ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 318 ค่าตอบแทน
ตอนที่ 318 ค่าตอบแทน
ลูเมี่ยนท่องคาถาอัญเชิญเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ โดยอิงตามหลักการประกอบพิธีอัญเชิญที่ถูกต้อง ซึ่งอธิบายไว้ในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์ รวมถึงความรู้ศาสตร์เร้นลับที่แถมมากับผู้ถือพันธสัญญา
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย”
“ผู้ปกครองเหนือห้วงสายหมอกสีเทา”
“ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
“ข้าวิงวอนต่อพระองค์”
“วิงวอนขอความสนใจจากพระองค์”
“ตัวข้า!”
“ขออัญเชิญในนามแห่งเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่”
“สิ่งมีชีวิตพิสดารที่เตร็ดเตร่บนโลกเบื้องสูง… ท่อนแขนของสิ่งมีชีวิตลึกลับ… จอมหักคอที่บวมดำช้ำเขียว”
นี่คือคาถาอัญเชิญที่ลูเมี่ยนออกแบบเองตามข้อมูลของ ‘ท่อนแขนบวมเน่า’ สืบเนื่องจากพิธีกรรมอัญเชิญจะช่วยคุ้มครองผู้อัญเชิญในระดับหนึ่ง กอปรกับการที่ ‘ท่อนแขนบวมเน่า’ ไม่ถือว่าอันตราย เด็กหนุ่มจึงตัดคำนิยามเกี่ยวกับ ‘อ่อนแอ’ และ ‘เป็นมิตร’ ออกไป แล้วแทนที่ด้วยคำอื่น มุ่งเป้าเจาะจงไปยังสิ่งมีชีวิตที่ตนต้องการ
เปลวเทียนไขสีดำอมเขียวเริ่มพองตัว ถักสานเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นบานประตูมายาลวดลายลึกลับ โดยมีหมอกควันเจือจางลอยคละคลุ้ง แผ่ซ่านด้วยบรรยากาศอันน่าหวั่นวิตก
ประตูดังกล่าวบรรจงเปิดอ้า สิ่งที่บินออกมาคือท่อนแขนบวมเน่าสีดำอมเขียว ค่อนข้างเปื่อยยุ่ย ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือลูเมี่ยนถึงสองเท่า ประหนึ่งสามารถบีบศีรษะมนุษย์ให้แหลกในกำเดียว
ท่อนแขนบวมเน่าลอยอยู่หน้าประตูมายาที่ดูลึกลับ นิ้วทั้งห้ากางออก เล็งไปหาคอของลูเมี่ยน แต่ก็มิได้บุกโจมตี
ลูเมี่ยนหยิบกระติกสนามสีต่างกันอีกใบออกมา บิดเกลียวเปิดฝา สาดเหล้าใส่แท่นบูชาเล็กน้อย เป็นทิศทางเดียวกับท่อนแขนบวมเน่า
เหล้าหกเลอะเทอะกลางทางเล็กน้อย แต่ขณะเดียวกัน เข็มกลัดดอกสก็อตบรูมก็พลันส่องแสง ‘สินบน’ ถือเป็นอันบรรลุการจ่ายสินบนเงียบๆ
ลูเมี่ยนเริ่มอ้าปากทันที กล่องเสียงกับหน้าอกสั่นพ้อง ทยอยเปล่งถ้อยคำที่ออกเสียงประหลาดเรียงหนึ่ง
เขาไม่เคยเรียนคำเหล่านี้มาก่อน ทั้งหมดได้มาจากปัญญาศาสตร์เร้นลับของผู้ถือพันธสัญญา ช่วยให้สามารถเข้าใจหลักการออกเสียง เข้าใจความหมายได้ทันที
มันคือส่วนหนึ่งของ ‘ภาษาลับแห่งโชคชะตา’
ขณะเสียงของลูเมี่ยนดังกังวานกระทบกระแสลม ถ้อยคำสีเงินดำดุจดังตราสัญลักษณ์ ทยอยปรากฏทีละคำจากอากาศบางๆ
ถ้อยคำเหล่านั้นโปรยปรายลงบนกระดาษย่นคล้ายหนังแกะ ซึ่งวางอยู่บนแท่นบูชาทีละคำสองคำ ก่อร่างเป็นสัญญาประหลาดฉบับสั้น
พร้อมกับการก่อตัวของสัญญา ลูเมี่ยนสร้างความเชื่อมโยงอันละเอียดอ่อนกับท่อนแขนบวมเน่า ประหนึ่งการใช้ ‘ระบำเรียกสถิต’ เพื่อให้อีกฝ่ายสิงร่าง
ด้วยเหตุนี้ ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจพลัง เข้าใจคุณสมบัติเบื้องต้นของท่อนแขนบวมเน่า รับรู้ถึงความปรารถนาของมัน
ความปรารถนานั่นคือ สิ่งที่ลูเมี่ยนต้องจ่ายเป็นค่าตอบแทน:
“หาร่างกายของข้าให้พบ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีวันได้ครอบครองบารมีเทพ!”
