ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 216 คำแนะนำการแสดง
ตอนที่ 216 คำแนะนำการแสดง
ลูเมี่ยนไม่แน่ใจว่า การที่จินนาถูกออกหมายจับ จะส่งผลกระทบต่อครอบครัวของเธอหรือไม่ จึงหันหน้าไปมองฟรังก้า เพื่อดูว่าอีกฝ่ายสามารถใช้ช่องทางของตัวเอง เพื่อให้ผู้วิเศษทางการมองข้ามนักแสดงฝึกหัดตัวเล็กๆ สักคนได้หรือไม่
ฟรังก้าไม่ปกปิดลำบากใจ
การขอให้พี่ ‘007’ ช่วยปกปิดสักเรื่องมิใช่ปัญหา แต่ถ้าจะเอาละเอียดถึงขั้นให้คุ้มครองใครสักคนระหว่างปฏิบัติการ ก็จำเป็นต้องผ่านสองเงื่อนไข หนึ่ง ตัว 007 ต้องมีส่วนร่วมในปฏิบัติการ และบังเอิญรับผิดชอบในการตรวจสอบนักแสดงฝึกหัดพอดี สอง 007 ต้องมีข้อมูลเบื้องต้นของจินนา เพื่อให้แน่ใจว่า คนที่เขาช่วยเหลือคือใคร
แต่ฟรังก้าไม่คิดว่า ‘007’ จะบังเอิญอยู่ในเขตตลาดด้วย อย่างมากก็ช่วยได้แค่ส่งต่อข้อมูล แทบไม่มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติการโดยตรง
“ฉันจะลองดู แต่ไม่รับประกันผล” ฟรังก้ามองจินนาที่กังวลใจ ปลอมประโลมด้วยคำพูดคลุมเครือ
จินนา ‘อืม’ หนึ่งคำ ความกังวลบรรเทาลงบ้าง แต่ก็ยังพยายามคิดหาวิธีแก้ปัญหาทางอื่น
ลูเมี่ยนไตร่ตรองสักพัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเหน็บแนม
“คุณเป็นแค่นักแสดงฝึกหัด ทำไมต้องกังวลขนาดนั้น?”
“ถึงแม้ผู้วิเศษทางการจะตรวจสอบทุกคนในกรงพิราบเก่า แต่ก็คงไม่ได้ใส่ใจคุณสักเท่าไร ลองคิดตามดูนะ คุณเพิ่งมาถึงเขตตลาดได้ไม่นาน ยังไม่เข้าใจบทบาทของนักแสดงฝึกหัดด้วยซ้ำ กระทั่งโอกาสแสดงเป็นตัวประกอบชั้นรองก็ยังไม่มี แล้วจะเป็นสมาชิกหญิงของสมาคมเสียวซ่านได้ยังไง?”
“ก็จริงนะ” ฟรังก้าเห็นด้วย “เวลาที่เธอไม่ได้เรียนการแสดง ส่วนใหญ่ก็หมดไปกับการร้องเพลงหาเงินตามบาร์และคาบาเร่ต์ ปฏิสัมพันธ์กับสาวกเทพมารในกรงพิราบเก่าน้อยมาก จัดอยู่ในกลุ่มที่มีความน่าสงสัยต่ำสุด เธอแค่เล่าทุกอย่างกับพนักงานสอบสวนไปตามจริง ดีไม่ดีอาจไม่ต้องผ่านกระบวนการตรวจหาพลังวิเศษเลย”
ลูเมี่ยนหัวเราะตามทันที
“ถึงแม้จะมี ก็คงเป็นการยืนยันว่าคุณนับถือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ หรือเป็น ‘คนตระหนี่’ และ ‘ผู้เสพติดสังวาส’ หรือไม่ ซึ่งคุณไม่ใช่อยู่แล้ว”
“นี่คือจุดบอดทางความคิดของผู้วิเศษทางการเวลาสอบสวน คุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เต็มที่”
“พูดเองไม่ใช่หรือว่าตัวเองแสดงเก่ง ไปแสดงฝีมือซะ!”
