ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 198 ประนีประนอม
ตอนที่ 198 ประนีประนอม
ใต้หน้าต่างเปิดของห้อง 601 ลูเมี่ยนปีนป่ายด้วยมือเปล่า อาศัยความขรุขระ รูปปั้น และท่อบนผนังภายนอก ไต่ลงมาอย่างต่อเนื่องจนใกล้ถึงพื้นดิน ราวกับการโรยตัวด้วยความเร็วสูง ทั้งแม่นยำและมั่นคง
ในไม่ช้า เด็กหนุ่มกระโดดลงบนริมถนนเสื้อนอกขาวอย่างนุ่มนวล พึมพำเสียงเบาว่า
“ทำไมต้องให้ปีนลงจากชั้นหกด้วยเนี่ย เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!”
ลูเมี่ยนบ่นไปประโยคหนึ่ง แล้วรีบหลบเข้าเงามืดข้างถนน เดินเลียบไปยังถนนใหญ่ตลาด
ภายในห้อง 601
ฟรังก้าหันหลังมองหน้าต่างที่สั่นไหวแผ่วเบา จัดเสื้อคลุมนอนผ้าไหมของตน แล้วหันกลับมายิ้มต้อนรับประตูห้องที่กำลังเปิดออก
จินนาในชุดกระโปรงสีแดงเลื่อมระยับ เก็บกุญแจสำรองที่ฟรังก้าให้เธอ ก้าวเข้ามาในห้องพัก
“วันนี้กลับเร็วจัง?” ฟรังก้ายืนบังทิวทัศน์หน้าต่าง พลางถามด้วยความสงสัย
จินนาถอนหายใจก่อนจะเล่า
“มือกีตาร์ของวงดนตรีมีปัญหาทางบ้าน ถึงแม้จะไม่กระทบการร้องเพลงของฉัน แต่อารมณ์ของทุกคนก็หม่นไปแล้ว เรเน ผู้จัดการคาบาเร่ต์เลยอนุญาตให้เลิกเร็ว โดยเปลี่ยนธีมคืนนี้เป็นการเต้นแนบชิดแทน”
การเต้นแนบชิดในเขตตลาด แตกต่างจากแบบดั้งเดิม ชายหญิงจะกอดกันในลานเต้นรำที่ไม่สว่างนัก คุณถูไถฉัน ฉันถูไถคุณ มันค่อนข้างตื่นเต้นเร้าใจ ห้องเต้นรำที่มีจำนวนหางเครื่องไม่เพียงพอ จะมิอาจรองรับการเต้นรำแบบนี้ได้
“ปัญหาทางบ้าน?” ฟรังก้าพยายามชวนคุย ในใจคำนวณเวลาที่ลูเมี่ยนต้องใช้เพื่อปีนให้ถึงข้างล่าง
ระหว่างนั้น เธอบ่นอุบอิบในใจ
ทำไมน้องชายของ ‘มักเกิ้ล’ ถึงเป็น ‘นักล่า’ ไม่ใช่ ‘นักลอบสังหาร’ ? รายหลังน่ะ สามารถกระโดดจากชั้นหกได้รวดเดียว แล้วร่อนลงพื้นเหมือนขนนก!
จินนาเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับนักดนตรีคนนั้นให้ฟัง แล้วจบด้วย
“แม่ง… ทำไมคนที่โชคร้าย ถึงมักจะเจอเรื่องโชคร้ายอยู่ร่ำไป?”
