ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 28 กฎ
ตอนที่ 28 กฎ
ม่านตาสีน้ำตาลอ่อนและรูม่านตาสีดำของนกฮูกตัวนั้น คล้ายกับส่องแสงจางๆ ในความมืด ท่าทีที่มันมองลูเมี่ยน คล้ายกับเป็นการมองจากมุมสูง
ลูเมี่ยนไม่รู้สึกกลัวเหมือนสองครั้งก่อน เพียงตะโกนใส่ด้วยเสียงเข้ม
“มองอะไร?”
“ถ้ามีปัญหานักก็พูดออกมา!”
เขาไม่ได้ต้องการเป็นอริกับนกฮูกตัวนั้น เพียงกระตุ้นให้อีกฝ่ายเผยเจตนาที่แท้จริง เพราะถ้าเอาแต่บินมามองทุกคืนวัน ก็คงยากที่เขาจะสงบจิตใจ
นกฮูกยังคงเงียบ ไม่ส่งเสียงร้องแม้แต่ฮูกเดียว
ผ่านไปสักหลายวินาที มันกางปีกออก บินหายไปในความมืดลึกยามราตรี
“ไอ้นกบ้า!” แม้ปากลูเมี่ยนจะด่า แต่ในใจไม่คิดประมาท
เด็กหนุ่มยังคงมองออกไปอย่างจดจ่อ พยายามแยกแยะเงามืดทั้งหมด
เขายังไม่ลืมว่า ครั้งล่าสุดที่นกฮูกมา ตนมองเห็นนาโรคา และพอตื่นเช้ามาก็ได้ยินข่าวการจากไปของเธอ
คราวนี้อาจจะเกิดเรื่องที่คล้ายกันอีกก็ได้…ลูเมี่ยนเฝ้าสังเกตอย่างรอบคอบ แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ
เขาจึงถอนใจอย่างโล่งอก รูดม่านปิดสนิท แล้วกลับไปนอนบนเตียง
ท่ามกลางความมืดมิด ลูเมี่ยนยังคงลืมตา ครุ่นคิดเกี่ยวกับก้าวต่อไป
“จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จุดประสงค์ของนกฮูก…ทำตัวประหลาดและลึกลับซะจริง…ต้องไม่ใช่ลางดีแน่…”
“ช่างปะไร หมู่บ้านเป็นแบบนี้แล้ว เราต้องรีบพาโอลัวร์หนี…หลังจากนั้น เราไม่เชื่อว่ามันจะตามไปถึงทรีอาร์!”
“ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่มีโทรเลขตอบกลับมา ต้องหนีจากกอร์ตูก่อนเช้าวันรุ่งขึ้น…”
“ถ้ามีการตอบกลับ เรากับโอลัวร์จะออกจากหมู่บ้านอย่างเปิดเผย แต่ถ้าไม่มี…หืม…พรุ่งนี้เป็นมันมหาพรต วันถัดไปทุกคนคงฉลองกันอยู่ ไม่น่าจะสะดุดตาคนมากนัก สามารถให้โอลัวร์ไปยืมม้าน้อยจากคุณนายปัวริส โดยอ้างว่าเอาไปขี่เล่นที่ทุ่งหญ้าบนภูเขาใกล้เคียง คงไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะหนีออกจากกอร์ตู ช่วยให้ไม่ถูกเจ้าหน้าที่เพ่งเล็ง จากนั้นค่อยใช้ถนนอันตรายเพื่อลงจากเขตภูเขา…”
“ถนนเส้นนั้นไม่ถือว่าเป็นถนนด้วยซ้ำ หลายจุดชำรุดทรุดโทรม กระทั่งคนเลี้ยงแกะก็มองว่าใช้ลงเขาไม่ได้ แต่ด้วยพลังของเราตอนนี้ การฝ่าออกไปไม่ใช่ปัญหา และโอลัวร์สามารถใช้เวทมนตร์ สามารถบินได้ระยะหนึ่ง แน่นอนว่าต้องง่ายกว่าเรา…”
