ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 205 แบนชี
ตอนที่ 205 แบนชี
ลูอิส·ลุนด์ส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้ แต่ตอนที่คุณนายกลับมา สภาพของเธอก็ไม่ค่อยดีเท่าไร”
“หลังจากนั้น เมื่อเธอเห็นว่าปราสาทได้รับความเสียหายหนัก สิ่งสำคัญถูกทำลายไปหมดแล้ว จึงบอกให้พวกเราที่ยังเหลือรอด เตรียมตัวออกจากหมู่บ้านกอร์ตู”
จากภาพที่เราเห็น คุณนายปัวริสต่อสู้กับใครบางคนอยู่จริงๆ … ลูเมี่ยนถามด้วยความสงสัยเล็กๆ
“คุณนายปัวริสไม่ได้พยายามคืนชีพให้คนที่ตายไปหรือ”
ลูอิส·ลุนด์จ้องหน้าลูเมี่ยนด้วยสายตาประหลาดใจอีกครั้ง
“ฉันไม่เคยบอกเรื่องนี้กับนายเลยนะ…”
ความหมายของเขาก็คือ นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง!
ลูเมี่ยนยิ้มแต่ไม่ตอบ
ลูอิส·ลุนด์มิอาจควบคุมความปรารถนาที่จะเล่าเรื่องของตนได้
“คุณนายคืนชีพให้คนตายได้ก็จริง รวมถึงทำให้ร่างกายกลับมาเป็นสภาพเดิมได้ แต่มันยังไม่สมบูรณ์แบบ คนที่ฟื้นคืนชีพ แทบจะเรียกว่ามนุษย์ไม่ได้แล้ว ครึ่งหนึ่งเป็นศพ อีกครึ่งหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาด แทบไม่หลงเหลือความทรงจำเก่า และสามารถดำรงอยู่ได้เพียงเจ็ดวันเท่านั้น”
ในลำดับปัจจุบัน ความสามารถในการ ‘คืนชีพ’ ของคุณนายปัวริสยังมีข้อบกพร่องสินะ… ลูเมี่ยนรู้สึกผิดหวัง
เด็กหนุ่มเปลี่ยนหัวข้อทันที
“คุณนายปัวริสต้องการทำอะไรในหมู่บ้านกอร์ตูกันแน่”
ลูอิส·ลุนด์มองด้วยความประหลาดใจ
“ฉันเคยบอกนายไปแล้วนี่?”
ลูเมี่ยนเตรียมรับมือไว้ก่อนแล้ว เพียงพูดยิ้มๆ
“หลังจากผ่านเรื่องราวมาไม่น้อย ฉันเชื่อว่านายคงมีมุมมองใหม่แล้ว”
ลูอิส·ลุนด์อยากจะ ‘แบ่งปัน’ อยู่แล้ว จึงถอนหายใจแล้วเริ่มเล่า
“ช่วงนั้นฉันยังไม่ค่อยเข้าใจดีนัก ซ้ำยังตกใจมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่แอบขอความช่วยเหลือจากหลวงพ่อระหว่างมิสซา”
“อา… ฉันมารู้ความจริงในภายหลังว่า คุณนายอยากสร้างโลกใหม่ในหมู่บ้านกอร์ตู ในโลกดังกล่าว เมื่อมนุษย์ตายไป วิญญาณจะกลับสู่แผ่นดิน ล่องลอยอยู่ในทุ่งร้าง และเมื่อถึงวันพิเศษ ทุกคนสามารถกลับบ้านได้ มีความสุขกับการได้อยู่พร้อมหน้า… เมื่อพวกเขาชดใช้บาปครบแล้ว ยังสามารถไปเกิดใหม่ในฐานะทารกในครรภ์ขององค์มารดา กลายเป็นมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง”
“โลกอีกฝั่ง?” ลูเมี่ยนนึกถึงศัพท์ที่ตนรู้จักจากความฝัน
“ใช่!” สายตาลูอิส·ลุนด์ที่มองเด็กหนุ่ม เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เขาสงสัยว่าคำถามเมื่อสักครู่ของลูเมี่ยน เป็นเพียงการหยั่งเชิงตน
ลูเมี่ยน·ลีรู้คำตอบที่ถูกต้องอยู่แล้ว เพียงหวังใช้คำถามนี้เพื่อตัดสินว่าเขาโกหกหรือไม่ และโกหกมากแค่ไหน!
