ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 337 ข้อสันนิษฐานของ ‘เมจิกเชี่ยน’
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 337 ข้อสันนิษฐานของ ‘เมจิกเชี่ยน’
^pตอนที่ 337 ข้อสันนิษฐานของ ‘เมจิกเชี่ยน’
มาดามเฮล่ามาถึงทรีอาร์แล้ว? ลูเมี่ยนถือจดหมายฉบับนั้น สีหน้าค่อนข้างสับสน
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด รองประธานสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกเจ้าของโค้ดเนม ‘เฮล่า’ ได้เกริ่นไว้ก่อนแล้ว ว่าเธอจะมาถึงทรีอาร์ในอนาคตอันใกล้ แต่ลูเมี่ยนเพิ่งรู้เรื่องโรช·หลุยส์·ซ็องซงจากกิโยม·เบเนต์ในช่วงบ่าย จนสงสัยว่าครอบครัวเดิมของโอลัวร์อาจนับถือชะตากรรมมานาน สงสัยว่าสมาชิกสมาคมบางคนในกลุ่มวันเอพริลฟูลอาจเป็นตัวปัญหา แล้วมาดามท่านนี้ก็มาถึงทรีอาร์ในตอนกลางคืน พร้อมกับส่งคำขอนัดพบ
น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยเตือนให้ลูเมี่ยนระวังครอบครัวเก่าของ ‘มักเกิ้ล’ โอลัวร์ โดยมองว่านั่นคือหนึ่งในทิศทางการสอบสวน
เป็นเพียงความบังเอิญอย่างแท้จริง หรือมีเหตุผลอื่นแอบแฝง? ลูเมี่ยนไตร่ตรองสักพัก แล้วจึงนั่งลง เริ่มเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยนใต้แสงจากโคมไฟคาร์ไบด์
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างวัน เล่าการสนทนากับฟรังก้า รวมถึงปัญหาของเกราะซ่อนเงาเบื้องต้น โดยมิได้ปิดบังการมาถึงของเฮล่า เพียงแต่มิได้เล่าความลับเรื่องที่ชาวสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกล้วนมาจากอีกโลกหนึ่ง
ราวครึ่งชั่วโมงถัดมา ลูเมี่ยนได้รับจดหมายตอบกลับ
“เธอตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วที่ละทิ้งสัตว์โลกวิญญาณที่ ‘พร’ นำเสนอ แล้วเฟ้นหาคู่สัญญาด้วยตัวเองแทน สิ่งนี้เพียงพอที่จะทำให้เธอเป็นนักล่าชะตากรรม โดยเฉพาะเหล่าผู้ได้รับพรแห่งชะตากรรม… ไม่เสียแรงจริงๆ ที่ฉันเคยบอกใบ้”
อ่านถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเกิดความสงสัยเล็กน้อย
มาดามเมจิกเชี่ยนเคยบอกใบ้ให้เราละทิ้งวิญญาณจากความรู้ที่พรนำเสนอเมื่อไร?
เด็กหนุ่มคิดอยู่หลายตลบ แล้วก็ได้เข้าใจบางอย่าง
ก่อนที่เขาจะได้รับ ‘พร’ ผู้ถือพันธสัญญา สมัยที่ยังไม่ทราบว่าความรู้ซึ่งมาพร้อม ‘พร’ ผู้ถือพันธสัญญา จะรวมถึงข้อมูลของวิญญาณจำนวนหนึ่งด้วย มาดามเมจิกเชี่ยนได้เสนอข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์โลกวิญญาณมาให้ตนเลือกเอง
ก็ถือเป็นการบอกใบ้จริงๆ นั่นแหละ… แต่ต้องอ้อมค้อมขนาดนี้เชียว? ลูเมี่ยนเริ่มรู้สึกว่าคนที่เก่งกาจด้านการทำนาย หรือหลงใหลโหราศาสตร์ มักไม่ชอบพูดออกมาตรงๆ ให้กระจ่าง บางคราวก็พูดเพียงครึ่ง บางคราวก็ใช้ ‘ลางบอกเหตุ’ หรือ ‘การบอกใบ้’ ที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ หรือไม่ก็อ้อมค้อมเกินไป