“หลบเลี่ยงสายตาของผู้สืบสวนได้แน่…”
หลังจากกลายเป็น ‘นักล่า’ หลายสิ่งที่เคยทำไม่ได้ ตอนนี้เขาทำได้แล้ว ซึ่งนั่นมอบความมั่นใจแก่ลูเมี่ยนอย่างมาก ช่วยให้วางแผนได้เร็วขึ้น
จิตใจเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความแน่วแน่ จึงสงบมากขึ้น เป็นการนอนที่รู้สึกมั่นคงอย่างยิ่ง
…
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูเมี่ยนตื่นนอนเร็ว และทำตัววุ่นวายอยู่ในครัว
เมื่อนึกถึงตัวเองที่กลายเป็นผู้วิเศษ นึกถึงการพาพี่สาวออกจากหมู่บ้านกอร์ตูที่ไม่ปกติ เด็กหนุ่มมีความสุขจนอยากจะฮัมเพลง
เมื่อโอลัวร์ลงมาถึงชั้นล่าง เธอพบสปาเกตตีสองจานวางรออยู่บนโต๊ะ
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะลงมา?” หญิงสาวถามด้วยความปลื้มปีติ
ลูเมี่ยนยิ้ม
“ได้ยินเสียงจากห้องน้ำน่ะ ก็เลยเริ่มต้มเส้น”
ขณะเดียวกัน เขาคิดในใจ
พี่ก็ยังเหมือนเดิม ตื่นนอนใหม่ๆ จะมีช่วงสะลึมสะลือ คงคาดไม่ถึงสินะ
โอลัวร์พยักหน้ารับ นั่งลงข้างโต๊ะอาหารแล้วถามเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ
“เมื่อคืนนกฮูกตัวนั้นก็มาอีกแล้วใช่ไหม”
“ใช่” ลูเมี่ยนทราบดี พี่สาวของตนคงสังเกตเห็นแล้ว เมื่อคืนมีช่วงหนึ่งที่เขาไม่ได้นอน โดยเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
โชคยังดีที่มีนกฮูกบินมาจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงคิดคำแก้ตัวไม่ถูกเหมือนกัน
จะให้เล่าว่าตื่นเต้นเกินเหตุหลังจากเพิ่งกลายเป็นผู้วิเศษก็กระไรอยู่
ถ้าเป็นแบบนั้น คงไม่แคล้วถูกบ่นจนหูชา
อย่างไรก็ดี ลูเมี่ยนไม่คิดจะปกปิดความจริงจากพี่สาวนานเกินไปนัก เพราะมันอาจส่งผลต่อการตัดสินใจหลายๆ เรื่องของโอลัวร์
เขาคิดจะบอกความจริงในตอนที่วางแผนหนีออกจากกอร์ตูเมื่อวันมะรืน ช่วยให้เธอไม่ต้องพะวงกับการดูแลตน
เมื่อถึงตอนนั้น ภายใต้สถานการณ์ที่เร่งด่วนจนเกือบฉุกเฉิน โอลัวร์ไม่ว่างเทศนาเขาแน่
“นกฮูกประหลาด…” โอลัวร์หน้านิ่วคิ้วขมวด คล้ายกำลังสงสัย
เธอไม่เข้าใจเจตนาของนกฮูกตัวนั้น มันทำตัวราวกับว่า แค่อยากมาดูหน้าเฉยๆ
ลูเมี่ยนรีบดูดกินพาสต้า จนกระทั่งใกล้หมดจานแล้วจึงพูดกับโอลัวร์
“ถ้ามีโทรเลขตอบกลับมา เย็นนี้เราจะออกจากหมู่บ้านกอร์ตู ใช้ทางลงเขาตามปกติ”
“ถ้าไม่มีโทรเลข พรุ่งนี้พี่ไปหาคุณนายปัวริสเพื่อขอยืมม้าน้อย แล้วเราไปที่ทุ่งหญ้าบนภูเขาใกล้ๆ กัน…ฉันรู้มาว่าที่นั่นมีถนนเล็กๆ สำหรับลงเขา แต่พวกนักสืบไม่รู้เรื่องนี้แน่”
