ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 310 พานพบ
ตอนที่ 310 พานพบ
“ทำอิท่าไหนถึงหลงได้?” ลูเมี่ยนถามเจือความสงสัย
บารอนบรินิแยร์ไม่เพียงเป็นหัวหน้าหน่วยแก๊ง แต่ยังเป็นผู้วิเศษ ถ้าไม่เลินเล่อจนเกินไปนัก มีหรือจะปล่อยให้เด็กสักคนหลงต่อหน้าต่อตา?
ยิ่งไปกว่านั้น ใครในเขตตลาดจะกล้าลักพาตัวลูกของเขา?
ซาโกตาส่ายหัว
“ไม่ได้รับแจ้งรายละเอียดครับ”
หรือจะเป็นฝีมือของโรงเรียนกุหลาบที่ต้องการเค้นข้อมูลของพรรคซาฟาห์จากบารอนบรินิแยร์? ลูเมี่ยนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ล่าสุด เริ่มผุดข้อสงสัยบางอย่าง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
เขาครุ่นคิดสักครู่แล้วพูด
“พวกนายพอจะรู้ไหม ลูกนอกสมรสของบรินิแยร์หน้าตาเป็นยังไง?”
ซาโกตาพยักหน้า
“ตอนที่ลูกน้องของบารอนมาตามหาคน เขานำภาพวาดมาด้วย มันดูคล้ายกับรูปถ่าย”
ภาพวาดที่คล้ายกับรูปถ่าย… วาดด้วยอาคมพิธีกรรม? ลูเมี่ยนนึกถึงเนื้อหาในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์
เด็กหนุ่มมองดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสดใสนอกหน้าต่าง แล้วพูดกับซาโกตา
“นายพาอีกสองสามคนไปช่วยบรินิแยร์หาเด็ก”
ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะถูกโรงเรียนกุหลาบจับตัวไป หรือเป็นเพียงอุบัติเหตุพลัดหลง แต่ถ้าปล่อยไว้นานแล้วยังตามตัวไม่พบ เรื่องราวคงดำเนินไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดีนัก
เด็กอายุแค่นั้น ต่อให้ไม่เกิดเรื่องร้ายแรง แค่พลัดหลงเร่ร่อน แต่ก็คงอยู่รอดไม่นานนัก
“ครับ” ซาโกตามิได้ไถ่ถามลูกพี่ ถึงเหตุผลที่ยอมส่งคนไปช่วยบารอนบรินิแยร์
อย่างไรเสีย ตอนนี้ยังไม่เลยเที่ยง คาบาเร่ต์ลมเอื่อยพึ่งจะเปิด ช่วงเวลาที่งานชุกจริงๆ คือหลังจากสามสี่โมงเย็นไปแล้ว หากไม่นับพวกพนักงานทำความสะอาดกวาดถู รวมถึงคนครัว คนที่เหลือถือว่าค่อนข้างว่างงาน
ลูเมี่ยนสั่งไวน์น้ำตาลใส่น้ำแข็ง รวมถึงน้ำเปล่าอีกแก้ว แล้วถือแก้วไวน์ยืนอยู่ริมระเบียงร้านกาแฟ มองดูชาวแก๊งหลายคนเดินขวักไขว่ไปบนถนนใหญ่ตลาด เที่ยวสอบถามคนไร้บ้าน
