเมื่อครู่ “คนที่คุณต้องขอบคุณมากกว่าใคร คือตัวคุณเอง รวมถึงโอลัวร์พี่สาวของคุณ… หากคุณมิได้ยึดมั่นอย่างแรงกล้าในความหวังอันริบหรี่ จนกระหายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป หากมิใช่เพราะโอลัวร์มอบช่วงเวลาอันแสนวิเศษเกือบหกปีให้แก่คุณ ช่วยให้คุณยังจดจำมันไม่รู้ลืม คอยหล่อหลอมความคิดของคุณ พวกเราคงไม่มีทางดึงคุณกลับมาได้เลย”
พอได้ยินแบบนี้ ภาพต่างๆ ทยอยผุดขึ้นในความคิดลูเมี่ยน:
โอลัวร์ใช้การหายใจลึกๆ เพื่อบรรเทาความหงุดหงิดจากการถ่ายทอดความรู้; พายุที่โหมกระหน่ำในคาบเรียนต่อสู้; การ ‘ลอบจู่โจม’ ที่เกิดขึ้นทีเผลอในยามปกติ; ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ต่างฝ่ายต่างอ่านกันคนละเล่ม เพลิดเพลินกับความเงียบสงบ เพลิดเพลินกับยามค่ำคืน; ตัวเขาในฐานะหนูทดลองหมายเลขหนึ่ง ถูกบังคับให้กินอาหารท้องถิ่นฟื้นฟูสภาพที่พี่สาวทำสำเร็จหรือล้มเหลว…
สีหน้าของลูเมี่ยนเริ่มอ่อนโยน พลางนึกถึงประโยคหนึ่งที่พี่สาวเขียนไว้ในนิยายสักเล่ม
ความสุขและความทุกข์ในอดีต เท่ากับตัวฉันในปัจจุบัน
ผ่านไปราวๆ สิบกว่าวินาที เด็กหนุ่มเหยียดหลังตรงพร้อมกับถาม
“ฝันร้ายของผมเมื่อคืน มาจากเกมเค้กพระราชานั่นใช่ไหมครับ”
มาดามจัสติสรับหน้าที่ตอบคำถาม เสียงของเธอทั้งอ่อนโยนกังวาน
“ใช่ค่ะ จากเท่าที่เห็นในตอนนี้ ระหว่างเล่นเกมเค้กพระราชา คุณน่าจะได้รับการปนเปื้อนทางจิตพอสมควร”
“ปนเปื้อนทางจิต? สรุปว่ามันเกี่ยวข้องกับพลังวิเศษจริงหรือครับ?” ลูเมี่ยนถามต่อด้วยความสงสัย
มาดามจัสติสให้คำตอบ
“ตามปกติแล้ว พิธีเซ่นไหว้ขนมเค้กพระราชาแบบง่ายๆ จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในเชิงศาสตร์เร้นลับ มิเช่นนั้น เกมนี้คงไม่ได้รับความนิยมในอินทิสมาหลายร้อยปี จนกระทั่งก่อตั้งสาธารณรัฐ ผู้คนจึงค่อยๆ ลืมมันไป เหลือเพียงไม่กี่ครอบครัวที่ยังจดจำ”
“ตอนนั้นผมก็คิดแบบเดียวกัน ปุยฟ์ไม่ได้ใช้ภาษาเหนือธรรมชาติด้วยซ้ำ มิได้สวดพระนามอันทรงเกียรติฉบับเต็ม ย่อมไม่มีทางทำพิธีเซ่นไหว้บรรพชนสำเร็จ” ลูเมี่ยนเห็นด้วย
มาดามจัสติสกล่าวต่อ
“แต่มีข้อยกเว้นอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือเมื่อผู้ทำพิธีเซ่นไหว้ กับเป้าหมายของพิธี มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด และมีความคล้ายคลึงกันมาก”
“หากคุณเข้าร่วมเกมขนมเค้กพระราชาของปุยฟ์บ่อยครั้ง จนถูกพิธีกรรมปนเปื้อนจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปัญหาจะไม่จบลงแค่การฝันร้ายสองสามหน ก่อนที่มลทินจะจางหายไปอย่างสมบูรณ์ มันจะบิดเบือนจิตใจของคุณทีละนิด จนกระทั่งกลายเป็นบ้าในที่สุด”
“เนื้อหาในฝันร้ายมีความหมายเชิงสัญลักษณ์หรือไม่ครับ” ลูเมี่ยนพึมพำ
มาดามจัสติสตอบด้วยจังหวะไม่เร็วไม่ช้า
“มันอาจเป็นส่วนผสมของเหตุการณ์สุดบ้าคลั่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ซึ่งฉายเข้าไปในความฝันของคุณผ่านมลทิน”
“มีปราสาทโบราณนั่นอยู่จริง และมีผู้คนสุดบ้าคลั่งอยู่จริง…” ลูเมี่ยนพยักหน้าครุ่นคิด
หลังจากเสวนากับสองนักจิตบำบัดต่ออีกสักพัก เด็กหนุ่มรู้สึกว่าการตรวจซ้ำในวันนี้ใกล้จะจบลงแล้ว
ทันใดนั้น มาดามจัสติสเป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอาจมีเรื่องที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“ไม่มีปัญหาครับ” ลูเมี่ยนขานรับในทันที
ให้ถือเป็นค่าบำบัดจิตก็แล้วกัน!
