ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 294 ผู้วิเศษ
ตอนที่ 294 ผู้วิเศษ
แกไม่รู้ว่าบอสใหญ่ของพรรคซาฟาห์เป็นใคร ก็เลยมาถามฉัน? ถ้าอย่างนั้นก็ต้องไม่รู้ด้วยสิว่า บอสของพวกเราคือ ‘ผู้การ’ แห่งองค์กรลับ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ และพวกเราล้วนสังกัดองค์กรย่อยในวงนอก… พอได้ยินคำถามของอีกฝ่าย กระแสความคิดมากมายก็แล่นผ่านสมองลูเมี่ยนทันที พลางสอดมือขวาล้วงกระเป๋าเสื้อ
เด็กหนุ่มผุดข้อสันนิษฐานสามข้อ:
หนึ่ง บอสการ์ดเนอร์·มาร์ตินแอบทำเรื่องลับๆ ล่อๆ บางอย่างผ่านพรรคซาฟาห์ เช่นการให้ ‘มุสิก’ คริสโตลักลอบนำเข้าวัตถุต้องห้าม ซึ่งถูกจับตามองโดยบางคนหรือบางกลุ่ม จนอีกฝ่ายอยากสืบข้อมูลแก๊งเพื่อสาวไปถึงผู้บงการเบื้องหลัง
สอง สมาชิกคนอื่นของพรรคซาฟาห์เผลอไปผิดใจกับคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง จึงโดนอีกฝ่ายมาตามล้างแค้น
สาม หลังจากแก๊งหนามพิษถูกทำลาย พรรคซาฟาห์ก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จึงดึงดูดความสนใจจากกลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม และกำลังถูกจับตามอง
ในเสี้ยววินาทีแห่งความคิด ลูเมี่ยนรีบตัดสองข้อแรกทิ้ง เพราะไม่ว่าจะถูกจับได้ว่าแอบทำลับๆ ล่อๆ หรือมีคนไปผิดใจกับคนใหญ่คนโต บุคคลที่โดนถามว่า ‘ใครคือหัวหน้าของพรรคซาฟาห์’ ไม่ควรเป็นตน!
ตามปกติแล้ว ใครก็ตามที่แอบทำลับๆ ล่อๆ ย่อมต้องถูกนักสืบแวะมา ‘เยี่ยม’ ก่อนใคร ในทำนองเดียวกัน ใครก็ตามที่ไปผิดใจกับคนใหญ่คนโต ผู้แก้แค้นย่อมต้องไปหาคนนั้น หรือไม่ก็หัวหน้าหน่วยที่คอยปกป้อง แต่ลูเมี่ยนยังไม่เคยมีส่วนร่วมในแผนลับของพรรคซาฟาห์ และพักหลังก็ไม่ได้ปกป้องลูกน้องคนไหนเลย
ที่สำคัญกว่านั้นคือ หมอนั่นถามตรงๆ ว่า ‘ใครคือหัวหน้าพรรคซาฟาห์’ มิได้ถามว่า ใครบางคนสังกัดพรรค์ซาฟาห์หรือไม่ หรือว่าพวกเราเคยแอบทำอะไรในวันเดือนปีนั้นๆ บ้างไหม
ลูเมี่ยนจึงค่อนข้างเชื่อว่า กลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม หรือใครบางคน กำลังจับตามองพรรคซาฟาห์อยู่ และวางแผนที่จะยึดครอง
แน่นอน อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ แก๊งศัตรูบังเอิญได้รู้จักกับยอดฝีมือ จึงขอให้อีกฝ่ายช่วยกำจัดบอสของพรรคซาฟาห์
แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด อีกฝ่ายถือว่ามีข้อมูลของพรรคซาฟาห์น้อยมาก ไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวจริงของการ์ดเนอร์·มาร์ติน คงจะสุ่มๆ ถามหาว่า ช่วงนี้ใครโด่งดังที่สุดในพรรคซาฟาห์ แล้วก็แวะมา ‘เยี่ยม’ โดยตรง
“หรือก็คือ พวกมันกำลังมองว่าพรรคซาฟาห์เป็นแค่แก๊งประจำเขตที่มีผู้วิเศษไม่มาก ไม่ถึงขั้นต้องส่งยอดฝีมือตัวจริงมาสืบข่าว หรือต่อให้อยากส่งก็คงไม่มีใครอยากมา แค่เป็นผู้วิเศษลำดับกลางก็คือว่าให้ความสำคัญมากแล้ว อาจไม่เกินลำดับ 6 ด้วยซ้ำ…” ลูเมี่ยนสรุปคร่าวๆ ภายในไม่กี่ลมหายใจ