ผ่านไปสักพัก ‘มุสิก’ คริสโตก็ปรากฏตัว หัวหน้าแผนกลักลอบขนของเถื่อนร่างแคระรายนี้ พาสุนัขต่างสีสันและต่างสายพันธุ์มาเดินพร้อมถึงเจ็ดแปดตัว ดึงดูดความสนใจอย่างยิ่งเมื่อออกจากตรอกหนึ่ง แล้วเข้าไปในตรอกฝั่งตรงข้าม
ไม่นานเขาก็มาถึงใกล้ๆ คาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เมื่อเห็นสถานการณ์ ลูเมี่ยนดื่มไวน์น้ำตาลที่เหลืออยู่จนเกลี้ยง วางแก้วไว้บนราวระเบียง แล้วกระโดดลงมาจากชั้นสอง ลงสู่ริมถนนโดยตรง
คริสโตเจ้าของหนวดหนูสองเส้น เดินตรงเข้ามาหาอย่างเต็มใจ ยิ้มประจบประแจงพลางพูดว่า
“อรุณสวัสดิ์ ชาร์ล”
“คุณกำลังช่วยบรินิแยร์ตามหาลูกนอกสมรสอยู่หรือ?” ลูเมี่ยนถามไม่อ้อมค้อม
คริสโตพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ เขาอุตส่าห์บากหน้ามาขอให้ผมช่วย พอดีว่าเด็กๆ พวกนี้ถนัดตามหาคนมาก”
‘มุสิก’ ตัวนี้พูดไปพลางลูบหัวเหล่าสุนัขอย่างรักใคร่
บางครั้งพวกมันก็รวมกลุ่ม บางครั้งก็กระจายตัว ตามหากลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์
บารอนบรินิแยร์ดูจะรักลูกนอกสมรสจริงๆ … ขณะครุ่นคิด ลูเมี่ยนเตือน ‘มุสิก’ คริสโตไว้ประโยคหนึ่ง
“เรื่องนี้อาจไม่ชอบมาพากล ระวังตัวไว้บ้างนะ อย่าให้ตามหาคนไม่เจอ แล้วตัวเองก็หายไปด้วย”
โรงเรียนกุหลาบลักพาตัวเด็กคนนั้นไป ยังคงเป็นเพียงหนึ่งในความเป็นไปได้
คริสโตตกใจจนหน้าซีด ใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้วตอบกลับ
“ก็มีกลิ่นอยู่บ้างจริงๆ นั่นแหละ ในช่วงไม่กี่ปีหลัง พวกเราไม่เคยได้ยินว่าบรินิแยร์มีลูกนอกสมรส… แล้วก็ในเมื่อบรินิแยร์หวงแหนเด็กขนาดนั้น ทำไมถึงปล่อยให้หลงได้?”
ลูกนอกสมรสที่โผล่มาอย่างกะทันหัน? ลูเมี่ยนพลันกระจ่างว่า เรื่องนี้อาจซับซ้อนกว่าที่ตนเคยคาดเดา
หลังจากพึมพำกับตัวเองอยู่สองสามประโยค คริสโตกล่าวด้วยใบหน้าซาบซึ้ง
คริสโตปล่อยให้หมาใหญ่หลายตัวถูไถขาของตน พลางหัวเราะในคออย่างเก้อเขิน
“มีอยู่นะ แต่ก็ล้วนเป็นแบบชั่วคราว ผลลัพธ์ก็ธรรมดา ห่างไกลจากระดับโอสถมาก… บ้าจริง ถ้ากินบ่อยๆ ยังจะเกิดปัญหาตามมาอีก”
ลูเมี่ยนเปลี่ยนเรื่องคุย
“คุณมีเถ้ากระดูกมัมมี่ของแท้บ้างไหม?”
