ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 326 ตัวแทน
ตอนที่ 326 ตัวแทน
“ฮ่า!”
รอยประทับบนหน้าอกขวาของลูเมี่ยนเปล่งแสง ดวงวิญญาณสั่นสะเทือน ลำแสงสีเหลืองอ่อนพุ่งออกจากปากของเด็กหนุ่ม
ลำแสงพุ่งเข้าใส่ ‘กิโยม·เบเนต์’ ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงขายาวสีดำทันที มีผลทำให้อีกฝ่ายสลบเหมือดด้วยใบหน้าฉาบล้นความตกตะลึง งุนงง และสับสน ร่างฟุบลงไปกับพื้น
วิชาฮึ่มฮ่า!
ตัวปลอม! ลูเมี่ยนทำหน้าผิดหวังนิดๆ หลังจากเห็นผลลัพธ์
เขาแน่ใจว่านี่มิใช่หลวงพ่อตัวจริง ยังไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่กิโยม·เบเนต์ ผู้เป็นถึงลำดับ 5 นักล่าชะตากรรม จะหมดสติทันทีที่โดนวิชาฮึ่มฮ่าเข้าไป ลำพังความสับสนไม่เข้าใจที่แสดงออกผ่านใบหน้าขณะถูกโจมตี ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ลูเมี่ยนสงสัยว่า บุคคลที่ถูก ‘สลับตัว’ เป็นเพียงคนธรรมดา ซึ่งไม่เข้าใจเกี่ยวกับพลังวิเศษหรือโลกศาสตร์เร้นลับเลย
โดยไม่มัวเสียเวลากับพ่อบ้านที่กำลังตกตะลึง ลูเมี่ยนหมุนตัวกลับ วิ่งออกจากห้องนั่งเล่นเล็กๆ ไป
ขณะวิ่ง เขากดเสียงตะโกน
“ไปผักชีฝรั่ง!”
ร่างของฟรังก้าในชุดคลุมสีดำพร้อมเกราะหนัง ปรากฏกายตรงหน้าลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มคว้าไหล่ของเธอ พร้อมกับทำให้รอยประทับสีดำบนไหล่ขวาส่องแสงลึกลับ
ท่ามกลางก้อนสีสันอันสับสนวุ่นวาย ทั้งสองปรากฏตัวอีกครั้งบนระเบียงสุดปลายทางเดินชั้น 6 ของซ่องโสเภณี ‘ผักชีฝรั่ง’
ก่อนหน้านี้ เมื่อครั้งพาจินนามาส่งที่นี่ แล้วบอกกับอัลบัสว่าหมดธุระแล้ว ลูเมี่ยนได้ ‘ทำความคุ้นเคย’ พร้อมกับจดจำพิกัดของที่นี่ไว้
เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทางมาถึง จินนาที่แต่งกายเป็นทหารรับจ้างหญิงก็เดินออกจากเงา ชี้ไปทางห้อง 602 พลางกล่าวด้วยเสียงพร่า
“ยังไม่จบ”
“บัดซบ! ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยบ้างหรือไง!”
“คงรอบสองแล้วกระมัง” ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
ตามรายงานของอัลบัส คนที่อยู่ในห้อง 602 คงระบายตัณหาเสร็จไปหนึ่งรอบแล้ว ถึงได้ว่างดื่มชามื้อบ่าย แต่ตอนนี้กลับมาทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอีกครั้ง
“เสียงไม่ดังเท่าไรนี่” ฟรังก้าเอียงคอด้วยความฉงน ฟังความเคลื่อนไหวจากห้อง 602
จินนามองลูเมี่ยนยกมือลูบหน้า เปลี่ยนตัวเองให้เป็นบริกรของซ่องผักชีฝรั่ง พลางบุ้ยปากพูดว่า
“ในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่ง พอผ่านไปสักพักจะร้องโหยหวนอย่างสม่ำเสมอ”
“บัดซบ หรือว่าหลวงพ่อหื่นกามนั่นจะมีสันดานชอบทารุณด้วย?”