“อา… พอพระอาทิตย์ขึ้น คุณก็ไปสวดมนต์ที่วิหารนักบุญโรแบร์ นำเครื่องประดับที่แสดงถึงการเป็นศาสนิกชนของ ‘สุริยันเจิดจรัส’ มาสวม พออยู่ในกรงพิราบเก่า ไม่ว่าผู้วิเศษทางการจะมาถึงหรือยัง ก็หาโอกาสสรรเสริญสุริยันบ่อยๆ”
“นี่คือสิ่งที่พวกสาวกเทพมารไม่ค่อยทำกัน มันช่วยแยกคุณออกจากพวกมันได้ ถ้าผู้วิเศษทางการสังเกตเห็นรายละเอียดพวกนี้ ก็มีแนวโน้มสูงที่จะใส่ชื่อคุณในบัญชีขาว”
พอได้ฟัง ดวงตาของจินนาก็ค่อยๆ สว่างขึ้น
“จริงด้วย”
“นักแสดงฝึกหัดที่เพิ่งเข้าร่วมกรงพิราบเก่าได้ไม่กี่เดือน และศรัทธาต่อ ‘สุริยันเจิดจรัส’ อย่างแรงกล้า คงจะไม่เปลี่ยนไปนับถือเทพมารเร็วขนาดนั้น อย่างมากก็แค่ถูกตรวจสอบง่ายๆ …”
“ฉันแค่ต้องชี้นำพวกเขา ให้ยืนยันพลังวิเศษในแง่ของสาวกเทพมาร คงนึกไม่ถึงแน่ว่าฉันจะกลายเป็นผู้วิเศษเพราะโอกาสอื่น…”
จินนายิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น รีบวางกองเสื้อผ้าบนตักลงแล้วลุกขึ้นยืน
หญิงสาวบ้างก็เดินไปเดินมา บ้างก็ทำท่าทาง ราวกับกำลังสวมบทบาทเป็นนักแสดงฝึกหัดที่ศรัทธาใน ‘สุริยันเจิดจรัส’ อย่างแรงกล้า
มาดาม ดูเหมือนคุณจะไม่ได้ศรัทธาใน ‘สุริยันเจิดจรัส’ ขนาดนั้นนะ ไม่งั้นคงไม่ต้องซ้อมล่วงหน้า…ลูเมี่ยนบ่นงึมงำในใจ
ส่วนชาร์ลีที่นั่งฟังจากด้านข้าง ทำได้แค่อึ้ง
‘กะหรี่น้อย’ จินนาก็มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยหรือ?
ที่นี่มีแค่เราที่เป็นคนธรรมดา…
จินนาแสดงละครให้ผู้วิเศษทางการในจินตนาการดูสักพัก ในใจก็เริ่มมั่นใจขึ้นมาหลายส่วน
ฟรังก้ามองเงียบงัน สายตาระยิบระยับ สมองเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระ:
ถ้าจินนากับเรามีพลังของลำดับ ‘นักแสดง’ นี่มันจะเป็นสุดยอดการ ‘คอสเพลย์’ … แสดงเป็นอะไรก็จะเหมือนอย่างนั้น… อา…
สักพักจินนาก็สงบลง พลางหันไปมองชาร์ลีด้วยสายตาระแวดระวัง
“ฉันได้ยินมาว่า คุณเป็นพวกชอบพูดพล่ามในบาร์ นำความลับของคนอื่นไปแต่งเป็นเรื่องเล่า”
“ถ้ากล้าเปิดเผยเรื่องที่ฉันมีพลังวิเศษให้ใครรู้ ฉันจะจับคุณ… จับคุณส่งให้พวก ‘ผู้เสพติดสังวาส’ ที่ชอบเพศเดียวกัน หึๆ … ก็ลองจินตนาการเอาเองแล้วกัน ว่าจะได้เจอกับอะไรบ้าง”
ชาร์ลีอดคิดตามไม่ได้ แล้วก็สั่นเทิ้มพร้อมกับยกมือขวา
“สุริยันจงเจริญ! ผมขอสาบานในนามของพระเจ้า ผมจะไม่บอกความลับของพวกคุณกับใคร!”
“ก่อนหน้านี้ผมก็แค่เล่าว่า คุณกับชาร์ลเป็นคู่รักกันเอง…”
ชาร์ลีชะงักกึก รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องนั่งเล่นกลับมาประหลาดอีกครั้ง
ลูเมี่ยนยักไหล่ใส่ฟรังก้าเบาๆ บ่งบอกว่านี่เป็นแค่ข่าวลือ
ส่วนจินนาหัวเราะเยาะ
“อย่าบอกนะว่า คุณยังเล่าด้วยว่าฟรังก้าเข้าร่วมกับฉันและชาร์ล กลายเป็นสามเส้าที่มั่นคง?”