สามารถรับพลังล่วงหน้าได้ โดยให้ค้างค่าตอบแทนไว้ก่อน… เป็นเพราะ ‘สินบน’ ส่งผลระดับหนึ่งหรือ? ไม่สิ ไม่ใช่… ทันทีที่ลงนามในสัญญา เราจะจ่ายค่าตอบแทนทันที แต่จ่ายด้วย ‘โชคชะตาการเป็นครึ่งเทพ’ เมื่อเรารวบรวมร่างกายส่วนที่เหลือของท่อนแขนบวมเน่าได้ครบ ก็ถือว่าได้ชดใช้หนี้ที่ติดค้างแล้ว… เหมือนกับเป็นการมัดจำไว้ก่อน… กระแสความคิดทยอยผุดวาบในสมองของลูเมี่ยน ช่วยให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของสัญญา
ขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มก็พบพลัง ‘เดินทางข้ามโลกวิญญาณ’ ที่ตนหมายปองจากรายการ ‘พลัง’ และ ‘จุดเด่น’ ของท่อนแขนบวมเน่า ซึ่งนอกจากนี้ยังมี ‘ต่อต้านการทำนาย’ ‘ถูกทำลายได้ยาก’ และ ‘สามารถบีบคอผู้ไร้บารมีเทพให้หัก’
เหล่านี้คือคุณสมบัติติดตัวท่อนแขนบวมเน่า มิใช่พลังวิเศษ ผลลัพธ์จึงด้อยกว่าที่ลูเมี่ยนคาดหวังไว้เล็กน้อย แต่ก็ยังพอยอมรับได้
สืบเนื่องจาก ‘มีหน้ามีตา’ ไม่ควรใช้งานเกินสิบห้านาที อีกทั้งค่าตอบแทนก็ยังพอรับได้ พลังก็ค่อนข้างตรงตามธงในใจ ลูเมี่ยนจึงไม่มัวเสียเวลาอัญเชิญสิ่งมีชีวิตสำรองตัวอื่น รีบให้คำมั่นสัญญาเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณ
“ข้าจะช่วยเจ้าหาร่างกาย โดยที่ระหว่างนั้น ข้ามิอาจครอบครองบารมีเทพ”
ถ้อยคำข้างต้นหลอมรวมกับสภาพแวดล้อม กลายเป็นหมอกควันสีดำอมเขียว ซึมผ่านเข้าไปในกระดาษย่นคล้ายหนังแกะ
ท่อนแขนบวมเน่าร่วงหล่นทันที ทิ้งคราบหนองเหลืองปนเลือดไว้บนตำแหน่งว่างๆ ในสัญญา
พันธสัญญาฉบับดังกล่าวพลันลุกไหม้ หมอกควันบ้างกระจายเป็นรูปร่างสัญลักษณ์ บ้างกระจายอักขระสีเงินดำจำนวนมาก
ส่วนหัวกับท้ายเชื่อมเข้าหากัน เรียงตัวเป็นลวดลายมายาอันสลับซับซ้อน ก่อนจะถูกบีบอัดแล้วไหลเข้าสู่หัวไหล่ของลูเมี่ยน
แม้จะมีเสื้อผ้าปกปิด แต่ภาพบนผิวหนังไหล่ขวา ก็ผุดขึ้นในใจลูเมี่ยนโดยปริยาย
ในตำแหน่งดังกล่าวมีลวดลายประหลาดคล้ายตราประทับเพิ่มเข้ามา
เด็กหนุ่มรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ขอแค่ตนเรียกใช้ตราประทับแห่งพันธสัญญานี้ ก็จะสามารถยืมคุณสมบัติ ‘เดินทางข้ามโลกวิญญาณ’ ของท่อนแขนบวมเน่ามาใช้ เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไป สัญญานี้จะไม่มีวันถูกยกเลิกฝ่ายเดียว มันคือโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้
โดยไม่มีเวลาทดสอบ ‘เดินทางข้ามโลกวิญญาณ’ ลูเมี่ยนรีบจบพิธีกรรมอัญเชิญ แล้วเริ่มจัดพิธีใหม่
“…”
“ข้าขออัญเชิญในนามแห่งเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่”
