ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 325 เข้าบ้าน
ตอนที่ 325 เข้าบ้าน
บริกรจ้องมองกองเหรียญกับปึกธนบัตร ราวกับได้กลิ่นหมึกชนิดพิเศษ ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง รีบกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
ผ่านไปสองสามวินาที เขารีบกวาดสายตาไปรอบตัว แลเห็นว่ามีผู้คนสัญจรผ่านไม่มากนัก จึงสงบลงเล็กน้อย
“จ…จะให้ผมทั้งหมดเลยหรือ” บริกรกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
อัลบัสโยนเหรียญทองมูลค่าห้าเฟลคินไปให้ก่อน เล็งให้ตกบนฝ่ามือบริกรแล้วพูดยิ้มๆ
“ขึ้นอยู่กับว่า ข้อมูลของคุณมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด แต่ไม่ว่าจะเล่าอะไรมา คุณก็จะได้อีกยี่สิบเฟลคินแน่นอน”
บริกรลองกัดเหรียญทองในมือเบาๆ แล้วหันกลับไปมองทางที่เดินมา กดเสียงพูดให้ต่ำลง
“ผู้ชายสำเนียงใต้ในห้อง 602 ค่อนข้างตรงกับที่คุณบอก ทุกครั้งที่แวะมา เขาจะเจาะจงเลือกผีเสื้องานสังคมที่โด่งดังที่สุด ชอบสั่งอาหารล่วงหน้า โดยกำชับให้ไปส่งถึงห้องทุกครึ่งชั่วโมง”
สำเนียงใต้… เจาะจงเลือกผีเสื้องานสังคมที่โด่งดังที่สุด ชอบสั่งอาหารล่วงหน้า ห้อง 602… อัลบัสไม่เสียดาย โยนเหรียญสิบเฟลคินที่สลักรูปเรือรบให้บริกรอีกสองเหรียญ
ถัดมา เขาถือโอกาสระหว่างที่ถนนกำแพงเมืองยังไม่คึกคักถึงขีดสุด ในยามบ่ายที่คนส่วนใหญ่ทำตัวเซื่องซึมใต้แสงแดด แอบขึ้นไปชั้น 6 แล้วซ่อนตัวบนระเบียงปลายทางเดิน
ไม่ถึงสิบนาที บริกรที่รับผิดชอบส่งอาหาร ก็นั่งลิฟต์กลไกไอน้ำขึ้นมา เข็นรถเข็นโลหะสีเงินมาถึงหน้าห้อง 602 แล้วดึงกริ่งเบาๆ
อัลบัสลุกขึ้นยืนทันที เดินไปยังจุดที่สามารถมองเห็นทางเข้าห้อง 602 จากระเบียง
บุคคลที่เปิดประตูเป็นเพศชาย สูงไม่ถึงหนึ่งเมตรเจ็ด สวมหน้ากากเหล็กดำครึ่งหน้า เสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ขาสั้นสีอ่อน
ถอดกางเกงแต่ไม่ถอดเสื้อ… เพื่อปกปิดรอยสักครึ่งตัวบน? อัลบัสยิ่งมองก็ยิ่งเชื่อว่าผู้ชายในห้อง 601 คือกิโยม·เบเนต์ตามประกาศจับ
เขามิได้เข้าไป ‘รบกวน’ อีกฝ่าย เพียงกลับไปนั่งเก้าอี้สีขาวบนระเบียง ล้วงหนูสีเทาขนหนาๆ ตัวหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อ
นี่คือหนึ่งในสัตว์เลี้ยงของ ‘นักฝึกสัตว์’ คริสโต!