“ทำไมถึงต้องสร้างโลกอีกฝั่ง” ลูเมี่ยนถามต่อ
นี่เป็นเรื่องที่ถามได้จากลูอิส·ลุนด์เท่านั้น ถ้านำไปถามคุณนายปัวริสคงไม่มีทางได้คำตอบ
ลูอิส·ลุนด์ส่ายหัวเชื่องช้า
“คุณนายเคยเอ่ยถึงอยู่สองสามประโยค แต่ก็คลุมเครือมาก”
“เธอเล่าว่า สิ่งที่เธอสร้างเป็นเพียงโลกอีกฝั่งขนาดเล็ก ฉบับย่อ เป็นส่วนประกอบของโลกอีกฝั่งที่สมบูรณ์แบบ เธอยังบอกด้วยว่า ต้องสร้างโลกอีกฝั่งของตัวเองขึ้นมาก่อน จึงจะเป็นที่โปรดปรานขององค์มารดา และสามารถแบกรับได้มากขึ้น”
ส่วนประกอบ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า ‘คุณนาย’ เหล่านั้นรวมกันสร้างโลกอีกฝั่งที่สมบูรณ์? ลูเมี่ยนสงสัยว่าการสร้างโลกอีกฝั่งฉบับย่อ เป็นเงื่อนไขสำหรับการรับพรจากเทพในเส้นทางไม่ปกติ
เขามองลูอิส·ลุนด์ ลองถามดู
“ตอนนี้คุณนายปัวริสเทียบเท่าลำดับที่เท่าไร”
“สภาพของคุณนายค่อนข้างแปลก นี่อาจเกี่ยวข้องกับการที่โลกอีกฝั่งของเธอถูกทำลาย หรืออาจมาจากบางสิ่งบางอย่างบนตัวเธอ” ลูอิส·ลุนด์พูดพลางยกมือตบปากตัวเองไปด้วย
ทำไมเราถึงควบคุมปากนี่ไม่ได้เลย พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาหมดเปลือก!
การค้นพบสาเหตุทำให้เขาเลิกตำหนิตัวเอง เลิกรู้สึกตะขิดตะขวงใจ กลายเป็นผ่อนคลายและสบายใจขึ้นมาก
“คุณนายน่าจะอยู่ระหว่างลำดับ 5 และลำดับ 4 บางครั้งก็แสดงความสูงส่งที่ทำให้ไม่กล้ามองตรงๆ … แต่บางครั้งก็ชัดเจนว่ามิได้สูงส่งเพียงนั้น”
ก็พอๆ กับคุณนายปัวริสที่เราเห็นในความฝัน… ลูเมี่ยนพูดพลางนึกย้อนความทรงจำ
“ลำดับ 9 ‘อันธพาล’ ลำดับ 8 ‘คนสวน’ ลำดับ 7 ‘เจ้าวิชามาร’ ลำดับ 6 ‘ผู้หว่านเมล็ด’ … ลำดับ 5 เรียกว่าอะไร? แล้วลำดับ 4 ล่ะ ขึ้นไปอีกล่ะ?”
รู้มากกว่าที่เราคิดไว้จริงๆ … ลูอิส·ลุนด์เห็นลูเมี่ยน·ลีพูดชื่อลำดับของเส้นทางตนออกมาชุดใหญ่ในคราวเดียว จึงไม่กล้าหวังโชคช่วยอีก รีบตอบโดยไม่กลั้นความปรารถนาที่จะเล่า
“ลำดับ 5 คือ ‘แบนชี’ ลำดับ 4 คือ ‘ราชันมาร’ เรียกอีกอย่างว่า ‘เจ้ากรุณา’ หรือ ‘คุณนาย’ สูงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่รู้แล้ว ทางนี้เป็นแค่ ‘คนสวน’ ยังไม่มีสิทธิ์รับพรมากกว่านี้ เพื่อกลายเป็น ‘เจ้าวิชามาร’”
“แบนชี… ฟังจากชื่อก็น่าจะต้องเปลี่ยนเพศ… พูลิตกลายเป็นปัวริส… ฉายาพวก ‘คุณนายจันทรา’ และ ‘คุณนายราตรี’ ล้วนหมายถึงบารมีเทพ หมายถึงครึ่งเทพตัวจริง… แต่คุณนายปัวริสไม่ได้เท่ากับ ‘คุณนายราตรี’ เสียทีเดียว…” ลูเมี่ยนคิดสักครู่ แล้ววกเรื่องกลับไปยังหมู่บ้านกอร์ตู
“กลุ่มชาวบ้านชุดแรกที่คุณนายปัวริสชักจูงไปเป็นสาวก คือพวกชู้รักของเธอ และคนแก่เฒ่าที่อายุมากแล้วสินะ”
