ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 301 ปีศาจ
ตอนที่ 301 ปีศาจ
เส้นทางอาชญากร… ลูเมี่ยนเริ่มนึกถึงเนื้อหาในสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์:
ลำดับ 9 อาชญากร — ร่างกายแข็งแรง ประสาทสัมผัสฉับไว ถนัดการก่ออาชญากรรม สามารถใช้อาวุธได้อย่างชำนาญ แม้จะถือเพียงช้อนซุป ก็สามารถสังหารเป้าหมายได้แล้ว
ลำดับ 8 สัตว์เลือดเย็น — เป็นอมนุษย์ที่โหดร้าย ร่างกายถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม มีเวทมนตร์บางชนิดในขอบเขตความชั่วร้าย สำหรับแง่นี้ สัตว์เลือดเย็นแต่ละคนจะแตกต่างกันไป มีความชำนาญไม่เหมือนกัน ไม่สามารถรับมือได้ด้วยวิธีการเดียวกัน
ลำดับ 7 ฆาตกรต่อเนื่อง — เข้าถึงความรู้และพิธีกรรมเกี่ยวกับปีศาจ สามารถอัญเชิญภาพฉายปีศาจจากนรก ชอบก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องเป็นพิเศษ
ลูเมี่ยนมองมาดามเมจิกเชี่ยนด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะถาม
“ลำดับ 6 กับ 5 ของเส้นทางอาชญากรชื่อว่าอะไรครับ”
“ลำดับ 6 คือ ‘ปีศาจ’ ส่วนลำดับ 5 คือ ‘อัครสาวกแห่งตัณหา’” มาดามเมจิกเชี่ยนไม่ปิดบังความรู้ด้านนี้
จากการบูชาปีศาจ ไปจนถึงการเป็นปีศาจเสียเอง ถึงได้ถูกเรียกว่าเส้นทางปีศาจสินะ… อัครสาวกแห่งตัณหา… ฟังดูปกติมากที่ผู้วิเศษลำดับนี้จะศรัทธามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย… ยังกับเกิดมาเพื่อคู่กันเลย… น่าจะเปลี่ยนชื่อไปเลยว่า ‘อัครสาวกของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ … ลูเมี่ยนวิเคราะห์ไปพลางจิกกัดในใจ
มาดามเมจิกเชี่ยนอธิบายต่อ
“การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพครั้งแรกของเส้นทางอาชญากรคือลำดับ 6 ปีศาจ ผู้วิเศษจะกลายเป็นปีศาจได้ชั่วคราว ไม่เพียงแต่จะถูกเสริมความแข็งแกร่งรอบด้าน ทั้งพลัง ความเร็ว และการป้องกัน แต่ยังมีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษส่วนใหญ่ ต้านทานคำสาปและเปลวไฟในระดับหนึ่ง”
“สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ พวกมันมี ‘การหยั่งรู้เจตนาร้าย’ … หากศัตรูมีวิธีสร้างอันตรายถึงชีวิตแก่พวกมันได้ในเวลาสั้นๆ และเริ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในระยะทำการ พวกมันจะรับรู้ได้โดยตรง แถมยังทราบว่าอันตรายมาจากจุดใด มาจากใคร จึงสามารถเพ่งเล็งล้างแค้นได้โดยไม่พลาดเป้า”
แข็งแกร่งฉิบ… ลูเมี่ยนอดขมวดคิ้วไม่ได้
หากมีคนจากตระกูลปีศาจเข้าร่วมในความเคลื่อนไหวครั้งถัดไปของโรงเรียนกุหลาบ ระดับความอันตรายคงเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
แน่นอนว่าซอมบี้กับวิญญาณอาฆาตแห่งเส้นทางนักโทษก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว
และสำคัญเหนืออื่นใด หากไต่ไปถึงบางลำดับ ผู้วิเศษจากสองเส้นทางนี้จะต้านทานไฟได้ดีมาก