ลูเมี่ยนดึง ‘มุสิก’ เข้าร่วมทีมด้วย ก็เพราะหวังใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ทุกคนในทีมสามารถติดต่อกันอย่างลับๆ แต่มีประสิทธิภาพ
แน่นอนว่าต้องพึ่งพาคริสโตเป็นสื่อกลางและ ‘คนแปล’
อัลบัสลูบหัวหนูแผ่วเบา ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เขาทำสัญญาณโดยการนำนิ้วชี้กับนิ้วโป้งจีบเข้าหากันเป็นวงกลม แล้วยกอีกสามนิ้วที่เหลือขึ้น
สัญญาณนี้มีความหมายว่า พบเป้าหมายที่น่าจะเป็นเหยื่อแล้ว
หนูร้อง ‘จิ๊ด’ แล้วกระโดดจากมืออัลบัส วิ่งไปหาเจ้าของที่ซ่อนตัวในร้านเบียร์แถวนั้น
…………
เมื่อรู้จากนกแก้วของ ‘มุสิก’ คริสโตว่าคนของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กพบคนที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นอธิการโบสถ์ ลูเมี่ยนก็พลันงุนงงระคนสับสนไปชั่วขณะ
ถ้าพวกเขาเจอกิโยม·เบเนต์จริง แล้วที่เราเห็นคือใคร?
ถ้าคนในบ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์คือกิโยม·เบเนต์ตัวจริง แล้วของปลอมที่พวกเขาเห็นมาจากไหน?
ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนฉุกถึงความเป็นไปได้หนึ่ง:
ศาสตร์การสลับตัว!
กิโยม·เบเนต์ได้จัดพิธีกรรมสลับตัว!
นี่คือหนึ่งในห้าอาคมพิธีกรรมพิเศษ ซึ่งลูเมี่ยนได้มาหลังจากเป็นภิกษุบิณฑบาต ไม่มีทางที่หลวงพ่ออธิการโบสถ์ซึ่งอยู่ในลำดับ 5 นักล่าชะตากรรมจะไม่ทราบ
ผลของมันคือ ช่วยให้ผู้ได้รับพรตระหนักถึงอันตราย จะได้มีเวลาหาคนมาใช้ชีวิตในนามตัวเองเป็นระยะเวลาหนึ่ง ถูกยอมรับจากคนรอบข้างทั้งจริงใจหรือเสแสร้ง สร้างความสัมพันธ์เชิงศาสตร์เร้นลับที่เพียงพอ จากนั้นก็จัดพิธีกรรมให้เสร็จสมบูรณ์
หากศาสตร์การสลับตัวประสบผลสำเร็จ ตัวแทนจะดูเหมือนตัวจริงทุกประการในสายตาคนอื่น แม้ว่าการตระหนักรู้ตัวเอง รวมถึงพฤติกรรมของตัวแทน จะส่งผลกระทบอยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปก็ยังถูกมองว่าเป็นตัวจริงอยู่
เมื่อตัวแทนถูก ‘หายนะ’ จากคำพยากรณ์กลืนกิน ชะตากรรมของผู้ประกอบพิธีสลับตัวก็จะเปลี่ยนไป หลุดพ้นจากอันตรายที่สอดคล้องกันอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่ามีข้อแม้ เมื่อถึงเวลาดังกล่าว ‘หายนะ’ จะต้องไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคือตัวแทน
วิธีนี้จะส่งผลดีมากกับผู้วิเศษทั่วไป แต่กับลูเมี่ยนที่ทราบถึงการดำรงอยู่ของศาสตร์การสลับตัว เมื่อเอะใจแล้วก็จะไม่ถูกหลอกลวงอีก
พลังที่ลูเมี่ยนรวบรวมมาจนถึงปัจจุบัน เพียงพอสำหรับ ‘จู่โจมหลวงพ่อโดยที่ฝ่ายตัวเองไม่เสียหายมากนัก พร้อมกับได้จับเป็นอีกฝ่าย’ เท่านั้น จึงจำเป็นต้องเลือกฝั่งที่จะลงมือให้ดีเสียก่อน ไม่สามารถสองจิตสองใจโจมตีพร้อมกัน
— คำมั่นสัญญาของการ์ดเนอร์·มาร์ตินมีเพียง ช่วยค้นหา ‘เหยื่อ’ เท่านั้น ไม่รวมถึงความช่วยเหลือด้านอื่น ด้วยเหตุนี้ คนของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก รวมถึงสมาชิกวงนอกส่วนใหญ่ที่ถูกส่งมา จึงมีลำดับค่อนข้างต่ำ หรือแม้แต่คนธรรมดา
