ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 213 การตีความที่ถูกต้อง
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 213 การตีความที่ถูกต้อง
ตอนที่ 213 การตีความที่ถูกต้อง
หลังจากฟังคำตอบของลุนทาส ลูเมี่ยนไม่รู้ว่าควรหัวเราะออกมาดังๆ ดี หรือควรโล่งใจที่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการแม้ตนจะเข้าใจผิดถนัด
เด็กหนุ่มคิดไปเองว่า ผู้วิเศษสาวกของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ อย่างเอฟฟ์ปลอม จะไม่สามารถควบคุมความโลภ ความหิว และตัณหาทางเพศได้ จึงเลือกใช้เหรียญทองบรรจุเคราะห์ร้ายของคนเร่ร่อนเป็นเหยื่อล่อ แต่ในความเป็นจริง สาวกเทพมารจะถูกครอบงำอย่างรุนแรงโดยตัณหาในลำดับของตัวเองเท่านั้น หากควบคุมพรในลำดับของตนได้อย่างแท้จริงแล้ว หรือได้รับพรใหม่ พวกเขาก็จะหลุดพ้นและก้าวไปสู่สภาวะใหม่ ตัณหาดั้งเดิมแม้จะยังรุนแรงอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะควบคุมไม่ได้เลย
กล่าวคือ หากลุนทาสมิได้แสดงเป็นมิสเตอร์เอฟฟ์ จำเป็นต้องแสดงความตระหนี่ถึงเพียงนั้น เขาคงไม่หยิบเหรียญทองที่พ่วงดวงซวยไปง่ายนัก แต่จะไตร่ตรองสถานการณ์ให้รอบคอบมากกว่าเดิม
แน่นอน หากเอฟฟ์ปลอมมิใช่พวกที่อ่อนไหวต่อโชคชะตา จนไม่รู้สึกถึงปัญหาของเหรียญทอง เมื่อเห็นว่าเจ้าของเดินไปไกลแล้วและไม่มีทีท่าว่าจะย้อนกลับ ก็ยังมีโอกาสอยู่หลายส่วนที่เขาจะเก็บเหรียญนั่นด้วยความคิดครอบครอง อย่างไรเสีย เขาก็ยังโลภเล็กโลภน้อยมากกว่าคนทั่วไปอยู่ดี และในใจของคนทั่วไปจำนวนหนึ่ง สิ่งที่เก็บได้ก็คือของของตัวเอง
ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจประโยคหนึ่งที่ลุนทาสพูดเมื่อครู่:
“นั่นสินะ ‘อย่าหมกมุ่นกับบทบาทที่กำลังแสดงจนเกินไป’ …”
“แต่ในเมื่อลุนทาสกำลังสวมรอยเป็นคนอื่น การเก็บรายละเอียดคือสิ่งที่ดีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงถูกจับได้ง่ายๆ ว่าเป็นเอฟฟ์ปลอม…”
ฟรังก้ารู้สึกว่า ‘การสื่อวิญญาณ’ ใกล้จะจบแล้ว จึงรีบถาม
“แกเดาได้ไหมว่า สมาชิกหลักของสมาคมเสียวซ่านมีใครบ้าง”
ใบหน้าซีดเซียวและเลือนรางของลุนทาสขยับไปมา
“ถึงฉันจะบอกไป พวกแกก็ไม่มีทางหาพวกเธอเจอหรอก”
“พวกเธอล้วนมาที่โรงละครกรงพิราบเก่าหลังได้รับพรและกลายเป็น ‘นักแสดง’ ทุกคนใช้ชื่อปลอม รูปโฉมที่เผยให้เห็นก็เป็นหน้าปลอม รอจนกระทั่งเชี่ยวชาญการแสดง ควบคุมตัณหาได้ เมื่อออกจากโรงละครไป พวกเธอก็จะหวนคืนสู่ตัวตนที่แท้จริง”
“ถ้าพวกแกอยากรู้ตัวตนปลอมของพวกเธอ ก็ไปเก็บรวบรวมรายชื่อนางเอกทุกคนของโรงละครกรงพิราบเก่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้ที่แสดงมากที่สุดสองสามคน นั่นแหละคือพวกเธอ”
