ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 329 ชีวโลหะ
ตอนที่ 329 ชีวโลหะ
ฟรังก้าพูดพลางเสกให้มือขวาลุกโชนด้วยไฟสีดำ แล้ววางมันลงบนกระจกที่แทนตัวลูเมี่ยน
จินนามองด้วยใบหน้าเจือความกังวล เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
…………
ภายในขวดเสกสรร
ขณะลูเมี่ยนเพิ่งทำให้กำแพงเพลิงลุกลามเป็นวงกว้าง เพื่อแผดเผาบุปผามารนรกให้เหี้ยนเตียน หัวใจเด็กหนุ่มก็พลันเจ็บแปลบ โดยมีเปลวไฟสีดำลุกโชนบนหน้าอกแผ่วเบา
สิ่งนี้ทำให้วิญญาณของเขารู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่ง จุดหมายปลายทางคือความมืดลึกล้ำที่สามารถกลืนกินแสงสว่าง
คำสาป? ลูเมี่ยนผู้ถูกปกป้องโดยชั้นเพลิงสีแดง พลันชะงักไปครู่หนึ่ง
เขายังไม่เข้าใจ ตนถูกสาปได้อย่างไร?
ในแง่หนึ่ง เขาอุดหูไว้ จึงไม่เกรงกลัวว่าจะถูกเล่นงานโดยอิทธิพลจากศาสตร์ลับกลืนวิญญาณ อีกแง่หนึ่ง กิโยม·เบเนต์กำลังซ่อนตัวอยู่หลังบุปผามารนรกที่ยังไม่ถูกเผา ไม่มีร่องรอยการใช้พลังของพันธสัญญา เหนือสิ่งอื่นใด เด็กหนุ่มยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บ ไม่เคยทิ้งเลือดเนื้อไว้ที่ใด ซึ่งเส้นผมที่หลุดร่วงจากร่างกายก็ล้วนถูกไฟเผาทิ้งหมดแล้ว
ขณะเปลวไฟสีดำกำลังลุกไหม้ คำสาปกลับมิได้กำเริบเสิบสาน ยังคงอยู่ในสภาวะอ่อนแอสุดขีด มิได้บั่นทอนฝีมือของลูเมี่ยนลงเลย เด็กหนุ่มจึงเริ่มเดาได้
คำสาปนี้มาจากฟรังก้า!
เธอพยายามติดต่อเราผ่านกระจกตัวแทน!
ลูเมี่ยนซาบซึ้งใจ พลางเหวี่ยงสองมือไปยังทิศทางที่หลวงพ่อซ่อนตัวอยู่
ท่ามกลางเสียงเปรี้ยะๆ กำแพงสีแดงเพลิงได้ถูกสร้างเพิ่ม เปลวไฟกวาดไปตามบุปผามารนรกที่ห้อยลงมาจากเพดานอย่างเกรี้ยวกราด
อาศัยสิ่งนี้คอยบังสายตาของกิโยม·เบเนต์ไว้ ลูเมี่ยนหมุนตัวแล้วสับเท้าวิ่งไปยังทางเข้าออกของ ‘ขวดเสกสรร’
ท่วงท่ากับพฤติกรรมของเด็กหนุ่ม ตลอดจนการตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา ล้วนช่วยบ่งบอกกิโยม·เบเนต์ว่า:
ไหนเลยฉันต้องดันทุรังสู้กับแกในที่แบบนี้ด้วยเล่า? ในเมื่อพวกพ้องของฉันเข้ามาไม่ได้ งั้นข้างในก็จะออกไปสมทบเอง!
กิโยม·เบเนต์เจ้าของผิวหนังเปล่งประกายโลหะทุกซอกมุม เดินออกจากด้านหลังบุปผามารนรกสองสามต้น
เปลวไฟอันเกรี้ยวกราดพุ่งเขมือบร่างของกิโยม·เบเนต์ทันที แต่กลับ ‘ฉีก’ เสื้อผ้าแทบไม่ได้เลย ไม่อาจสร้างรอยไหม้ดำบนผิวหนังอีกฝ่าย
มองผ่านกำแพงเพลิงสีแดง หลวงพ่อเห็นร่างของลูเมี่ยนรางๆ ก่อนจะยิ้มให้
ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า สามารถเข้าออกขวดเสกสรรได้อิสระ กิโยม·เบเนต์ได้เปลี่ยนทางออกให้เป็นกับดักไว้ก่อนแล้ว แค่รอให้ลูเมี่ยนเข้าด้วยตัวเอง!
