ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 271 การแสดง
ตอนที่ 271 การแสดง
หลังจากคาดเดา ลูเมี่ยนก็หันไปมอง ‘มุสิก’ คริสโตกับ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์โดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกว่าโอกาสเป็น ‘เหยื่อล่อ’ นั้นไม่สูงนัก เพราะผู้วิเศษที่เติบโตด้วยการดื่มโอสถ แตกต่างจากผู้ที่อาศัยพรของเทพมาร มิใช่ผักกาดขาวในไร่ที่นึกจะปลูกตอนไหนก็ได้ อันดับแรกต้องมีวัตถุดิบที่เหมาะสม และข้อสอง ต้องมีเวลามากพอ และเมื่อถึงลำดับกลางแล้ว ยังต้องดูว่าวาสนาเป็นอย่างไร หรือว่าชำนาญการ ‘สวมบทบาท’ มากน้อยแค่ไหน
หากพวกตนสามคนเป็น ‘เหยื่อล่อ’ ในภารกิจจริง ก็คงไม่มีทางเรียกคืนตะกอนพลังได้ ซึ่งนี่ถือเป็นอำนาจครึ่งหนึ่งที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินใช้ควบคุมโลกใต้ดินเขตตลาด
จริงอยู่ ในฐานะคนขององค์กรลับ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ การ์ดเนอร์·มาร์ตินแบกรับความสูญเสียระดับนี้ได้ แต่เขาคงไม่ยอมเสียสละมากมายเพียงเพื่อเรื่องไม่สำคัญ
และหากเป็นภารกิจสำคัญ การส่งผู้วิเศษลำดับ 7 เพียงหนึ่งคน และลำดับ 8 อีกสองคนก็ชัดเจนว่าไม่เพียงพอ การ์ดเนอร์·มาร์ตินไม่กลัวว่างานจะล้มเหลวเลยหรือ?
คิดมาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนตัดสินใจคาดเดาในมุมใหม่
นี่อาจเป็นบททดสอบเบื้องต้นให้เขา ผ่านภารกิจที่มีความเสี่ยงไม่มากนัก ซึ่งทั้ง ‘มุสิก’ คริสโตกับ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์อาจจะทราบหรือไม่ทราบก็ได้
หรือไม่ก็นี่อาจเป็นการทำภารกิจสำคัญและอันตรายของจริง โดยใช้พวกเขาสามคนเป็นเหยื่อล่อ ในขณะที่ยังมี ‘มือฉมัง’ คอยให้การสนับสนุนจากด้านหลัง ซึ่งก็ถือเป็นการทดสอบเช่นกัน
เมื่อได้ข้อสรุป ความคิดแรกของลูเมี่ยนคือมองไปทางการ์ดเนอร์·มาร์ติน พร้อมกับขานรับภารกิจด้วยเสียงกระตือรือร้นและมั่นใจ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของเด็กหนุ่มที่ขวนขวายหาโอกาสไต่เต้าก้าวหน้า
หากออกหน้าแรก นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือ แต่ถ้าออกหน้าหลัง ในกระเป๋าเสื้อของลูเมี่ยนยังมีนิ้วของมิสเตอร์ K นอนนิ่งเป็นไพ่ตาย ถึงตอนนั้น ต่อให้ต้องเปิดเผยความลับที่ตนเป็นคนของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ เพื่อเอาชีวิตรอด เขาก็พร้อมจะละทิ้งภารกิจของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’
ตราบใดที่ยังไม่ตาย ก็ย่อมมีโอกาสอื่นรออยู่เสมอ!