โอลัวร์ใช้นิ้วม้วนเล่นเส้นผม ครุ่นคิดอย่างรอบคอบ
ผ่านไปไม่นาน เธอยิ้มและกล่าว
“เอาสิ แผนนี้มีโอกาสสำเร็จสูง”
ตามด้วย ‘จิ๊’ ด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“เจ้าน้องชายทึ่มของฉันโตขึ้นแล้วสินะ”
ลูเมี่ยนทั้งยินดีและภูมิใจอย่างมาก
…
หลังเสร็จมื้อเช้า ลูเมี่ยนอ้างว่าจะไปดูความพร้อมของเอวาก่อนเริ่มขบวนแห่ ‘นางฟ้าใบไม้ผลิ’ แล้วเดินออกจากบ้านสองชั้นครึ่งรวมใต้ดิน ตรงไปทางร้านเหล้าคร่ำครึ
หลังจากกลายเป็นผู้วิเศษ เขากระหายที่จะเรียนรู้พื้นฐาน
และมาดามคนนั้นจะต้องเล่าให้ฟังแน่!
เมื่อเดินเข้าใกล้ร้านเหล้าคร่ำครึ ลูเมี่ยนเห็นคนคุ้นเคยเดินเข้ามาใกล้
“แค่คนเดียว?” ลูเมี่ยนหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่ปงส์·เบเนต์พาลิ่วล้อไล่ล่าตนไปครึ่งหมู่บ้าน ทำเอาไม่อาจหุ้มยิ้มได้เลย
ด้วยพลังวิเศษใหม่แกะกล่อง เขากระหายที่จะลองใช้มัน จึงอยากหาคู่ซ้อมมานานแล้ว
“ไง…ไอ้ลูกหมา” ลูเมี่ยนทักทาย “พ่อคนนี้ยังไม่อนุญาตให้ออกจากบ้านเลย ทำไมถึงกล้าไปไหนมาไหนคนเดียว?”
เขาตั้งใจยั่วยุปงส์·เบเนต์ เพื่อให้อีกฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนโดยไม่แผ่นหนีไป
ปงส์·เบเนต์หันมาตามเสียงและพบลูเมี่ยน
อีกฝ่ายหน้าถอดสีเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งแจ้นไปทันที
ตึกตึกตึก…
ลูเมี่ยนมองด้วยความประหลาดใจเล็กๆ ขณะอีกฝ่ายวิ่งหายไปตรงหัวมุมสี่แยก
“วิ่งเร็วชะมัด…”
“ไหงวันนี้ฉลาดขึ้นมาได้…”
ลูเมี่ยนรำพันในใจเงียบๆ
กระทั่งก่อนจะเป็นผู้วิเศษ เขาเชื่อว่าตนเอาชนะปงส์·เบเนต์ในการดวลได้แน่ แต่อีกฝ่ายก็มั่นใจในตัวเองไม่แพ้กัน
เนื่องจากไม่เคยดวลกันเลยสักครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงทึกทักเอาว่าตนเหนือกว่า
ใครจะไปรู้ว่าปงส์·เบเนต์ดันเผ่นหนีทันทีที่เห็นลูเมี่ยน ราวกับได้พานพบสัตว์ร้าย
มันไม่มีทางรู้แน่ว่าเรากลายเป็นผู้วิเศษเมื่อคืน…หรือว่าปงส์·เบเนต์โง่เกินไป ไม่มีสมอง แต่ได้รับสัญชาตญาณแบบสัตว์ป่ามาแทน สามารถรับรู้ถึงกลิ่นอันตราย? ลูเมี่ยนเริ่มเหยียดหยันอีกฝ่ายในใจ
เด็กหนุ่มไม่พยายามวิ่งไล่ตาม เพราะนึกเสียใจมาตั้งแต่วินาทีที่กล่าวคำ ‘ทักทาย’ ออกไป
หมู่บ้านนี้เต็มไปด้วยความผิดปกติ สถานการณ์ค่อนข้างหมิ่นเหม่ ก่อนที่จะหนีออกไปสำเร็จ สิ่งที่ควรงดเว้นคือการหาเรื่องคน!