ตอนนี้เขากำลังอยู่ในร่างชีวโลหะ จึงใช้แค่พรที่เกี่ยวข้องกับร่างกายและชะตากรรมเท่านั้น รวมถึงพลังในพันธสัญญาพิเศษอีกสามชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ:
ฝังเงามืด!
เมื่อรอยประทับสีดำบนตัวกิโยม·เบเนต์ส่องวูบวาบ ท่อนแขนสีซีดขาว ดำสนิท แปลกประหลาด และพิสดาร ก็พลันยื่นออกมาจากเงาดำรอบทางออก ไขว่คว้าหาลูเมี่ยนที่กำลังวิ่งเต็มฝีเท้า
ลูเมี่ยนกระแทกเท้าขวาลงพื้นเต็มแรง กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ลอยข้ามบรรดาสิ่งมีชีวิตประหลาดจากเงามืด มุ่งหน้าสู่ทางออกอันมืดมิดที่ตั้งตระหง่านเงียบงัน
ด้านหลังของเด็กหนุ่มยังมีลูกไฟสีแดงสว่างลุกโชน ซึ่งพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ โดยจะสร้างแรงผลักที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
ทางฝั่งซ้ายขวาของลูเมี่ยนก็มีลูกไฟลุกโชนอย่างร้อนแรงเช่นกัน จุดประสงค์คงเป็นการขัดขวางมิให้ท่อนแขนเหล่านั้น ยื้อยุดฉุดกระชากสิ่งใดไปได้
ใบหน้าโลหะของกิโยม·เบเนต์ แม้รอยยิ้มจะดูแข็งทื่อไร้ชีวิตชีวา แต่ก็กว้างกว่าเมื่อครู่ไปอีกระดับ
เขารอให้ลูเมี่ยนกระโดดเข้าสู่ทางออกของ ‘ขวดเสกสรร’ ด้วยตัวเอง
ท่อนแขนประหลาดที่มาพร้อมกับ ‘ฝังเงามืด’ มีจุดประสงค์เพียงเพื่อทำให้เหยื่อเป็นอัมพาต จะได้ไม่เกิดความสงสัย!
น่าเสียดายที่ใช้ ‘คำสาปกระดูก’ ในสถานะโลหะไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ตอนนี้จะถือได้ว่าเป็นโอกาสทอง… กิโยม·เบเนต์ลังเลใจว่าจะคลายสถานะ ‘กายาเหล็กกล้า’ ดีหรือไม่ เพื่อเพิ่มยุทธวิธีในการโจมตีลูเมี่ยน
แต่ถ้าทำแบบนั้น ก็ต้องรออีกสักพักกว่าจะกลับมาเป็นชีวโลหะใหม่ได้ ซึ่งโพรงเหมืองร้างแห่งนี้ไม่เพียงจะมีแก๊สมึนเมาแพร่กระจายอยู่ทั่ว แต่ในอีกไม่ช้า มันจะกลายเป็นทะเลเพลิงโลกันตร์ สำหรับกายเนื้ออันอ่อนแอของมนุษย์ที่ยังปราศจากบารมีเทพ นี่เป็นสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายซึ่งไม่มีทางดำรงชีวิตอยู่ได้นาน แค่ชั่วครู่ก็ยังยาก กระทั่งภิกษุบิณฑบาตก็อาจอดทนได้เพียงไม่กี่อึดใจ
กิโยม·เบเนต์ลังเลอยู่หนึ่งวินาที ก่อนจะตัดสินใจคงสภาพ ‘ฝังเงามืด’ ต่อไป ปล่อยให้ท่อนแขนที่ดูเหมือนมาจากก้นบึ้งฝันร้ายเหล่านั้น ไล่ล่าไขว่คว้าลูเมี่ยน
หลังจากกระโดดอีกครั้ง ลูเมี่ยนก็เข้าใกล้ทางออกขวดเสกสรรเต็มที
ทันใดนั้น เงาดำบริเวณทางออกสีดำสนิทซึ่งเปลวไฟไม่ช่วยให้สว่างขึ้นเลย ก็พลันสั่นไหวแผ่วเบา ดูคล้ายกับปากอสูรยักษ์ที่เตรียมเขมือบอาหารที่เดินเข้าปากด้วยตัวเอง