ในฐานะนักร้องใต้ดิน จินนาเข้าออกผับกับคาบาเร่ต์อยู่เป็นประจำ มีภาพจำว่าเป็นสาวเร่าร้อนปล่อยตัว จึงไม่ขาดความรู้เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ ซ้ำยังมีความสัมพันธ์อันดีกับฟรังก้า โดยที่ฟรังก้าคอยดูแลกลุ่มหางเครื่องในคาบาเร่ต์หลายแห่ง สิ่งที่พวกเธอเคยเห็นเคยได้ยิน ย่อมลึกล้ำกว่าสตรีทั่วไปไม่รู้เท่าไร ดังนั้นแม้ตัวเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ตรง แต่ในแง่ความอุดมสมบูรณ์ของปัญญา รวมถึงด้านทฤษฎี ก็ถือว่าเอกอุไม่เป็นสองรองใคร
ฟรังก้าได้ฟังแล้วก็เข้าใจทันที พยายามคุมเสียง ‘ชิ’ ให้เบาที่สุด
ลูเมี่ยนที่ปลอมตัวด้วยใบหน้าของไนเซอร์ มองไปทางฟรังก้า เป็นนัยว่าต้องการยืมผงส่องแสงระยิบระยับมาโรยบนทางเดินด้านนอกห้อง 602
เพื่อรับมือกับพลัง ‘ล่องหน’ ของกิโยม·เบเนต์
เท่าที่ลูเมี่ยนทราบ การ ‘ล่องหน’ ไม่สามารถลบล้างร่องรอยกับกลิ่นได้หมดจด ระหว่างการต่อสู้ หากกิโยม·เบเนต์ซ่อนร่างตัวเองแล้วหนีไปตามทางเดิน ผงส่องแสงจะช่วยให้เกิดรอยเท้าเด่นชัด เปรียบดังเข็มทิศสำหรับการโจมตีของลูเมี่ยน
แต่เมื่อคิดอีกที ลูเมี่ยนรู้สึกว่าผงส่องแสงนั่นเด่นชัดเกินไป กิโยม·เบเนต์อาจสังเกตเห็นความผิดปกติล่วงหน้า แล้วหนีไปด้วยพลังประหลาดโดยไม่เปิดโอกาสให้ทางนี้โจมตี
หลังจากไตร่ตรองสักพัก เขาหรี่เสียงพูดกับฟรังก้า
“คุณล่องหนซ่อนตัวอยู่ตรงทางเดิน ใช้ใยแมงมุมล่องหนขึงปิดหน้าประตูห้องเป้าหมายไว้ เอาตั้งแต่พื้นจรดเพดานเลย”
ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าจะล่องหนแบบใดก็ล้วนไร้ผล กระทั่งการ ‘บินเนิบนาบ’ ก็จะถูกพันธนาการ!