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบไป ไม่ยอมตอบคำถามทันที แถมยังทำท่าจะหยิบอาวุธ ชายร่างสูงใหญ่เจ้าของขนดกหนาและดวงตาสีดำสนิท สวมหมวกปีกกว้างสีน้ำตาลอ่อน ก็พลันพ่นลมหายใจ สีหน้าแววตาเผยความอันตรายชัดเจน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนตระหนักว่าความมืดรอบตัวหนักอึ้งกะทันหัน แสงจากโคมไฟริมถนนอันริบหรี่ที่ส่องมาจากไกลๆ รวมถึงแสงจันทร์สีแดงเลือดที่สาดลงมาจากท้องนภา เริ่มถูกผลักไสออกจากมิติรอบข้าง
ความมืดนั่นกลั่นตัวราวกับน้ำค้างแข็ง ซึมเข้าไปในผิวหนัง เนื้อ และกระดูกของลูเมี่ยนอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง ทำให้เขาหวาดกลัวจับใจ
แค่นี้เอง? ลูเมี่ยนซึ่งผ่านเหตุการณ์ใหญ่มาไม่น้อยแล้ว ส่งเสียง ‘เฮ่อ’ ในใจ
เด็กหนุ่มมองหน้าชายร่างกำยำเจ้าของเรือนผมสีเทา สวมเสื้อเชิ้ตลินินและแจ็กเกตสีน้ำตาล แล้วแสร้งเผยท่าทีตกตะลึงพอประมาณ พลางเอ่ยปากเปล่งเสียง
“การ์ดเนอร์·มาร์ติน! การ์ดเนอร์·มาร์ตินแห่งสมาคมการค้าซาฟาห์!”
ชายคนนั้นพยักหน้าพึงพอใจ แล้วถามต่อไปว่า
“ปกติแล้วเขาอาศัยที่ไหน”
นี่น่ะหรือ ‘ราชสีห์’ ชาร์ล? นี่น่ะหรือหัวหน้าหน่วยสุดอำมหิตเหี้ยมโหด? ไม่เห็นจะต่างจากสมาชิกแก๊งอื่นสักเท่าไรเลย!
คนของแก๊งพรรค์นี้ ทำได้แค่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าตัวเอง และเอาแต่พึ่งใบบุญจากแก๊งที่คอยหนุนหลังเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนเก่งตัวจริง หรือสัมผัสกับมนตร์ดำสุดแสนจะธรรมดา ก็พลันหวาดกลัวจนเผยความขี้ขลาดออกมาแล้ว!
ลูเมี่ยนฝืนกลืนน้ำลายก่อนจะตอบ
“ข…เขาอยู่ที่… อยู่ที่… ถนนน้ำพุ… บ้านเลขที่ 11!”
พูดถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนแสร้งทำเป็นได้สติ
“ฉันขอเตือนแกเอาไว้ก่อน บอสของเราเป็นสมาชิกองค์กรลับ เขาแข็งแกร่งกว่าที่แกจินตนาการไว้มาก!”
สมาชิกองค์กรลับ? ชายไหล่กว้างชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา
นี่เป็นข้อมูลที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน!
‘ราชสีห์’ ชาร์ลขี้ขลาดกว่าที่คิดไว้มาก ถึงกับพ่นข้อมูลสำคัญระดับนี้ออกมา!
ชายคนดังกล่าวเงยคางขึ้นเล็กน้อย พลางหัวเราะเยาะด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แล้วฉันเคยบอกแกหรือยัง ว่าทางนี้ก็เป็นคนขององค์กรลับเหมือนกัน แถมยังเก่าแก่มากด้วย”
สิ้นเสียงดังกล่าว แรงกดดันจากความมืดรอบตัวก็ทวีความเข้มข้น
จริงหรือ? ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย… ลูเมี่ยนครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าจะลากหมอนี่กับองค์กรเบื้องหลังมันไปหาบอสดีไหม เผื่ออาจได้เห็นศึกระหว่างสององค์กรลับ หรืออาจได้เห็นความลับที่มากกว่านี้ของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก
หลังจากเงียบไปสักพัก ลูเมี่ยนทำท่าเหมือนทนแรงกดดันจากความมืดไม่ไหว มือขวาและแขนที่สอดอยู่ในกระเป๋าเสื้อสั่นเทิ้มเบาๆ
“ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ … บอสไม่เคยบอกชื่อจริงๆ กับเราเลย!”