หากตนกระทืบปงส์·เบเนต์ไป จนทำให้หลวงพ่อและลิ่วล้อเริ่มลงมือก่อนเวลา นั่นอาจกระทบกับการหนีของตนและโอลัวร์
แล้วอีกอย่าง หลวงพ่อคนนั้นไม่ธรรมดาเลย ปงส์·เบเนต์ก็อาจจะมีลับลมคมในเช่นกัน ลูเมี่ยนรู้สึกว่าหากตนต่อสู้ด้วยพลังวิเศษ อาจเท่ากับเป็นการเปิดเผยสถานะผู้วิเศษ ซึ่งนั่นจะชักนำปัญหาเข้าบ้าน
“เพิ่งกลายเป็นผู้วิเศษแท้ๆ …ดันคิดว่าตัวเองเก่งเกินไป มั่นใจเกินไป จนควบตัวเองไม่อยู่…” ลูเมี่ยนทบทวนตัวเองอย่างเข้มงวด แล้วเดินเข้าไปในร้านเหล้าคร่ำครึ
ทีแรกคิดจะตรงขึ้นชั้นสองทันที แต่เห็นว่ามาดามคนนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงมุมห้อง
วันนี้เธอมาในชุดกระโปรงยาวสีเทาประดับไข่มุก พร้อมด้วยหมวกสตรีสีอ่อน เบื้องหน้าไม่มีจานอาหารวาง
“กินมื้อเช้าหรือยัง” ลูเมี่ยนเดินเข้าไปนั่งฝั่งตรงข้าม
“ยังเลย” หญิงสาวตอบเสียงเรียบ “วันนี้มีนัด กำลังรอเจ้าหล่อนอยู่”
เจ้าหล่อน? ไม่ใช่เราหรอกหรือ…ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ แต่นอกจากเจ้าของร้านเหล้าก็ไม่เห็นใครอีก
เขาหันกลับไปมองมาดาม แล้วกล่าวอย่างจริงใจ
“ฉันเป็น ‘นักล่า’ แล้ว”
คุณควรทำตามสัญญา และสอนความรู้พื้นฐานให้กับฉัน
หญิงสาวดูไม่แปลกใจ เพียงยิ้มเล็กๆ และกล่าว
“สภาพก็ดูดีมาก”
เธอเว้นวรรคชั่วขณะ ก่อนจะพูดด้วยเสียงลอยๆ
“สิ่งที่เธอต้องเรียนรู้ในตอนนี้ คือกฎสองข้อและหนึ่งวิธีการ”
ยังกับการเรียนฟิสิกส์…ลูเมี่ยนไม่กล้าพูดความในใจ
มาดามคนนั้นเล่าต่อ
“สำหรับผู้วิเศษส่วนใหญ่ ความรู้เหล่านี้มีค่าอย่างยิ่ง ต่อให้ต้องแลกด้วยทุกสิ่งที่มีก็ยอม แต่สำหรับเธอ ด้วยการจัดเตรียมของโชคชะตา ฉันจะยอมเล่าฟรีๆ”
ของฟรีมักแพงที่สุด…เราจะต้องจ่ายอะไรเป็นค่าตอบแทนเนี่ย…ลูเมี่ยนรู้สึกหนักอกหนักใจโดยไม่รู้ตัว
หลังจากได้เป็น ‘นักล่า’ สัญชาตญาณและการสังเกตของเด็กหนุ่มเฉียบคมขึ้นมาก จึงสัมผัสถึงอารมณ์พิเศษในแววตาของมาดามฝั่งตรงข้ามได้ชัดเจนแตกต่างจากที่ผ่านมา แต่ก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่าเป็นอารมณ์ใด
มาดามคนนั้นขยับหลังตั้งตรง