ไม่แน่ใจว่าตั้งแต่เมื่อไร ผิวด้านนอกของประตูลับนั่น ปกคลุมไปด้วยชั้นของ ‘เงาดำ’ อันลึกลับซับซ้อน ซึ่งดูราวกับมีชีวิตจิตใจ
มันคือกับดักที่กิโยม·เบเนต์เตรียมไว้ล่วงหน้า สาเหตุที่มิได้กระตุ้นการทำงานในตอนที่ลูเมี่ยนเดินเข้ามา แต่กลับมีผลตอนจะออกไป ก็เพราะเขากลัวว่าเด็กหนุ่มจะมีลางสังหรณ์อันตราย เอะใจว่าประตูลับมีปัญหา จนไม่กล้าเข้ามาในขวดเสกสรร
ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนกำลังร่วงหล่นลงสู่นรก โดยไม่เหลือฟางเส้นสุดท้ายให้หยิบฉวยได้เลย
‘ความมืดมิด’ ที่ดูเหมือนเป็นเพียงแผ่นบางๆ ในทีแรก ความจริงแล้วเชื่อมโยงกับเงามืดรอบข้างอย่างไร้สิ้นสุด ก่อกำเนิดเป็นวังวนอลหม่าน เผยให้เห็นรูปลักษณ์คล้ายปากอสูรยักษ์อย่างแท้จริง
ลูเมี่ยนที่ลอยอยู่กลางอากาศ พยายามเหยียดแขนขวาออกไป แต่พอใกล้จะสัมผัสกับ ‘ปากอสูรเงา’ ที่คลุมผิวประตูลับอยู่ เด็กหนุ่มก็รีบชักมือกลับ ทำท่าทางเหมือนการเปิดประตู
ในเวลาเดียวกัน เข็มกลัดมีหน้ามีตาบนอกขวา ก็ส่องประกายสีทองอมเทาวูบหนึ่ง
บิดเบือน!
ลูเมี่ยนบิดเบือนท่าทางการเปิดประตู ให้เป็นการ ‘เปิดมิติโดดเดี่ยวแห่งนี้’ !
เขาไม่เคยคิดหนีออกจากขวดเสกสรรอยู่แล้ว แต่คอยมองหาวิธีพาพรรคพวกเข้ามาเป็นกองหนุน
สภาพแวดล้อมปิดตายเช่นนี้ ซ้ำยังเต็มไปด้วยวัตถุไวไฟ ย่อมไม่ต่างอะไรกับสรวงสวรรค์ของนักวางเพลิง!
บึ้ม!
ลูกไฟสีแดงฉานฝั่งซ้ายมือเด็กหนุ่มระเบิดทันใด ก่อให้เกิดแรงผลักจากด้านข้าง นอกจากจะสร้างความเสียหายรุนแรง ฉีกขาดเสื้อผ้าตรงสีข้าง และแผดเผาเนื้อหนังบางส่วนจนไหม้ดำแล้ว มันยังช่วยพาเขาที่เกือบสัมผัสกับวังวนเงามืด ให้ลอยไปไกลจากประตูทางออกขวดเสกสรร ช่วยพาออกจากมิติมืดทึบที่เต็มไปด้วยท่อนแขนสีซีดขาวสลับดำสนิท
ตุบ! ลูเมี่ยนกลิ้งตัวหนีเข้าไปหลบหลังกำแพงเพลิงที่กำลังเกรี้ยวกราด จนเงาดำเหล่านั้นไม่กล้าไล่ตามส่งเดช ถูกสกัดไว้ด้วยเปลวไฟอันร้อนแรง
ฟรังก้ากับจินนาตระหนักได้พร้อมกัน ถึงสายลมหนาวที่พัดออกจากประตูลับนั่น
เพียงครู่เดียว ไอเย็นแปรเปลี่ยนเป็นร้อนระอุ ทั้งสองพบว่าด้านหลังประตูลับคือโพรงเหมืองร้างที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแดงฉาน รวมถึงมังกรเพลิงที่ลุกโชนเกรี้ยวกราดห้อยโหนลงจากเพดาน
เถาวัลย์สีดำที่ยังอยู่ในสภาพดี ดอกไม้ยักษ์สีแดงสด รวมถึงฝูงท่อนแขนประหลาด ล้วนกำลังถูกลิ้นเปลวไฟไล่ล่า
ฟรังก้าส่งสายตาบอกจินนา ก่อนจะเดินเข้าใกล้ประตูลับแล้วเลือนหายไป
จินนาเข้าใจความหมายของฟรังก้า จึงรีบหดตัวเข้าไปในเงามืดด้านนอกประตูอย่างใจเย็น อำพรางตัวเองไว้อย่างดี