“วิญญาณแค้นที่เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า… เจ้าสาวไร้หัว… ต้นกำเนิดคำสาปแห่งสายเลือดตระกูล”
ประตูมายาอันลึกลับซับซ้อน ก่อร่างขึ้นอีกครั้งหลังจากเปลวไฟสีดำอมเขียวถักทอเข้าด้วยกัน สายลมเย็นพัดพวยจากภายใน เปลี่ยนค่ำคืนฤดูร้อนให้เย็นยะเยือกดุจดังเหมันต์ราตรี
ลูเมี่ยนเห็นร่างหนึ่งเดินออกจากประตูมายา สวมชุดราตรียาวสีแดงสดสำหรับงานมงคล บนชุดเต็มไปด้วยลวดลายที่ปักจากด้ายสีทอง
แน่นอนว่าร่างนี้ไร้เศียร ความเคียดแค้นเกลียดชังฟุ้งกระจายจนจับต้องได้
ลูเมี่ยนทำตามขั้นตอนเดิม ใช้เหล้า ‘ติดสินบน’ แล้วท่องสัญญา รับรู้ถึงค่าตอบแทนที่ ‘เจ้าสาวไร้หัว’ เรียกร้อง
“บูชายัญด้วยญาติหรือมิตรสหาย”
“ขออภัยที่รบกวน” ลูเมี่ยนหัวเราะจิกกัดตัวเองอยู่ในคอ แล้วก็ยุติพิธีอัญเชิญทันที
แม้การอัญเชิญครั้งนี้จะคว้าน้ำเหลว แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยก็ยังได้ยืนยันว่า ‘การติดสินบน’ สามารถสร้างผลเชิงบวกได้ในระดับหนึ่ง:
เดิมที ‘เจ้าสาวไร้หัว’ คงเรียกร้องให้บูชายัญด้วยญาติเท่านั้น แต่หลังจาก ‘ติดสินบน’ ไป เธอได้ผ่อนปรนเงื่อนไขให้รวมไปถึงมิตรสหาย
เป้าหมายถัดไปของลูเมี่ยนคือ ‘ตั๊กแตนหน้าคน’ ข้อความที่ออกแบบไว้เพื่อเป็นคาถาอัญเชิญคือ:
“วิญญาณแค้นที่เตร็ดเตร่ในความว่างเปล่า… นักล่ารูปร่างคล้ายตั๊กแตน… ใบหน้ามนุษย์ที่ชำนาญการแปรเปลี่ยน”
ท่ามกลางเสียงประหลาดวี้ดๆ ตั๊กแตนยักษ์สีน้ำเงินเขียวกึ่งโปร่งแสงก็คลานออกจากประตูมายา
บนหัวของมันมีใบหน้าชายหนุ่มหล่อเหลา เปล่งประกาย ทำให้ผู้คนลดความระแวงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อตระหนักถึงตัวตน ตระหนักถึงเพศของผู้อัญเชิญ ตั๊กแตนก็รีบจำแลงกายเป็นหญิงงามในชุดราตรีสีดำ
ลูเมี่ยนส่งเสียง ‘หึ’ ในใจ พลางดำเนินขั้นตอน ‘ติดสินบน’ สวดคาถา แล้วรับฟังข้อเรียกร้อง
‘การสังเวย’ ที่ตั๊กแตนหน้าคนเรียกร้องมีสามอย่าง โดยจ่ายเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง:
“อวัยวะสืบพันธุ์ของผู้ทำสัญญา; ความสามารถในการโกหกของผู้ทำสัญญา; การประหารผู้ทำสัญญาด้วยไฟ”
หลังจาก ‘ติดสินบน’ ไป จึงมีการผ่อนปรนเงื่อนไข เพิ่มมาหนึ่งหรือสองตัวเลือก? ความต้องการของมันไม่ซับซ้อน แค่อยากจะทรมานมนุษย์เท่านั้นสินะ… ข้อแรกสอดคล้องกับความริษยาในบุรุษ หากเราเป็นสตรี ตัวเลือกนี้คงไม่ปรากฏ… ข้อสองสอดคล้องกับผู้ใส่ร้ายป้ายสี ผู้กล่าวหาเท็จ ส่วนข้อสามสอดคล้องกับการถูกประหารด้วยไฟที่มันเคยได้รับ… ลูเมี่ยนตัดสินใจได้ทันที
ในฐานะนักวางเพลิง เด็กหนุ่มรู้สึกว่าค่าตอบแทนข้อสามจ่ายได้ง่ายมาก ในแง่หนึ่ง ร่างกายของตนมีคุณสมบัติทนทานไฟอยู่แล้ว อีกแง่หนึ่ง การกัดฟันทนความเจ็บปวดคือจุดแข็งของเขา