แน่นอน หากลูเมี่ยนลองอ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากการ์ดเนอร์·มาร์ติน อีกฝ่ายคงยอมช่วยเพื่อซื้อใจ แต่ปัญหาคือ ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อระดมพลยอดฝีมือ ซึ่งกิโยม·เบเนต์ไม่ใช่คนเหล็ก และผีเสื้องานสังคมก็ไม่ใช่ ‘นางมารสุขสม’ ไม่มีทางร่วมเพศกันนานขนาดนั้น จะต้องกลับไปก่อนแน่นอน
กิโยม·เบเนต์จะเลือกทางไหน… ปล่อยให้ตัวแทนอยู่บ้านเพื่อเป็นตำบลกระสุนตก ส่วนตัวเองออกไปเที่ยวเตร่… หรือปล่อยให้ตัวแทนไปออกงาน เพิ่มโอกาสในการ ‘ถูกสังหาร’ ตั้งแต่นอกบ้าน? ลูเมี่ยนมองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ทั้งคู่ ยากแก่การตัดข้อใดทิ้ง
เด็กหนุ่มใช้เวลาไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะมองนกแก้วสีเขียวสลับขาวแล้วพูด
“แกไปหา ‘บูตแดง’ ฟรังก้า แล้วบอกให้เธอทำนายถามว่า กิโยม·เบเนต์บนถนนแว็งซองต์บ้านเลขที่ 50 กับกิโยม·เบเนต์อีกฝั่งหนึ่ง ใครเป็นตัวจริง ใครเป็นตัวปลอม”
นกแก้วมองลูเมี่ยนด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่
“ข้าเป็นแค่นกแก้ว”
เนื้อหาซับซ้อนเกินไป มันไม่เข้าใจ ก็เลยจำทั้งหมดไม่ได้? ลูเมี่ยนไตร่ตรองสองสามประโยคแล้วรีบตัดสินใจ
“พาฉันไปหา ‘บูตแดง’ ฟรังก้า… ไม่สิ พาไปหาคริสโตก่อน”
ตอนนี้ยังพอมีเวลาเหลือ ในเมื่อกิโยม·เบเนต์บนถนนแว็งซองต์คงไม่หนีไปไหน จึงพอมีเวลาให้คนในทีมนัดพบกันแล้วปรึกษาสั้นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเบื้องต้น
ฝ่ายเราซ่อนตัวในเงามืด ศัตรูทำกิจกรรมในที่แจ้ง ตราบใดที่ยังไม่ไปก่อกวน ทางนี้สามารถประวิงเวลาได้เล็กน้อย แต่แน่นอนว่าต้องจบลงก่อนที่กิโยม·เบเนต์ ซึ่งกำลังเที่ยวเตร่กับผีเสื้องานสังคมคนดัง จะเสร็จกิจกรรมบนเตียง เพราะภารกิจสะกดรอยตามมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกตรวจพบ โดยเฉพาะการติดตามหลวงพ่อผู้ครอบครองพลังประหลาด รวมถึงพลังที่ยังไม่รู้จัก
………..
ในตรอกแถวถนนกำแพงเมือง
ฟรังก้าในชุดนักลอบสังหาร จินนาในชุดทหารหญิงรับจ้าง อ็องโตนี·รีดที่ยังคงสวมเสื้อกับกางเกงขายาวสีเขียวทหารเช่นเคย รวมถึงลูเมี่ยนที่สวมหมวกแฟลตแก๊ป เสื้อกั๊กสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว ได้มาพบกันในสถานที่เงียบสงัดปลอดผู้คนแห่งนี้
ลูเมี่ยนเล่าภาพรวมโดยย่อ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา จึงไม่ได้อธิบายลงลึก ‘ศาสตร์การสลับตัว’ เพียงใช้นิยามว่าเป็น ‘ไสยเวทตัวตายตัวแทน’
โดยไม่รอให้เด็กหนุ่มถาม ฟรังก้าหยิบกระจกออกมา ลูบผิวแผ่วเบาพลางสวดคาถา
ในไม่ช้า บนกระจกก็ปรากฏคลื่นน้ำกระเพื่อม พร้อมกับเสียงแหบแห้งดังเล็ดลอด
“ตัวจริงทั้งคู่”
ตัวจริงทั้งคู่… ฟรังก้าหันหน้าไปหาลูเมี่ยนด้วยความประหลาดใจ
ไสยเวทตัวตายตัวแทนทรงพลังอย่างยิ่ง ชนิดที่เหมือนกับตัวจริงทั้งรูปลักษณ์หรือโชคชะตา จนการทำนายเบื้องต้นไม่อาจแยกแยะได้!