“ตกลง” ฟรังก้าดึงฮู้ดสีดำ ก้าวออกจากเขตระเบียงเข้าไปในโถงทางเดิน
ร่างของเธอหายไป ราวกับตุ๊กตาหิมะละลายเพราะแสงแดด
“ฟรังก้าใช้ใยแมงมุมล่องหนแจ้งกับเราว่า เตรียมการพร้อมแล้ว…”
“ตั้งแต่พี่สาวคนนี้กลายเป็น ‘นางมารสุขสม’ ทุกการกระทำของเธอก็ล้วนแฝงความยั่วยวนมาด้วยเสมอ… นั่นสินะ ก็เพิ่งเลื่อนลำดับมาหมาดๆ คงยังควบคุมพลังโอสถไม่คล่อง จึงเผลอสร้างอิทธิพลโดยไม่รู้ตัว…”
ลูเมี่ยนหันไปทางจินนา พลางพึมพำเสียงค่อย
“คุณซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตรงนี้ไปก่อน หากกิโยม·เบเนต์หนีออกมาทางนี้ ก็ใช้ปืนยิงมันหรือลอบสังหารมันได้เลย ถ้าไม่สำเร็จให้รีบถอยกลับทันที”
“ถ้ามันหนีไปทางอื่น คุณไม่ต้องไปสนใจ”
“ได้” จินนาพอจะมีความรู้ พอจะมีประสบการณ์บ้างแล้ว จึงไม่งอแงอยากมีส่วนร่วมมากกว่านี้
เธอคิดว่าด้วยลำดับกับพลังในปัจจุบันของตน การลอบสังหารต้องกระทำภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมเท่านั้น
หลังจากจัดแจงพวกพ้องเสร็จ ลูเมี่ยนหันหลังกลับ มองไปที่ประตูไม้ห้อง 602 อีกครั้ง
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจยาวแล้วผ่อนออกมาช้าๆ ข่มใจให้สงบลงเล็กน้อย
จัดการเสร็จ ลูเมี่ยนหยิบเก้าอี้มีพนักพิงจากระเบียง เดินเข้าไปในโถงทางเดิน
หลบใยแมงมุมล่องหนอยู่สักพัก เขาเดินไปค่อนข้างไกลจากห้อง 602 แล้ววงเก้าอี้ลงบนพื้นว่างๆ
วินาทีถัดมา เด็กหนุ่มเคาะพนักเก้าอี้เบาๆ ปล่อยเปลวเพลิงสีแดงไหลออกจากฝ่ามือ คลานไปทุกซอกมุมของเก้าอี้ประหนึ่งสัตว์เลื้อยคลาน
ขณะเก้าอี้เริ่มลุกไหม้ ลูเมี่ยนก็วิ่งเหยาะๆ โดยไม่ซ่อนเสียงฝีเท้า ตรงไปหยุดหน้าห้อง 602 แล้วเคาะประตูไม้ดังตึงตัง
“มีอะไร?”
เสียงที่ฟังดูโมโหโทโสดังออกจากด้านในห้อง 602 ประหนึ่งคนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม
“ไฟไหม้! ไฟไหม้!” ลูเมี่ยนตะโกนด้วยอาการตื่นตระหนกอย่างชำนิชำนาญ
“บัดซบ!” ผู้ชายในห้องสบถด้วยสำเนียงแคว้นไรสตัน
พร้อมกับเสียงลุกจากเตียง ซึ่งดังชัดเจนมากสำหรับ ‘นักล่า’
บนตัวของเขายังมีหญิงสาวผมสีน้ำตาลเกาะอยู่ โดยเธอสวมชุดนอนผ้าแพรบางๆ
บัดซบ! ไม่คิดจะแยกจากกันเลยหรือไง! ฟรังก้าที่กำลังล่องหนอยู่ฝั่งตรงข้าม พึมพำด้วยความขบขัน
ลูเมี่ยนจดจ่อสมาธิ จนกระทั่งเห็นคนที่คล้ายกิโยม·เบเนต์เดินออกมา มองไปทางเก้าอี้ที่มีควันกับเปลวไฟลุกโชน จึงอ้าปากทันที
“ฮ่า!”
ลำแสงสีเหลืองอ่อนพุ่งตรงไป ทะลุชายสวมหน้ากากสีเหล็กครึ่งหน้า ทะลุหญิงสาวในชุดนอนผ้าแพรบางๆ ไปพร้อมกัน ห่อหุ้มพวกเขาไว้ภายใน
ชายที่คล้ายกับกิโยม·เบเนต์เผยสีหน้าประหลาดใจเจือตื่นตระหนก ชัดเจนว่าเข้าใจพลังวิเศษในระดับหนึ่ง
ประกายในดวงตาของเขาดับวูบไปทันที สูญสิ้นกำลังวังชาจนสลบเหมือด ช้ากว่าฝ่ายหญิงเพียงเสี้ยววินาที
ท่ามกลางเสียงตุ้บเมื่อร่างกระทบพื้น ลูเมี่ยนก็เหมือนติดอยู่ในภวังค์
ไม่น่าเป็นไปได้… กิโยม·เบเนต์ที่เป็นถึงนักล่าชะตากรรม ไม่ควรถูกวิชาฮึ่มฮ่าของผู้ถือพันธสัญญาทำให้หมดสติคาที่…
นี่ก็ตัวปลอม?
