ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 252 โบราณกาล
ตอนที่ 252 โบราณกาล
หลังจากที่ก้อนไฟลูกหนึ่งของลูเมี่ยนไปไม่ถึงตัวชาร์ล็อตต์ เด็กหนุ่มก็เห็นกิ่งไม้และเถาวัลย์นับไม่ถ้วนงอกเงยมาจากทุกสารทิศ แหวกแทรกเข้ามาในโรงแรมระกาทอง สีน้ำตาลสลับเขียวปกคลุมทุกซอกมุมของผนัง พื้น หน้าต่าง และเพดาน แน่นหนาจนมองไม่เห็นอะไร
ควบคู่กับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ฉากรอบตัวเขาชั่วขณะหนึ่งก็เลือนรางไป กลับคืนสู่ความเป็นจริง
เด็กหนุ่มเห็นต้นไม้สีน้ำตาลสลับเขียวขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง ระบบรากหยั่งลึกลงใต้ดิน เรือนยอดของมันบรรจงงอกเงยสู่ท้องฟ้า
ม่านตาของลูเมี่ยนขยายตัวฉับพลัน พลันพบว่าตนถูกย้ายตำแหน่งโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเมื่อครั้งได้เข้าสู่ ‘โลกอีกฝั่ง’
เขาไม่ได้อยู่ในโรงแรมระกาทองอีกต่อไป เท้าเหยียบอยู่บนรากไม้ที่คดเคี้ยวเลี้ยวเต็มพื้นดิน กำลังเงยหน้ามองต้นไม้ยักษ์ที่ดูราวกับมาจากตำนานเทพนิยาย แลท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆขาวลอยอยู่ราวกับภาพสีน้ำมัน
เรือนยอดของต้นไม้ยักษ์นั่น เต็มไปด้วยปุ่มปมที่ชื้นแฉะแลน่ารังเกียจ ราวกับว่าแต่ละกิ่งก้านสาขาคอยรองรับอาคาร ถนน และสิ่งต่างๆ เอาไว้
โรงแรมระกาทองคือหนึ่งในนั้น ตั้งอยู่บนยอดของลำต้นสีน้ำตาลสลับเขียวในตำแหน่งค่อนข้างสูง รายล้อมด้วยกิ่งไม้และเถาวัลย์นับไม่ถ้วน โผล่ให้เห็นเพียงหน้าต่างสิบกว่าบาน
ผ่านกระจกหน้าต่างเหล่านั้น ลูเมี่ยนเห็นคู่รักที่หนีตามกันมา กำลังด่าทอกันไปมา ร่วมเพศกันอย่างบ้าคลั่ง ส่วนอ็องโตนี·รีดนักค้าข่าวกลับหดตัวอยู่ใต้โต๊ะไม้ สั่นเทิ้มราวกับถูกความหวาดกลัวครอบงำจิตใจ…
บนลำต้นอื่น สิ่งที่ถูกห่อหุ้มด้วยใบไม้และเถาวัลย์ส่วนใหญ่ มอบความรู้สึกเลือนรางและคลุมเครืออย่างน่าประหลาด ราวกับกำลังมองผ่านหมอกควันเข้าไปในละครเวทีที่ถูกบันทึกไว้ด้วยสนามแม่เหล็ก:
มีอาคารโบราณประดับจั่วสามเหลี่ยม หลังคาทรงจั่ว และหน้าต่างกรอบตะกั่ว มีผู้หญิงเกาะเสาโคมไฟแก๊สถูกกอดจากด้านหลัง มีบาทหลวงยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มชายเปลือยกาย มีผู้ชายปิดก้นกระโดดออกจากหน้าต่าง มีเส้นโค้งเว้าอันงดงามถูกยกขึ้นโต๊ะอาหารด้วยถาด มีงานเลี้ยงที่สนุกสุดเหวี่ยงซึ่งเต็มไปด้วยเสื้อผ้าวางระเกะระกะ มีหญิงงามท่าทางชั่วร้ายกำลังหันหน้าไปด้านข้าง บนศีรษะมีเขาแพะสีดำสองเขางอกออกมา มีบิชอปนั่งเปลือยท่อนล่างอยู่หน้าตราศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับฟังคำสารภาพของผู้ศรัทธา…
แต่ละฉากแตกต่างกันในแง่สถาปัตยกรรมอาคาร เสื้อผ้าของตัวละคร รวมไปถึงทรงผม บางฉากดูเก่าแก่มาก บางฉากก็ดูเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ลูเมี่ยนเผาแผลเพื่อห้ามเลือด ขณะเดียวกันก็เสกอีกาแดงกึ่งมายาขึ้นด้านหลังหลายตัว พลางกวาดตามองหาฟรังก้ารอบๆ แต่ก็ไม่พบ
ฟรังก้ามิได้ถูกดึงเข้ามาในมิติกึ่งกลางระหว่างความจริงกับความฝันนี้!
