ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 197 ผู้ช่วย
ตอนที่ 197 ผู้ช่วย
เมื่อนักดนตรีคนนั้น และแม่ของเขา ได้บอกผู้จัดการคาบาเร่ต์ลมเอื่อย—เรเน—เพื่อลากลับบ้าน เสียงกลองก็ดังขึ้นอีกครั้ง และผู้คนก็เริ่มเต้นทวิสต์รอบใหม่
ลูเมี่ยนเหลือบมองจินนาด้านข้าง แล้วพูดพึมพำว่า
“นึกว่าคุณจะไปปลอบใจเขาสักหน่อย เพราะคุณรู้จักเขา และมักจะร่วมงานกับวงดนตรีของเขาบ่อยๆ”
จินนาในชุดราตรียาวสีแดง ประดับเลื่อมวาววับ เผยผิวหนังเนินอกเป็นวงกว้าง เม้มปากแล้วพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ในสถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่ต้องการกำลังใจ แต่ต้องการระบาย ทุกคำปลอบโยนสำหรับเขา เปรียบดังดาบที่พุ่งเข้าใส่”
ลูเมี่ยนมองจินนาสักพักก่อนจะพูด
“ดูเข้าใจหัวอกดีจัง… ยังกับมีประสบการณ์ตรง…”
จินนาก้มมองปลายเท้า อมยิ้มเล็กน้อย
“เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนที่พ่อเสีย ฉันก็มีอาการคล้ายกัน…”
“อยู่มาวันหนึ่ง ก่อนฟ้าสาง แม่ก็ลากฉันขึ้นไปบนดาดฟ้าอพาร์ตเมนต์ นั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน มองดูท้องฟ้าค่อยๆ สว่าง เริ่มเปลี่ยนจากสีดำเป็นน้ำเงินเข้ม สว่างขึ้นตามลำดับ เห็นเมฆเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามและอีกหลากสี…”
“ตอนนั้นแม่ฉันพูดว่า ความมืดมิดย่อมผ่านพ้นไป พระอาทิตย์จะต้องขึ้นอย่างแน่นอน แสงสว่างจะส่องประกายทั่วแผ่นดิน…”
“ไว้เขากลับมาเล่นดนตรีใหม่ ฉันจะหาโอกาสพูดอะไรทำนองนั้นให้เขาฟัง”
ลูเมี่ยนเงียบฟังจนจบ ก่อนจะพูดจากใจจริง
“คุณมีแม่ที่ดีมาก”
“ใช่” จินนาภูมิใจที่ได้รับคำชมนี้
ลูเมี่ยนหันไปพูดยิ้มๆ
“พูดมาตั้งมากมาย แต่ไม่หยาบเลยสักคำ ไม่เหมือนคุณเลยนะ”
แถมยังดูมีสติปัญญา
ลูเมี่ยนนั่งกลับไปที่เคาน์เตอร์บาร์ ครุ่นคิดถึงปัญหาอื่น
พรุ่งนี้บ่าย เขาต้องเข้ารับการบำบัดจิต แต่ลูอิส·ลุนด์ก็อาจปรากฏตัวได้ทุกช่วงเวลาในวันอาทิตย์
ถ้าพลาดไป จะทำอย่างไรดี?
สิ่งแรกที่ลูเมี่ยนคิดคือ เขียนจดหมายถึงมาดามเมจิกเชี่ยน ให้เธอถามมาดามซูซี่ นักจิตบำบัดของเขา ขอเลื่อนการรักษาออกไปอีกวัน แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าสภาพจิตใจของตนไม่ค่อยมั่นคงนักในช่วงสองสามวันมานี้ ถ้าไม่รีบรักษา เกรงว่าจะส่งผลเสียในการสะกดรอยลูอิส·ลุนด์
ต้องเข้าใจว่า ถึงแม้คุณนายปัวริสจะมิใช่ ‘คุณนายราตรี’ เสียทีเดียว แต่ก็มิใช่คนที่ลูเมี่ยนจะเอาชนะได้ในปัจจุบัน จุดประสงค์หลักของเด็กหนุ่มยังคงเป็นการค้นหาผู้รอดชีวิตจากหมู่บ้านกอร์ตูรายนี้ เพื่อพูดคุยกับเธออย่างเป็นมิตร
สำหรับคุณนายปัวริส ลูเมี่ยนไม่ได้แค้นเคืองมากนัก แม้เธอจะนับถือเทพมารและแอบทำอะไรบางอย่างในหมู่บ้านกอร์ตู แต่จากสภาพการณ์ในปัจจุบัน เธอมิใช่ต้นตอของโศกนาฏกรรม เนื่องจากถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านตั้งแต่ก่อนพิธีกรรมจะเริ่มได้สักพัก
คนอื่นจะนับถือศาสนาใด ลูเมี่ยนไม่ยุ่ง และไม่คิดจะยุ่งด้วย
ดังนั้น หากตนอยู่ในสภาวะไม่มั่นคง ทำให้เผลอลงมือเกินขอบเขต จนบาดหมางกับคุณนายปัวริสและกลายเป็นศัตรูกัน สถานการณ์จะยิ่งยุ่งเหยิง ในกรณีเลวร้ายอาจถึงแก่ชีวิต
ส่วนความขัดแย้งกับแก๊งหนามพิษ ฝั่ง ‘คุณนายจันทรา’ คงเป็นคนละส่วนกับ ‘คุณนายราตรี’