บัดซบ! นักวางเพลิงจะโชคร้ายไปหน่อยไหม? ลูเมี่ยนถากถางตัวเองพลางสบถคำที่ติดมาจากฟรังก้าและจินนา
เด็กหนุ่มครุ่นคิดแล้วถาม
“เวลาอันสั้นคือสั้นแค่ไหน ระยะทำการคือไกลแค่ไหน”
มาดามเมจิกเชี่ยนอธิบายยิ้มๆ
“เส้นทางปีศาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ปีศาจต่างเผ่าพันธุ์ก็มีจุดเด่นต่างกัน ความสามารถต่างกัน และถึงจะเป็นปีศาจที่แตกหน่อมาจากสายพันธุ์ต้นตระกูลเดียวกัน ก็ยังแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ละบุคคล สาเหตุอาจเป็นเพราะว่า เส้นทางนี้จำเป็นต้อง ‘เผยจิตสังหาร’ และจิตสังหารของแต่ละคนหรือแต่ละสิ่งมีชีวิตก็ไม่เหมือนกัน”
“เจตจำนงส่วนบุคคล จิตใจอันเป็นปัจเจก และแนวโน้มของตัณหา หล่อหลอมให้ปีศาจแต่ละตัวไม่เหมือนกัน”
“กลับมาที่คำถามของเธอบ้าง ปีศาจบางตัวหยั่งรู้เจตนาร้ายล่วงหน้าได้เพียงไม่กี่นาที บางตัวทำได้เป็นหลักชั่วโมง หรือมากกว่านั้น และเมื่อลำดับเพิ่มขึ้น ความสามารถประเภทนี้ก็จะถูกยกระดับตาม”
“ระยะทำการอาจหมายถึงไม่กี่กิโลเมตร หรือทั้งเขตตลาด หรือครอบคลุมทั่วกรุงทรีอาร์”
“นอกจากนี้ ปีศาจยังถือครองเวทมนตร์หลายชนิดในสามขอบเขต ได้แก่เปลวไฟ สารพิษ และการกัดกร่อน”
ลูเมี่ยนยิ่งฟังก็ยิ่งเครียด ปีศาจนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง และเฉกเช่นซอมบี้ พวกมันสะกดนักวางเพลิงที่เน้นเวทไฟและศึกระยะประชิดได้อยู่หมัด
หลังจากแนะนำความสามารถของอัครสาวกแห่งตัณหาอย่างรวบรัด มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้มแล้วปลอบใจ
“เธอไม่ต้องกังวลจนเกินไป ต่อให้โรงเรียนกุหลาบเคลื่อนไหวในภายหลัง แต่เป้าหมายหลักก็ควรเป็นการ์ดเนอร์·มาร์ติน ส่วนเธอเป็นเพียงเป้าหมายรอง และในฐานะองค์กรลับ ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านโรงเรียนกุหลาบ แม้พวกมันจะมีตระกูลปีศาจมาด้วยก็ตาม”
“หรือต่อให้พวกสมาคมเสียวซ่านสื่อสารกับโรงเรียนกุหลาบแล้ว จนเธอกลายเป็นเป้าหมายหลักเช่นกัน แต่พวกมันก็คงไม่เอาเธอถึงตาย ด้วยเกรงว่าจะเป็นการปล่อยเทวทูตแห่งชะตากรรมออกมา เธอเพียงแค่ระวังความผิดปกติและความบังเอิญแปลกๆ รอบตัวให้มากขึ้น ก็จะมีโอกาสและเวลาเหลือเฟือในการขอความช่วยเหลือ”
“หากโรงเรียนกุหลาบส่งเทวทูตมาจับผม ยังจะมีเวลาขอความช่วยเหลืออีกหรือครับ”
มาดามเมจิกเชี่ยนหัวเราะในคอ
“เธอคิดว่ากรุงทรีอาร์เป็นห้องน้ำสาธารณะหรืออย่างไร เทวทูตจะเยือนก็เยือน จะจับคนก็จับคน?”
“ครั้งก่อนหากมิใช่เพราะมิติจากพฤกษาเงาคลุมอยู่ ด้านนอกยังมีโลกอีกฝั่งคลุมทับ เทพหายนะไร้สมองนั่นไม่มีทางส่งพลังลงมาได้แน่”
“ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็หลีกเลี่ยงสถานที่พรรค์นั้นเข้าไว้ ใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงแดดของทรีอาร์”
ลูเมี่ยนถอนหายใจ แล้วถามด้วยความสงสัย
“เทพหายนะ?”
หมายถึงพลังที่ซูซานน่า·มาติสอัญเชิญมา?