บนถนนอลเวง พ่อค้าแม่ขายและคนเดินถนนที่อยู่ระหว่างรากไม้ กิ่งก้าน และเถาวัลย์ กำลังกินอาหารที่ตัวเองขายอย่างเอร็ดอร่อย กินจนกระทั่งอาเจียนออกมาแต่ก็ยังไม่หยุด บางคนผลักเพศตรงข้ามที่อยู่ใกล้ๆ จนล้มลงบนถนน บางคนชักมีดสั้นออกมา ตาแดงก่ำ ฟันใส่เพื่อนร่วมอาชีพซึ่งเคยทะเลาะแย่งที่กัน บางคนเดินไปยืนอยู่หน้ากระจกริมถนนท่ามกลางความวุ่นวาย พยายามเชื้อเชิญตัวเองในกระจกมาเต้นรำด้วยท่าทางสุภาพ…
บนถนนถัดออกไปไม่กี่สาย ผู้คนและรถม้ายังคงสัญจรไปมาตามปกติ ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ในสายตา — พ่อค้าแม่ค้ายังคงร้องเร่ขายของ ร้านค้าสองฝั่งเปิดประตูอ้าซ่า ผู้คนคอยวิ่งวุ่นอยู่ท่ามกลางความชุลมุน คล้ายกับหลงใหลในความคึกคักเช่นนี้ ไม่อยากจากไปไหน
สิ่งที่พวกเขาไม่ทันได้สังเกตคือ ผู้คนที่เข้าไปในอาณาเขตดังกล่าว ไม่มีใครได้ออกมาอีกเลย
…………
ถนนใหญ่ตลาด บนชั้นสี่ของอาคารสีดินเหลืองที่เป็นสำนักงานสส.
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์จ้องมองถนนเส้นต่างๆ ในขอบเขตสายตา ไม่ทราบว่ากำลังครุ่นคิดถึงสิ่งใด
คาแซนดราผมแดงหันหลังไปมองประตู ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ซูซานน่าแห่ง ‘สมาคมเสียวซ่าน’ คิดจะทำอะไรกันแน่”
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์หัวเราะเบาๆ
“พวกเธอพูดมาเสียยืดยาว แต่ผมยังขาดความรู้ความเข้าใจ ฟังแล้วไม่ค่อยกระจ่างสักเท่าไร จำได้เพียงว่า ทางนั้นวางแผนจะให้พฤกษาเทพใต้พิภพ หยั่งรากลงไปในส่วนลึกของทรีอาร์ยุคสมัยที่สี่ และผงาดขึ้นไปถึงอาณาเขตที่เรียกว่าโลกดารา”
คาแซนดรา โรแน มาร์กาเร็ต และบอดัวร์สบตากันเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยความสงสัยเจือกังวลที่ไม่อาจปกปิด
“นั่นไม่อึกทึกครึกโครมไปหน่อยหรือ? ตอนนี้ขุมกำลังของเรายังเป็นรองผู้วิเศษทางการอยู่มาก จะดีกว่าถ้าไม่ปะทะกับพวกเขาโดยตรง ทางคุณอาจไม่เห็นภาพ แต่ฉันเกิดในตระกูลเซารอน รู้เรื่องของทางการเป็นอย่างดี ทราบว่าพวกเขามีพลังอำนาจที่น่าพรั่นพรึงเหนือจินตนาการเพียงใด”
“ทุกอย่างที่พวกเราทำมาก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่ดำเนินการอยู่ในความมืด พยายามหลบเลี่ยงการสอบสวนอย่างสุดกำลัง ถ้าสุดท้ายแล้วต้องเผยตัวกลางแจ้ง เกรงว่าสิ่งที่รอพวกเราอยู่คงเป็นนักบุญ เป็นสมบัติปิดผนึกระดับ ‘1’ หรืออาจเป็นเทวทูต และสมบัติปิดผนึกระดับ ‘0’”
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์กดมือขวาลง ยิ้มแล้วพูด