“ใช่” ลูอิส·ลุนด์พยักหน้า “คนที่แก่เฒ่าอย่างนาโรคา ล้วนคิดถึงคนรักที่จากไปอย่างลึกซึ้ง หวังว่าจะได้พบพวกเขาอีกครั้ง ซ้ำยังกังวลเป็นอย่างมาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังความตาย ทั้งหวาดกลัวและปรารถนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ คุณนายสามารถหาคำตอบให้พวกเขาได้ ให้ความช่วยเหลือได้ แต่น่าเสียดายที่นาโรคายังไม่ทันได้ถูกนำเข้าสู่โลกอีกฝั่งอย่างแท้จริง ก็เสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน คุณนายสงสัยว่าเธอค้นพบแผนการของหลวงพ่อ จึงถูกลูกชายคนเล็กที่เป็นสาวกหลวงพ่อฆ่าตาย”
อย่างนี้นี่เอง… ลูเมี่ยนเปลี่ยนมุมมองความเข้าใจเกี่ยวกับการตายของนาโรคาในความฝัน
ที่จริงเธอตายเพราะถูกปิดปาก
เอวาและแรมงด์ก็น่าจะเข้าข่ายเดียวกัน
ลูเมี่ยนเปลี่ยนคำถาม พร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
“นายรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไร ว่าหลวงพ่อมีปัญหา”
ลูอิส·ลุนด์พูดพลางครุ่นคิด
“ช่วงต้นเดือนมกราคม ฉันได้เห็นเด็กๆ ในหอคอยปราสาทเป็นครั้งแรก… พนันได้เลยว่านายจินตนาการภาพนั้นไม่ออกแน่ ถ้าจะให้สรุปก็คือ มันทำให้ฉันตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ ลนลานอยากจะหนีไปจากคุณนาย”
“เดิมที ฉันคิดว่าเธอแค่หลงใหลศาสตร์เร้นลับ ชอบซื้อนิตยสารพวก ‘สื่อวิญญาณ’ หรือ ‘ดอกบัว’ มาอ่าน ทำการทดลองที่ไม่ได้ผลจริงบ้าง ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฉันพบว่าคนในปราสาทเริ่มแปลกประหลาดเข้าไปทุกที เจ้าหน้าที่ปกครองขังตัวอยู่ในห้องกับคุณนายสองครั้งติดๆ กัน แต่ละครั้งจะมีเด็กเกิดใหม่ พวกบุรุษรับใช้และสาวใช้ที่ฉันดูแลอยู่ ก็ทำแบบเดียวกันอยู่เป็นประจำ และคุณนายก็ใจดีกับพวกเขามาก”
“ฉันยังได้ยินเสียงร้องของทารกดังออกมาจากบางห้องเป็นครั้งคราว สิ่งนี้ทำให้ฉันเกิดความสงสัยอย่างแรงกล้า จึงฉวยโอกาสตอนที่คุณนายออกไปข้างนอก และคนในปราสาทไม่ทันระวัง แอบเข้าไปในหอคอย… องค์มารดา! ภาพที่เห็นตอนนั้นทำให้ฉันตกใจแทบตาย!”
เดิมทีลูอิส·ลุนด์ตั้งใจจะเล่าเพียงความผิดปกติของหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ แต่เรื่องในหอคอยปราสาทคงติดตราตรึงใจเขามากจริงๆ จึงอดนำมาเกริ่นไม่ได้
ลูเมี่ยนจินตนาการตามได้เป็นอย่างดี เพราะเคยเห็นภายในหอคอยปราสาทแล้วในความฝัน:
พวก ‘มนุษย์’ เด็กที่มีกรงเล็บนก เกาะอยู่ตามผนัง แน่นขนัด เต็มไปหมด
ลูอิส·ลุนด์กลืนน้ำลายแล้วเล่าต่อ
“ฉันเริ่มจากแอบบอกใบ้หลวงพ่อระหว่างมิสซา จากนั้นก็ถือโอกาสตอนสารภาพบาป บอกเขาไปว่าคุณนายมีความผิดปกติ อาจจะเป็นศาสนิกชนของเทพมาร หลวงพ่อกำชับให้ฉันปิดเป็นความลับไว้ก่อน อย่าเปิดเผยตัวเอง เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้”
“ตอนนั้นเป็นช่วงกลางเดือนมกราคม เขาคงมีปัญหาแล้ว… แต่หลังจากที่ฉันแจ้งไป เขาก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ใช้ชีวิตไปตามปกติ ฉันแอบไปเร่งเขาหลายครั้ง จนในที่สุดก็ถูกนายจับได้ ถูกนายข่มขู่”
“หลังจากนั้น ฉันกับคนขับรถ เซแวร์ ได้รับการดลใจ สารภาพต่อคุณนายหมดเปลือก และกลายเป็นคนขององค์มารดาอย่างแท้จริง”
“พอถึงเดือนมีนาคม หลวงพ่อก็นำคนมาโจมตีปราสาททีเผลอ”