สีหน้าของมาดามเมจิกเชี่ยนดูแปลกๆ ไปสักหน่อย
“ใช่ เทพหายนะ บุตรแห่งเทพผู้ถูกล่ามที่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายกับโรงเรียนกุหลาบเคยเคารพบูชา เป็นเทวทูตลำดับ 1 และผู้นำคนปัจจุบันของโรงเรียนกุหลาบ”
“ฉันจะไม่บอกชื่อจริงของมัน สิ่งนี้เต็มไปด้วยคำสาป หากเธอเอ่ยถึงมันบ่อยๆ ไม่แน่ว่าสักวันอาจกลายเป็นกบที่ต้องให้เจ้าชายจูบเพื่อกลับคืนร่างเดิม หรือเลวร้ายยิ่งกว่านั้น”
“ทำไมถึงเป็นเจ้าชาย?” ลูเมี่ยนเคยอ่าน ‘ชุดนิทานอินทิส’ ที่ตีพิมพ์เมื่อสองปีก่อน และจำได้ว่าตัวเอกของเรื่องคือเจ้าหญิง
“ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าคำสาปหรือ” มาดามเมจิกเชี่ยนทำหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ลูเมี่ยนไปต่อไม่ถูก จึงเปลี่ยนไปถามว่า
“บุตรของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเป็นเทวทูตอยู่บนโลกเราแล้ว แต่บุตรของ ‘องค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่’ ยังต้องอาศัยพิธีกรรมจึงจะเสด็จลงมาได้… หมายความว่ารายแรกพิเศษกว่าหรือ?”
“พิเศษเท่ากัน” สีหน้าของมาดามเมจิกเชี่ยนดูแปลกไปอีกหน่อย “ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คือ ผู้ให้กำเนิด ‘เทพหายนะ’ มิใช่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย แต่เป็นหนึ่งในองค์ซ่อนเร้นระดับสูงสุดของโลกเรา เทพผู้ถูกล่าม”
ลูเมี่ยนนึกถึงลูอิส·ลุนด์ขึ้นมาทันที นึกถึงเจ้าหน้าที่ปกครองบีโอสและบรรดาบุรุษรับใช้ และนั่นทำให้ความมืดมนกลับมาเอ่อล้นภายในใจ
“มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายก็สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตทุกเพศทุกเผ่าท้องได้เหมือนกันหรือ?” เด็กหนุ่มถามด้วยเสียงเจือหวาดกลัว
มาดามเมจิกเชี่ยนส่ายหน้า
“พระองค์ไม่มีอำนาจดังกล่าว นั่นเป็นขององค์มารดาผู้ยิ่งใหญ่”
“แต่หากเธอถูกพระองค์ล่อลวง จนสมสู่กับพลังหรือออร่าที่แผ่ซ่านเข้าในโลกของเรา พระองค์มีสรรพวิธีในการทำให้เธอตั้งครรภ์ และเส้นทางของเทพผู้ถูกล่ามก็คือเส้นทางนักโทษที่ค่อนข้างพิเศษ มีความเชื่อมโยงกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายอย่างใกล้ชิด”
“หากไม่ได้รับพรคุ้มครองจากมิสเตอร์ฟูล สมาชิกของ ‘ฝ่ายระงับตัณหา’ ตลอดช่วงหนึ่งถึงสองปีหลัง ต่างก็ได้รับอิทธิพลจากพระองค์ไม่มากก็น้อย”
ลูเมี่ยนพยักหน้า และเปลี่ยนมาพูดถึงปัญหาของ ‘ฝ่ายปล่อยตัณหา’ กับ ‘ฝ่ายระงับฯ’
“ผมมองว่าแนวคิดของฝ่ายระงับตัณหาถูกต้องแล้ว แต่ทำไมฝ่ายปล่อยตัณหาถึงยังเติบโตและกล้าแกร่งได้ขนาดนี้? เป็นเพราะพวกมันเสียสติไปแล้วจนไม่กลัวการคลุ้มคลั่ง?”
มาดามเมจิกเชี่ยนหัวเราะในคอ
“แนวคิดของฝ่ายระงับตัณหาถูกต้องก็จริง แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามุมมองของฝ่ายปล่อยตัณหาจะผิดเสมอไป…”
“เธอต้องจำไว้ว่า การสวมบทบาทตามชื่อโอสถก็เหมือนกับไพ่ทาโรต์ แค่กลับหัวกลับหางก็ความหมายเปลี่ยนแล้ว และถึงแม้ทุกคนจะสวมบทบาทตามด้านบวกของไพ่ ‘กฎการแสดง’ ที่แต่ละคนสรุปออกมาได้ ก็จะยังแตกต่างกันเล็กน้อย เพราะสภาพจิตใจและประสบการณ์เป็นเรื่องของปัจเจก… พวกเราเพียงแค่ทำการแสดงเท่านั้น เพื่อหลอกตราประทับทางจิตที่หลงเหลือในโอสถและย่อยมันทีละนิด หากต้องเหมือนพระองค์อย่างสมบูรณ์ นั่นต่างหากที่จะเป็นปัญหาใหญ่”
ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“คำเตือนใจที่กล่าวว่า ‘จงจำไว้ว่าเรากำลังแสดง’ ไม่เพียงแต่ทำให้เราไม่หลงลืมตัวตนเพื่อเลี่ยงปัญหาทางจิต แต่ยังช่วยเลี่ยงปัญหาในแง่นี้ด้วยสินะครับ?”