คริสโตเผยสีหน้าคลุมเครือในทันที
“คุณจะเอาเท่าไร? ผมสามารถจัดของที่มีสรรพคุณเด็ดๆ ให้ได้… ‘กะหรี่น้อย’ จินนาคนนั้นสนิทสนมกับฟรังก้า คงรับมือได้ยากสินะ? เมื่อไม่กี่วันก่อน ฟรังก้าเองก็มาถามหาเถ้ากระดูกมัมมี่ของแท้จากผมเหมือนกัน… เฮ้อ แม้แต่บอสก็ยังไม่ไหวหรือเนี่ย”
ส่วนชาร์ลก็เหมือนกัน แม้จะมีคู่นอนเป็นนักเต้นกับนักแสดงหญิงหลายคน แต่ก็ยังหนุ่มยังแน่น ไม่นึกว่าจะต้องพึ่งพายาปึ๋งปั๋งเสียแล้ว
“ผมพูดถึงเถ้ากระดูกมัมมี่ของจริง” ลูเมี่ยนยกมือขึ้นลูบคาง
“อันนั้นไม่มีหรอก” คริสโตส่ายหัว “ของแบบนั้นไม่มีสรรพคุณทางยาอะไรเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าใครมันเป็นคนเริ่มกุข่าว… แต่ผมมียาที่ช่วยให้คุณสร้างความพึงพอใจให้คู่นอนได้ทุกคน ผสมจากสมุนไพรหลายตัว แต่แปะฉลากว่าผลิตจากเถ้ากระดูกมัมมี่”
“ฟรังก้าซื้อไปหรือเปล่า” ลูเมี่ยนถามยิ้มๆ
“ซื้อสิ” คริสโตหัวเราะ ‘ฮะๆ’ อย่างให้ความร่วมมือ “สงสัยบอสจะอายผม”
อำพรางได้แนบเนียนจริงๆ … ไม่ทำให้ ‘มุสิก’ เอะใจว่า เป้าหมายที่แท้จริงคือเถ้ากระดูกมัมมี่ของแท้ซึ่งไร้ ‘สรรพคุณทางยา’ นั่นแหละ… ลูเมี่ยนถอนหายใจแล้วพูดไปตามตรง
“สิ่งที่ผมต้องการคือเถ้ากระดูกมัมมี่ของแท้ มันมีประโยชน์ในเชิงศาสตร์เร้นลับ คุณที่ติดต่อกับพ่อค้าวัตถุดิบยาเป็นประจำ รบกวนช่วยดูๆ ให้หน่อยนะ”
“ไม่มีปัญหา” คริสโตยังเชื่อว่าชาร์ลคงจะอาย ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองตามหายา ‘ปึ๋งปั๋ง’ ถึงกับต้องอ้างศาสตร์เร้นลับเพื่อหาซื้อเถ้ากระดูกมัมมี่ของแท้ แต่เขาก็มิได้เปิดโปง อย่างไรเสีย นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
มองตามคริสโตที่จูงฝูงสุนัขออกไปตามหาลูกนอกสมรสของบารอนบรินิแยร์ต่อ ลูเมี่ยนหันกลับเข้าไปในคาบาเร่ต์
ยังไม่ทันจะได้เข้าใกล้เคาน์เตอร์บาร์ เด็กหนุ่มก็ได้ยินเสียงกังวานซ้อนทับของเทอร์มีโพลอสดังขึ้นข้างหู
“ไปห้องใต้ดิน”
“ห้องใต้ดินไหน?” เขาถามด้วยน้ำเสียงหยั่งเชิง
“ห้องใต้ดินที่ใช้เก็บวัตถุดิบอาหาร” เทอร์มีโพลอสตอบกลับ
กระตือรือร้นขนาดนี้ กระฉับกระเฉงขนาดนี้… แอบวางแผนอะไรไว้? ลูเมี่ยนเริ่มสงสัยว่าอีกฝ่ายมีลับลมคมใน
เทอร์มีโพลอสพูดต่อ
“สำหรับเจ้า มันคือหนึ่งในการพานพบแห่งโชคชะตา”
“แม้เจ้าจะไม่ไป อีกฝ่ายก็จะเดินเข้ามาหาเอง นี่คือชะตาที่ไม่อาจเลี่ยง”
พูดแบบนี้ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่… เทอร์มีโพลอสในสภาพนี้คงไม่ปล่อยให้เราไปเสี่ยงอันตรายแน่… ในห้องใต้ดินมีอะไรอยู่กันแน่… ลูเมี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง เห็นว่าใกล้เที่ยงตรงแล้ว ทุกทีจะมีพนักงานเข้าๆ ออกๆ ห้องใต้ดินที่ใช้เก็บวัตถุดิบอาหารเป็นประจำ ในทางทฤษฎี สถานที่ดังกล่าวไม่น่าจะมีอันตรายหรือความผิดปกติได้