ชายคนดังกล่าวเพ่งพินิจลูเมี่ยนสองสามวินาที และเชื่อว่าเด็กหนุ่มคงไม่ทราบรายละเอียดขององค์กรลับจริงๆ
แก๊งประจำถิ่นแบบนี้ อย่างมากก็มีแค่ตัวหัวหน้าใหญ่ที่สังกัดองค์กรลับ
ชายคนดังกล่าวหุบยิ้มชั่วร้ายไม่อยู่ แล้วจึงระเบิดเสียงหัวเราะ
“งั้นช่วยพาฉันไปที่บ้านเลขที่ 11 ถนนน้ำพุหน่อยสิ”
เพียงสิ้นเสียงพูด เขาก็พุ่งเข้าใส่ลูเมี่ยนแล้ว ด้วยความเร็วที่แทบจะสร้างภาพติดตา
ขณะเดียวกัน เล็บมือสองข้างของเขาเริ่มงอกยาว ซ้ำยังคมกริบ วาววับด้วยแสงโลหะ สะท้อนประกายสีดำสนิท
ลูเมี่ยนบนกระจกตาสีดำสนิทของอีกฝ่าย ไม่เพียงจะไม่สั่นกลัวจนยอมจำนน หรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด เพียงหลบหลีกอย่างเชื่องช้า พร้อมกับยื่นมือขวาที่เคยสอดกระเป๋าเสื้อออกมาข้างหน้า
มือนั้นกำลูกไฟสีขาวโชติช่วงขนาดเท่ากำปั้นเอาไว้ พร้อมกับขว้างใส่เป้าหมายราวกับโยนของขวัญให้
ลูกไฟ… สีขาวโชติช่วง… ชายผู้มีขนสั้นสีเทาเต็มใบหน้าและหลังมือ เนื่องจากพุ่งด้วยความเร็วสูงเกินไป ซ้ำยังกระชั้นชิดจนเปลี่ยนทิศทางไม่ทันแล้ว ความคิดของเขาเพิ่งจะแล่นในหัวได้สองสามอย่าง ก็ถูกก้อนเพลิงสีขาวโพลนพุ่งปะทะร่างเข้าอย่างจัง
บึ้ม!
ท่ามกลางเสียงระเบิดทึบต่ำ ท้องของชายคนนั้นระเบิดกระจาย เลือดเนื้อป่นปี้ยุ่งเหยิง ส่งกลิ่นไหม้ชัดเจน
หลังจากถูกอีกฝ่ายถามว่าใครคือหัวหน้าพรรค์ซาฟาห์ ลูเมี่ยนก็นำมือขวาล้วงกระเป๋าเสื้อ แต่มิใช่เพื่อจับอาวุธป้องกันตัว แต่เป็นการอาศัยเสื้อผ้าปิดบัง สร้างเปลวไฟสีแดงเพลิงไว้บนฝ่ามืออย่างต่อเนื่อง แล้วผสานพวกมันเข้าด้วยกันหลายชั้น บีบอัดให้อยู่ในขนาดเล็กที่สุด
เมื่ออีกฝ่ายเปิดฉากโจมตี สีของเปลวไฟในมือลูเมี่ยนก็กลายเป็นสีขาวโชติช่วงแล้ว พลังระเบิดไม่ด้อยไปกว่า ‘ลูกไฟยักษ์’ แต่มีจุดปะทะเล็กกว่า ส่งผลให้สามารถเผาทะลุผิวหนัง
หากมิใช่เพราะศัตรูมีความเร็วสูงจนผิดคาด ชนิดที่ลูกไฟสีขาวโพลนพุ่งชนในพริบตา ยังไม่ทันได้เหินขึ้น ลูเมี่ยนเชื่อว่าตนอาจได้เห็นคออีกฝ่ายระเบิดขาดไปกองกับพื้น
ท่ามกลางเสียงโครมคราม อีกฝ่ายถูกระเบิดปลิวกระเด็น ส่วนลูเมี่ยนก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นสะท้อน ซวนเซถอยหลัง ฉวยโอกาสกลิ้งตัวตามน้ำสองสามตลบ
ทั้งสองลุกยืนพร้อมกัน เสื้อเชิ้ตและเสื้อกั๊กของลูเมี่ยนมีรอยไหม้และขาดวิ่นหลายจุด ผิวหนังบางส่วนถูกทำลาย
เด็กหนุ่มเห็นท้องของอีกฝ่ายมีแผลใหญ่เหวอะหวะ ลำไส้เปื้อนเลือดไหลทะลักออกมา ก่อนจะถูกยัดกลับเข้าไปใหม่ บนผิวเต็มไปด้วยรอยขาดและไหม้ดำหลายจุด
เป็นแผลฉกรรจ์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่อีกฝ่ายกลับเคลื่อนไหวไม่ช้าลงเลย เพียงใช้มือกดท้องไว้ มิให้ลำไส้และเครื่องในหลุดออกมา ขณะเดียวกันก็ส่งเสียงคำรามต่ำด้วยความเจ็บปวด โกรธเกรี้ยว และดุร้าย
พร้อมกับเสียงคำรามต่ำ ขนสีเทาสั้นเริ่มงอกเต็มตัวเขา จนดูเหมือนหมาป่ายักษ์ที่กำลังยืน
ลำไส้ที่ขาดรุ่งริ่งเริ่มยุบพอง ประหนึ่งพยายามต่อกลับเข้าไปใหม่ ผิวหนังที่ไหม้ดำค่อยๆ สมานกลับ ส่วนแผลฉีกขาดเหวอะหวะตรงท้องก็ถูกฝ่ามือดึงจนแคบลงเล็กน้อย เลือดเนื้อเริ่มประสานกันด้วยความเร็วไม่มาก
ทนทายาดฉิบหาย… ได้เห็นภาพดังกล่าว ลูเมี่ยนอุทานด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้ง
เด็กหนุ่มเชื่อว่าหากให้เวลาอีกฝ่ายนานพอ มันจะต้องกลับไปเป็นปกติได้แน่!