พอพูดถึงนางเอกของโรงละครกรงพิราบเก่า ลูเมี่ยนก็นึกถึงชื่อหนึ่ง
“ชาร์ล็อตต์·คัลวิโนเป็นสมาชิกหลักของสมาคมเสียวซ่านหรือไม่”
นั่นคือนางเอกของละคร ‘นางฟ้าแห่งพงไพร’ การแต่งกายในภาพโปสเตอร์ชวนให้นึกถึงซูซานน่า·มาติส
ใบหน้าของลุนทาสยิ่งเลือนราง เสียงก็ยิ่งลอยเคว้ง
“ฉันไม่รู้”
“เธอค่อยๆ เติบโตจากนักแสดงฝึกหัด เพิ่งมารับบทนำในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ ไม่ใช่ผู้มาใหม่ แต่นักแสดงฝึกหัดก็อาจถูกไมป์·ไมเออร์บ่มเพาะให้เป็นสมาชิกสมาคมเสียวซ่านได้เช่นกัน”
ฟรังก้าเตรียมจะถามเกี่ยวกับลำดับและพลังของไมป์·ไมเออร์ วิญญาณของลุนทาสที่ถูกเผาด้วยเปลวไฟสีดำ ก็ไม่อาจค้ำจุนต่อไปได้อีก จางหายไปบนผิวของกระจกแต่งหน้า
ฟรังก้าจบพิธีด้วยความเสียดายนิดๆ พร้อมกับยกเลิกกำแพงวิญญาณ
จากนั้น เธอย่อตัวลงข้างศพลุนทาส ควานหากระเป๋าต่างๆ ไปพลาง ถอนหายใจไปพลาง
“ยังไม่ทันได้ถามเรื่องของไมป์·ไมเออร์เลย ช่างเถอะ ปล่อยให้พวกทางการปวดหัวแทนก็แล้วกัน”
ลูเมี่ยนครุ่นคิดแล้วพูด
“ผมเคยได้ยินนักเขียนบทละครคนหนึ่งพูดว่า ไมป์·ไมเออร์ทะเยอทะยานมาก อยากให้โรงละครกรงพิราบเก่ากลายเป็นโรงละครโด่งดังอันดับหนึ่งของทรีอาร์ อยากได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ของอินทิส”
“กระหายความสำเร็จ กระหายการยอมรับ?” ฟรังก้านึกถึงคำนิยามลำดับ 6 ‘ผู้ถือเกียรติ’ ที่ลุนทาสเล่าให้ฟัง “นี่คงเป็นเพดานของสมาชิกชายในสมาคมเสียวซ่านสินะ”
“คงงั้น” ลูเมี่ยนไม่กล้าด่วนสรุป
ขณะเดียวกัน ฟรังก้านำสิ่งของที่ค้นเจอออกมาวางกอง
ขวดโลหะสองใบ กระเป๋าสตางค์หนังใบหนึ่ง แป้งทาหน้าที่เข้ากับรูปหน้า แผ่นหนังบางๆ สีใกล้เคียงผิวมนุษย์ ดินสอเขียนคิ้ว และอุปกรณ์แต่งหน้าอื่นๆ …
“ลองดมตรวจสอบให้หน่อย” ฟรังก้าโยนขวดโลหะทั้งสองใบให้ลูเมี่ยน
หลังจากพิจารณาเล็กน้อย ลูเมี่ยนก็ให้คำตอบ
“ขวดหนึ่งเหมือนกับที่คุณเพิ่งดมไป อีกขวดน่าจะเป็นยาร่วมชุดที่ทำให้มึนเมา”
ยังกับเป็น ‘ของใช้สามัญ’ ที่สาวกของ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ต้องพกติดตัวเวลาออกจากบ้าน
“เกลือดมพิศวงนั่นน่ะหรือ?” ฟรังก้าครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “คุณมีขวดหนึ่งแล้ว ยังใช้ไม่หมด ขวดนั้นขอฉันเถอะ ส่วนยามึนเมาเป็นของคุณ อุปกรณ์ปลอมตัวพวกนี้กับเงินในกระเป๋า คุณเลือกเอาเอง ถ้าไม่เอาฉันเก็บไว้เอง… แม่งเอ๊ย! ไอ้ยาจกนี่ ไม่ต้องพูดถึงตะกอนพลังหรือสมบัติวิเศษเลย แค่วัตถุดิบ ยันต์ หรืออาวุธก็ไม่มีสักชิ้น!”