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูเมี่ยนก็ตัดสินใจจะหา ‘ผู้ช่วย’ มาคอยเฝ้าลูอิส·ลุนด์แทน รวมถึงการสะกดรอยตาม เพื่อค้นหาที่พักของอีกฝ่ายในกรุงทรีอาร์
“คนที่ไม่มีพลังวิเศษตัดทิ้งได้เลย ไม่มีทางทำภารกิจสะกดรอยนี้สำเร็จแน่…”
“ปัจจุบันมีอยู่สองตัวเลือก หนึ่งคืออ็องโตนี·รีด นักค้าข่าว ผู้น่าจะเป็นผู้วิเศษลำดับ ‘นักจิตบำบัด’ เก่งพอที่จะทำภารกิจสะกดรอย… เขาถูกเราว่าจ้างแล้วด้วย ได้รับเงินมัดจำไปแล้ว รู้ว่าเราต้องการหาลูอิส·ลุนด์ ภารกิจสะกดรอยและระบุที่อยู่ของเป้าหมาย ก็นับรวมอยู่ในเนื้องานด้วย… หรือถ้าไม่ได้ยังไง เราก็จะเพิ่มเงินให้อีกนิด”
“อีกคนคือฟรังก้า เธอกับโอลัวร์ต่างก็เป็นคนของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก รู้จักตัวจริงของเรา คอยเอาใจใส่เราพอสมควร น่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง… อา… เธอยังติดหนี้บุญคุณเราอยู่ แถมยังเก่งกาจพอที่จะสะกดรอยตามลูอิส·ลุนด์ หรือแม้กระทั่งควบคุมตัวกลางทาง…” ในชั่วพริบตาเดียว ความคิดมากมายแล่นผ่านหัวสมองลูเมี่ยน เด็กหนุ่มลุกยืน เดินขึ้นห้องนอนชั้นสอง หนีออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อยทางหน้าต่าง
…………
โรงแรมระกาทอง หน้าห้อง 305
ลูเมี่ยนเคาะประตูไม้
“เชิญ” เสียงของอ็องโตนี·รีด สำเนียงชายฝั่งตะวันตก ดังเล็ดลอดออกมา
คำขานรับดังพร้อมกับการเปิดประตู
นักค้าข่าวปรากฏตัวต่อหน้าลูเมี่ยนอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าความมันวาวบนใบหน้าอวบอิ่มของเขา เพิ่งถูกเช็ดทำความสะอาด ทำให้ภาพรวมดูใจดียิ่งขึ้น
ตอนนี้อ็องโตนีสวมชุดคนงานสีเทาอมน้ำเงิน ราวกับว่าอยู่ในเขตตลาดและทางใต้ของเขตสวนพฤกษศาสตร์ทั้งวัน
“ผมเห็นโน้ตที่คุณฝากไว้แล้ว” อ็องโตนี·รีดลูบเส้นผมสีเหลืองอ่อนที่ถอยร่นไปมาก “ผมคอยจับตาดูถนนใหญ่ตลาดอยู่ตลอด”
ลูเมี่ยนมิได้เอ่ยถึงความอึดอัดที่อธิบายไม่ถูก เพียงเหลียวซ้ายแลขวาแล้วพูดไปตามตรง
“พรุ่งนี้บ่ายสองโมงครึ่งถึงห้าโมง ผมติดธุระ ถ้าคุณเจอเป้าหมายในช่วงเวลานี้ ยังไม่ต้องแจ้งผม ให้สะกดรอยตามเขาไป หาให้เจอว่าเขาพักอยู่ที่ไหน”
อ็องโตนี·รีดจ้องหน้าลูเมี่ยนด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มอยู่ราวสองสามวินาที
“ตกลง”
เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องการเพิ่มค่าจ้าง และลูเมี่ยนก็ยินดีที่จะไม่พูดถึง
…………
บ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว คืออพาร์ตเมนต์สีเบจที่ค่อนข้างใหม่ มีสถาปัตยกรรมซับซ้อน ผนังเต็มไปด้วยร่องลึกและนูน ประดับด้วยรูปปั้นหลากชนิด มีทั้งเทวทูต สัตว์ บุคคลสำคัญ และสิ่งของในตำนาน ขณะเดียวกันก็มีหน้าต่างบานใหญ่ เสาอิง และลวดลายวนเวียนจำนวนมาก
ลูเมี่ยนยืนอยู่หน้าห้อง 601 ดึงกริ่งประตู
เสียงกริ่งดังขึ้น ฟรังก้าเปิดประตูบานใหญ่สีแดงเข้ม
ผมยาวสีเชือกป่านของเธอค่อนข้างฟูฟ่อง ปล่อยตามธรรมชาติ สวมเสื้อคลุมนอนผ้าไหมสีขาวอ่อน ยาวถึงเหนือเข่า คอเสื้อเปิดกว้าง เผยเนินอกขาวผ่องยองใย
ลูเมี่ยนไม่สะดวกใจที่จะสอดส่ายสายตา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวในสภาพไร้การป้องกัน ไม่ใส่แม้กระทั่งชุดชั้นใน
ดูเหมือนฟรังก้าทราบอยู่แล้วว่าใครมาตั้งแต่ก่อนเปิดประตู จึงถามยิ้มๆ
“มาเรียนศาสตร์เร้นลับหรือ?”