หลังจบวินาศกรรมที่เกิดจากฝีมือ ‘พฤกษาเงา’ ลูเมี่ยนรีบเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ก่อนที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินจะเริ่มการสอบสวน และได้พบกับมิสเตอร์ K
เด็กหนุ่มปกปิดประสบการณ์ภายใน ‘พฤกษาเงา’ ของตนบางส่วน เล่าเพียงว่ามีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นบนเขตตลาด ตัวเขาและคนอื่นติดอยู่ในทุ่งร้างพิสดาร แต่ผ่านไปสักพัก ต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลเขียวนั่นก็จมลง ซูซานน่า·มาติสปรากฏกาย เริ่มสูบพลังชีวิตของทุกคน ตนใช้นิ้วของมิสเตอร์ K เพื่อต่อต้าน ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ โดยการสร้าง ‘เสื้อคลุมเลือดเนื้อ’ ซึ่งมีศักยภาพด้านการป้องกันที่ทรงพลัง แต่รอจนแล้วจนรอดก็ไม่มีความช่วยเหลือมาสมทบ
ในภายหลัง ด้วยการทรุดตัวของต้นไม้ยักษ์สีน้ำตาลเขียว ด้วยความอ่อนแอที่รุมเร้าซูซานน่า·มาติส ด้วยความช่วยเหลือจากผู้วิเศษอีกสองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ด้วยอำนาจของ ‘นักวางเพลิง’ ที่ตนเพิ่งได้รับมาหมาดๆ ผนวกกับ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ที่นำมาจากหมู่บ้านกอร์ตู เขาสามารถเอาชนะศัตรูและกำจัดเธอได้อย่างราบคาบ
สิ่งที่เด็กหนุ่มเล่าล้วนเป็นความจริง เพียงแต่ลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง เวลา สถานที่ และรายละเอียดเล็กๆ ถูกทำให้กำกวม ฟังแล้วไม่พบความผิดปกติในตรรกศาสตร์ หลังจากที่มิสเตอร์ K ฟังจบ ไม่เพียงแต่ไม่สงสัย กลับถอนหายใจและเตือนลูเมี่ยนว่า อย่าพึ่งพานิ้วของเขามากเกินไป เพราะมีหลากหลายวิธีในการตัดขาดการเชื่อมโยงทางศาสตร์เร้นลับระหว่างทั้งสองฝ่าย
หลังจากยืนยันว่าลูเมี่ยนได้เลื่อนลำดับเป็น ‘นักวางเพลิง’ โดยอาศัยความช่วยเหลือจากการ์ดเนอร์·มาร์ติน มิสเตอร์ K ก็พึงพอใจมาก และถอนนิ้วใหม่ให้เขา
นั่นทำให้ลูเมี่ยนเชื่อว่า ตราบใดที่ตนมิได้เผชิญสภาพแวดล้อมพิเศษจำพวก ‘โลกอีกฝั่ง’ หรือภายใน ‘พฤกษาเงา’ หรือไม่ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์น่าพรั่นพรึงที่ข้องแวะบารมีเทพ อาศัยลำพังนิ้วของมิสเตอร์ K ต่อให้เขาไม่สามารถพลิกจากแพ้เป็นชนะ แต่การหนีก็ยังมีโอกาสสูงมาก
ขณะลูเมี่ยนเตรียมขานรับบอสใหญ่ ก็พลันนึกเอะใจว่า การแสดงต้องไม่มากไปจนเกินพอดี
นี่ถือเป็นประโยคเด็ดติดตัวจินนาไปแล้ว
“อ้างอิงจากฟรังก้า บอสน่าจะเป็นอย่างน้อย ‘นักวางแผน’ ลำดับ 6 เราไม่ควรประเมินไอคิวและวิสัยทัศน์ของเขาต่ำเกินไป…”
“ภูมิหลังของเราคือเด็กหนุ่มจากชนบท เคยถูกดึงเข้าไปพัวพันกับภัยพิบัติเหนือมนุษย์ ไม่ค่อยประสีประสาในทีแรก เพียงอยากเปลี่ยนแปลงโชคชะตา… แต่ตอนนี้เราอยู่ในเขตตลาดมาสักพักแล้ว เคยลองทำหลายสิ่งทั้งที่ลับและที่แจ้ง แม้จะถูกจำกัดเฉพาะสิ่งที่บอสรับรู้ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเชื่อว่า เราไม่ใช่ไอ้หนุ่มบ้านนอกคอกนาไร้สมอง และทำอะไรด้วยความบ้าบิ่นรุนแรง”
“สำหรับวันนี้ ในสายตาของบอส เราควรต้องสังเกตเห็นความผิดปกติของภารกิจและอันตรายแฝง การรีบร้อนตอบตกลงโดยไม่ถามไถ่สาเหตุ หรือสังเกตให้รอบคอบเสียก่อน จะยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าเรามีจุดประสงค์แอบแฝง หรือไม่ก็มี ‘ไพ่ตาย’ อื่นซุกซ่อนอยู่”
“แบบนั้นคงไม่ดีแน่…”
ความคิดมากมายแล่นผ่านหัวสมองลูเมี่ยน ก่อนจะเปลี่ยนจุดหมายของสายตาในทันที รีบมองไปยัง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์และ ‘มุสิก’ คริสโต ราวกับอยากเห็นท่าทีของพวกเขาให้ชัดเจนเสียก่อน
‘มุสิก’ คริสโตคงกำลังนึกถึงเรื่อง ‘คนในกระจก’ นึกถึงน้องชายที่ตายไปเพราะเหตุการณ์นั้น สีหน้าของเขาดูไม่ดีสักเท่าไร ทั้งหวาดหวั่นและไม่สบายใจ
สีหน้าของ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์เผยความสงสัยเจือระแวง แต่ก็มิได้เอ่ยปากคัดค้าน
หลังจากผ่านไปสองสามวินาที ทั้งสองเปิดปากแทบพร้อมกัน
“ครับ บอส!”
