ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 192 ยืนยัน
ตอนที่ 192 ยืนยัน
บอส? ลูเมี่ยนได้ยินแล้วก็ตกใจ
ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับบอสการ์ดเนอร์·มาร์ติน แต่พอได้ยินก็ช่วยให้กระจ่างในบางประเด็น
เหตุใดคาราวานลักลอบถึง ‘ระเหิด’ หายไปในเส้นทางลับที่ใช้เป็นประจำ?
เหตุใด ‘มุสิก’ คริสโตถึงรีบร้อนมาหาตนกับคนอื่นๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ? หากเป็นแค่ของหายไปล็อตเดียว คริสโตต้องตรวจสอบซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือไม่ก็ทำใจอยู่สักพัก จึงค่อย ‘กล้า’ เปิดเผยจุดอ่อนและความผิดพลาดของตนให้ ‘เพื่อนร่วมงาน’ ที่กำลังจับจ้องตำแหน่งตาเป็นมัน
เพียงพริบตา ลูเมี่ยนครุ่นคิดอีกหลายประเด็น
“บอสการ์ดเนอร์·มาติสต้องสงสัยว่าจะเป็น ‘นักล่า’ ในลำดับ 6 หรือ 5…”
“เรากับฟรังก้าที่เข้าไปในโลกกระจกด้วยกัน คนหนึ่งเป็น ‘นักล่า’ อีกคนเป็น ‘นางมาร’ อยู่บนเส้นทางเดียวกันหรือใกล้เคียงกับการ์ดเนอร์…”
“มิสเตอร์ K อยากให้เราเข้าใกล้การ์ดเนอร์·มาติน ได้รับความไว้วางใจจากเขา…”
“ฟรังก้า ในฐานะสมาชิกขององค์กรลับ ‘สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก’ ย่อมมีลำดับไม่ต่ำ กลับยอมเป็นคู่นอนของบอสใหญ่แก๊งอันธพาล…”
“บอสใหญ่พรรคซาฟาห์คนนั้นต้องมีความลับที่ไม่ธรรมดาแน่ หรือไม่ก็พัวพันกับเรื่องใหญ่บางอย่าง…”
สิ่งที่บอสให้คริสโตเอาเข้ามาในทรีอาร์ เกี่ยวข้องกับ ‘นักล่า’ หรือ ‘แม่มด’ ? ทำไมต้องเสี่ยงขนของใต้ดิน… กลัวว่าจะติดด่านภาษีหรือไง? ทำไมบอสถึงไม่ไปรับเองที่นอกเมือง แล้วให้คริสโตส่งนักลักลอบมาช่วยนำทางก็พอ แบบนั้นจะปลอดภัยกว่า ลับกว่า… เขารู้ว่าของสิ่งนั้นอาจทำให้เกิดอุบัติ ก็เลยไม่อยากเสี่ยง? สายตาของลูเมี่ยนเลื่อนจาก ‘มุสิก’ คริสโตไปยังใบหน้าฟรังก้า
ดูเหมือนว่า ‘แม่มด’ รายนี้จะคาดไม่ถึงกับคำตอบเช่นกัน ดูตกใจ ดูไม่เข้าใจ แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นยินดี
เธอจ้องคริสโต หัวเราะเยาะหยัน
“คิดจะหลอกฉันหรือไง? ถ้าการ์ดเนอร์สั่งให้คุณเอาของชิ้นหนึ่งเข้ากรุงทรีอาร์จริง ทำไมฉันจะไม่รู้?”
“แล้วของนั่นอยู่ที่ไหน?”