คนบนถนนแว็งซองต์บ้านเลขที่ 50 ก็ตัวปลอมโต้งๆ เลยเช่นกัน!
แล้วตัวจริงอยู่ไหน?
ลูเมี่ยนรีบดึงสติกลับมา คุกเข่าลงข้างตัว ถอดหน้ากากเหล็กออกจากใบหน้าอีกฝ่าย
ใต้หน้ากากคือใบหน้าที่คุ้นเคยอย่างยิ่ง จมูกงองุ้มเล็กน้อยอันเป็นเอกลักษณ์ของกิโยม·เบเนต์
ลูเมี่ยนทำหน้านิ่ง ผลักหญิงสาวกึ่งเปลือยที่กำลังทับร่างเหยื่อออกไป แล้วฉีกเสื้อเชิ้ตสีขาวของฝ่ายชาย
วินาทีถัดมา เขาเห็นว่าร่างกายครึ่งบนของชายที่หมดสติ มีรอยประทับสีดำอยู่สามแห่ง บนหน้าอกซ้าย หน้าอกขวา และหน้าท้อง
นี่ไม่ใช่กิโยม·เบเนต์!
รายหลังมีพันธสัญญามากกว่าสามฉบับ อย่างน้อยสิบกว่าฉบับ!
ปลอมทั้งคู่? ตัวแทนทั้งคู่? ลูเมี่ยนกำหมัดแน่น ดวงตาคล้ายกับมีเปลวไฟล่องหนลุกโชน
เด็กหนุ่มยืนขึ้นอีกครั้ง ลากชายที่หน้าตาเหมือนกิโยม·เบเนต์ทุกกระเบียดนิ้วกลับเข้าไปในห้อง 602 ก่อนจะนำผ้าห่มมาห่อร่างสตรี แล้วโยนเธอทิ้งไว้บนทางเดิน
ขณะเดียวกัน ฟรังก้าที่เห็นว่าเหยื่อน่าจะเป็นตัวปลอมอีกเช่นเคย ยกเลิกสถานะล่องหนเพื่อสร้างกลุ่มน้ำแข็ง ดับไฟที่กำลังลุกไหม้บนเก้าอี้มีพนัก
เมื่อเธอย้ายหญิงสาวบนทางเดินเข้าไปในห้องว่างข้างเคียง ลูเมี่ยนก็ยื่นมือขวาออกไปบีบคอของผู้รับพรแห่งชะตากรรมคนนั้น
ด้วยเสียง ‘กร๊อบ’ อีกฝ่ายถูกหักคอตายคาที่ สิ้นชีวีไปในระหว่างหมดสติ
ถัดมา เด็กหนุ่มปิดประตูไม้ ชักกริชเงินพิธีกรรมออกมา ทำพิธีชำระล้างเบื้องต้น แล้วสร้างกำแพงวิญญาณปกคลุมห้อง 602 ไว้
จากนั้นก็เริ่มระบำเรียกสถิต เพื่อเริ่มต้นการสื่อวิญญาณอย่างมีเป้าหมาย
ที่เขาไม่ขอความช่วยเหลือจากฟรังก้า ก็เนื่องจากไม่ทราบว่าคนตายทำสัญญากับสิ่งใดไว้บ้าง ซึ่งอาจแฝงมลทินที่คล้ายๆ กัน มีเพียงเขาที่ได้รับพรแห่งชะตากรรมด้วยเท่านั้นจึงจะรอดพ้นจากอิทธิพล
ส่วนยาจาก ‘สมาคมเสียวซ่าน’ รวมถึง ‘ยาสารภาพ’ ที่ยังเหลือ ลูเมี่ยนเตรียมไว้ใช้กับหลวงพ่อคนเดียว
…………
ตรงข้ามบ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์
