ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 22 จัดเตรียม
ตอนที่ 22 จัดเตรียม
ท่ามกลางสายหมอกสีเทา ลูเมี่ยนเลิกเปลือกตาตื่น
เด็กหนุ่มรีบพลิกตัวลงจากเตียง วิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อมองออกไป
ภูเขาที่เกิดจากหินสีน้ำตาลแดง และผืนดินสีแดงน้ำตาล ยังคงเด่นตระหง่านเงียบงันบนพื้นที่รกร้างเช่นเคย
แม้จะสูงเพียงยี่สิบสามสิบเมตร แต่ผู้พบเห็นกลับรู้สึกคล้ายสูงเสียดเมฆ สูงจนเชื่อมกับท้องฟ้า สูงจนลูเมี่ยนเผลอเรียกว่า ‘ภูเขา’ โดยไม่รู้ตัว
รอบๆ เชิงเขา ซากอาคารในหลากหลายรูปแบบเรียงต่อกันเป็นวงกลมบนพื้นที่รกร้าง ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ขยายจากในสู่นอก
“สัตว์ประหลาดสะพายลูกซองตัวนั้น…ดูจากโครงสร้างร่างกาย มันคงชำนาญการวิ่งกับกระโดด ฉลาดในระดับหนึ่ง สามารถใช้ปืนล่าสัตว์ซึ่งเป็นอาวุธซับซ้อน…”
“แถมยังแกะรอยเก่งมาก…”
“ยังไม่แน่ใจว่าจะมีพลังเหนือธรรมชาติเหมือนโอลัวร์ด้วยไหม…”
“…”
รายละเอียดต่างๆ ของเป้าหมาย แวบเข้ามาในใจลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มพิจารณาแล้วว่า ถ้าต้องดวลซึ่งๆ หน้ากับสัตว์ประหลาดสะพายลูกซองนั่น โอกาสที่เขาจะถูกยิงตายมีมากถึงเก้าในสิบส่วน หรือหากลองใช้ ‘ความพิเศษ’ ของตน ความตายก็ยิ่งมาเยือนเร็วขึ้น เพราะแค่เข้าฌานก็พาตัวเองไปอยู่สภาพร่อแร่เต็มที อีกฝ่ายต้องการเพียง ‘หนึ่งที’ เพื่อเก็บเกี่ยวชีวิตของเขา
นอกจากจะดวลกันตรงๆ ไม่ไหว การซุ่มโจมตีก็ไม่ได้อยู่ในตัวเลือกของลูเมี่ยนเช่นกัน
ประการแรกคือ ด้วยความสามารถในการแกะรอยของอีกฝ่าย คงยากที่เด็กหนุ่มจะซ่อนตัวได้มิดชิด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าหมดสิทธิ์ซุ่มโจมตี ประการที่สองคือ เขาไม่มีอาวุธระยะไกลแม้แต่ปืนลูกโม่ ถ้ามีคงไม่ต้องขบคิดให้ปวดหัวเหมือนที่เป็นอยู่
ลูเมี่ยนคิดซ้ำไปซ้ำมาตลอดสองวัน ว่าตนควรจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นอย่างไร
สุดท้ายก็คิดออกเพียงหนึ่งวิธี
วางกับดัก!
เขาเคยเข้าไปสำรวจภูเขาลึกกับนายพรานของหมู่บ้าน จนได้ร่ำเรียนวิธีวางกับดักง่ายๆ เป็นของแถม จากนั้นก็นำมาขัดเกลาผ่านการเล่นพิเรนทร์หลายต่อหลายครั้ง
เดิมที ลูเมี่ยนคิดจะใช้น้ำมันที่บ้าน ตัวอย่างเช่น ใส่น้ำมันลงในถังใบใหญ่ที่ไม่มีฝา วางแอบๆ ไว้ในมุมสูง ผูกด้วยเชือก รอให้เป้าหมายเดินเข้ามา จึงค่อยกระตุกเชือกเพื่อเทถัง ชุ่มชโลมร่างสัตว์ประหลาดด้วยน้ำมัน แล้วโยนคบเพลิงติดไฟใส่มัน
แต่หลังจากไตร่ตรอง เขาล้มเลิกความคิดดังกล่าว
ภายใต้สมมติฐานที่ว่า สัตว์ประหลาดตัวนั้นน่าจะแกะรอยเก่ง เด็กหนุ่มไม่อยากประเมินความ ‘จมูกดี’ ของมันต่ำเกินไป!