ไม่ต้องกังวล พวกนั้นสาวไม่ถึงเราแน่
ผมไม่ได้สั่งให้พวกสมาคมเสียวซ่านลงมือสักหน่อย ไม่แม้แต่จะบอกใบ้หรือช่วยเหลือ นับได้แค่ว่าล่วงรู้ถึงแผนการ และอนุญาตให้พวกเธอลงมือ
“จากภาพรวมทั้งหมด สิ่งเดียวที่พอจะเชื่อมโยงกับเราได้คือเหตุโรงงานเคมีระเบิด ซึ่งแลกมากับการได้รับพรเสื่อมโทรมจำนวนมาก แต่นั่นเป็นเพราะโบโน·โกลด์ไวร์ตีความคำพูดของโรแนผิดไปเอง เป็นตัวเขาเองที่ก่อวินาศกรรมขึ้นมา ส่วนอารมณ์และความปรารถนาที่เกิดจากอุบัติเหตุแล้วถูกนำไปใช้ประโยชน์ ถูกขยายใหญ่ขึ้น สะสมเป็นก้อนโตดุจดังลูกบอลหิมะ จนกลายเป็นสารอาหารของพวกสมาคมเสียวซ่าน ไม่มีสิ่งใดเลยที่เกี่ยวข้องกับเรา”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของสมาชิกในทีมดูผ่อนคลายลง ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เดินออกจากริมหน้าต่าง หัวเราะด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถ้าสมาคมเสียวซ่านทำสำเร็จ นั่นหมายความว่าภารกิจของพวกเราได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เข้าใกล้การเสด็จเยือนของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่มากขึ้น แต่ถ้าพวกเธอโชคร้ายพลาดท่าล้มเหลว เราเองก็ต้องเก็บตัวไปอีกสักระยะ พยายามอย่าให้ผู้วิเศษจากสองศาสนจักรใหญ่ค้นพบปัญหา ยังไงเราก็ยังเป็นผู้ปกครองเขตตลาดอยู่”
“และไม่ว่าสมาคมเสียวซ่านจะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ล้วนเป็นโอกาสของเรา”
“ผมจะกล่าวหาในการอภิปรายของสภา ว่าผู้วิเศษจากสองศาสนจักรใหญ่เสื่อมทรามและไร้ความสามารถ ปล่อยให้พวกนอกรีตทำลายเขตตลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ละครั้งก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น!”
“ผมจะเรียกร้องให้หน่วยแปดตั้งกองบัญชาการย่อยขึ้นมาสักแห่งในเขตตลาด เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของผู้วิเศษจากศาสนจักรที่ไม่เอาไหน”
“พวกหน่วยแปดกระสันอยากขยายอำนาจอยู่เสมอ ย่อมต้องสนับสนุนผมแน่”
“ถึงตอนนั้น จะมีสามกลุ่มอิทธิพลของทางการที่แตกต่างกัน ดำรงอยู่พร้อมกันในเขตตลาด จนเกิดความขัดแย้งที่ชุลมุนวุ่นวาย เปิดโอกาสให้พวกเราดำเนินแผนการได้สะดวกยิ่งขึ้น”
“และหากเทียบกับผู้วิเศษในจารีตจากสองศาสนจักรใหญ่ คนจากหน่วยแปดจัดอยู่ในประเภทที่ชักจูงได้ กัดกร่อนได้ และล่อลวงให้เปลี่ยนความเชื่อได้ทีละนิด”
“นี่คือแผนการของผม ในระยะยาวแล้ว ชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเรา!”