ตัวจริงทั้งคู่… ลูเมี่ยนคิดไว้แล้วว่าอาจได้รับคำตอบนี้ จึงกำลังมองหาวิธีอื่น
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบไป ฟรังก้าหายใจเข้า แล้วถามกึ่งๆ ลังเล
“ต…ต้องเปลี่ยนคนที่ถูกถามไหม?”
เธอเตรียมใจจะลองขอคำตอบจาก ‘ผู้ที่ให้ผลการทำนายแม่นยำที่สุด’
แต่ถ้าทำแบบนั้น ฟรังก้าก็ต้องตอบคำถามที่อาจทำให้เธอ ‘ตายทางสังคม’ ต่อหน้าจินนา ลูเมี่ยน รวมถึงอ็องโตนี·รีด
เธอเชื่อว่าคำถามของอีกฝ่ายคงจะเป็น ‘เจ้าคิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับจินนาบ่อยๆ ใช่ไหม?’
แล้วหลังจากนี้เธอจะมองหน้าจินนาติดได้ยังไง!
ลูเมี่ยนส่ายหัว
“ไม่ต้องหรอก ผมมีวิธี”
เขาหันไปพูดกับจินนา
“คุณไปซ่อนตัวในเงาฝั่งตรงข้ามห้อง 602 ของ ‘ผักชีฝรั่ง’ คอยจับตาดูพฤติกรรมของกิโยม·เบเนต์อย่างใกล้ชิด”
“ถ้ามันเสร็จกิจแล้วเตรียมกลับ โดยที่พวกเรายังตามไปไม่ถึง คุณห้ามชะล่าใจไล่ตามไปเด็ดขาด แค่คอยสังเกตจากไกลๆ ว่ามันไปทางไหน หรือถนนเส้นไหนก็พอ”
“ตกลง” จินนาพยักหน้าพลางทบทวนภารกิจของตน
ลูเมี่ยนหันไปมองฟรังก้ากับอ็องโตนี·รีด
“เราสามคนไปที่ถนนแว็งซองต์บ้านเลขที่ 50 ด้วยกัน ผมจะเข้าไป ‘เยี่ยม’ กิโยม·เบเนต์โดยตรง ฟรังก้าคอยล่องหนตามผมมา ถ้ายังไม่มั่นใจว่าเป็นตัวจริง พยายามอย่าลงมือ”
“อ็องโตนี คุณเฝ้าอยู่ข้างนอก ถ้ากิโยม·เบเนต์ที่นั่นเป็นตัวปลอม ผมกับฟรังก้าจะรีบตามไปสมทบที่ ‘ผักชีฝรั่ง’ ส่วนคุณคอยจับตาดูคุณนายในบ้านต่อไป สังเกตว่าเธอหนีไปทางไหน… ในภายหลัง ถ้ากิโยม·เบเนต์ที่ ‘ผักชีฝรั่ง’ หนีรอดไปได้ เธอจะกลายเป็นเบาะแสสำคัญในแผนถัดไปของเรา”
“ถ้าคนบนถนนแว็งซองต์เลขที่ 50 เป็นตัวจริง จนเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด คุณค่อยเข้ามาสนับสนุนตามที่เห็นสมควร”
ฟรังก้าไม่มีข้อโต้แย้ง เธอทราบดีว่าลูเมี่ยนมี ‘ท่องเที่ยว’ หากยืนยันแล้วว่าเป้าหมายบนถนนแว็งซองต์เป็นตัวปลอม กำลังรบหลักก็สามารถย้ายไปอีกฝั่งได้ก่อนที่กิโยมตัวจริงกับตัวปลอมจะ ‘สื่อสารกัน’
อ็องโตนีวิเคราะห์ความเสี่ยงของตน ก่อนจะตอบว่าไม่มีปัญหา
…………
บ้านเลขที่ 50 ถนนแว็งซองต์ ใกล้อาคารสีขาวครีมสามชั้น
เมื่อลูเมี่ยนเห็นว่าฟรังก้า ‘ล่องหน’ โดยไม่ต้องใช้สื่อกลาง เด็กหนุ่มก็ยกมือขวาลูบใบหน้า
เขากลายเป็นชายวัยสามสิบกว่าทันที สวมเครื่องแบบสีดำ ติดยศสารวัตร
ใบหน้าของไนเซอร์!