“คุยกันมาตั้งนาน มาถึงที่นี่ได้สักทีนะ”
“ไม่ใช่ คราวนี้เรื่องอื่น” ลูเมี่ยนชี้ไปในห้อง บอกให้เข้าไปคุยกันข้างใน
ฟรังก้าหันหลังกลับ เดินไปยังโซฟา
ลูเมี่ยนเดินตามโดยมีนิสัยชอบมองซ้ายทีขวาที
อพาร์ตเมนต์นี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องนั่งเล่น และหนึ่งห้องครัว
โซฟา โต๊ะกาแฟ โต๊ะอาหาร เก้าอี้ ตู้ และบรรดาของตกแต่งในห้องนั่งเล่น บ้างก็เป็นสีขาวงาช้าง บ้างก็สีเหล็กดำ บ้างก็สีขาวเงิน หรือไม่ก็สีเทาอ่อน สีสันไม่มากและไม่ฉูดฉาด ดูเรียบง่ายสะอาดตา มอบบรรยากาศเย็นชาเรียบเฉย แตกต่างจากสไตล์ห้องนั่งเล่นของครอบครัวส่วนใหญ่
ลูเมี่ยนนั่งลงตรงปลายโซฟายาว เห็นฟรังก้านอนหงายขดขาบนเก้าอี้นวมฝั่งตรงข้าม สัดส่วนโค้งงามตามเรือนร่างดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
“เรื่องอะไร” ฟรังก้าถาม
ลูเมี่ยนชี้ไปที่เธอ
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม”
ฟรังก้ามองชุดนอนของตัวเองแล้วร้องอ๋อ
“คงเพราะคุณรู้เพศเดิมของฉัน พอได้อยู่ด้วยกัน ฉันก็มักจะรู้สึกเหมือนตัวเองยังเป็นผู้ชาย ลืมใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ไปเลย”
หญิงสาวยิ้มทันที ไม่เพียงไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่กลับเปลี่ยนท่านั่งให้ดูยั่วยวนยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปสองสามวินาที ฟรังก้าถึงกับลุกจากเก้าอี้นวมมานั่งข้างลูเมี่ยน
รับรู้ถึงสายตาฉงนสนเท่ห์ของเด็กหนุ่ม เธอหัวเราะชอบใจ
“ยังไงคุณก็ไม่มอง แล้วฉันจะไปเปลี่ยนทำไม”
เธอทำตัวเย้าแหย่อย่างไม่ปิดบัง
“มาดาม รสนิยมของคุณมีปัญหานะ” ลูเมี่ยนถอนหายใจ
ฟรังก้าพูดยิ้มๆ
“ชีวิตมันทุกข์พอแล้ว ต้องหาความสนุกให้ตัวเองบ้าง…”
“ฉันยังถือว่าดีนะ ในสมาคมมีคนกลุ่มหนึ่ง แทบจะสิ้นหวังกับอนาคตตัวเองแล้ว ใช้การแสวงหาความสนุกเป็นเป้าหมายชีวิต จึงตั้งกลุ่มย่อยขึ้นมาในชื่อ ‘วันเอพริลฟูล’ พี่สาวคุณน่าจะเคยพูดถึงอยู่นะ”
“เคย” ลูเมี่ยนเคยเห็นในบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์
ฟรังก้าไม่อธิบายเพิ่ม เพียงจ้องลูเมี่ยนด้วยดวงตาสีทะเลสาบ รอให้อีกฝ่ายบอกจุดประสงค์มา
เด็กหนุ่มเริ่มเล่าอย่างเถรตรง
“ผมอยากรบกวนคุณในบางเรื่อง”
“หืม?” ฟรังก้าส่งเสียงสงสัยในเชิงบวก
ลูเมี่ยนเลือกสรรคำพูด
“ในเมื่อคุณเคยอ่านใบประกาศจับของผมแล้ว ก็น่าจะรู้เรื่องของคนพวกนั้น…”
“ผมได้รับข่าวกรองมาว่า พรุ่งนี้ลูอิส·ลุนด์จะปรากฏตัวที่ถนนใหญ่ตลาด หมอนั่นสนิทชิดเชื้อกับคนใหญ่คนโตเบื้องหลังแก๊งหนามพิษ…”