กลิ่นของน้ำมันค่อนข้างแรง
และหากใช้กลิ่นที่แรงกว่ากลบ ลูเมี่ยนไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะหลงเข้ามาติดกับ หรือถ้าแย่กว่านั้น มันอาจมีจมูกที่เป็นเลิศเหมือนสุนัขจรจัดจนสามารถแยกแยะกลิ่นน้ำมัน
ลงเอยด้วย เขาเลือกวิธีขุดหลุมลึกแล้ววางไม้แหลม
แต่วิธีนี้ก็มีปัญหา ด้วยความสามารถในการแกะรอยของศัตรู มีโอกาสพอสมควรที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นความผิดปกติล่วงหน้าและมองกับดักออก
วิธีแก้ทางของลูเมี่ยนก็คือ หาทางหลอกล่อให้อีกฝ่ายประมาท แล้วฉวยโอกาสจากการตัดสินใจผิดพลาด
เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาให้ตนเอาชนะมันด้วยสติปัญญา
ในสถานการณ์ที่อาวุธด้อยกว่าเป้าหมาย คงมีแต่ต้องอาศัยข้อได้เปรียบใหญ่ๆ จากการเป็นมนุษย์เท่านั้น
“อย่างน้อยจากที่เห็นคราวก่อน มันพอจะมีสมองอยู่บ้าง แต่คงไม่สูงนัก…” ลูเมี่ยนปลอบใจตัวเองเงียบๆ
แน่นอน เขาจะไม่ดูถูกสัตว์ประหลาดนั่น แค่วางแผนโดยคำนึงว่าอีกฝ่ายมีสติปัญญาระดับมนุษย์ทั่วๆ ไป
ตัวอย่างในใจคือปงส์·เบเนต์
“ไม่ได้…หมอนั่นโง่บรม ถ้าไม่ใช่เพราะมีลิ่วล้อเยอะ ฉันคงทำให้มันคุกเข่าและเรียกว่าพ่อลูเมี่ยนไปแล้ว” ลูเมี่ยนครุ่นคิด พลางปรับระดับสติปัญญาของสัตว์ประหลาดใหม่อย่างรอบคอบ “อา…ต้องสมมติให้เป็นหลวงพ่อที่ไม่รู้หนังสือ”
เด็กหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง สายตาจับจ้องไปยังพื้นที่รกร้างระหว่างบ้านของตนกับซากปรักหักพัง
แถบนั้นอยู่ใกล้กับ ‘เขตปลอดภัย’ มากก็จริง แต่ยังขาดกำบัง รอบตัวดูโล่งโจ้งไปหมด ไม่เหมาะแก่การ ‘ซุ่มซ่อน’
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขุดกับดัก แต่ถ้าใช้ตัวเองเป็นเหยื่อ ศัตรูก็จะมองเห็นจากไกลๆ แล้วใช้ปืนยิงก็จบ ไม่มีเหตุผลให้ต้องเข้ามาใกล้…” ลูเมี่ยนพึมพำหลายคำ จนกระทั่งตัดสินใจเสี่ยงเข้าไปในซากปรักหักพังเพื่อหาที่เหมาะๆ วางกับดัก
กลยุทธ์ภาพรวมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ตอนนี้เหลือเพียงสิ่งสุดท้ายที่ต้องยืนยัน
การขุดหลุมลึกและฝังไม้แหลมต้องใช้เวลานาน ลูเมี่ยนไม่อาจสั่งให้ศัตรูรอจนกว่าจนจะเตรียมเสร็จ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก เด็กหนุ่มกางแขนทั้งสองข้างออก ทำท่า ‘โอบกอดสุริยัน’ พลางสวดวิงวอนด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้ามากกว่าทุกครั้ง
“ข้าแต่พระองค์ พระบิดา ได้โปรดปกป้องข้าระหว่างจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นด้วยเถิด”
“สุริยันจงเจริญ!”
ในโลกนี้ แทบไม่มีสิ่งใดรับประกันผลสำเร็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ลูเมี่ยนจึงเลิกลังเล หยิบจับส้อมยาวกับขวานเหล็ก ออกจากห้องนอนเข้าไปในห้องอ่านหนังสือ
คำนึงจากอาวุธของเป้าหมาย เขาตัดสินใจเปลี่ยน ‘เครื่องป้องกัน’
ลูเมี่ยนถอดเสื้อผ้าออก ใช้เชือกมัดหนังสือปกแข็งเข้ากับหน้าอกและแผ่นหลัง
นี่คือ ‘เกราะกระดาษ’ ฉบับทำเอง!