พฤติกรรมและสภาพของอีกฝ่าย ทำให้เขานึกถึงเนื้อหาบางส่วนที่ถูกบันทึกไว้ในสมุดเวทมนตร์ของโอลัวร์:
“‘มนุษย์หมาป่า’ — ลำดับ 7 แห่งเส้นทางนักโทษ ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ ในช่วงพระจันทร์เต็มดวงหรือควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ พวกมันจะถูกครอบงำด้วยความกระหายเลือดและแรงฆ่าฟัน จนกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าอย่างมิอาจยับยั้ง”
“พวกมันมีพละกำลัง ความคล่องแคล่ว และความเร็วในระดับที่น่าสะพรึงกลัว ฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็ว กรงเล็บและฟันทั้งแข็งและคม ซ้ำยังมีพิษ เทียบได้กับอาวุธของผู้วิเศษในลำดับเดียวกัน สามารถตัดแผ่นเหล็กบางๆ ได้”
“พวกมันรู้จักมนตร์ดำบางส่วน สามารถเปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดหุ่นเชิดที่มีอายุสั้น”
“มนุษย์หมาป่าพบได้บ่อยในทวีปใต้ ถ้าถูกพบเห็นในทวีปเหนือมักเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สยองขวัญ…”
ดันมาเจอมนุษย์หมาป่าเสียได้… ลูเมี่ยนไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีเวลาบรรเทาอาการบาดเจ็บ รีบเสกอีกาเพลิงหลายตัวขึ้นด้านหลัง แล้วส่งพวกมันไปหาเป้าหมาย
มนุษย์หมาป่าก็มิได้ทำตัวเป็นเป้านิ่ง รีบกุมท้อง ปิดปากแผลไว้ แล้วพุ่งเข้าหาลูเมี่ยนเป็นเส้นโค้งด้วยความเร็วสูงสุด
อีกาเพลิงแม้จะล็อกเป้าหมายได้นิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่ก็พลาดเป้า ยังพอมีส่วนน้อยปรับเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ พุ่งเข้าชนเป้าหมายได้ติดต่อกัน ส่งเสียงดังตูมตามอย่างไม่ขาดสาย
มนุษย์หมาป่าได้รับบาดแผลเพิ่มหลายจุด ล้วนแต่ไหม้เกรียมและโชกเลือด
อาศัยความสามารถในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยม เขาไม่สนใจบาดแผล เพียงย่นระยะห่างเข้าหาลูเมี่ยนในพริบตา หมายสู้ประชิดตัวกับ ‘นักวางเพลิง’ ที่ชำนิชำนาญเวทมนตร์ เพื่อใช้กรงเล็บคมๆ เคลือบพิษของตนฉีกอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆ
ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ ความมืดรอบตัวลูเมี่ยนรุกคืบเข้ามามากขึ้น จนรู้สึกหนาวเย็นไม่น้อยในค่ำคืนฤดูร้อน ร่างกายได้รับผลกระทบอยู่บ้าง
เพียงพริบตาเดียว เปลวไฟสีแดงก็ปะทุขึ้นบนผิวกายเด็กหนุ่ม นำพาความอบอุ่นค่อนไปทางร้อนระอุมาให้
วินาทีถัดมา ลูเมี่ยนหันตัวหนี สับเท้าวิ่งอย่างบ้าคลั่ง หลบเลี่ยงกรงเล็บที่มนุษย์หมาป่าโจมตีเข้ามา
นี่ทำให้มนุษย์หมาป่าที่ในสมองมีเพียงความกระหายเลือดและแรงฆ่าฟัน เชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังหวาดกลัว เชื่อว่าเหยื่อได้เค้นศักยภาพออกมาทั้งหมดแล้ว และไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงมากนัก
เขาไล่ตามไป ไม่กี่ก้าวก็มาถึงด้านหลังลูเมี่ยน
……………………………………………
.