หลังจากชั่งน้ำหนักอยู่หลายตลบ เด็กหนุ่มตัดสินใจไปสังเกตการณ์หน้าประตูห้องใต้ดินก่อน หากสัมผัสถึงความไม่ชอบมาพากล ค่อยเขียนจดหมายถามมาดามเมจิกเชี่ยนว่า ควรเข้าไปในห้องใต้ดินตามที่เทอร์มีโพลอสแนะนำหรือไม่
ท่ามกลางเสียงทักทายจากพ่อครัว ผู้ช่วยพ่อครัว คนงาน และพนักงานล้างจานหญิง ลูเมี่ยนเดินผ่านครัว ลงบันไดไป มาถึงห้องใต้ดินที่ใช้เก็บวัตถุดิบอาหาร
ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มของห้องใต้ดินปิดสนิท ก็เหมือนกับทุกที
ลูเมี่ยนเอียงหูฟังเสียงเคลื่อนไหวข้างใน
เสียงเคี้ยวที่ไม่ค่อยชัดเจนนัก ลอยเข้ามาในหูของเด็กหนุ่ม
มันมิได้รุนแรงจนชวนให้จินตนาการถึงภาพหลอนๆ จำพวกสัตว์ประหลาดกำลังกินศพ แต่ใกล้เคียงกับคนไร้บ้านที่หิวโซมานาน กำลังกัดกินอาหารเป็นคำใหญ่เสียมากกว่า
ไม่ปกติจริงด้วย… ลูเมี่ยนแง้มเปิดประตูใหญ่ห้องใต้ดินทีละนิดอย่างระมัดระวัง
แสงจากบันไดส่องเข้าไปเล็กน้อย เผยให้เห็นเงาของใครบางคน
เด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบ หันหลังให้ลูเมี่ยน ผมสั้นสีบลอนด์ สวมเสื้อนอกสีคาราเมล ถุงเท้าสีขาว รองเท้าหนังสีดำแบบไม่ผูก กระเป๋านักเรียนหนักๆ แข็งๆ สีแดงเข้มสะพายอยู่ด้านหลัง
ไม่นานเขาก็นึกได้ทันทีว่าเห็นมาจากไหน
ลูกนอกสมรสของบารอนบรินิแยร์!
เด็กที่พลัดหลง กำลังซ่อนตัวในห้องใต้ดินของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย? เดิมทีลูเมี่ยนคิดจะแง้มดูสถานการณ์ด้านในพอเป็นพิธี แล้วรีบปิดประตูกลับไปทันที ออกจากคาบาเร่ต์เพื่อไปเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยนที่โรงแรมระกาทอง แต่เมื่อพบว่าคนข้างในห้องใต้ดินคล้ายจะเป็นลูกนอกสมรสของบารอนบรินิแยร์ เด็กหนุ่มจึงย่นคิ้วแผ่วเบา พลางผลักประตูไม้สีน้ำตาลเข้มให้เปิดกว้างขึ้น
แสงสว่างส่องเข้าไปมากกว่าเดิม เด็กชายคนดังกล่าวหันขวับกลับมามองประตูโดยสัญชาตญาณ
ลูเมี่ยนเห็นกระดุมทองเหลืองบนเครื่องแต่งกาย เห็นเสื้อลายตารางขาวดำ เสื้อกั๊กผ้าลินิน เห็นใบหน้าที่มีแก้มอวบอิ่มเหมือนเด็กทารก เห็นดวงตาสีน้ำตาลที่ไม่ตื่นตระหนกแต่งุนงง เห็นปากที่มีเลือดไหลเปรอะ
เด็กชายคนนั้น กำลังถือชิ้นสเต๊กเนื้อดิบสีแดงคล้ำไว้ในมือ ปากเคี้ยวบางสิ่งที่คล้ายจะเป็นหนู มีหางเล็กสีดำแกว่งไกวอยู่แถวๆ ริมฝีปาก
ลูเมี่ยนหรี่ตาลง แล้วนำมือซ้ายสอดเข้ากระเป๋ากางเกง
เด็กชายคนดังกล่าวมิได้แสดงปฏิกิริยาอื่น เพียงจ้องหน้าลูเมี่ยนด้วยอาการอย่างเซื่องซึม เคี้ยวหงุบหงับอีกสองสามคำ แล้วก็กลืนหนูที่เลือดอาบทั้งตัวรวมทั้งหาง ลงไปในท้องด้วยเสียงกลืน
ลูเมี่ยนเลิกคิ้วแล้วถาม
“เธอเป็นลูกนอกสมรสของบรินิแยร์หรือ?”