เด็กหนุ่มยังไม่ลืมคำพูดของพี่สาวที่เคยตักเตือนว่า การทำเช่นนี้ไม่ช่วยป้องกันอาการช้ำใน แต่นี่ไม่ใช่เวลามัวใส่ใจ
ลูเมี่ยนลองขยับร่างกายเพื่อตรวจสอบ ว่าจำนวนหนังสือที่นำมาทำเกราะ จะไม่ส่งผลให้การเคลื่อนไหวช้าลงจนบั่นทอนฝีมือต่อสู้
จากนั้น เขาสวมแจ็กเกตหนังทับอีกชั้น เดินลงชั้นล่างเพื่อค้นหาวัสดุที่จำเป็นสำหรับวางกับดัก
ผ่านไปสักพัก ในมือเด็กหนุ่มถือพลั่วเหล็ก รอบเอวมีเชือกพันอยู่ เชือกสำหรับปีนป่ายหรือทำตาข่ายเชือก เพื่อทดแทนการใช้กิ่งไม้
เตรียมตัวเสร็จสรรพ ลูเมี่ยนหายใจเข้าลึกๆ แล้วดึงประตูด้วยมือขวาที่ถือขวานเหล็ก
ท่ามกลางหมอกสีเทาจางๆ รอบพื้นที่รกร้าง เขาบรรจงย่างกรายไปทางภูเขาที่คล้ายกับถูกฉาบด้วยเลือด
ในความเงียบสงัด ลูเมี่ยนมาถึงริมซากปรักหักพัง
เขาเดินฉีกออกไปพอประมาณ โยนพลั่วเหล็ก ส้อมเหล็ก และเชือกลงตรงมุมมืดของซากอาคาร จากนั้นก็หยิบแค่ขวานกลับมายังตำแหน่งแรกที่เข้าสู่ซากปรักหักพัง
เด็กหนุ่มทำทีเป็นสำรวจตามปกติโดยไม่ทำอะไรแผลงๆ ลอบเข้าไปในส่วนลึกของซากปรักหักพังอย่างไม่รีบร้อนเฉกเช่นคราวก่อน
จนกระทั่งมาถึงจุดที่เคยถูกสัตว์ประหลาดสามหน้าทำให้กลัวจนถอยกลับ เขาปักหลักอยู่ตรงนั้นราวๆ หนึ่งนาทีก่อนจะเดินกลับ
ผ่านไปได้ครึ่งทาง ลูเมี่ยนเริ่มเดินอ้อม เข้าหาซากอาคารที่เก็บพลั่วกับส้อมเหล็กไว้
เมื่อเข้าใกล้จุดหมาย ลูเมี่ยนเริ่มสำรวจหาจุดที่เหมาะแก่การวางกับดัก
“จุดนี้มีร่องพื้นค่อนข้างกว้าง แต่ไม่ยาว แค่ปรับแต่งนิดๆ หน่อยๆ ก็จะกลายเป็นกับดักที่ดี แถมยังช่วยประหยัดเวลาได้มาก…ส่วนอีกจุดอาจต้องใช้เวลาเตรียมนาน ได้แต่ภาวนาให้สัตว์ประหลาดนั่นไม่ไล่ตามมาเร็วเกินไป…”
ลูเมี่ยนหยิบพลั่วกับอุปกรณ์อื่นๆ กลับมายังจุดที่เลือก ลงมือติดตั้งกับดักอย่างไม่รีรอ
หลังจากปรับแต่งร่องพื้นแตกเสร็จ เด็กหนุ่มใช้ขวานตัดท่อนไม้มาเหลาปลายให้แหลมแล้วฝังไว้ที่ก้นกับดัก จากนั้นก็ทำตาข่ายเชือก วางปิดปากหลุมไว้ แล้วคลุมด้วยหน้าดินเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
จัดการเสร็จ ลูเมี่ยนลองสมมติให้ตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดที่แกะรอยตามมา ด้วยการลองเดินเข้าหากับดัก
“ถ้ามันสังเกตเห็นกับดัก คงจะเลือกเดินอ้อมหรือไม่ก็กระโดดข้าม…ก็คงต้องแถวๆ นี้…”
“จุดประสงค์ของเราก็คือ มันต้องเห็นเราทันทีที่มาถึง แต่ไม่ใช่ก่อนหน้านั้น…หมายความว่าเราต้องซ่อนตัวอยู่ตรงนี้…” ลูเมี่ยนใช้เท้าวัดระยะ กะมุมด้วยสายตา แล้วค่อยๆ เดินไปทางกำแพงที่ยังอยู่ในสภาพดี
เด็กหนุ่มก้มตัวลง ตรวจสอบขอบเขตของสายตาคร่าวๆ
จากนั้นก็เริ่มขุดกับดักอีกจุด
นี่คือการจัดเตรียมที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับ ‘คนปกติ’
เมื่อใครสักคนกำลังไล่ล่าเหยื่อ และพบว่าเหยื่อวางกับดักเตรียมไว้ แถมยังเห็นด้วยว่าเหยื่อดักซุ่มอยู่ไม่ไกล ผู้ล่าส่วนใหญ่จะรู้สึกย่ามใจจนลืมนึกถึงความเป็นไปได้ของกับดักอื่นๆ สุดท้ายก็จะบุ่มบ่ามลงมือโจมตี
คนที่มีสติปัญญาทั่วๆ ไปมักจะหลงกลจุดบอดทางความคิดในลักษณะนี้