ลูอิส·ลุนด์ไม่ค่อยรู้เรื่องราวฝั่งหลวงพ่อเท่าไรสินะ… ลูเมี่ยนถามอีกสองสามประโยค เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านกอร์ตู แต่ลูอิส·ลุนด์แสดงออกอย่างชัดเจน ว่าไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในหมู่บ้านสักเท่าไร ซึ่งสอดคล้องการที่เขาเป็นพ่อบ้านของปราสาท และต้องออกไปดาลีแอชกับเมืองอื่นเป็นประจำ
เขาบอกลูเมี่ยนเพียงว่า ชาวบ้านกอร์ตูส่วนใหญ่ ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ก็มักพูดถึงดวงดาวและราศี เชื่อว่ามันจะนำความรุ่งโรจน์และโชคลาภมาให้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านจะทำตามความเชื่อดั้งเดิมเท่านั้น หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนราศี และไม่ค่อยนำเรื่องพรรค์นี้มาพูดเอิกเกริก
หลังจากได้ทราบว่า อดีตเจ้าหน้าที่ปกครองบีโอส และคาสซี่ สาวใช้คู่ใจของคุณนายปัวริส ปัจจุบันเป็น ‘เจ้าวิชามาร’ แล้ว และทราบว่าคุณนายปัวริสออกจากหมู่บ้านกอร์ตูก่อนวันมหาพรต ลูเมี่ยนก็ได้ข้อสรุปว่า ตนคงมิอาจเค้นข้อมูลจากลูอิส·ลุนด์ได้มากกว่านี้แล้ว
เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพอก่อนในตอนที่สถานการณ์ยังดูดี และถามออกไปตามตรง
“ตอนนี้คุณนายปัวริสพักอยู่ที่ไหน”
“ในเขตนอร์ด…” ลูอิส·ลุนด์คิดจะปิดปากตามจิตใต้สำนึก แต่ก็ยังพูดคำอีกคำหนึ่งออกมา “ถนนสก็อตบรูม…” (Scotch broom)
ถนนสก็อตบรูมในเขตนอร์ด… ในหัวของลูเมี่ยนปรากฏแผนที่กรุงทรีอาร์ที่เคยเห็นในนิตยสาร
เขตนอร์ดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขตตลาดคนซื่อ ถูกคั่นด้วยแม่น้ำเซอเรนโซ่ ในเขตดังกล่าวมีโรงพยาบาลทหารผ่านศึก โรงพยาบาลทหาร ขึ้นชื่อว่ามีโรงพยาบาลอยู่มาก บางส่วนของย่านรอบนอกถูกใช้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม
ลูเมี่ยนมิได้ใช้กำลังบีบบังคับลูอิส·ลุนด์ และมิได้กรอกยาสารภาพเพิ่ม เพียงพูดยิ้มๆ
“ฉันไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณนาย แค่อยากคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ในหมู่บ้านกอร์ตู”
“ฉันจะปล่อยนายไป ช่วยกลับไปบอกคุณนายปัวริสว่า ถ้าเธอยินดีเจอฉัน ให้เลือกเวลาและสถานที่มาได้เลย อา… ส่งคำตอบมาที่ตู้จดหมายห้อง 302 บ้านเลขที่ 9 ถนนแผ่นศิลา เขตสวนพฤกษศาสตร์ ก่อนค่ำพรุ่งนี้นะ”
นั่นเป็นบ้านลับที่ลูเมี่ยนเตรียมไว้ในเขตสวนพฤกษศาสตร์ ตอนนี้ถึงเวลาได้ใช้แล้ว
ลูอิสถอนหายใจโล่งอก ขณะเดียวกันก็ตอบด้วยความระแวง
“ตกลง”
เขายังกังวลว่าลูเมี่ยนจะปล่อยตนไป แล้วแอบตามมา
แต่คำนึงจากการที่อีกฝ่ายมีพลังเพียงพอที่จะ ‘เค้นถาม’ ที่อยู่ของคุณนายจากปากตนอย่างละเอียด แต่กลับไม่ได้ใช้มันเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ลูอิส·ลุนด์จึงสรุปว่า ตนควรให้เกียรติไมตรีจิตของเด็กหนุ่ม
เขาชี้ไปยังกางเกงขาสั้นของตน
“คงออกไปในสภาพนี้ไม่ได้”
…………………………………………………….