“ถูกต้อง” มาดามเมจิกเชี่ยนช่วยยืนยัน
ลูเมี่ยนเปลี่ยนกลับไปยังหัวข้อของมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย
“มิสเตอร์กวีบอกว่า มีหลายองค์กรที่บูชามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย…”
“มิสเตอร์กวี…” มุมปากของมาดามเมจิกเชี่ยนหยักเล็กน้อย “ล้วนเป็นองค์กรที่ค่อนข้างเล็ก ยังมิได้ก่อตัวเป็นนิกายใหญ่ ไม่เทียบเท่ากับโรงเรียนกุหลาบและอีกหลายตระกูลปีศาจ แต่ในแง่ดังกล่าว พวกมันปกปิดตัวตนได้ดีกว่า ขณะนี้เรารู้จักอยู่สามแห่ง หนึ่งคือสมาคมเสียวซ่าน สองคือ ‘นิกายดาราวัตถุ’ และสามคือ ‘สำนักบูชาต้นไม้’”
หลังจากสอบถามเรื่องนี้อีกสักพัก ลูเมี่ยนก็เอ่ยถึงการใช้กิ่งพฤกษาเงาสร้างสมบัติวิเศษ
“มาดามครับ หากได้รับรางวัลจากมิสเตอร์ K แล้ว ผมอยากจะรบกวนให้คุณช่วยหา ‘ช่างฝีมือ’ ระดับนักบุญมาสร้างสมบัติวิเศษให้ ไม่ทราบว่าต้องจ่ายตอบแทนอย่างไร”
มาดามเมจิกเชี่ยนพูดยิ้มๆ
“ที่เธอเข้าร่วมชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กได้ ฉันยังไม่ได้ตกรางวัลให้เลย พอจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนได้ไหม?”
“ได้ครับ” ลูเมี่ยนตอบด้วยความดีใจ
การได้รับรางวัลถึงสามชุดจากภารกิจหนเดียว นับเป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของโลกใบนี้แล้ว
มาดามเมจิกเชี่ยนผงกหัวรับแผ่วเบา
“ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง ญาติของเขารู้จักกับช่างฝีมือครึ่งเทพ จะช่วยถามให้ก่อน ถ้าไม่ได้ค่อยหาคนอื่น”
พูดถึงตรงนี้ เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ว่าจะเป็นตะกอนพลังผู้โชคดีนั่น หรือรางวัลที่จะได้จากมิสเตอร์ K ก็ล้วนห่างไกลจากกิ่งพฤกษาเงาอยู่พอสมควร คุณคิดจะใช้หนึ่งในพวกมันมาสร้างเป็นสมบัติวิเศษจริงหรือ”
ลูเมี่ยนตอบอย่างมั่นใจมาก
“ผมจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน”
คติของเขาหรือ ต้องใช้ทรัพยากรในมือโดยเร็วที่สุด
ต้องไม่ลืมว่า ย้อนกลับไปตอนที่หลวงพ่อเพิ่งออกจากหมู่บ้านกอร์ตู ก็แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้วิเศษลำดับ 5 แล้ว ตอนนี้อาจจะดื่มโอสถเพิ่มด้วย ลำพังลูเมี่ยนตัวเปล่าๆ ถ้าคิดจัดการเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย
เด็กหนุ่มต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเสริมความเก่งกาจให้ได้ในเวลาอันสั้น รวมถึงเพิ่มพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จ!
ในช่วงแรกของการเป็นเด็กเร่ร่อน ลูเมี่ยนเคยพบต้นแอปเปิลป่าออกผลพอดี แต่เขาอยากรออีกสักหน่อย ให้ผลของมันโตกว่านี้และไม่เปรี้ยวนัก จึงค่อยหาวิธีเก็บเกี่ยว แต่ใครจะรู้ว่าผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แอปเปิลเล็กๆ เปรี้ยวๆ เหล่านั้นจะถูกเด็ดไปกินจนเกลี้ยง
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างภาพจำที่ฝังลึกให้ลูเมี่ยน และส่งอิทธิพลต่อคติประจำใจอยู่ไม่น้อย
……………………………………………..
.