“ยามึนเมากับเกลือดมพิศวงถือเป็นของดีอยู่นะ” ลูเมี่ยนที่ได้ตะกอนพลังจาก ‘ค้อนเหล็ก’ แอตแล้ว ไม่ค่อยสนใจเท่าไร
ฟรังก้าไม่ได้ละเว้นแม้แต่ส่วนเป้าและพื้นรองเท้าของลุนทาส แต่ก็ยังหาอย่างอื่นไม่พบ
เธอหยิบถุงผ้าที่พับเก็บไว้ออกมา กางมันออก นำของบนพื้นทั้งหมดใส่เข้าไป แล้วพูดกับลูเมี่ยน
“กลับไปค่อยแบ่งกัน”
พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นยืน มองไปทางชาร์ลีที่กำลังตกใจ พึมพำกับตัวเองอย่างครุ่นคิด
“เขาเห็นเราต่อสู้กับลุนทาสแล้ว จะจัดการยังไงดี”
ขาทั้งสองข้างของชาร์ลีพลันอ่อนแรง รีบพิงตัวเข้าหาลูเมี่ยน ฟันกระทบกันดังกึกกักพูดว่า
“ผ…ผะ…ผมจะไม่ทรยศพวกคุณแน่นอน!”
ฟรังก้าถอนหายใจโดยไม่รอให้ลูเมี่ยนพูด
“ช่างเถอะ ส่งให้ผู้วิเศษทางการจัดการแล้วกัน”
รีบเปลี่ยนเรื่อง รีบด่วนสรุป… กลัวเราฆ่าชาร์ลีปิดปากหรือไง? ในที่สุด ลูเมี่ยนก็คืนสู่ความเยือกเย็นอย่างแท้จริง หลังจากหลุดพ้นจากความอยากแสดงออก เขาคิดสักครู่แล้วพูด
“ผมมีวิธีอื่น”
“ชาร์ลีไม่จำเป็นต้องไปขอพรคุ้มครองจากวิหารนักบุญโรแบร์ และในระยะนี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าซูซานน่า·มาติสจะมาเยือน”
เด็กหนุ่มนึกถึง ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ ของตน!
ที่ไม่ได้ใช้ก่อนหน้านี้ เพราะซูซานน่า·มาติสยังไม่ได้ตามรังควานชาร์ลีซ้ำ จึงไม่มีโชคชะตาที่สอดคล้องให้เปลี่ยน แต่ตอนนี้ ซูซานน่า·มาติสใกล้ฟื้นแล้ว ชาร์ลีเป็นเป้าหมายแรก ดวงชะตาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มีเคราะห์กรรมคุกคามชีวิต เหมาะแก่การเปลี่ยนชะตาอย่างยิ่ง!
