ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 255 ‘สะพานสื่อสาร’
ตอนที่ 255 ‘สะพานสื่อสาร’
ตอนแรกที่ลูเมี่ยนได้ยินแผนของสมาคมเสียวซ่าน ความคิดแรกของเขาคือ ซูซานน่าเข้าใจผิดอยู่หนึ่งจุด ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญมาก
สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ในร่างของเขา มิใช่มลทินที่มีระดับทัดเทียมเทวทูต แต่เป็นเทวทูตตัวจริงเสียงจริง!
ประเภทแรกไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ตอบสนองจากสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว เว้นแต่จะปลดผนึกและสร้างการเชื่อมต่อใหม่กับตัวจริงได้ มิฉะนั้นมันก็เป็นเพียงกองระเบิดที่ถูกถอดชนวนออกชั่วคราว ถึงแม้จะยังมีโอกาสระเบิด แต่สำหรับสาวกเทพมารอย่างซูซานน่า สถานการณ์ชัดเจนว่าควบคุมได้
เพียงแค่พวกเธอหาวิธีที่ถูกต้อง อาศัยสภาพแวดล้อมในพฤกษาเงาที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จัดเตรียมพิธีกรรมให้ดี ให้เทพมารคอยสอดส่องระหว่างพิธีสังเวย หลังจากปลดผนึกแล้ว พวกเธอก็จะไม่ถูกมลทินระดับเทวทูตคุกคาม สามารถถวายมันแด่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายได้อย่างลุล่วง
ในขณะที่ประเภทหลังมีความคิดเป็นของตัวเอง มีสติปัญญา กระตือรือร้น ไม่มีทางอยู่เฉยๆ และปล่อยให้ตัวเองถูกสังเวยแน่
เมื่อผนึกคลายออกอย่างสมบูรณ์ คิดว่าซูซานน่ากับชาร์ล็อตต์จะรับมือเทวทูตตัวจริงไหวหรือ?
คนหนึ่งเป็นวิญญาณมารลำดับ 5 ที่ต้องอาศัยพฤกษาเงาจึงจะมีบารมีเทพเล็กน้อย อีกคนยังเป็นเพียง ‘นักแสดง’ กระหายการแสดงอย่างออกนอกหน้า ในขณะที่เทวทูตแท้จริงอย่างน้อยต้องมีลำดับ 2 สามารถใช้สรรพนามว่าพระองค์ เมื่อครั้งโบราณกาลเกือบจะทัดเทียมเทพ ถูกเรียกว่ารองเทพ ช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายกว้างพอๆ กับนักบุญและคนธรรมดา
ที่ลูเมี่ยนมิได้ขอความช่วยเหลือจากเทอร์มีโพลอสตั้งแต่ต้น เพราะเกรงว่าเทวทูตเจ้าเล่ห์องค์นี้ จะฉวยโอกาสทำในสิ่งที่ภายนอกดูปกติ แต่แอบคลายผนึกอย่างลับๆ โดยที่ไม่มีใครจับได้
หากเป็นเช่นนั้น บทสรุปสุดท้ายก็คงจบลงตรงที่ ลูเมี่ยนตาย ซูซานน่าตาย ชาร์ล็อตต์ตาย พฤกษาเงาถูกทำลายหรือหดกลับลงไปใต้พื้นดิน และเทอร์มีโพลอสได้เสด็จเยือนโลกอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้ ลูเมี่ยนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินบนเชือกลวดที่พาดผ่านเหวลึก หวังว่าจะรักษาสมดุลไว้ได้
หากพลั้งเผลอแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะร่วงหล่นลงไป ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไข
เมื่อเสียงของเด็กหนุ่มเงียบลง เสียงอันน่าเกรงขามของเทอร์มีโพลอสก็ดังขึ้นข้างหู
หลังจากได้ยินเสียงอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก และปฏิเสธคำล่อลวงไป แม้ลูเมี่ยนจะระลึกถึงการมีอยู่ของเทวทูตองค์นี้ได้ แต่ก็ไม่เคยสื่อสารกับพระองค์อีกเลย เพียงจับสังเกตได้จากพัฒนาการของเรื่องราวที่ไม่สมเหตุสมผล แล้วนำมาเชื่อมโยงกัน ทำให้รับรู้ว่าพระองค์ยังไม่ยอมแพ้ ยังคงพยายามทำบางสิ่งบางอย่าง
บัดนี้ หลังจากผ่านมาหลายวัน ลูเมี่ยนได้ยินเสียงของเทอร์มีโพลอสกับหูอีกครั้ง เป็นเครื่องยืนยันว่าในร่างของตนมีเทวทูตถูกผนึกอยู่
น้ำเสียงของเทอร์มีโพลอสเปี่ยมไปด้วยความสบายใจและความพึงพอใจ ก้องกังวานไปตามชั้นต่างๆ ของโสตประสาท