“อา… ถึงจะเลิกงานเร็วกว่าปกติ แต่นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับบ้านลำบากเกินไป ฉันอยากนอนที่นี่มากกว่า”
ที่พักของจินนาอยู่ไกลจากถนนใหญ่ตลาดพอสมควร วันไหนแสดงในคาบาเร่ต์ถึงดึกดื่น เธอมักจะเลือกมานอนที่อพาร์ตเมนต์ของฟรังก้า ถึงกับมีกุญแจสำรอง
โกดัง… กรรมกรยกของ… นึกถึงรายงานที่ลูกน้องส่งมาให้ ฟรังก้าเดาได้คลุมเครือว่า คงเป็นผลกระทบจากเรื่องของ ‘มุสิก’ คริสโต
เมื่อพบว่ามีผู้บริสุทธิ์ต้องสูญเสียครอบครัว หญิงสาวถอนหายใจยาวพลางรำพันเงียบงัน
“พี่ ‘007’ งานไวชะมัด… เราเพิ่งแจ้งเรื่องคนในกระจกให้เขาเมื่อคืนตอนดึก วันนี้ก่อนหัวค่ำ หน่วยผู้วิเศษทางการก็กำจัดความผิดปกติได้แล้ว”
สมาชิกคนหนึ่งของ ‘สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก’ เจ้าของโค้ดเนม ‘007’ ฉากหน้าของเขาคือเจ้าหน้าที่ในสังกัดองค์กรของทางการ และดูเหมือนจะมีตำแหน่งไม่ธรรมดา โดยฟรังก้ามีช่องทางสำหรับแอบติดต่อกับพวกพ้องร่วมสมาคมที่อยู่ในกรุงทรีอาร์ บางครั้งยังจัดชุมนุมลับกันด้วย
แน่นอน ฟรังก้าไม่เชื่อว่าเรื่องของ ‘คนในกระจก’ จะจบลงเพียงเท่านี้ เพราะมิติพิเศษในกระจกยังอยู่ วัตถุลึกลับที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินนำเข้ามาในทรีอาร์ก็ยังอยู่ กระจกเงินโบราณในมือเธอก็ยังอยู่ ถ้าไม่กำจัดสิ่งเหล่านี้ทิ้งไปให้หมด ก็ทำได้แค่แก้ปัญหาชั่วคราว ต้องคอยระแวงว่าเมื่อไรจะเกิดความผิดปกติในทำนองเดียวกันขึ้นอีก
สำหรับกระจกเงินโบราณที่เป็น ‘ทางเข้าออก’ มิติพิเศษในกระจก แม้ฟรังก้าจะระวังตัวแจ แต่ขณะเดียวกันก็ศึกษามันอย่างจริงจัง เพราะในนั้นอาจซ่อนความลับของเส้นทาง ‘นางมาร’ เอาไว้
“ทำไมถึงเงียบไปล่ะ?” จินนายื่นมือขวาออกมา โบกบ่ายตรงหน้าฟรังก้า
ฟรังก้าคืนสติ รีบถอนหายใจแผ่วเบา
“ได้ยินเรื่องโชคร้ายที่เธอเล่า ฉันก็รู้สึกเศร้าหน่อยๆ”
ก็เพราะไม่อยากเผชิญกับความเจ็บปวดของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก เธอถึงได้ทำตามคำแนะนำของลูเมี่ยน ส่งเรื่องไปให้ผู้วิเศษทางการเก็บกวาดแทน
จินนาเดินอ้อมฟรังก้า มุ่งหน้าไปยังห้องรับแขก ตั้งใจจะเปลี่ยนเป็นชุดเบาสบาย
หญิงสาวกวาดตามองปราดหนึ่ง เห็นหน้าต่างห้องรับแขกเปิดอยู่ สายลมเย็นฉ่ำยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามา
“พอดีเมื่อสักครู่ ฉันอึดอัดนิดหน่อย” ฟรังก้ารีบพูดคำแก้ตัวที่เตรียมไว้
จินนามองเธอด้วยสายตาครุ่นคิด
แค่ก… ฟรังก้าเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง
โชคดีที่จินนาไม่ได้คิดมาก เพียงเข้าไปในห้องรับแขก อุ้มชุดนอนและกางเกงนอนเดินไปทางห้องน้ำ
…………
หลังจากกลับถึงถนนใหญ่ตลาด ลูเมี่ยนเดินวนรอบบ้านเลขที่ 126 ของ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ เยี่ยมให้กำลังใจลูกน้องแก๊งสี่คนที่แต่งตัวเป็นคนจรจัด นั่งพิงกำแพงคนละทิศ ห่างจากพื้นที่เป้าหมาย โดยสัญญาว่าจะให้คนละ 100 เฟลคินในวันจันทร์
ในคืนนั้น เด็กหนุ่มนอนที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อย แต่ก็ไม่ค่อยสงบนัก ตื่นขึ้นมาเป็นระยะ คอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวนอกหน้าต่าง หวังว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวาย
จนกระทั่งถึงเช้า หลังจากกินมื้อเช้าที่ร้านกาแฟเสร็จ ดูหนังสือพิมพ์ไปอีกสักพัก ลูอิสก็ขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง โน้มตัวกระซิบที่ข้างหู
“ลูกพี่ครับ ผู้กำกับเอเวอเรตต์นัดดื่มกาแฟตอนสิบโมง ที่ร้านกาแฟวาลเลีย ตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจ”
ผู้กำกับรายนี้อยากพบหัวหน้าหน่วยคนใหม่ของพรรคซาฟาห์? มี ‘แว่นส่องความลับ’ อยู่ในมือ ลูเมี่ยนรู้สึกใจเย็นมาก
เขาถามลูอิส
“ยังมีใครอีก”
“เพียบเลยครับ” ลูอิสกดเสียงต่ำลงพูด “ได้ยินว่าหัวหน้าหน่วยทุกแก๊งในเขตตลาดจะไปกันหมด วันนี้เริ่มลงคะแนนเสียงอย่างเป็นทางการแล้ว”
การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไป จะดำเนินต่อเนื่องยาวนานถึงสามวันเต็ม
งั้นหรือ… คงไม่ต้องการให้พวกเราไปขัดขวางการเลือกตั้งสินะ… ไอ้พวกแก๊งหนามพิษจะมากันไหมนะ? ลูเมี่ยนพยักหน้า แล้วออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อยตอนเก้าโมงสิบห้า กลับไปที่โรงแรมระกาทอง
ในห้อง 207 เด็กหนุ่มสวมแว่นส่องความลับอีกครั้ง สัมผัสถึงความรู้สึกวิงเวียนอย่างแรงกล้า เหมือนตกจากที่สูง กลับหัวกลับหาง ดิ่งลงไปใต้พื้นพิภพ
ฝืนกลั้นอาการคลื่นไส้ ลูเมี่ยนหยิบกระจกและอุปกรณ์แต่งหน้าออกมาทั้งหมด แล้วเริ่มขยับมือระวิง
เขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเองมากจนเกินไป แค่ทำคิ้วให้หนาขึ้น เสริมโหนกแก้มให้สูงขึ้น เพิ่มเงาให้บางส่วน ทำให้ผู้คนเชื่อโดยสัญชาตญาณว่านี่คือชาร์ล มิให้ไปคิดถึงคนอื่น
พอแต่งหน้าเสร็จ ลูเมี่ยนก็คว่ำกระจกทันที แม้แต่กระจกหน้าต่างก็ไม่กล้ามอง
ใกล้ถึงสิบโมงตรง เด็กหนุ่มมาถึงร้านกาแฟวาลเลีย พนักงานนำทางเข้าไปในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
ทันทีที่ก้าวเข้าไป เขาเห็นหน้าคนคุ้นเคยมากหน้าหลายตา มีทั้งบารอนบรินิแยร์ในชุดสูทและหมวกทรงสูง ถือกล้องยาสูบ ฟรังก้าในเสื้อเชิ้ตสตรีกับกางเกงขายาวและรองเท้าบูตสีแดง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ที่รูปร่างสูงใหญ่ และ ‘หัตถ์โลหิต’ เบลคที่ดูเหมือนนักธุรกิจมากกว่า
ทราวิส·เอเวอเรตต์ในเครื่องแบบสีดำ นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวตรงตำแหน่งประธาน เห็นลูเมี่ยนเข้ามาก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม
“คุณคือชาร์ลสินะ”
“ใช่ครับ ท่านผู้กำกับเอเวอเรตต์” ลูเมี่ยนตอบกลับอย่างสุภาพ
ฟรังก้าและบารอนบรินิแยร์ที่ลุกขึ้นตามทราวิส·เอเวอเรตต์ ต่างพากันหันมามองลูเมี่ยน สีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความสงสัย มากบ้างน้อยบ้าง
ฟรังก้าเข้าใจทันที จึงละสายตาออกจากเส้นผมสีทองอมดำของเขา ในขณะที่บารอนบรินิแยร์ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ และคนที่เหลือ เริ่ม ‘จำ’ ได้ว่านี่คือชาร์ล
ผู้กำกับเอเวอเรตต์ดันแว่นกรอบดำบนสันจมูก ดวงตาสีน้ำเงินแฝงประกายขำขัน
“มาอยู่เขตตลาดยังไม่ถึงสามสัปดาห์ ก็ได้คุมคาบาเร่ต์ลมเอื่อยแล้ว แถมยังอายุน้อยด้วย ฝีมือไม่เบาเลยนะ…”
“เฮ้อ… เดือนนี้เขตตลาดไม่ค่อยสงบเท่าไร”
เขาชมปนเตือนลูเมี่ยน แล้วตบเก้าอี้ที่มีพนักพิงด้านข้างตน
“มานั่งนี่สิ”
“ผมจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก”
เมื่อลูเมี่ยนมายืนข้างเขา เอเวอเรตต์ชี้ไปที่ชายวัยกลางคนตรงข้ามโต๊ะกาแฟ
“นั่นโรเจอร์ คงรู้จักดีอยู่แล้วกระมัง?”