หลังจากกระจ่างแล้ว ลูเมี่ยนก้มหน้าลง อ่านจดหมายตอบกลับจากมาดามเมจิกเชี่ยนต่อ
“องค์กรลับคนบาปที่นับถือชะตากรรม ปรากฏตัวมาไม่ต่ำกว่าหกปีแล้ว ร่องรอยแรกสุดของพวกมันสามารถย้อนไปถึงช่วงปลายสงครามระหว่างอาณาจักรโลเอ็น กับจักรวรรดิฟุซัคที่ผนึกกำลังกับสาธารณรัฐอินทิส… โรช·หลุยส์·ซ็องซงที่เธอกล่าวถึง คงเป็นสาวกชะตากรรมมานานแล้ว แต่อาจยังไม่เคยได้รับพร อย่างไรเสีย สงครามครั้งนั้นเปิดโอกาสให้เทพมารแทรกซึมโลกของเราง่ายขึ้น”
“เธอคงสังเกตได้ว่า โรช·หลุยส์·ซ็องซงมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับโอลัวร์พี่สาวเธอ… ทั้งสองคนเป็นหนึ่งเดียวกันในระดับหนึ่ง แต่มิใช่อาการบุคลิกภาพแตกแยก มันจะคล้ายกับพลัง ‘เกิดใหม่’ เสียมากกว่า พี่สาวของเธอมีภูมิหลังอย่างอื่นมาก่อน แต่ได้คืนชีพในร่างของโรช·หลุยส์·ซ็องซงที่เพิ่งเสียชีวิต ซึ่งตามหลักแล้ว พี่สาวของเธอคงต้องเดินไปตามกระบวนการนี้:”
“หลอมรวมความทรงจำและความรู้สึกบางส่วนเข้ากับโรช → เกิดความขัดแย้งภายใน → เกิดลางบอกเหตุของโรคบุคลิกภาพแตกแยก → เริ่มปรองดองกับตัวเอง → ได้รับการเกิดใหม่”
“หากปรองดองกับตัวเองไม่สำเร็จ ก็จำเป็นต้องหานักจิตบำบัดตัวจริงมารักษา”
“จากพฤติกรรมของพี่สาวเธอในช่วงห้าปีหลัง แม้โอลัวร์จะยังปรองดองกับตัวเองได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็คงใกล้เคียงมากแล้ว มิได้ทุกข์ทรมานสักเท่าไร แต่บางที เรื่องที่โรชคือสาวกเทพมาร อาจเป็นสิ่งที่โอลัวร์ยอมรับได้ยาก ทำให้ไม่อาจปรองดองกันอย่างแท้จริง จนกระทั่งเปิดโอกาสให้มนตร์เรียกวิญญาณ”
“ก็ตามที่เธอสงสัย เหตุใดโอลัวร์ถึงต้องใช้มนตร์เรียกวิญญาณกับตัวเอง นี่เป็นคำถามที่สำคัญมาก…”
“ฉันสงสัยว่า ‘คนบาป’ มิได้เป็นเพียงชื่อขององค์กรลับนั่น แต่ยังเป็นชื่อลำดับ 2 หรือ 1 ของเส้นทางชะตากรรมด้วย”
“องค์ซ่อนเร้นเจ้าของนามชะตากรรมนั่น ล้วนมีอำนาจเหนือ ‘อดีต’ ‘ปัจจุบัน’ และ ‘อนาคต’ … เธอก็ได้สัมผัสไปแล้วในความฝัน… ‘คนบาป’ แห่งอดีต ‘ผู้ทนทุกข์’ แห่งปัจจุบัน ฟังดูเข้ากันดีเลยใช่ไหม แล้วอนาคตจะเป็นอะไรดี?”
คนบาปแห่งอดีต ผู้ทนทุกข์แห่งปัจจุบัน… เทอร์มีโพลอสคือตัวแทนของอดีตหรืออนาคตกันนะ… อา… ข้อสันนิษฐานของมาดามเมจิกเชี่ยนคล้ายคลึงกับฟรังก้ามากทีเดียว แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อแนวคิด ‘วิญญาณอาฆาตหวนกลับมา’ สักเท่าไร แต่เอนเอียงไปทาง ‘การหลอมรวมระหว่างบุคลิกภาพที่แตกแยก กับวิญญาณที่หลงเหลืออยู่บางส่วน’ เสียมากกว่า… ลูเมี่ยนไตร่ตรองเนื้อหาในจดหมายอย่างละเอียด ด้วยเกรงว่าจะพลาดสัญญาณบอกใบ้ไปอีก
เด็กหนุ่มในตอนนี้ค่อนข้างสงบนิ่ง ไม่ว่าโรช·หลุยส์ซ็องซงจะหวนกลับมาจริง หรือบุคลิกภาพของโอลัวร์ได้หลอมรวมกับเศษชิ้นส่วนวิญญาณที่ ‘มนตร์เรียกวิญญาณ’ อัญเชิญมา เขาก็ยอมรับได้ทั้งสิ้น ไม่ถึงกับเป็นทุกข์เกินไปนัก
คนหนึ่งเป็นผู้ร้ายทำเรื่องไม่ดี อีกคนเป็นพี่สาวที่ป่วย มีอะไรที่ยอมรับไม่ได้ล่ะ?