เมื่อถึงเวลา ลูเมี่ยนจะ ‘ส่ง’ เหรียญทองที่บรรจุเคราะห์กรรมให้เอฟฟ์ตัวจริง ปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเอง
จริงอยู่ วิธีนี้แตกต่างจาก ‘ศาสตร์การสลับตัว’ และ ‘การแลกเปลี่ยนโชคชะตา’ ของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ โดยจะเปลี่ยนแค่เคราะห์กรรมในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น หรือก็คือ ชาร์ลีจะไม่ถูกซูซานน่า·มาติสไล่ล่าในช่วงสองสามวันถัดไป แต่พอผ่านไปสักพัก เว้นแต่ซูซานน่า·มาติสจะถูกชำระล้างจนหมดจด หรือเสียความทรงจำไป มิเช่นนั้นภัยคุกคามจากภายนอกที่ถูกกำหนดว่าจะต้องเกิด ก็ต้องเกิดในสักวันอยู่ดี
แต่ทางการจะลงมือในวันพรุ่งนี้แล้ว และมีข้อมูลเพียงพอที่จะสนับสนุน!
ตอนที่ลูเมี่ยนพบว่าดวงชะตาของชาร์ลีมีปัญหา แต่มิได้ใช้ ‘ศาสตร์เปลี่ยนชะตา’ เพื่อแก้ไข เป็นเพราะถึงเขาจะเปลี่ยนดวงของชาร์ลีได้ แต่เปลี่ยนดวงตัวเองไม่ได้ ซูซานน่ายังคงไล่ล่าตนซึ่งเป็นศัตรูที่ยุยงให้ชาร์ลีทรยศ ดังนั้น ประสิทธิภาพจึงไม่ดีเท่ากับการปลอมตัวแล้วโน้มน้าวให้ชาร์ลีหนีไปวิหารสุริยันเจิดจรัส เพื่อยื้อเวลาไว้คอยรับมือกับซูซานน่า·มาติส แต่ตอนนี้ พวกเขามั่นใจแล้วว่าซูซานน่า·มาติสจะฟื้นตัวในอีกสองวัน
“จริงหรือ” ชาร์ลีตาสว่างวาบ
ลูเมี่ยนยิ้มแล้วถามกลับ
“นายเชื่อใจฉันไหมล่ะ”
ชาร์ลีอึกอักตอบ
“ช…เชื่อสิ เชื่อ!”
“นายแค่หลอกอำคนเล่นในเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ฟรังก้าถามอย่างสงสัย
“ใช้วิธีอะไร?”
วิธีที่ให้เธอเห็นไม่ได้… ลูเมี่ยนพึมพำในใจ แล้วคิดถึงรายละเอียดเฉพาะเจาะจง
หากต้องการเปลี่ยนดวงชะตาระดับนี้ของชาร์ลี การวิงวอนถึงตัวเองคงไม่ได้ผล ต้องใช้พลังที่ผนึกอยู่ในร่างกายเท่านั้น…
ถึงจะรู้สึกผิดต่อชาร์ลีนิดหน่อย แต่เราต้องทำให้เขาหมดสติ เพื่อมิให้แพร่งพรายเกี่ยวกับมลพิษ หรือสงสัยในพฤติกรรมที่คล้ายกับขอความช่วยเหลือจากเทพมาร…
ลูเมี่ยนกำลังจะสั่งให้ชาร์ลีตามมา และเตรียมชกอีกฝ่ายให้สลบ แต่แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในสมอง
“การใช้พลังที่ผนึกอยู่ในตัว ถือเป็นการใช้ประโยชน์จากเทอร์มีโพลอสไหม?”
“ควรเขียนจดหมายถามความเห็นจากมาดามเมจิกเชี่ยนไหม?”
“เคราะห์ร้ายของคนเร่ร่อนก่อนหน้านี้ ไม่เกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับและเรื่องเหนือธรรมชาติเลย พลังที่ดึงมาจากพิธีจึงไม่ได้มากมาย แต่คราวนี้อาจต้องเผชิญหน้ากับวิญญาณมารลำดับ 5 ในแท่นบูชาเทพมาร ระดับการสนับสนุนที่ต้องการ ย่อมมากกว่าคราวก่อนเป็นเท่าตัว…”
“เมื่อถึงเวลานั้น จะมีอะไรเกิดขึ้น?”