ลูเมี่ยนหวังเพียงว่า สัตว์ประหลาดตัวดังกล่าวจะไม่ฉลาดเกินกว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์ ไม่เช่นนั้นเขาก็ต้องเผ่นหนี สุดท้ายก็จะถูกจับได้และตายแถวๆ พื้นที่รกร้าง มีโอกาสเพียงริบหรี่ที่จะหนีกลับถึงบ้านและซ่อนตัวใน ‘เขตปลอดภัย’
เรื่องแปลกๆ ในหมู่บ้านกอร์ตู บีบบังคับให้เขาต้องลงทุนเสี่ยงชีวิต
นาทีแล้วนาทีเล่าผ่านพ้นไป จนกระทั่งลูเมี่ยนเตรียมกับดักที่สองเสร็จ สัตว์ประหลาดสะพายปืนลูกซองก็ยังไม่โผล่หน้า
สัตว์ประหลาดอื่นๆ ก็เช่นกัน
เด็กหนุ่มเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง หลังจากนำพลั่วกับสิ่งของอื่นๆ ไปซ่อน ลูเมี่ยนยืนตัวตรงพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้าง
“สุริยันจงเจริญ!” ครั้งนี้ เขาสวดวิงวอนด้วยความจริงใจยิ่งขึ้น
ถัดมา ลูเมี่ยนย่อตัวลงข้างกำแพง คุกเข่าลงหนึ่งข้าง จ้องมองไปที่กับดักแรก
ในจุดที่เขาเดินผ่านมา จะมิอาจมองเห็นตำแหน่งปัจจุบันของลูเมี่ยน เพราะมีซากอาคารบังอยู่ทั้งหลัง
เด็กหนุ่มอดทนรออย่างใจเย็น
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…ลูเมี่ยนรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าหัวใจของตนกำลังเต้นถี่
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
ในสมัยที่ยังเร่ร่อน เด็กหนุ่มเคยเผชิญหน้ากับ ‘ศัตรู’ อายุมากกว่าและมีเรี่ยวแรงเยอะกว่าก็จริง แต่เป้าหมายมิใช่การฆ่าแกง ส่วนใหญ่เป็นการแย่งชิงอาหาร เศษเงิน และที่นอน แม้จะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีคนตายไปจริงๆ บ้างก็ตาม
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ศัตรูที่เขาเตรียมเผชิญหน้าคือสัตว์ประหลาดที่ไม่ยึดถือกฎหมายหรือศีลธรรม แถมยังแข็งแกร่งกว่ามาก อาจมีพลังวิเศษด้วยซ้ำ หากกลยุทธ์ผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นคงไม่ต้องเดา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก…ลูเมี่ยนประสบความตึงเครียดอย่างไม่อาจเลี่ยง
ไม่ว่าใครก็อยากมีชีวิตที่ดี เขาก็เช่นกัน
หายใจเข้า…หายใจออก…หายใจเข้า…หายใจออก…
ลูเมี่ยนเริ่มหายใจลึกๆ เพื่อบรรเทาความกดดัน
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไร
เด็กหนุ่มกำลังคาดหวังและหวาดกลัวการมาถึงของสัตว์ประหลาดนั่น
ในส่วนของความคาดหวัง เขาอยากให้ทุกสิ่งจบลงโดยเร็ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร อย่างน้อยลูเมี่ยนก็ไม่ต้องเครียดจนจวนเจียนสติแตกเช่นนี้
ในส่วนของความกลัวก็คือความกลัว ไม่มีอะไรซับซ้อน
ตระหนักว่าการรอคอยทำให้สภาพจิตใจของตนย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เด็กหนุ่มพยายามสะกดจิตตัวเองว่า ‘เพื่อไม่เป็นตัวถ่วงของโอลัวร์’ ระหว่างนั้นก็พยายามเข้าฌาน
ภาพของดวงอาทิตย์สีแดงคมชัดได้ยากกว่าที่เคย แต่ด้วยความมุมานะของลูเมี่ยน ในที่สุดภาพนั้นก็ปรากฏชัด
เขาสงบใจลงได้หลายส่วน แต่ร่างกายยังคงสั่น
พอดีกับที่เสียงการเคลื่อนไหวเบาๆ ดังขึ้น
คล้ายกับว่ามีทุ่งหญ้าอยู่นอกระยะสายตาของตน บนทุ่งหญ้ามีคนเลี้ยงแกะกำลังย่างกรายเข้าหาอย่างเงียบเชียบ
…………………………………………………….