“หากการดูแคลนช่วยให้ข้าหลุดพ้นจากผนึก ก็ได้แต่หวังให้พวกนางดูแคลนข้ายิ่งขึ้น…”
“นี่คือสภาพแวดล้อมในอุดมคติ ข้ารอคอยมิติเช่นนี้มาตลอด แม้เจ้าจะตายไปในอีกไม่ช้า จนผนึกก็สูญเสียหลักยึดเหนี่ยว แต่บุคคลภายนอกก็จะรับรู้ได้ช้ากว่าปกติ ส่งผลให้รุดมาขัดขวางการเป็นอิสระของข้าไม่ทันเวลา”
“บางที พวกนางอาจไม่ฆ่าเจ้า แต่จะพยายามคลายผนึกก่อน แล้วจึงค่อยทำพิธีเซ่นสังเวย ข้าสามารถฉวยโอกาสเร่งการเกิดของโชคชะตา พาตัวเองออกจากร่างเจ้าได้ก่อนกำหนด แล้วทำลายพิธีกรรมของพวกนางทิ้งเสีย”
เทอร์มีโพลอสพูดมากถึงเพียงนี้ นัยนอกเหนือถ้อยคำคล้ายกับสื่อว่า
นี่คือโอกาสที่ข้ารอคอยมานานแสนนาน!
ไยข้าต้องช่วยเจ้า? เพียงแค่อดทนรอให้ถึงตอนจบก็พอ!
ลูเมี่ยนเงียบลง กระโดดออกจากตำแหน่งเดิม
รากไม้ในจุดดังกล่าวแตกออก ดอกไม้ยักษ์สีซีดเปียกชื้นงอกออกมา กลีบดอกไม้ผลิบานทีละกลีบ ราวกับหุบเหวลึกอ้าปากกว้าง
ฮัดชิ้ว!
ลูเมี่ยนสูดเกลือดมวิเศษอีกครั้ง เพื่อให้ความคิดหลุดพ้นจากอาการง่วงซึม
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองซูซานน่า·มาติสที่อยู่บนฟ้าสูง หัวเราะอย่างเกือบคลั่ง
“ฮ่าๆ ฉันไม่เคยเจอใครโง่เท่าพวกเธอมาก่อน!”
“ไม่ได้รู้อะไรเลยสินะ ถึงได้ประกอบพิธีกรรมเช่นนี้? กราบไหว้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจนสมองถูกควักออกไปหมดแล้ว หรือในหัวเต็มไปด้วยของเหลวข้นๆ กันแน่?”
“จะบอกอะไรให้นะ สิ่งที่ถูกผนึกอยู่ในตัวฉัน มิใช่มลทินระดับเทวทูต แต่เป็นเทวทูตตัวจริง นามของพระองค์คือเทอร์มีโพลอส!”
“หากพวกเธอปลดผนึกออก พระองค์จะปรากฏกายที่นี่ สังหารพวกเธอทุกคน โค่นต้นไม้เสื่อมทรามจนพังพินาศ แล้วโยนมันลงบ่อเกรอะ!”
“ถ้าฉันเป็นทางนั้น จะรีบหยุดพิธีกรรมทันที แล้วปล่อยให้ฉันหนีไปอย่างปลอดภัย!”
ซูซานน่า·มาติส ผู้เปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลาบนเรือนยอดเทียม มองต่ำลงมาหาเด็กหนุ่ม
เธอมองลูเมี่ยน ยิ้มแล้วพูด
“คิดจะหลอกฉันอีกแล้ว? ปั้นน้ำเป็นตัวเก่งนักนะ คราวก่อนฉันโดนแกหลอกมาแล้ว ครั้งนี้จะไม่หลงกลอีกเด็ดขาด”
บนกิ่งไม้ไม่ไกลจากเธอ บนพื้นผิวของโรงแรมระกาทองที่ห่อหุ้มด้วยเถาวัลย์ บนหน้าต่างเพียงไม่กี่บานที่โผล่ให้เห็น กำลังสะท้อนร่างของกาเบรียลนักประพันธ์บทละคร
เขาถือปากกาหมึก เขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งนักเขียนคนดังกำลังเซ็นชื่อให้แฟนๆ
กาเบรียลปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นคนดัง เมื่อบทละครเรื่อง ‘ผู้ไขว่คว้าแสง’ ได้รับความนิยม
ซูซานน่า·มาติสกล่าวต่อไป
“นอกจากนี้ เรื่องที่ภายในผนึกของแกอาจไม่ได้เป็นเพียงมลทิน แต่เป็นเทวทูตตัวจริง พวกเราก็เผื่อใจไว้อยู่แล้ว”
“ดังนั้น ภายใต้การดลใจขององค์เทพ เราจึงได้ปรับเปลี่ยนขั้นตอนสำคัญของพิธี โดยจะใช้แกเป็นเครื่องบูชาหลัก ถวายแด่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายผู้ยิ่งใหญ่ไปพร้อมกับผนึกและเทวทูต ทำให้ไม่กระทบต่อผลลัพธ์สุดท้าย”
“การบูชายัญไม่เหมือนการประกอบอาหาร ไม่จำเป็นต้องปรุงวัตถุดิบ ที่เราต้องทำก็แค่ส่งเครื่องเซ่นไปให้พระองค์ ส่วนจะปรุงผนึกบนตัวแกและเทวทูตในร่างอย่างไร ก็ให้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายผู้ยิ่งใหญ่ตัดสินพระทัยเอง”
“ไม่สงสัยบ้างหรือ เหตุใดพวกเราถึงไม่ยอมโจมตีแกตรงๆ? เพราะนั่นอาจทำให้ผนึกถูกทำลายก่อนกำหนด!”