เกลี้ยกล่อม กัดเซาะ กันกร่อน ทำให้องค์กรค่อยๆ เสื่อมถอยและตกต่ำ
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์จัดทรงสูทหางนกและหูกระต่ายที่อกให้เข้าที่ เดินไปทางประตูห้องทำงาน เตรียมลงไปยังโถงจัดเลี้ยง
ก่อนจะก้าวเท้าออกจากประตู เขากวาดมองรอบตัว สายตาเลื่อนผ่านใบหน้าของคาแซนดรา โรแน บอดัวร์ และมาร์กาเร็ต ในใจรู้สึกมั่นใจและแน่วแน่เป็นพิเศษ
ทั้งสี่ต่างก็มีพลังวิเศษในระดับที่พึ่งพาได้ โดยเฉพาะคาแซนดราผมแดงที่แข็งแกร่งโดดเด่นกว่าใคร ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยอย่างไร้กังวล
และที่นอกประตู ใกล้กับบันได ก็ยังมีทีมผู้วิเศษอีกชุดหนึ่ง ซึ่งถูกมอบหมายให้คุ้มครองเขา
—ไม่ใช่ทุกคนในสภาที่จะถูกคุ้มครองโดย ‘ทีมผู้วิเศษสามคน’ บางคนในสภาเองก็เป็นผู้วิเศษมากฝีมือ บางคนมาจากตระกูลใหญ่ มีองครักษ์เหนือมนุษย์เป็นของตัวเอง บางคนมีพลังระดับหนึ่ง แค่มีผู้วิเศษหนึ่งคนตามคุ้มกัน ก็เพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยได้แล้ว มีเพียงแค่ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เท่านั้น ที่ทั้งไร้พลังวิเศษ ทั้งไม่มีการหนุนหลังจากตระกูล จำเป็นต้องได้รับการคุ้มกันระดับนี้
ตามกฎระเบียบ ศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส ศาสนจักรเทพจักรกลไอน้ำ และหน่วยแปด จะส่งทีมคุ้มกันสามคนมาผลัดเวรกันเพื่อปกป้องความปลอดภัยของฮิวจ์·อาร์ทัวส์ วันนี้เป็นเวรของศาสนจักรสุริยันเจิดจรัส
นอกเหนือจากผู้วิเศษแล้ว ภายในอาคารทั้งหลังยังมีบอดี้การ์ดมืออาชีพ ซึ่งติดอาวุธและถูกฝึกมาอย่างดีอีกนับสิบคน ทั้งหมดมาจาก ‘หน่วยเจ็ด’ แห่งสำนักข่าวกรองอินทิสและคณะกรรมการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘หน่วยปฏิบัติการพิเศษ’ รับผิดชอบการคุ้มครองสส. และข้าราชการระดับสูงของรัฐบาล
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ยืนอยู่หน้าประตู รอเลขาโรแนเปิดประตูห้อง จากนั้นก็ยิ้ม เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ยืดอกเดินออกไป ตามบันไดลงไปข้างล่าง
…………
บนพื้นดินที่เต็มไปด้วยรากไม้หยักงอ
ลูเมี่ยนที่มีอีกาไฟกึ่งมายาอยู่รอบกาย มองเห็นนางเอกของโรงละครกรงพิราบเก่า ชาร์ล็อตต์·คัลวิโน
เธอเดินกรีดกรายไปตามฉากอันเลือนรางบนลำต้น บางคราวก็สวมชุดกระโปรงยาวคาดเอว มวยผมทรงโบราณ บางคราวก็ดูสมัยใหม่ ใส่ชุดรัดรูป เสื้อคลุมตัวสั้นคู่กับรองเท้าบูตยาว บางคราวก็เหมือนย้อนกลับไปสมัยราชวงศ์เซารอนครองบัลลังก์ ภาคภูมิใจในการแต่งกายแบบผู้ชาย ซึ่งดูกลมกลืนกับฉากหลังที่สอดคล้องกัน