ลูเมี่ยนถอนหายใจเชื่องช้า ก่อนจะอ่านส่วนท้ายของจดหมาย
“ปัญหาของเกราะซ่อนเงาถือว่าซับซ้อนมาก ตอนนี้ทั้งเธอและ ‘สองถ้วย’ ต่างก็ยังไม่เหมาะที่จะฟังรายละเอียด… อันที่จริง ก่อนที่เธอจะอัญเชิญเงาแบบนี้ออกมา ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับสัตว์โลกวิญญาณที่คล้ายๆ กันจาก ‘มิสเตอร์แฮงแมน’ เท่านั้น แม้กระทั่งเขาก็เจอเพียงสามสี่หน แถมหนึ่งในนั้นยังเจอในฝัน”
“ตอนที่พวกเธออัญเชิญเกราะซ่อนเงาออกมาอีกครั้งเพื่อบรรลุข้อตกลง อย่าลืมเขียนจดหมายเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็นด้วยล่ะ”
มิสเตอร์แฮงแมน… ผู้ถือไพ่แฮงแมนแห่งชุมนุมทาโรต์? เขามีหน้าที่รับผิดชอบปัญหาในอีกโลกหนึ่งหรือ? ลูเมี่ยนไตร่ตรองอย่างจริงจังสักพัก ก่อนจะค้นพบความนัยแฝงในประโยคของมาดามเมจิกเชี่ยน:
เรื่องนี้เกี่ยวพันกับระดับสูงลิบลิ่ว พวกคุณยังไม่ควรเข้าใจรายละเอียด แต่สามารถสืบสวนได้ในขอบเขตความสามารถตัวเอง
นี่แสดงให้เห็นว่า ชุมนุมทาโรต์ก็สนใจโลกที่เกราะซ่อนเงาเป็นตัวแทนเช่นกัน… ลูเมี่ยนพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น แล้วอ่านเนื้อหาที่เหลืออยู่ไม่มากต่อ
“ไว้พวกเธอกำหนดเวลาบำบัดจิตครั้งสุดท้ายได้เมื่อไร ฉันจะแจ้งให้เธอทราบอีกที…”
“สมบัติวิเศษของเธอคงสำเร็จภายในสัปดาห์นี้…”
“ไปพบเฮล่าสิ ฉันไม่เห็นปัญหามากนัก แถมยังบอกกับอีกฝ่ายไปได้เลยว่า ความผิดปกติของโอลัวร์เกิดจากมนตร์เรียกวิญญาณ ซึ่งได้รับจากหนึ่งในสมาชิกกลุ่มวันเอพริลฟูล แล้วคอยจับตาดูท่าทีของเธอไว้… ส่วนเรื่องเกราะซ่อนเงา คุณกับสองถ้วยตัดสินใจเอาเองเลยว่าจะบอกเฮล่าหรือไม่”
ลูเมี่ยนเคลื่อนนิ้วแผ่วเบา เสกเปลวไฟสีแดงเพลิงลุกไหม้จดหมาย
จัดการเสร็จ เด็กหนุ่มจึงเขียนจดหมายตอบกลับหาเฮล่า
“เรียนมาดามเฮล่าที่เคารพ หากทางนั้นไม่ขัดข้อง เราสามารถพบกันพรุ่งนี้เวลาสิบโมงเช้าที่ร้านกาแฟโคนมน้อย ถนนเพรง เขตหอดูดาว”
ลูเมี่ยนเดิมทีตั้งใจจะเลือกสถานที่นัดพบในเขตตลาดที่ตนคุ้นเคย แต่ก็เกรงว่าอาจถูกชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กจับได้ว่าตนแอบนัดพบคนแปลกหน้า
ตัวเลือกที่สองคือ หาร้านกาแฟหรือโรงเบียร์ใกล้ๆ มหาวิหาร แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า มันแสดงออกถึงความหวาดระแวงเกินไป ราวกับถ้าเกิดปัญหาก็พร้อมจะหนีเข้าวิหารทันที โดยที่ไม่กล้าซ่อนอยู่ในนั้นจริงๆ
สุดท้าย เขาเลือกถนนเพรง ถนนที่ตั้งของคาบาเร่ต์แกะดำ
เมื่อถึงตอนนั้น หากเฮล่าทำตัวไม่ชอบมาพากล เด็กหนุ่มสามารถชักนำหายนะไปยังคาบาเร่ต์ที่ทำให้ตนรู้สึกขนลุก ลองดูว่าปัญหาต่างๆ จะปะทะกันเองได้หรือไม่
หลังจากเฮล่าส่งจดหมายตอบกลับเพื่อยืนยันเวลากับสถานที่นัดหมาย ลูเมี่ยนนำแร่เลือดธรณีกลับไปยังถนนเสื้อนอกขาว เคาะประตูห้องฟรังก้ากับจินนาอีกครั้ง
ฟรังก้ายังคงแต่งตัวเช่นเดิม มิได้เปลี่ยนเป็นชุดนอน เธอมองหน้าลูเมี่ยนด้วยความฉงนพร้อมกับถาม
“มีอะไรอีกล่ะ?”