แล้วอีกอย่าง เด็กหนุ่มเชื่อว่ามาดามจัสติสคงพิจารณาถึงความสามารถของตนอย่างถี่ถ้วนก่อนมอบหมายงาน ระดับอันตรายคงไม่สูงเกินไปนัก
มาดามจัสติสกล่าวยิ้มๆ
“ถ้าทำสำเร็จ ฉันจะจ่ายค่าตอบแทนพิเศษแก่คุณ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของคุณพอดี”
“เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอก?” ลูเมี่ยนพลันยินดี
“ใกล้เคียง” น้ำเสียงอ่อนโยนของมาดามจัสติสฟังดูเคร่งขรึมกว่าปกติ “ฉันอยากให้คุณลงไปยังชั้นสี่ของสุสานใต้ดินทรีอาร์ เข้าไปในห้องเก็บศพโบราณแห่งหนึ่ง แล้วนำน้ำจากบ่อสตรีซามาเรียกลับมาให้ฉันหนึ่งขวด”
บ่อน้ำสตรีซามาเรีย? ลูเมี่ยนพลันประหลาดใจ
มาดามเฮล่าเพิ่งเล่าให้ฟังว่า เธอมาที่กรุงทรีอาร์เพื่อตามหาบางสิ่งในส่วนลึกของสุสานใต้ดิน โดยถามถึงตำนานบ่อน้ำสตรีซามาเรียด้วย!
บังเอิญเกินไปไหม?
ราวกับอ่านใจเด็กหนุ่มได้ มาดามจัสติสตอบยิ้มๆ
“มันบังเอิญเกินไปใช่ไหมคะ?”
“เข้าใจถูกแล้ว ฉันหวังให้คุณพึ่งพาการสำรวจของมาดามเฮล่า เพื่อนำน้ำจากบ่อดังกล่าวกลับมาให้ฉัน เพราะถ้าพึ่งพาแค่ตัวคุณเอง เกรงว่าความหวังคงริบหรี่เกินไป”
“อันที่จริง ฉันสามารถ ‘ชักนำ’ คุณในแบบที่ลอบเร้นกว่านี้ได้ แต่มันขัดกับอุดมการณ์และหลักการส่วนตัว เรื่องแบบนี้ต้องพูดคุยกันต่อหน้า ต้องได้รับความยินยอมจากคุณเสียก่อน มิใช่แอบจัดการอยู่ลับหลัง ลากคุณเข้ามาพัวพันโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เพื่อให้ฉันได้ในสิ่งที่ต้องการ”
“สำหรับฉันแล้ว การหมกมุ่นอยู่กับการควบคุมจิตใจผู้อื่น ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก”
“แน่นอน ความจริงใจก็ถือเป็นวิธีดีๆ สำหรับโน้มน้าวใจผู้อื่นเช่นกัน”
ความระแวดระวังสงสัยในใจลูเมี่ยนพลันอันตรธานหาย จึงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มาดามจัสติส ในเมื่อคุณรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ของบ่อน้ำสตรีซามาเรียอยู่แล้ว เหตุใดถึงไม่ลงไปตักด้วยตัวเอง แต่กลับมาขอให้ผมที่เป็นเพียงผู้วิเศษลำดับ 7 นำกลับมาให้แทน?”
อาร์คาน่าใหญ่ของชุมนุมทาโรต์คือครึ่งเทพเป็นอย่างน้อย ย่อมต้องแข็งแกร่งกว่าเราหลายเท่า!
มาดามจัสติสพูดเสียงยิ้มๆ
“ถ้าจะให้สรุปก็คือ ในบางสถานที่ ยิ่งลำดับสูง ก็ยิ่งอันตราย”
มีสถานที่ที่ยิ่งลำดับสูงก็ยิ่งอันตรายด้วย? ลูเมี่ยนพบว่าสิ่งนี้เกินความเข้าใจตนไปมาก
มาดามจัสติสอธิบายเสริม
“ยิ่งลำดับสูง ก็ยิ่งใกล้จุดกำเนิด ยิ่งสะสมความบ้าคลั่งเป็นทวีคูณ ย่อมได้รับอิทธิพลจากมลทินง่ายกว่า”
“การทำแบบนี้ เฮล่าก็ได้ประโยชน์เช่นกัน อย่างน้อยก็ช่วยเธอประหยัดเวลา ช่วยตีกรอบการค้นหาให้แคบลง”
หลังจากไตร่ตรองสักพัก ลูเมี่ยนก็ยอมรับภารกิจจากมาดามจัสติส พร้อมกับฟังตำแหน่งคร่าวๆ ของบ่อน้ำสตรีซามาเรีย:
ภายในห้องเก็บศพโบราณ สุดขอบตะวันตกของสุสานใต้ดินชั้นสี่
…………
หลังเสร็จสิ้นการรักษา ลูเมี่ยนกลับมายังถนนเสื้อนอกขาวในเขตตลาด ตั้งใจจะไปหยิบถุงมือ ‘ทุบตี’ จากตู้เหล็ก
ทันทีที่ก้าวเข้าไปในบ้านลับ เด็กหนุ่มก็ได้รับการดลใจบางอย่าง:
มีคนเข้ามา!
มีคนเข้ามาในบ้านลับ!
ลูเมี่ยนใจหายวาบ สืบเท้ายาวๆ ไปข้างหน้า เปิดตู้เหล็กออกมาดู
เมื่อเห็นสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์กับถุงมือ ‘ทุบตี’ ยังอยู่ เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
จากนั้นก็เริ่มตรวจสอบรอบบ้านอย่างละเอียด พบว่ามีของหายไปหนึ่งชิ้น
แร่เลือดธรณีหายไป!
……………………………………………………..