“นับตั้งแต่ดวงชะตาของชาร์ลีเปลี่ยนแปลง ทุกเหตุการณ์ล้วนคับขันและกระชั้นชิดเกินเหตุ ราวกับเล็งสร้างโอกาสแบบนี้ขึ้นมา โดยไม่ปล่อยให้เราได้ตรึกตรองอย่างรอบคอบ…”
“หากเรามิได้เพิ่งเขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน และได้รับคำเตือนมา ก็คงเริ่มเปลี่ยนชะตาให้ชาร์ลีไปแล้ว…”
เมื่อเห็นลูเมี่ยนเอาแต่ยืนนิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน ฟรังก้าลองถาม
“เป็นอะไรไป”
ลูเมี่ยนได้สติกลับมา ไตร่ตรองแล้วตอบ
“ผมเพิ่งค้นพบว่าวิธีที่เตรียมจะใช้ ดูเหมือนจะมีข้อบกพร่องร้ายแรง”
“อะ…” ชาร์ลีส่งเสียงสั้น
เขาทั้งผิดหวังทั้งกังวล
ฟรังก้าครุ่นคิดสักพักแล้วพูด
“ฉันก็มีอยู่วิธีหนึ่ง”
“ชาร์ลีไม่ต้องไปวิหารนักบุญโรแบร์ แต่ตามพวกเรามาที่ถนนเสื้อนอกขาว”
“หากเราอยู่รอดคืนนี้ไปได้ พอถึงวันพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว”
“ลองคิดดูนะ เดิมทีเราก็เตรียมใจสู้กับซูซานน่า·มาติสอยู่แล้ว แต่ซูซานน่า·มาติสกว่าจะฟื้นก็ต้องรออีกสองวัน คืนนี้แม้จะมีคนมาโจมตีเรา อย่างมากก็คงเป็นไมป์·ไมเออร์กับลิ่วล้อ ถึงมันจะเชิญสมาชิกหลักของสมาคมเสียวซ่านคนอื่นมา หากไม่เก่งกาจเหมือนซูซานน่า·มาติสในแท่นบูชา พวกเราก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะอยู่รอดจนรุ่งสาง ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถทำให้เรื่องราวอึกทึกครึกโครมยิ่งขึ้น ดึงดูดพวกผู้วิเศษทางการให้มากระจุกตัว แล้วเราก็หนีไปจากเขตตลาดท่ามกลางความโกลาหล”
“นี่เป็นบทสรุปที่เลวร้ายที่สุด ส่วนชาร์ลีถ้าไปวิหารนักบุญโรแบร์ เราสองคนก็ต้องรีบย้ายออกทันที เพราะอาจตกเป็นเป้าโจมตีได้เช่นกัน”
ลูเมี่ยนคิดอยู่ราวสองสามวินาที และเห็นว่าค่อนข้างเข้าท่า
เด็กหนุ่มพยักหน้าแล้วตอบ
“ผมไม่คัดค้าน”
เขามองไปทางชาร์ลี และชาร์ลีก็รีบตอบ
“ผมก็ไม่ติดขัดอะไร”
เขายังมั่นใจในตัวชาร์ลและฟรังก้าอยู่หลายส่วน
ลูเมี่ยนตั้งสมาธิอีกครั้ง กลับมาอ่านดวงชะตาของชาร์ลีใหม่
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เด็กหนุ่มพบว่าเคราะห์กรรมของชาร์ลี ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำยังมีสัญญาณว่าจะดีขึ้น!
นี่มัน… เคราะห์กรรมที่แท้จริงของชาร์ลีคือการเข้าร่วม ‘พิธีเปลี่ยนชะตา’ ของเรา? เมื่อเราล้มเลิกความคิดดังกล่าว โชคชะตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที? แม้ตอนนี้จะยังมีเคราะห์กรรมหลงเหลือ แต่ก็ไม่รุนแรงเหมือนเดิม… ไอ้เวรเทอร์มีโพลอส! ลูเมี่ยนพลันกระจ่าง ทนไม่ไหวต้องสบถในใจสักคำ
…………………………………………………….