เธอทราบดี ด้วยกำลังในปัจจุบันของตน คงยากที่จะเข้าไปข้างในแล้วทำประโยชน์ได้ ควรรอให้ศัตรูหนีออกมาทางประตู แล้วมองหาโอกาสลอบสังหารจะเหมาะกว่า
ภายในขวดเสกสรรที่ถูกเปิด ลูเมี่ยนกลิ้งตัวครบหนึ่งตลบ แล้วก็ใช้มือข้างหนึ่งดันตัวเองลุกขึ้นมายืน
เด็กหนุ่มมองกิโยม·เบเนต์ที่อยู่ไกลลิบ ริมฝีปากแยกออกโดยไม่มีเสียง บนผิวกายปะทุเปลวไฟแดงฉานเคลือบไว้หนึ่งชั้น เผาไหม้เสื้อผ้ากับเนื้อหนังของตน
ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยแล่นเข้าสู่สมองของลูเมี่ยน ช่วยสลัดความง่วงซึมได้เป็นปลิดทิ้ง
ไม่เจอกันนานเลยนะ! ลูเมี่ยนพูดในใจด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว พร้อมกับถลันเข้าใส่กิโยม·เบเนต์ที่คล้ายหุ่นกระบอกโลหะ สายลมอันเกิดจากการวิ่งด้วยความเร็วสูง พัดพาเปลวไฟสีแดงรอบตัวให้ลากยาวไปด้านหลัง ดูคล้ายผ้าคลุมเพลิงอันงดงามที่มีคนช่วยถือไว้
กิโยม·เบเนต์ยังระแวงกับวิชาฮึ่มฮ่าที่ลูเมี่ยนเคยใช้ให้เห็น จึงไม่กล้าเสี่ยงปะทะโดยตรง เอาแต่หนีโดยการย้ายตำแหน่งตลอดมา
เขามองออกว่า อีกฝ่ายกำลังใช้เปลวไฟแผดเผาตัวเองเพื่อเอาชนะแก๊สมึนเมาของบุปผามารนรก แต่วิธีนี้ย่อมไม่ยั่งยืน อย่างมากก็แค่ช่วยชะลอเวลาหมดสติไปได้สักพัก สำหรับบางปัญหา ลำพังจิตใจอันมุ่งมั่นหรือการทำร้ายตัวเองมันยังไม่พอ!
หลังจากใช้ ‘กายาเหล็กกล้า’ เพื่อเปลี่ยนตัวเองเป็นชีวโลหะ กิโยม·เบเนต์ก็ไม่ต้องเกรงกลัวแก๊สมึนเมาอีกต่อไป ไม่ต้องหายใจเสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งยังช่วยลดความเสียหายจากเปลวไฟลงหลายส่วน จึงเชื่อว่าผลของกายาเหล็กกล้าจะยืนยาวกว่าความอดทนของลูเมี่ยน·ลีแน่นอน
นอกจากนี้ เขายังมองออกด้วยว่า คู่ต่อสู้ใช้พลังวิญญาณไปมากโขแล้ว คำนึงจากการที่ยังไม่ยอมใช้ ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ อีกครั้ง
ในทำนองเดียวกัน วิชาฮึ่มฮ่าก็คงเหลือไม่กี่ครั้งเช่นกัน
แน่นอน ใช่ว่าเขาจะเอาแต่หนีได้เสียเมื่อไร ดูเหมือนอีกฝ่ายจะใช้วิธีพิสดารบางอย่างเพื่อเปิดขวดเสกสรรด้วยตัวเอง เปิดโอกาสให้พวกพ้องตามเข้ามาสมทบ กิโยม·เบเนต์จึงไม่คิดจะปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายประสานงานกัน
หลังจากวิ่งไปรอบเถาวัลย์ที่ไหม้เกรียมจนร่วงกราวไม่ขาดสาย กิโยม·เบเนต์ก็วกกลับมาเผชิญหน้ากับลูเมี่ยนอีกครั้ง
ใบหน้าโลหะของเขาสะท้อนแสงไฟ ทอประกายสีสันอันชวนฝัน
‘ริ้วสายรุ้ง’ นับไม่ถ้วนเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ทำให้กิโยม·เบเนต์แยกออกเป็นสองร่างดุจดังกระจกเงาสะท้อน
อวตารแห่งแสง!