หากไม่มีตัวเลือกนี้ ลูเมี่ยนคิดไว้ว่าจะยุติพิธีกรรม เปลี่ยนไปอัญเชิญสัตว์โลกวิญญาณสำรองตัวอื่นแทน เพราะหากสูญเสีย ‘การโกหก’ ไป ตัวเขาจะอ่อนแอลงมาก แทบไม่มีทางอยู่รอดในกรุงทรีอาร์ได้เลย ส่วนข้อเรียกร้องแรก เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อถึงหกโมงเช้า อวัยวะสืบพันธุ์ที่สังเวยไปจะงอกกลับมาใหม่หรือไม่ จึงไม่อยากเสี่ยง
ลูเมี่ยนรีบเลือก ‘ใบหน้าของไนเซอร์’ จากบรรดาพลังของตั๊กแตนหน้าคน
‘ไนเซอร์’ คือชื่อสมัยยังเป็นมนุษย์ของมัน แก่นแท้ของพลังนี้ใกล้เคียงกับ ‘มายากล’ มากกว่า ‘เปลี่ยนหนังแปลงกระดูก’ แต่ตราบใดที่ไม่มีพลังในการยกเลิกมัน หรือไม่มีบารมีเทพ ก็ไม่มีทางมองทะลุภาพลวงตานี้ได้
คราวนี้ตราประทับตกลงบนไหล่ซ้ายลูเมี่ยน โดยมีเปลวไฟสีแดงลุกโชนจากฝ่าเท้าในเวลาเดียวกัน
ลูเมี่ยนควบคุมเปลวไฟนี้ไม่ได้ มันเริ่มแผดเผาเครื่องแต่งกาย รวมถึงการย่างผิวหนังจนไหม้เกรียม
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปขณะสู้กับซูซานน่า·มาติส ความเจ็บปวดที่คุ้นเคยแต่แปลกใหม่ ถาโถมเข้าใส่ดุจดังคลื่นยักษ์ หมายกลืนกินสติสัมปชัญญะของเขา
ลูเมี่ยนรีบโยนของมีค่าบนตัวออกไปไว้ด้านข้าง พลางกำเข็มกลัดมีหน้ามีตาไว้บนฝ่ามือ
การประหารด้วยไฟดำเนินต่อเนื่องนานถึงสามนาที ลูเมี่ยนถูกเผาจนแทบไม่เหลือผิวหนัง บนผิวกายมีรอยไหม้จากเสื้อผ้า
สำหรับนักวางเพลิง บาดแผลเพียงเท่านี้ยังไม่ถือว่าคุกคามชีวิต แม้แต่จะเรียกว่ารุนแรงก็ยังไม่ถึง เด็กหนุ่มยังมีแรงเหลือสำหรับเตรียมพิธีอัญเชิญครั้งถัดไป
“สิ่งมีชีวิตประหลาดที่เตร็ดเตร่บนโลกเบื้องสูง… ก้อนเนื้อเจ้าของดวงเนตรมหาศาล… ผู้มีส่วนกับฝันร้ายแห่งจิตใต้สำนึก”
ท่ามกลางเสียงสวดคาถา สิ่งมีชีวิตที่ประกอบจากก้อนเนื้อจำนวนมากก็กลิ้งออกจากประตูมายา โดยที่แต่ละก้อนมีดวงตาสีขาวขอบดำ
เมื่อถูกดวงตาจำนวนมากจ้องมอง ลูเมี่ยนที่กำลังถือกระติกสนามก็พลันทรุดลงไปทันที เข้าสู่ภวังค์หลับใหล
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่น พบว่าพิธีกรรมยุติไปเองโดยปริยายแล้ว ‘มารพันเนตร’ หวนคืนสู่โลกวิญญาณ มิได้ทำอะไรเกินเลยมากกว่านั้น
แค่มองก็หลับ หมดโอกาสสื่อสารโดยสิ้นเชิง… อิทธิพลลักษณะนี้อยู่นอกเหนือความคุ้มครองของพิธีกรรมสินะ… ลูเมี่ยนถอนหายใจ ก้มเก็บนาฬิกาพกของคาบาเร่ต์ลมเอื่อยที่เคยโยนลงพื้น แล้วอ่านเวลา
โชคดีที่หลับไปไม่นาน ยังมีเวลาเหลือราวๆ สามนาที… ลูเมี่ยนรีบตั้งสติ เริ่มพิธีกรรมใหม่ อัญเชิญ ‘เงาหวีดร้อง’
“…”
“วิญญาณที่เตร็ดเตร่ท่ามกลางความว่างเปล่า… ร่างผนวกแห่งมวลเงามืด… ผู้สร้างเสียงหวีดร้องสลบไสล”