โดยระหว่างนี้ เธอจะหายตัวไปโผล่ในตำแหน่งใหม่ทันทีที่เดินพ้นฉากอันเลือนรางคล้ายม่านหมอกควัน ราวกับกำลังเตร็ดเตร่ไปตามกรุงทรีอาร์แต่ละยุคสมัย
“คุณควรรู้สึกภูมิใจนะ เพราะได้เป็นคนแรกที่ย่างกรายเข้ามาในพฤกษาเทพ และกำลังจะเป็นหนึ่งเดียวกับมัน”
ลูเมี่ยนยังคงไม่ออกคำสั่งกับฝูงอีกาสีแดงฉานรอบตัว เพราะชาร์ล็อตต์เอาแต่ผลุบๆ โผล่ๆ ไปตามฉากอันพร่ามัว พลาง ‘เปลี่ยน’ เครื่องแต่งกายไปเรื่อยๆ
เสียงของเธอดังมาจากหลากหลายตำแหน่ง ประกอบกันเป็นประโยค
ลูเมี่ยนที่สวมถุงมือสีดำตามสัญชาตญาณ สอดมือขวาใส่กระเป๋าเสื้อ กำนิ้วของมิสเตอร์ K แนบแน่น
ชาร์ล็อตต์ใช้น้ำเสียงคล้ายการขับขานบนเวที ราวกับถ้าไม่ทำเช่นนี้ ความปรารถนาในใจเธอจะไม่ถูกสนอง:
“‘พฤกษาเงา’ ต้นนี้ถูกปลูกไว้ในส่วนลึกของใต้ดินแถบนี้ ก่อนที่กรุงทรีอาร์ในปัจจุบันจะถูกสร้างเสียอีก”
“มันคอยบำรุงเลี้ยงผู้คนในทรีอาร์ด้วยความสนุกสนาน เมื่อผนวกกับความช่วยเหลือจากตระกูลปีศาจและเหล่าสาวก บรรยากาศของที่นี่ก็เริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางที่พระองค์หวังให้เป็น และชาวทรีอาร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง การตกต่ำและความสุขสำราญล้วนเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ปีแล้วปีเล่า ความสนุกสุดเหวี่ยงที่เกินขอบเขตของพวกเขา ถูกนำมารดน้ำพรวนดินให้มัน มอบสารอาหารให้มัน”
“หลังจากผ่านไปกว่าพันปี ถึงแม้ว่าทรีอาร์จะยังไม่พัฒนาไปสู่รูปแบบที่คาดหวังไว้ คือการให้ความสนุกสนานเป็นใหญ่ ปล่อยตัวปล่อยใจจนวันตาย แต่ก็มีโครงร่างเบื้องต้นในระดับหนึ่งแล้ว การเจริญเติบโตของพฤกษาเทพจึงมาถึงช่วงเวลาสำคัญ”
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ลำพังความปรารถนาและอารมณ์ธรรมดา ไม่สามารถแสดงบทบาทหลักได้อีกต่อไป เป็นได้เพียงเชื้อไฟ พวกเราต้องการเครื่องสังเวย เครื่องสังเวยที่มีน้ำหนักพอเพียง และคุณที่มีมลทินในระดับเทวทูต แต่กลับมีความแข็งแกร่งไม่สอดคล้องกัน คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
ได้ยินถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนใจหายวาบ ม่านตาขยายออกในทันใด ราวกับอยากจะมองรูปลักษณ์ของชาร์ล็อตต์ให้ชัดเจน
เธอรู้ว่าในตัวเรามีพลังชะตากรรมถูกผนึกอยู่?
ชาร์ล็อตต์หัวเราะ
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณเรียกท่านนักบวชซูซานน่าไปหา ท่านก็พบว่ามีพลังอำนาจอันน่าพรั่นพรึงระดับเทวทูตถูกผนึกอยู่ในตัวคุณ จนทำให้ท่านนักบวชไม่กล้าสิงร่าง ในภายหลัง การที่ท่านคิดจะฆ่าคุณ มันไม่ใช่แค่เรื่องของชาร์ลีอีกต่อไป!”
…………………………………………………..