ตื่นเต้น… ยินดี… ลูเมี่ยนยิ่งมั่นใจว่า จุดประสงค์ที่ฟรังก้าเข้าร่วมพรรคซาฟาห์ เข้าใกล้การ์ดเนอร์·มาร์ตินนั้นไม่บริสุทธิ์
คริสโตฝืนยิ้มตอบ
“มันถูกใส่ในกล่องเหล็ก ผมนำไปส่งที่ถนนน้ำพุแล้ว”
“บอสน่าจะยังไม่ทันได้บอกคุณ”
ในฐานะสมาชิกรุ่นใหญ่ของพรรคซาฟาห์ คริสโตทราบดีว่า ‘บูตแดง’ ฟรังก้าแข็งแกร่งมาก การจะสังหารตนที่ไม่ได้เตรียมตัวและไม่มีบอดี้การ์ดคุ้มกันนั้นเป็นเรื่องง่าย เหนือสิ่งอื่นใด เธอยังชำนาญการทำนายและแยกแยะคำโกหก
“ถ้าโกหกฉันเอาตายแน่!” ฟรังก้าถอยหลังกลับ หยิบกระจกแต่งหน้าออกมาทำนายต่อหน้าคริสโต
ลูเมี่ยนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ลุกขึ้นยืน เดินไปข้างๆ คริสโต ยื่นมือจับไหล่ของเขาไว้
เมื่อฟรังก้ายืนยันได้ว่าคริสโตพูดความจริงทั้งหมด ลูเมี่ยนจึงยิ้มพลางตบไหล่ ‘หนู’ ตัวนี้
“ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีก อย่าลืมเตือนผมว่าสินค้ามีปัญหา เตือนให้ระวังอุบัติเหตุ…”
“ไม่อย่างนั้น ผมจะสับคุณเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปโยนให้ไอ้ตัวน้อยที่คุณรักกิน”
เด็กหนุ่มเคยได้ยินจากลูอิสว่า ‘มุสิก’ คริสโตเลี้ยงสัตว์ไว้เพียบ ที่รักที่สุดคือสุนัข
คริสโตที่ถูกข่มขู่รู้สึกโมโหอยู่ในใจ
ฟรังก้าเป็นคู่นอนของบอส แถมยังแข็งแกร่งกว่าตน เธอทำแบบนี้กับเขา เขายอมรับได้ แต่แกเป็นแค่หน้าใหม่ จะมาอวดเบ่งอะไร?
นึกถึง ‘หมาป่าร้าย’ มาร์โกต์และ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตที่มิได้อ่อนแอกว่าตน คริสโตก็หงอไปเล็กน้อย จึงยิ้มแล้วพูด
“ครั้งนี้บอสให้ผมปิดเป็นความลับ”
“ไอ้ลูกหมา! อย่างน้อยก็บอกใบ้พวกเราบ้างสิวะ!” ฟรังก้าเก็บกล่องแต่งหน้า ด่าด้วยน้ำเสียงอาฆาต
คริสโตหัวเราะแหะๆ
“ครับๆ”
เขาไม่โกรธเลยสักนิดที่ถูกด่า ในสายตาคริสโต หมาคือครอบครัว คือญาติสนิท จะมองเป็นคำด่าได้อย่างไร?
เขามักจะเตือนพวกลูกน้องที่เจ้าชู้เสมอว่า: ใครแตะเมียฉัน ก็เท่ากับแตะหมาฉัน!
เห็นฟรังก้ากับชาร์ลผ่อนคลายลง คริสโตก็ถามด้วยความสงสัย
ไม่รอให้ฟรังก้าตอบ ลูเมี่ยนยิ้มแล้วตบไหล่คริสโตอีกครั้ง
“นี่คุณยังไม่เข้าใจอีก? สมองโดนหมากินไปแล้วหรือไง? คุณโดนพวกเราต้มจนเปื่อยแล้ว!”
“เราไม่ได้หลงเข้าไปในมิติประหลาดๆ ที่ไหนเลย ก็แค่รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ก่อนหน้านี้ลักลอบขนของได้ราบรื่นมาตลอด แต่คราวนี้กลับเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ แสดงว่าของที่ขนต้องมีปัญหาแน่ ก็เลยตัดสินใจโกหกเพื่อหยั่งเชิงดู!”
“…” ‘มุสิก’ คริสโตอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเศร้า
ใช่แล้ว ถ้าฟรังก้ากับชาร์ลเข้าไปในมิติแปลกๆ นั่นจริง ย่อมไม่มีทางออกมาเร็วขนาดนี้แน่!