“จินนาล่ะ?” ลูเมี่ยนถามกลับแทนที่จะตอบ
“ถามทำไม? พอเธอได้เงินจากคุณ ก็กลับไปเยี่ยมพี่ชายที่บ้านแล้วล่ะ” ฟรังก้าเข้าใจว่าลูเมี่ยนมีเรื่องสำคัญจะพูด แต่ก็ยังตอบไปตามความเคยชิน
ลูเมี่ยนจึงเล่าเรื่องที่ตนนัดพบเฮล่าในวันพรุ่งนี้ ปิดท้ายด้วยการถาม
“ควรเล่าเรื่องเกราะซ่อนเงาให้เธอฟังไหม”
“ตอนนี้ยังไม่ต้อง รอให้เรามั่นใจกว่านี้ก่อน” ฟรังก้าครุ่นคิด “คุณไม่ต้องพูดถึงฉันด้วยเหมือนกัน แกล้งทำเป็นไม่เคยเจอกันมาก่อน”
ลูเมี่ยนหัวเราะทันที
“คุณสงสัยทุกคนเลยหรือไง”
“กันไว้ดีกว่าแก้!” ฟรังก้าถอนหายใจ “มนตร์เรียกวิญญาณทำให้ฉันต้องตื่นตัวกว่าปกติ”
หลังจากยืนยันรายละเอียดแล้ว ลูเมี่ยนเหลือบมองฟรังก้าแวบหนึ่ง
“คุณจะออกข้างนอกหรือ”
“ใช่ ไปหาการ์ดเนอร์ที่ถนนน้ำพุ” ฟรังก้าตอบตามตรง ก่อนจะยิ้มแล้วพูด “ให้เขาได้ลิ้มรสว่า ‘สุขสม’ ที่แท้จริงเป็นอย่างไร”
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง
ฟรังก้าหัวเราะในคอ
“ฉันไม่มีทางเลือกนี่นา คุณกับจินนาคงไม่ยอมช่วยอยู่แล้ว ก็เลยต้องหาใครสักคนมาระบายความสุขสม”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ยังต้องไปบอกการ์ดเนอร์ด้วยว่า จินนาขอร้องให้ฉันเข้าร่วมปฏิบัติการล้อมจับศัตรูของคุณ แถมยังได้ส่วนแบ่งมาพอสมควรเลย”
“นึกว่าคุณจะปิดบังเขาเสียอีก” ลูเมี่ยนค่อนข้างแปลกใจ
ฟรังก้าหัวเราะฮุๆ
“อันที่จริง หมอนั่นเป็นคนช่างระแวงมาก แถมยังจมูกไว การเล่าความจริงบางส่วน ได้ผลดีกว่าการปิดบังหรือโกหกเต็มร้อย”
ขณะลูเมี่ยนผงกหัวเบาๆ ฟรังก้าก็นึกเรื่องใหม่ขึ้นได้
“ผลการทำนายหนังสัตว์พิธีกรรมออกมาแล้ว คาถาสำหรับยกเลิกคือ ‘ท่านอาร์ชบิชอป’ ส่วนคาถาสำหรับใช้งานคือ ‘วัว’ ‘แกะ’ หรือ ‘สุนัข’ ตามประเภทหนังสัตว์ อา… ทั้งหมดเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ”
พูดจบ นางมารคนนี้ก็โบกมือลา เปิดประตูออกไปอย่างร่าเริง
คาถายกเลิกคือท่านอาร์ชบิชอป… เจ้ายศเจ้าอย่างจริงๆ … ลูเมี่ยนคิดในใจระหว่างเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ 601 เพื่อนำหนังสัตว์พิธีกรรมทั้งห้าแผ่นติดตัวกลับไปยังบ้านลับ
แน่นอน เขาไม่ลืมช่วยฟรังก้าล็อกประตูห้อง
…………
เช้าวันรุ่งขึ้น เขตหอดูดาว ถนนเพรง
ลูเมี่ยนเดินเล่นไปตามตึกรามบ้านช่องที่มีกลิ่นอายของยุคเก่า พบว่าในช่วงเวลานี้ คาบาเร่ต์แกะดำกับบาร์หัวเดียวกระเทียมลีบยังไม่เปิดให้บริการ
กริ๊งๆ บุรุษไปรษณีย์สวมเสื้อนอกสีน้ำเงินพองๆ ปั่นจักรยานผ่านมาจากข้างทาง
ลูเมี่ยนละสายตาจากประตูที่ปิดสนิทของคาบาเร่ต์แกะดำ แล้วเดินต่อไปยังร้านกาแฟโคนมน้อย
……………………………………………………..