อ็องโตนี·รีดซึ่งปีนขึ้นไปแอบบนชั้นสองของตัวตึก แล้วซ่อนอยู่ในที่ลับตาเพื่อจับตาดูเป้าหมาย เห็นสุภาพสตรีคนงามในชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน กำลังรีบร้อนออกจากบ้านพร้อมคนรับใช้ชาย สาวใช้ และพ่อบ้าน ทุกคนขึ้นรถม้าที่ถูกย้ายจากด้านหลังมาเตรียมไว้หน้าประตู แล้วขับไปยังปลายถนนแว็งซองต์
อ็องโตนี·รีดไม่รีบร้อนไล่ตามไป เพียงจดจำรายละเอียดของม้ากับห้องโดยสาร
…………
ท่ามกลางการเต้นรำอันบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง วิญญาณคนตายหลุดออกจากศพ ลอยขึ้นมากลางอากาศ จ้องหน้าลูเมี่ยนด้วยความงุนงงเกลียดชัง
เด็กหนุ่มแทงนิ้วจนเลือดไหล เพื่อออกคำสั่งให้วิญญาณมาสิงในร่างตน
เปลวไฟแห่งแรงกระหาย เปลวไฟแห่งความหิวโหย พลันลุกโชนในร่างกายพร้อมกัน แต่เด็กหนุ่มไม่สะทกสะท้าน ยังคงตระหนักถึงสมองอีกหนึ่งลูกที่เพิ่มเข้ามา
“อัญเชิญบุปผามารนรก…”
“ล่องหน…”
“วิชาแปลงโฉม… บัดซบ!”
เพิ่งจำแนกได้แค่นี้ ลูเมี่ยนก็อดสบถด่าไม่ได้
เด็กหนุ่มเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นแล้ว!
ชายที่อยู่ถนนแว็งซองต์บ้านเลขที่ 50 คงเป็นผลผลิตของ ‘ศาสตร์การสลับตัว’ ส่วนคนที่ซ่องผักชีฝรั่ง คือคนที่กิโยม·เบเนต์ใช้ ‘วิชาแปลงโฉม’ สร้างเป็น ‘ตัวแทน’ โดยอ้างอิงจากจุดอ่อนของตัวเอง
เป็นกลยุทธ์ไว้แก้ลำคนที่สืบหาตนจากจุดอ่อนเชิงลบต่างๆ!
‘วิชาแปลงโฉม’ เป็นพลังจากพันธสัญญา สามารถเปลี่ยนหน้าตา ร่างกาย รวมถึงบุคลิกของบุคคล ซ้ำยังต่อต้านการทำนายได้ระดับหนึ่ง ราคาที่ต้องจ่ายคือ ‘ใบหน้าของตัวเอง’ ส่วนผลข้างเคียงเชิงลบคือ ‘แรงกระตุ้นในการทารุณผู้อื่น’
ลูเมี่ยนข่มใจให้สงบ พลางจินตนาการถึงรูปร่างท่าทางของกิโยม·เบเนต์ตัวจริง เพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับความทรงจำที่ฝังลึกในวิญญาณคนตาย แล้วทำการค้นหาเบาะแส
เพียงพริบตา ความทรงจำเจ็ดแปดช่วงสั่นไหวแผ่วเบา ลูเมี่ยนเลือกมาหนึ่งในนั้น แล้วพยายามขยายมันให้ใหญ่
……………………………………………………..