“ถึงจะขู่ฆ่าตัวตายก็ไม่ได้ผลหรอก ฉันจะมอบความ ‘อยากมีชีวิต’ อย่างแรงกล้าให้แกเอง”
เธอพูดราวกับว่า เทอร์มีโพลอสคือของขวัญล้ำค่าที่วิ่งหนีเองได้ ส่วนผนึกคือ ‘กล่อง’ ที่มีล็อก และลูเมี่ยนคือ ‘กระดาษห่อ’ สีสันสวยงาม ซูซานน่ากับชาร์ล็อตต์ไม่คิดจะแกะห่อ เปิดกล่อง แล้วนำของขวัญด้านในไปถวายแด่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย แต่ตั้งใจส่งมอบให้พระองค์ทั้งห่อ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอันใหญ่หลวงที่อาจซุกซ่อน
ได้ฟังคำอธิบายของซูซานน่า·มาติส ลูเมี่ยนไม่ประหลาดใจ ไม่สะทกสะท้าน ไม่ผิดหวังหรือท้อแท้
เพียงก้มหน้าลงเล็กน้อย มองหน้าอกซีกซ้ายของตน ยกมุมปากขึ้นอีกครั้ง
“ฉันไม่แน่ใจว่ามารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายจะทำอย่างไรกับแก แต่มั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ คิดจะรอดูตอนจบอยู่เงียบๆ จริงหรือ?”
คราวนี้เทอร์มีโพลอสไม่ตอบลูเมี่ยนในทันที หลังจากผ่านไปสองสามอึดใจ เสียงทุ้มกึกก้องของพระองค์ก็สะท้อนกลับมา
“ชักปรอทเสื่อมทรามของเจ้าออกมา แทงลงบนลำต้นหลักของพฤกษาเงาสักครั้ง ต้องแทงลึกเข้าไปถึงเปลือกไม้ชั้นที่สอง”
ลูเมี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง
“โชคชะตาของพฤกษาเงาก็แลกเปลี่ยนได้ด้วยหรือ?”
น้ำเสียงของเทอร์มีโพลอสกลับสู่ความน่าเกรงขามอีกครั้ง
“เมื่อสักครู่ก่อนหน้าทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำได้แล้ว”
“ต้นไม้นั่นก็มีตะกอนพลังเช่นกัน เทียบเท่ากับมนุษย์ต้นไม้ในตำนาน ซึ่งยังไม่เกิดสติปัญญาอย่างแท้จริง”
ลูเมี่ยนเลิกลังเล ยื่นมือซ้ายล้วงเข้าไป ผ่านอาภรณ์เพลิงสีแดงฉาน ผ่านเสื้อคลุมยาวเลือดเนื้อ ชักมีดสีเงินดำลวดลายประหลาดหลายชั้นออกมา
เด็กหนุ่มค้อมตัวเล็กน้อย พร้อมกับเปลวไฟสีแดงฉานที่ไหลริน วิ่งเข้าหาลำต้นหลักของพฤกษาเงาดุจดังเสือดาว กระโดดข้ามรอยแยกที่ปริออก กระโดดข้ามดอกไม้ยักษ์ที่ผลิบานไปตลอดทาง
เห็นลูเมี่ยนเริ่มเคลื่อนไหวรอบใหม่ ถึงแม้ซูซานน่า·มาติสจะไม่ยี่หระ ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทำร้ายพฤกษาเงากับตนได้ แต่ก็ยังคงไม่ประมาท เตรียมจุดไฟแรงกระหายอีกครั้ง สร้างภาพหลอนที่สอดคล้องกัน ให้เด็กหนุ่มได้ ‘สื่อสาร’ กับดอกไม้หรือโพรงต้นไม้สักจุด
ร่างของลูเมี่ยนในชุดเสื้อคลุมยาวเลือดเนื้อและอาภรณ์เพลิง สะท้อนอยู่บนกระจกตาสีเขียวมรกตของซูซานน่า·มาติส ดวงตาของเธอเปียกชุ่มในทันใด