“ไม่ใช่” เด็กชายเริ่มกัดสเต๊กเนื้อดิบคำหนึ่ง
“งั้นเธอกับเขาเกี่ยวข้องกันอย่างไร?” ลูเมี่ยนถามด้วยท่าทีใจเย็น
หลังจากเคี้ยวแล้วกินเนื้อดิบได้สักพัก เด็กชายก็ตอบว่า
“เขาเป็นพ่อทูนหัวของผม เป็นผู้ปกครองของผมที่ทรีอาร์”
ภาษาอินทิสตามตำราเป๊ะ ไม่ค่อยมีสำเนียง… ลูเมี่ยนมองเด็กชายที่ไม่เหมือนคนปกติด้วยสายตาสงสัย พลางถามกึ่งๆ คาดเดา
“เธอกำลังหนีออกจากบ้านสินะ”
“ใช่” เด็กชายกัดเนื้อดิบจนเลือดเปรอะเต็มปาก
ด้านหลังของเขาคือความมืดรกทึบ รอบๆ มีแสงจางๆ จากบันได
“ทำไมถึงต้องหนีจากพ่อทูนหัวล่ะ? อยากให้ฉันพากลับไปหาเขาไหม?” ลูเมี่ยนเห็นอีกฝ่ายพอจะสนทนาได้อย่างเป็นมิตร จึงยิ้มแล้วถามออกไป
เด็กชายส่ายหัวแรงๆ
“ไม่เอา!”
“ผมไม่อยากกลับไปเรียน ไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากทำการบ้าน ไม่อยากทำโจทย์ ไม่อยากสอบ!”
นี่มัน… เหตุผลของอีกฝ่ายทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ประหนึ่งเห็นภาพซ้อนทับตัวเองในอดีต
เด็กหนุ่มฉลาดหัวไว การเรียนดี การอ่านและการสอบไม่ค่อยมีปัญหา เข้าใจได้เร็วทุกเรื่อง แต่ไม่ชอบทำการบ้านและข้อสอบเลยสักนิด ต้องอาศัย ‘การสั่งสอนด้วยความรัก’ ของโอลัวร์เท่านั้น ถึงจะยอมทำต่อไปแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ไม่อยากทำอะไรมากไปกว่าการสอนแรมงด์ เอวา และผองเพื่อน
เด็กชายที่กินหนูดิบ ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่ปกติ คือโชคชะตาที่เทอร์มีโพลอสพูดถึง? ลูเมี่ยนขบคิดแล้วจึงถาม
“ดูเหมือนเธอจะไม่ใช่ชาวอินทิส?”
เด็กชายเจ้าของบุคลิกจริงใจตอบพร้อมกับเลือดที่เปื้อนปาก
“ผมมาจากลุนเบิร์ก”
……………………………………………….