นี่คือหนึ่งในสามพลังจากพันธสัญญาที่ยังใช้ได้ในสถานะ ‘กายาเหล็กกล้า’
ผลของมันคือการอาศัยแสงสว่าง สร้างร่างชั่วคราวที่สืบทอดจุดเด่นบางอย่างไปจากร่างต้น
กิโยม·เบเนต์ทั้งสองร่าง ซึ่งล้วนมีผิวกายเป็นโลหะ ต่างก็ปรี่เข้าหาลูเมี่ยนอย่างพร้อมเพรียง
ตึงๆๆ ในทุกก้าวที่พวกเขากล้ำกราย ร่างกายก็ยิ่งขยายใหญ่ กลายเป็นยักษาโลหะอย่างรวดเร็ว ฉีกเสื้อคลุมปักด้ายสีเงินดำจนขาดวิ่น
ลูเมี่ยนยกมือขวาขึ้น รอบกายปรากฏฝูงอีกาเพลิงสีแดงฉาน
ฝูงอีกาบินวนแล้วโฉบใส่กิโยม·เบเนต์ทั้งสองด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีตัวใดพลาดเป้าเลย
ในเมื่อไม่อาจจำแนกเร็วๆ ได้ว่าตัวใดจริงตัวใดปลอม ก็เล่นงานมันทั้งคู่ไปเลยสิ!
ของจริงปลอมไม่ได้ ของปลอมจริงไม่ได้!
ทันใดนั้น กิโยม·เบเนต์ตัวที่อยู่ข้างหน้าก็พลันระเบิดออก
ตูมๆๆ!
พร้อมกันกับเสียงระเบิด ฝูงอีกาไฟจำนวนมากถูกจุดชนวนโดยพร้อมเพรียง ขณะที่ร่างของกิโยม·เบเนต์ปลอมแตกเป็นเสี่ยงๆ มันก็พ่นสายน้ำ ‘ปืนใหญ่วารี’ ที่ประกอบจากของเหลวสีเขียวอมฟ้าออกมา
ปืนใหญ่วารีมีความเร็วสูงเหนือจินตนาการ มิหนำซ้ำทั้งสองฝ่ายยังอยู่ใกล้กันมาก ลูเมี่ยนจึงถูกยิงทะลุผ่านอาภรณ์เพลิงในทันที ทะลวงเข้าผิวกาย เนื้อหนังเผยร่องรอยการหลอมละลาย
พิษต่อมดีแลนเนียร์!
หนึ่งในสามพลังจากพันธสัญญาที่ชีวโลหะใช้ได้!
เพล้ง! ร่างของลูเมี่ยนแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที แปรเปลี่ยนเป็นเศษกระจกนับชิ้นไม่ถ้วน
ในตำแหน่งห่างจากกิโยม·เบเนต์ไม่ถึงสิบเมตร เนื่องจาก ‘กระจกตัวแทน’ ถูกกระตุ้น ฟรังก้าจึงหลุดจากภาวะ ‘ล่องหน’ ไปโดยปริยาย
ทันทีที่เห็นเธอ นัยน์ตาสีน้ำเงินของกิโยม·เบเนต์ก็จางลงจนแทบจะใส พร้อมกับเหยียดมือขวาออกมาข้างหน้า
รอบตัวฟรังก้าปรากฏแม่น้ำสายใหญ่ที่ประกอบจากสัญลักษณ์ซับซ้อนสีปรอททันที
สำหรับกิโยม·เบเนต์แล้ว การต่อสู้กับลูเมี่ยนไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์สักเท่าไร เพราะเขาไม่สามารถใช้จุดเด่นของนักล่าชะตากรรมที่ตัวเองถนัดที่สุด ทรงพลังที่สุด ไม่อย่างนั้นจะเผชิญกับผลสะท้อนทางชะตากรรม
ในเมื่อใช้กับลูเมี่ยน·ลีไม่ได้ งั้นก็ใช้กับพรรคพวกแทนก็แล้วกัน!
……………………………………………………..