“ไม่เคยครับ” ชาร์ลีรีบส่ายหัว
พร้อมกันนั้น เขารู้สึกว่าประโยคเมื่อครู่น่าสนใจดี เป็นสิ่งที่ตนไม่เคยนึกถึงมาก่อน
จินนานั่งกลับลงไปบนโซฟาเดี่ยว เล่าเกี่ยวกับกรงพิราบเก่าต่อ เฉพาะเท่าที่ตัวเองทราบ
ลูเมี่ยนและฟรังก้าฟังไปด้วย คอยถามแทรกเป็นระยะ ขณะเดียวกันก็ระวังการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
…………
ใต้ดินทรีอาร์
ร่างหนึ่งถือตะเกียงเดินตามเส้นทางที่คุ้นเคย ค้นหาบางสิ่งบางอย่าง
เขาตัวสูงปานกลาง สวมสูทหางนกสีดำ ผูกหูกระต่ายแบบเดียวกัน สวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ใบหน้าเหลี่ยม คิ้วสั้นหนา โครงหน้าลึก รอบปากประดับด้วยหนวดสีน้ำตาลอ่อนหนาทึบ ปลายหนวดทาขี้ผึ้งถ้วนทั่ว
แสงเงาจากตะเกียง ส่องกระทบใบหน้าของเขาไม่หยุดนิ่ง ทำให้ดูขรึมมาก
เดินต่อไปอีกพักใหญ่ ร่างชายผู้นั้นหยุดฝีเท้า เหลือบมองไปทางฝั่งที่หินยุบตัว
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจดจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวลง สี่ขาแนบพื้น จมูกสูดฟุดฟิด
“กลิ่นดินปืน… กลิ่นเลือด…” ชายผู้นั้นบรรจงลุกขึ้นยืน เดินไปยังโพรงที่ถูกฝังกลบ
ราวกับว่าเขามองผ่านชั้นหินแตกระแหง แลเห็นร่างที่พังพินาศนั่น
…………
ถนนเสื้อนอกขาวยามดึกเงียบกว่าถนนอลเวงมาก นอกจากเสียงรถม้าที่วิ่งผ่านไป และเสียงอึกทึกของพวกขี้เมากลับบ้าน ราตรีแทบจะถูกแช่แข็ง
ไกลออกไปมีเสียงปืนดังสะเทือนเป็นครั้งคราว ทะลุทะลวงความเงียบสงบนี้ แล้วก็ถูกกลืนหายไปในความมืดและแสงจันทร์
พวกลูเมี่ยนคุยกันเป็นระยะ ต่างก็เครียดกังวล กลัวว่าจะมีร่างดำทะมึนโผล่ออกจากความมืดนอกหน้าต่างกะทันหัน
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า สำหรับชาร์ลี นี่เหมือนกับการรอฟังคำพิพากษา ทั้งไม่สบายใจ กระวนกระวาย แต่ก็มีความหวัง
ในที่สุด ขอบฟ้าแสนไกลก็ถูกย้อมด้วยสีทองแดง ไม่นานนัก ราตรีทั้งผืนก็ลุกโชนขึ้นมา เผยให้เห็นท้องฟ้าสีครามในแสงสีแดง
“คงไม่มีอะไรแล้ว” ฟรังก้าที่นอนบนเก้าอี้เอนหลัง เหยียดตัวตรง
ลูเมี่ยนมองหน้าชาร์ลี พบว่าดวงชะตาของอีกฝ่ายเลิกเป็นสีแดงฉานแล้ว กลับมาเป็นปกติ ซ้ำยังมีเค้าลางว่าจะร่ำรวยด้วย
ตอนนี้วิกฤตผ่านพ้นไปชั่วคราว แต่ซูซานน่า·มาติสหนีไปแล้ว ชาร์ลีจึงได้งานจากทางการ? ลูเมี่ยนพยายามตีความ พลางพยักหน้า
“ตอนนี้พูดได้เพียงว่า ในอนาคตอันใกล้ นายปลอดภัยแล้ว”
หลังจากผ่านพ้นวิกฤติ เด็กหนุ่มมั่นใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ถึงแม้จะไม่ใช้ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ โชคชะตาของมนุษย์ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้
เขารู้สึกว่าโชคชะตาในอนาคต ถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายประการรวมกัน ทางเลือกที่แตกต่างกันอาจนำไปสู่พัฒนาการที่แตกต่างกัน
คราวที่ออสตา·ทรูเอลประสบเคราะห์กรรมเลือดตกยางออก ถ้าลูเมี่ยนไม่ได้แค่เตือน แต่ไปกับเขาด้วยและให้การคุ้มกัน อีกฝ่ายก็อาจไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปในแง่บวกเสมอ บางทีออสตา·ทรูเอล อาจย่ามใจเพราะมีลูเมี่ยนคอยคุ้มกัน จึงถูกสัตว์ประหลาดน้ำตัวอื่นลากลงก้นแม่น้ำ จนเสียชีวิตก็เป็นได้
ความหมายของชะตากรรมคือ ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้องจะตัดสินใจอย่างไร ก็ยังมีบางโชคชะตาต้องเกิดขึ้นอยู่ดี? ลูเมี่ยนหมุนตัวกลับ มองจินนาอย่างตั้งใจ
ดวงชะตาของนักร้องใต้ดินและนักแสดงฝึกหัดผู้นี้ธรรมดามาก ไม่มีโอกาสพิเศษ ไม่มีวิกฤตการณ์
“มองฉันทำไม?” จินนาที่ยังมีสภาพจิตใจค่อนข้างดี ขมวดคิ้วถาม
หลังจากปรับตัวมาตลอดทั้งคืน เมื่อมีสมาธิมากขึ้น เธอก็ไม่หลุดพูดคำหยาบออกมาแล้ว
ลูเมี่ยนชี้ใต้ตาของตัวเอง
“คุณจะไปกรงพิราบเก่าด้วยใบหน้าแบบนี้หรือ?”