ลูเมี่ยนตรวจสอบตัวเองเบื้องต้น แล้วเดินไปยังอาคารเป้าหมาย ดึงกริ่งประตูบ้าน
คนเปิดประตูคือผู้ชายในชุดพ่อบ้าน เขามองลูเมี่ยนด้วยความฉงน แล้วจึงถาม
“คุณตำรวจ มีอะไรหรือครับ?”
“มีคดีคนเร่ร่อนหายตัวไป ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับถนนเส้นนี้ ผมจึงอยากคุยกับคุณเจ้าของบ้านสักหน่อย” ลูเมี่ยนเริ่มปั้นน้ำเป็นตัวอย่างชำนาญ
สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คุณตำรวจครับ ช่วยรอสักครู่ก่อน ผมจะไปถามคุณผู้ชายให้”
ถัดมาไม่นาน พ่อบ้านก็กลับมาที่ประตู บอกกับลูเมี่ยนว่า
“คุณตำรวจครับ คุณผู้ชายขอเชิญคุณไปที่ห้องรับรองเล็กบนชั้นหนึ่ง”
ลูเมี่ยนพยักหน้าเบาๆ แล้วตามพ่อบ้านเข้าไปในบ้านเลขที่ 50
ในห้องรับแขกกว้างขวางโอ่อ่า แมวสีน้ำเงินเทาขดตัวอยู่ตรงมุม นกในกรงร้องระงมอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย สุนัขสีดำที่ดูเหมือนหมาล่าเนื้อ นอนหมอบอยู่กลางทางเดิน มองคนแปลกหน้าด้วยสายตาระแวดระวัง
เดินผ่านโซฟาหรูหราชุดหนึ่ง พ่อบ้านก็เลี้ยวเข้าห้องรับรองเล็กทางฝั่งซ้าย ด้านในมีบุรุษผมดำนัยน์ตาน้ำเงิน จมูกงองุ้มเล็กน้อย สวมเสื้อเชิ้ตสีเข้ม กางเกงขายาวสีดำ กำลังนั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยว ลูบหัวสุนัขขนสีน้ำตาลอย่างทะนุถนอม บรรยากาศเป็นกันเอง เจือความหยิ่งผยองนิดๆ
“คุณตำรวจครับ มีเรื่องอะไรหรือ” อีกฝ่ายลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อนพลางถามไถ่
เป็นมัน… เป็นมัน… กิโยม·เบเนต์! หลวงพ่ออธิการโบสถ์ กิโยม·เบเนต์! เมื่อลูเมี่ยนเห็นรูปลักษณ์ของเจ้าบ้านชัดเจน ดวงตาก็หรี่ลงเล็กน้อย เดินไปข้างหน้าสักสองก้าว จนห่างจากฝ่ายไม่ถึงห้าเมตร
ถัดมา เด็กหนุ่มอ้าปากพร้อมกับส่งเสียง
“ฮ่า!”
มีแต่ต้องลงมือพิสูจน์เท่านั้น ถึงจะยืนยันได้ว่าใครเป็นตัวแทน ใครเป็นตัวจริง!
……………………………………………………..