แมงป่องดำโรเจอร์? ลูเมี่ยนมองหน้าชายวัยกลางคน
อีกฝ่ายแต่งกายด้วยชุดออกงาน ผมสีดำหวีเรียบไปด้านหลัง ใบหน้าค่อนข้างมีน้ำมีนวล นัยน์ตาสีน้ำเงินลุ่มลึกราวกับท้องทะเลอันกว้างใหญ่
“เพิ่งเจอกันครั้งแรก” ลูเมี่ยนตอบพร้อมรอยยิ้ม รู้สึกได้ถึงสายตาเย็นยะเยือกจากแมงป่องดำ
เอเวอเรตต์แนะนำฝั่งซ้ายขวาของโรเจอร์ทีละคน
“ฮาร์มัน คาสตินา”
เมื่อลูเมี่ยนเพิ่งเข้ามาในห้อง นอกจากจะเห็นพวกพรรคซาฟาห์แล้ว เขาสังเกตเห็นฮาร์มันเป็นคนแรก เพราะอีกฝ่ายหัวล้านเด่นสะดุดตาอย่างยิ่ง จนลูเมี่ยนอยากหลบหน้า ด้วยเกรงว่าจะสะท้อนเงาปลอมของตัวเอง
ได้มองอย่างละเอียดอีกครั้ง เด็กหนุ่มพบว่าหน้าตาของฮาร์มันค่อนข้างโดดเด่น คิ้วเข้มหนา สันจมูกโด่ง ริมฝีปากเส้นคมชัด เป็นหนุ่มหล่อแกร่งที่เรียกได้ว่าหล่อเหลา กระทั่งตอนที่นั่งอยู่ ก็ยังบอกได้ว่าเขาไม่เตี้ย กางเกงขายาวกับเสื้อเชิ้ตสีเข้มเข้าชุดกันเป็นอย่างดี
คาสตินาตัวเล็กมาก อายุประมาณสามสิบ อาจไม่ถึง 1.55 เมตร เป็นเจ้าของผมหยักศกสีน้ำตาลแดง ดวงตาสีน้ำตาลอมแดง สะโพกอวบอั๋นโค้งเว้าจนน่าทึ่ง ริมฝีปากหนา
“ชาร์ลจากพรรคซาฟาห์ พวกคุณก็คงคุ้นเคยกันดีใช่ไหม” เอเวอเรตต์เริ่มแนะนำกับโรเจอร์และคนอื่นๆ
โรเจอร์คลี่ยิ้มเย็นชา
“ใช่ครับ ท่านผู้กำกับ เขาทำให้ผมประทับใจอย่างไม่มีวันลืม”
สายตาของ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน แฝงไว้ด้วยความเกลียดชังและเดือดดาล
เอเวอเรตต์ถอนหายใจ
“พวกเราทุกคนอาศัยอยู่ในเขตตลาด การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเท่านั้น จึงจะทำให้เรามีอนาคตที่ดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น…”
“ถ้าพวกคุณขัดแย้งอะไรกัน มาหาผมได้ทุกเมื่อ ผมจะช่วยไกล่เกลี่ยและประนีประนอมให้”
“ชาร์ล คุณยื่นแก้วกาแฟนี่ให้โรเจอร์ แล้วก็ส่งรายได้ของคาบาเร่ต์ลมเอื่อยในครึ่งปีข้างหน้าให้เขาด้วย เรื่องของมาร์โกต์และแอตก็จบที่นี่แหละ ถ้าใครยังจะตามรังควานคุณด้วยสองเรื่องนี้อีก รีบมาแจ้งผมได้เลย”
ลูเมี่ยนมองโรเจอร์ ฮาร์มันและคาสตินาด้วยสายตาขำขัน พบว่าแววตาของพวกเขาไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความปรานี เหลือเพียงความเย็นชาและอาฆาตที่ถูกระงับไว้อย่างเต็มกลืน
บารอนบรินิแยร์กับคนที่เหลือเอาแต่เงียบ ทำท่าดูเป็นเรื่องสนุก ส่วนฟรังก้าส่ายหน้าใส่ลูเมี่ยน เป็นสัญญาณว่าอย่าใจร้อน
ลูเมี่ยนย่อตัวลง หยิบแก้วกาแฟบนโต๊ะ
ทันใดนั้น เขาก็สาดแก้วเครื่องดื่มสีน้ำตาลใส่ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์
โรเจอร์ตอบสนองทันควัน ด้วยการฉากหลบทางข้างอย่างแคล่วคล่อง ชนเข้ากับโต๊ะกาแฟ ฮาร์มันกับคาสตินาเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันที
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนชี้หน้า ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ พร้อมกับตะโกนด่า
“เฮ้ย! พวกแกไม่เห็นหัวท่านผู้กำกับหรือไง? เอาแต่นั่งอมพะนำกันอยู่ได้ ถ้าไม่อยากประนีประนอมก็พูดออกมาเลยสิ ชาร์ลน่ะรออยู่ที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยเสมอ!”
“สายตาของพวกแกน่ะ มันบอกกับฉันว่า พวกแกต้องมาแก้แค้นแน่นอน!”
ห้าวจริงๆ … ฟรังก้าไม่คิดว่าลูเมี่ยนจะกล้าบ้าบิ่นขนาดนี้
…………………………………………………….