พอได้ยินแบบนั้น ลูเมี่ยนจึงแกล้งลังเลสักพักก่อนจะขานรับตาม
“ได้ครับบอส!”
สายตาของการ์ดเนอร์·มาร์ติน เคลื่อนไปมาระหว่างลูเมี่ยน คริสโต และซิมงต์ คอยสังเกตสีหน้าและท่าทางของพวกเขา
หลังจากทุกคนตอบตกลงแล้ว บอสใหญ่แห่งพรรคซาฟาห์จึงยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเริ่มเล่า
“ผมจะบอกรายละเอียดภารกิจให้พวกคุณฟัง”
เขาเปิดลิ้นชักและหยิบม้วนกระดาษที่ทำจากหนังแกะเทียม จากนั้นคลี่มันออกบนโต๊ะทำงาน
พวกลูเมี่ยนรีบเดินเข้าไปใกล้ จนกระทั่งมองชัดเจนว่านั่นคือแผนที่ — แผนที่บางส่วนของใต้ดินทรีอาร์!
ยาวหนึ่งเมตร กว้างห้าสิบเซนติเมตร ชั้นบนสุดของแผนที่คือทรีอาร์ใต้ดินที่หน่วยงานเทศบาลเจาะอุโมงค์เชื่อมเข้าด้วยกัน เสริมความแข็งแรงให้ช่องว่างในหลุมเหมือง สอดคล้องกับถนน จัตุรัส และจุดสังเกตอื่นๆ บนพื้นผิว
แผนที่นี้มีเพียงพื้นใต้ดินของเขตตลาด เขตหอรำลึก เขตสวนพฤกษศาสตร์ และเขตหอดูดาว แต่วาดไว้อย่างละเอียด ราวกับว่ามีคนแอบเข้าไปในหน่วยงานเทศบาลและคัดลอกมาจากเอกสารต้นฉบับ
ลูเมี่ยนมองเห็นชัดเจนว่ามีส่วนขยายทางด้านข้าง แต่ไม่ได้ถูกวาดต่อไป
ชั้นกลางของแผนที่ประกอบด้วย หลุมเหมืองแต่ละแห่ง ตำแหน่งที่ถูกระบุว่าเป็นสุสานโบราณ และลำธารใต้ดินหลายสาย ซึ่งกระจัดกระจายอย่างไร้ระเบียบ เชื่อมต่อกับชั้นด้านบนผ่านอุโมงค์ที่เด่นชัดและซ่อนเร้น
ส่วนนี้มีพื้นที่ว่างและช่องว่างจำนวนมาก โดยมีคำว่า ‘รอสำรวจ’ ‘รอค้นหา’ และ ‘รอตามหา’ เขียนกำกับไว้ข้างๆ
ชั้นล่างของแผนที่คืออุโมงค์เหมืองบางส่วนที่พังทลายไปนานแล้ว รวมถึงช่องว่างอีกหลายจุด ราวกับถูกหมอกปกคลุมไว้ แม้แต่องค์กรลับอย่าง ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ก็ยังไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้
ชั้นนี้ยื่นออกไปเป็นทางเดินหลายเส้น แต่แผนที่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าพวกมันเชื่อมต่อกับพื้นที่ใดบ้าง
“ทรีอาร์ยุคสมัยที่สี่? สถานที่ซึ่งถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘เขตอนุรักษ์ซากโบราณ’?”
“เห็นได้ชัดว่าแผนที่นี้ถูกคัดลอกมาจากฉบับที่สมบูรณ์กว่า…”
“ส่วนที่สมบูรณ์กว่า… แสดงทรีอาร์ในยุคสมัยที่สี่ด้วย?”
“‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ สำรวจใต้ดินไปค่อนข้างมากทีเดียว…” ลูเมี่ยนจดจำแผนที่ที่ไม่สมบูรณ์ฉบับนี้ไปพลางตั้งข้อสงสัย
เมื่อลูกน้องทั้งสามดูแผนที่พอเป็นพิธีแล้ว การ์ดเนอร์·มาร์ตินชี้ไปตรงจุดหนึ่งแล้วพูด
“จุดหมายของพวกคุณอยู่ตรงนี้”
มันคืออุโมงค์เหมืองที่พังทลาย แต่ยังพอมีพื้นที่หลงเหลืออยู่
พิกัดอยู่ตรงชั้นล่างสุดของแผนที่ ใกล้กับทรีอาร์ยุคสมัยที่สี่
ด้านบนสอดคล้องกับถนนใหญ่เซลบ์ ถนนเด็กเกเร และจัตุรัสพงไพร ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเขตหอดูดาวกับเขตสวนพฤกษศาสตร์
“มันชื่อโพรงเหมืองอัลแบร์” การ์ดเนอร์·มาร์ตินเริ่มแนะนำ “ต้องผ่านอุโมงค์ลับที่ขุดขึ้นโดยเอกชนสองเส้นจึงจะไปถึง ไม่ถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ และคนสัญจรไปมาส่วนใหญ่ไม่รู้จัก”
ขณะการ์ดเนอร์·มาร์ตินอธิบาย ก็ใช้นิ้วลากตามอุโมงค์สองเส้นที่วาดด้วยเส้นประ และบอกวิธีเข้าไปอย่างถูกต้องแก่ลูเมี่ยน คริสโต และซิมงต์
สุดท้าย เขาพูดพลางทอดถอนใจ
“หกปีก่อน ผู้นำกลุ่มต่อต้าน ผู้วางแผนการจลาจลครั้งใหญ่ อัลแบร์·กองกูร์ สามารถหลบหนีการค้นหาทางใต้ดินของกองทัพ ตำรวจ และทางผู้วิเศษได้สำเร็จ และรอดชีวิตมาได้ ก็เพราะเขาค้นพบและตั้งชื่อหลุมเหมืองแห่งนี้”
หกปีก่อน… กลุ่มต่อต้าน… การจลาจลครั้งใหญ่… เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ ลูเมี่ยนนึกถึงสถานการณ์ที่เคยเห็นและได้ยินทันที:
ในช่วงสงครามกับราชอาณาจักรโลเอ็น ราคาสินค้าในกรุงทรีอาร์พุ่งสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพงจนทำให้ผู้คนหมดหวัง ก่อให้เกิดการเดินขบวนครั้งใหญ่ลุกลามไปทั่วเมือง เต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง
อิงจากคำพูดของการ์ดเนอร์·มาร์ติน นั่นไม่ใช่การประท้วงที่เกิดขึ้นเอง แต่มีคนวางแผนและชักนำ? ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ มีเอี่ยวกับเรื่องนี้? ลูเมี่ยนครุ่นคิดพลางจ้องแผนที่อย่างพินิจพิเคราะห์
การ์ดเนอร์·มาร์ตินทำการสรุป
“สิ่งที่พวกคุณต้องทำคือ ไปให้ถึงหลุมเหมืองอัลแบร์ก่อนเที่ยงวัน รอคนมาทำการซื้อขาย และรับกล่องใบหนึ่งจากเขา”
“พวกคุณไม่จำเป็นต้องให้อะไรกับเขา และไม่ต้องพูดคุยด้วย”
“ระหว่างทางกลับ ห้ามเปิดกล่องนั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะนำพาอันตรายที่คาดไม่ถึงมาสู่พวกคุณ”
“ตราบใดที่พวกคุณทำตามคำพูดของผมอย่างเคร่งครัด ภารกิจนี้จะมีความเสี่ยงไม่สูงนัก ระหว่างทางอาจได้เจอปรากฏการณ์ผิดปกติใต้ดินบ้าง หรือไม่ก็สัตว์ประหลาดเหนือธรรมชาติ แต่ทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตที่พวกคุณสามารถรับมือได้ด้วยการผนึกกำลังกัน”
หลังจากฟังคำอธิบายอีกสักพัก ลูเมี่ยน คริสโต และซิมงต์ออกจากบ้านเลขที่ 11 ถนนน้ำพุ พร้อมกับโคมไฟคาร์ไบด์คนละดวง มุ่งหน้าไปยังทางเข้าใต้ดินทรีอาร์ใกล้ๆ
ลูเมี่ยนหันหลังมองคฤหาสน์สีเทาขาวที่หายลับไปจากสายตา และเริ่มแสดงตัวตนที่ ‘การ์ดเนอร์·มาร์ตินคิดว่าเขาเป็น’
เด็กหนุ่มยิ้มแล้วถามคริสโตกับซิมงต์อย่างเป็นกันเอง
“พวกคุณเคยทำภารกิจแบบนี้มาก่อนไหม”
‘มุสิก’ คริสโตเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบ
“สามครั้ง”
“ครั้งเดียว” ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ตอบตามด้วยเสียงทุ้มเล็กน้อย
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“พวกคุณยังมีชีวิตอยู่ แปลว่าภารกิจทำนองนี้ก็ไม่ได้เสี่ยงอะไรมากนัก”
‘มุสิก’ คริสโตมิได้ตอบกลับ ราวกับกำลังจมอยู่ในความทรงจำที่ไม่ดี ส่วน ‘คนยักษ์’ ซิมงต์เห็นด้วยกับลูเมี่ยน พูดประหนึ่งปลอบใจตัวเอง
“อา… นี่คงเป็นบททดสอบที่บอสมอบให้พวกเรา ถ้าผ่านได้ก็จะมีโอกาสก้าวหน้า”
ลูเมี่ยนหัวเราะ:
“แล้วถ้าผ่านไม่ได้ล่ะ? ก็ตายมันตรงนั้นเลย?”
……………………………………………..