เดิมทีเธอหวังจะเห็นเป้าหมายเปลี่ยนทิศทางฉับพลัน พุ่งใส่ดอกไม้ยักษ์สีซีดใกล้ๆ แต่ลูเมี่ยนทำราวกับไม่ได้รับผลกระทบใดเลย ยังคงวิ่งปรี่เข้าหาลำต้นสีน้ำตาลเขียว
ใต้ร่างที่คลุมด้วยอาภรณ์เพลิง มือขวาของลูเมี่ยนกำเกลือดมวิเศษอยู่ตลอด จ่อมันไว้กับรูจมูก
นั่นทำให้เด็กหนุ่มน้ำตาไหลพราก จะจามก็แทบจามไม่ออก แต่ก็ยังกล้ำกลืนฝืนทนไว้ด้วยความอดทนของภิกษุบิณฑบาต
ซูซานน่า·มาติสงุนงงกับสิ่งที่เห็น ด้วยสถานะและลำดับของเธอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะถือเกลือดมวิเศษ สูดดมอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่ควรจะไม่ได้รับผลกระทบเลยสักนิด
แน่นอนว่าในทำนองเดียวกัน โอกาสสร้างอิทธิพลล้มเหลวก็ยังพอมี แต่โอกาสย่อมต้องต่ำกว่าความสำเร็จ และต่ำกว่าหลายส่วน
แต่เมื่อสักครู่ ความพยายามครั้งแรกของซูซานน่า·มาติสไม่สัมฤทธิผล ประหนึ่งเซียนพนันทอยลูกเต๋าได้แต้มต่ำสุดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ฮัดชิ้ว!
ลูเมี่ยนจามเสียงดังลั่น
ในขณะที่หัวสมองยังคงแจ่มใส ในขณะที่ซูซานน่ายังไม่ทันใช้อิทธิพลระลอกสอง เด็กหนุ่มปิดปากขวดโลหะใบเล็กด้วยนิ้วมือขวา แทงปรอทเสื่อมทรามในมืออีกข้างใส่ลำต้นสีน้ำตาลเขียวของพฤกษาเงา พุ่งเป้าไปยังรูเล็กเท่าหัวเข็มหมุดที่เคยใช้หอกเพลิงขาวโชติช่วงเจาะเอาไว้ก่อนหน้านี้
ท่ามกลางเสียงทื่อ ปรอทเสื่อมทรามคล้ายพุ่งชนกับแผ่นเหล็ก ไม่อาจแทงเข้าไปลึกกว่านี้ได้อีก
ฮัดชิ้ว!
ลูเมี่ยนที่เพิ่งสูดเกลือดมวิเศษเข้าไปเป็นจำนวนมาก จามออกมาเสียงดังอีกครั้ง สลัดแรงกระหายอีกระลอกที่ซูซานน่าปลุกเร้า มอบความล้มเหลวให้เธอไปอีกครา
เปลวไฟสีแดงฉานลอยวนรอบมือขวาของลูเมี่ยนที่กำขวดโลหะใบเล็ก
อาศัยความช่วยเหลือจากอาภรณ์เพลิงที่หุ้มร่างกาย เปลวไฟถูกบีบอัดอย่างรวดเร็ว กลายเป็นนวมสีขาวโชติช่วง
วินาทีถัดมา ลูเมี่ยนยกหมัดขวาขึ้น ทุบใส่ปลายด้ามปรอทเสื่อมทราม ราวกับช่างตีเหล็กกำลังทุบอาวุธ
เสียงอึกทึกดังสนั่น นวมสีขาวโชติช่วงหายไปจากมือขวาลูเมี่ยน ระเบิดออก ณ ส่วนปลายด้ามปรอทเสื่อมทราม
บึ้ม!
ฝ่ามือซ้ายของลูเมี่ยนที่กำมีดอยู่ ถูกระเบิดจนเศษเนื้อปลิวกระจาย ไหม้เกรียมหลายแห่ง ส่วนปรอทเสื่อมทรามถูกแรงระเบิดมโหฬารผลักดัน พุ่งพรวดไปข้างหน้าในรวดเดียว
คมมีดแหวกผ่านเปลือกไม้ชั้นแรกอย่างฉิวเฉียด ปักคาลำต้นของพฤกษาเงาเพียงผิวเผิน
…………………………………………………….