“จริงด้วย ฉันยังไม่ได้เช็ดเครื่องสำอาง!” จินนาลุกพรวดพราด กอดกองเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำ
ฟรังก้าลุกตามไป ยืดเส้นยืดสายอย่างไม่แยแสภาพลักษณ์
หญิงสาวชายตามองห้องน้ำ พูดเสียงเบากับลูเมี่ยน
“การแสดงที่คุณบอก จะได้ผลแน่หรือ?”
“ได้ผล” ลูเมี่ยนตอบอย่างมั่นใจมาก
ทีแรกเขาก็ยังลังเล แต่พอเห็นดวงชะตาของจินนาล่าสุด ก็มั่นใจมากขึ้น
ฟรังก้าเลือกที่จะเชื่อลูเมี่ยน
“ฉันก็จะช่วยจับตาดูอีกแรง”
เธอรำพันเบาๆ ด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“ดูคุณมีประสบการณ์เยอะเหมือนกันนะ ในการหลอกผู้วิเศษทางการ สมกับที่เป็น…”
หญิงสาวพ่นคำถัดมา — “ผู้หลบหนี”
ไม่ใช่แค่หลอกผู้วิเศษทางการหรอกนะ… ลูเมี่ยนพึมพำเงียบ แล้วชี้ไปทางชาร์ลี
“ผมจะพาเขากลับโรงแรมระกาทอง ผู้วิเศษทางการจะได้หาตัวเขาพบ ส่วนเรื่องของจินนา ฝากคุณด้วยแล้วกัน”
“พูดยังกับเธอเป็นแฟนคุณ ฝากฉันดูแลเป็นพิเศษเลยนะ” ฟรังก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม
ตอนที่จินนาเช็ดเครื่องสำอางเสร็จ เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา ลูเมี่ยนกับชาร์ลีก็ไปแล้ว ฟรังก้าก็ส่งข้อมูลเรื่องแท่นบูชา เรื่อง ‘นักแสดง’ และอื่นๆ ที่ได้มาให้กับ ‘007’ เสร็จแล้วเช่นกัน
ตอนนี้จินนาเลิกเขียนตาสโมกกี้อายแล้ว ไม่มีสีแก้มฉูดฉาด ไม่มีริมฝีปากเหมือนเปลวเพลิง ใบหน้าสะอาดสะอ้าน แต่ดูซูบผอมเล็กน้อย
จินนาถักเปียผมยาวสีน้ำตาลอ่อน พลางชายตามองไปที่หน้าประตู ยิ้มแป้นถามฟรังก้าว่า
“เธอกับชาร์ลไปสนิทกันตอนไหน ไม่กลัวบอสจับได้หรือ?”
ฟรังก้าหัวเราะออกมา
“ชาร์ลน่ะหรือ? บาปไปหน่อย ฉันไม่กล้าแตะต้องเขาหรอก”
“ยังไง?” จินนาแสดงท่าทีว่าไม่เข้าใจ
ในความคิดของเธอ เส้นแบ่งศีลธรรมของฟรังก้ามิได้สูงส่งถึงเพียงนั้น และอีกแค่ไม่กี่เดือนชาร์ลก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว
ฟรังก้าเลือกสรรคำพูดครู่หนึ่ง
“หลังจากเริ่มติดต่อกัน ฉันบังเอิญพบว่าเขาเป็นน้องชายของญาติห่างๆ”
“มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดสินะ” จินนาทำหน้าเข้าใจ
ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้แล้ว พอถักเปียเสร็จก็ชี้ไปที่ประตู
“ฉันจะไปสวดมนต์ที่วิหารนักบุญโรแบร์นะ”
“ฉันจะแอบตามเธอไป เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน” ฟรังก้าหยิบผงฝุ่นสีเรืองแสงออกมา ร่ายคาถา ลบเลือนร่างของตนไป
เมื่อไรเราจะได้เป็น ‘แม่มด’ สักทีนะ… จินนามองตามอย่างอิจฉา ก่อนเปิดประตูห้องเดินออกไป
…………………………………………………….