“ผมอยากจับตัวเขา เพื่อถามหาความจริงของโศกนาฏกรรมหมู่บ้านกอร์ตู แต่พรุ่งนี้ช่วยบ่ายผมติดธุระสำคัญ ไม่สามารถไปดักรอด้วยตัวเองได้ จึงอยากรบกวนคุณสักหน่อย… ถ้าเขาปรากฏตัวเมื่อไร ก็ช่วยสะกดรอยตามจนถึงบ้าน หรือถ้าคุณมั่นใจ จะจับกุมเขากลางทางก็ไม่ว่า อีกฝ่ายเคยแข็งแกร่งทัดเทียมลำดับ 8 ที่น่าจะชื่อว่า ‘คนสวน’ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจลำดับแล้ว…”
“หลังจากได้กระจกนั่นไป คุณเคยบอกว่าจะชดเชยสินะ… งั้นก็ถือโอกาสนี้เลย”
ฟรังก้าพูดด้วยเสียงเจือความหงุดหงิด
“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการตายของ ‘มักเกิ้ล’ ฉันต้องให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว จะนับเป็นการชดเชยได้ยังไง”
“สะกดรอยไม่นับ แต่ถ้าลงมือจับกุมนับไหม?” ลูเมี่ยนลองเสนอความเห็น
ฟรังก้ามองเห็นว่าในใจของเด็กหนุ่ม ยังมีความสุภาพและเว้นระยะห่างพอสมควร จึงไม่ดึงดัน เพียงพยักหน้าแล้วพูด
“ก็ได้”
หญิงสาวแสดงความอยากรู้อยากเห็นทันที
“มีธุระใดสำคัญกว่าการจับตัวลูอิส·ลุนด์ด้วยหรือ?”
“ฉันนึกว่าคุณจะสนใจความจริงเบื้องหลังหมู่บ้านกอร์ตูมากกว่านี้”
ลูเมี่ยนครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วตอบไปตามตรง
“หลังจากโศกนาฏกรรมหมู่บ้านกอร์ตู สภาพจิตใจของผมมีปัญหาพอสมควร ตอนนี้กำลังเข้ารับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง… ผมกลัวว่าถ้าไม่ไปพบแพทย์ตามนัด จะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ จนส่งผลเสียต่อแผนสืบหาความจริงระยะยาว”
ฟรังก้าพยักหน้าเล็กน้อยด้วยความเห็นใจ สื่อว่าเข้าใจหัวอก
เธอถึงกับเสนอความช่วยเหลือ
“ฉันหานักจิตบำบัดตัวจริงให้ไหม? คนที่มีพลังพิเศษน่ะ”
“นักจิตบำบัดของผมก็มี” ลูเมี่ยนไม่ได้ปิดบัง
นึกถึงว่าน้องชายของ ‘มักเกิ้ล’ ยังเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับอื่นด้วย ฟรังก้าจึงไม่ได้ซักไซ้
ลูเมี่ยนเล่าถึงจุดเด่นของ ‘อันธพาล’ และ ‘คนสวน’ เล่าถึงอ็องโตนี·รีดที่ตนจ้างวาน บรรยายรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย เพื่อมิให้ฟรังก้าเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าอ็องโตนีเป็นผู้ช่วยของลูอิส·ลุนด์ จนเกิดการปะทะกันโดยไม่จำเป็น
หลังจากไหว้วานเสร็จ เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะออกไป
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ไม่เรียนศาสตร์เร้นลับเพิ่มเติมสักหน่อยหรือ” ฟรังก้าลุกขึ้นยืนตาม ถามทีเล่นทีจริง
“ลูอิส·ลุนด์อาจจะมาคืนนี้ก็ได้” ลูเมี่ยนอยากรีบกลับคาบาเร่ต์ลมเอื่อยโดยเร็ว
ทันใดนั้น เขากับฟรังก้ามองไปทางประตูพร้อมกัน
มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาตามบันได แล้วหยุดลงที่นั่น
ฟรังก้ามองผ่านตาแมวจากระยะไกล สีหน้ากลายเป็นผิดเพี้ยนทันที
เธอพูดกับลูเมี่ยนเสียงเบา
“จินนา!”
…………………………………………………….