“แหล่งกำเนิดพลังวิเศษทั้งหมด สามารถย้อนรอยกลับไปหา ‘พระผู้สร้างต้นกำเนิด’ …เธอเป็นผู้ศรัทธาสุริยันเจิดจรัส ควรจะทราบดีว่าพระเนตรของพระผู้สร้างต้นกำเนิด ในภายหลังได้กลายเป็นดวงอาทิตย์”
“รู้สิ” ลูเมี่ยนเคยฟังคำเทศนาในโบสถ์
“นั่นเป็นการอธิบายในเชิงสัญลักษณ์” มาดามอธิบายง่ายๆ “โดยทั่วไป พระผู้สร้างต้นกำเนิดคือผู้สร้างโลกนี้ขึ้นมา อีกทั้งยังสร้างเทพหลายองค์ จนสุดท้ายก็ร่วงหล่น กลายเป็นตะกอนพลังในเส้นทางต่างๆ”
“เพราะงั้นถึงได้เรียกว่า ‘เส้นทางแห่งเทพ’ ใช่ไหม” ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจมากขึ้น
หญิงสาวผงกหัวเบาๆ
“ถูกต้อง ลำดับ 0 ของแต่ละเส้นทางเทียบได้กับเทพ ตัวอย่างเช่น เส้นทางของ ‘นักขับขาน’ ลำดับ 0 มีชื่อว่า ‘สุริยัน’ ซึ่งก็คือองค์สุริยันเจิดจรัสที่เธอศรัทธา”
ทุกเส้นทางผู้วิเศษ ปลายทางคือการเป็นเทพ? ลูเมี่ยนพลันตะลึงงัน
ขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจปนหวาดกลัวอย่างไร้เหตุผล
ถ้าตนคือผู้ศรัทธาสุดโต่งของสุริยันเจิดจรัส ตอนนี้คงนึกตำหนิมาดามฝั่งตรงข้ามที่พูดจาลบหลู่พระองค์ แต่เขาไม่ใช่ เพียงศรัทธาตามกระแส มีศาสนาหรือไม่มีก็ได้
จึงถามต่อไป
“ลำดับ 0 ของเส้นทางนักล่าชื่อว่าอะไร? รวมถึงเส้นทางผู้ส่องความลับด้วย”
“ฉันเคยบอกไปแล้วนะ… ‘นักบวชสีชาด’ ไงล่ะ ตอนนี้ตำแหน่งยังว่างอยู่” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้า “ลำดับ 0 ของ ‘ผู้ส่องความลับ’ คือ ‘นักสิทธิ์’ ตอนนี้ถูกเทพมารยึดครองอยู่ เราเรียกพระองค์ว่า ‘ปราชญ์เร้นลับ’ รักที่จะมอบความรู้ให้กับผู้วิเศษบนเส้นทางเดียวกัน หรือในทางสากลเรียกว่า ‘ปัญญาไล่ล่าคน’ …ปัญหาที่พี่สาวของเธอต้องเผชิญ ส่วนใหญ่เกิดจากปราชญ์เร้นลับ”
“อย่างนี้นี่เอง…” ลูเมี่ยนเริ่มไม่พอใจปราชญ์เร้นลับ
มาดามกลับสู่หัวข้อหลัก
“เนื่องจากตะกอนพลังทั้งหมดมาจากพระผู้สร้างต้นกำเนิด มันจึงไม่มีวันสลายไป และไม่มีการเพิ่มจำนวน แต่จะเปลี่ยนจากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง จากวัตถุหนึ่งไปสู่วัตถุหนึ่ง”
“สิ่งนี้เรียกว่า ‘กฎความถาวรของตะกอนพลัง’”
…………………………………………………….