เออร์เคนกับลูกน้องหายตัวไปตั้งหลายชั่วโมง!
ทำไมเราถึงได้โง่ขนาดนี้นะ?
ทำไมถึงตกหลุมพรางอะไรง่ายๆ?
คริสโตเก็บงำอารมณ์ มองไปที่ฟรังก้า ยิ้มอย่างเอาใจ
“อย่าบอกบอสนะว่าผมเล่าเรื่องของชิ้นนั้นให้พวกคุณฟัง… เดี๋ยวเขาจะไม่พอใจผม”
ฟรังก้ามองลูเมี่ยนด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะพูดกับคริสโต
“ได้… นับแต่นี้ไป คุณเป็นหนี้บุญคุณฉัน”
“ตกลง!” คริสโตรีบขานรับทันที
หลังจากอำลาหัวหน้าหน่วยลักลอบขนของ ลูเมี่ยนกับฟรังก้าก็เดินออกจากย่านโกดัง เลี้ยวเข้าตรอกแคบที่มุ่งสู่ถนนใหญ่ตลาด
“วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่าไอ้คริสโตมันโง่ หลอกง่ายได้ขนาดนี้” หลังจากเงียบไปนาน ฟรังก้ามองลูเมี่ยนด้านข้าง แล้วถอนหายใจด้วยรอยยิ้ม “คุณนี่ถนัดหลอกคนอื่นจริงๆ”
ลูเมี่ยนทำท่าไม่สะทกสะท้าน
“ที่หมู่บ้านกอร์ตูนะ… คุณน่าจะรู้จักหมู่บ้านกอร์ตูใช่ไหม? ฉายาของผมคือ ‘ราชานักแกล้ง’”
ฟรังก้าที่เคยดูหมายจับ ย่อมคุ้นเคยกับหมู่บ้านกอร์ตู จึงมองลูเมี่ยนด้วยรอยยิ้ม
“สิ่งที่เคยเล่าให้ฉันฟังก่อนหน้านี้ มีเรื่องไหนจริงบ้างเนี่ย?”
“หึๆ คำที่จินนาใช้นิยามนายก็ไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมดนี่นะ… หัวหมอ เจ้าเล่ห์”
“คุณเป็นเพื่อนพี่สาว ผมเล่าความจริงทุกเรื่อง” ลูเมี่ยนทำหน้านิ่งขรึม
แค่ไม่ได้เล่าทั้งหมด แม้ฟรังก้าจะใช้ศาสตร์การทำนายเพื่อยืนยัน ก็ไม่มีทางพบร่องรอยการโกหก
ฟรังก้าสังเกตสีหน้าของเด็กหนุ่ม ผงกหัวรับอย่างพึงพอใจ
“ฉันก็อยากเชื่อใจน้องชายของ ‘มักเกิ้ล’ เหมือนกัน”
“อา… วัตถุที่การ์ดเนอร์แอบนำเข้า คุณก็แค่ทำเป็นไม่รู้ไป บางสิ่งถ้าได้รู้ความจริงกลับจะเป็นอันตราย ฉันเองก็จะไม่ไปถามเขา”
“ครับ” ลูเมี่ยนทำตัวว่านอนสอนง่ายเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าโอลัวร์
ทั้งคู่แยกกันที่กลางถนนใหญ่ตลาด คนหนึ่งไปคาบาเร่ต์ลมเอื่อย อีกคนเลี้ยวเข้าถนนเสื้อนอกขาว
ตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้ว ท้องฟ้ามืดสนิท ภายในคาบาเร่ต์เปิดโคมไฟแก๊สติดผนัง ทำให้ทั่วชั้นหนึ่งจมอยู่ในแสงสีเหลืองอมส้ม ยิ่งใกล้ลานเต้นรำบรรยากาศก็ยิ่งสลัว
ท่ามกลางเสียงทักทายว่า ‘ลูกพี่’ ลูเมี่ยนนั่งลงตรงเคาน์เตอร์บาร์สั่งอัปแซ็งต์แอนีซ ‘นกแก้ว’ หนึ่งแก้ว
สิ่งนี้กระตุ้นประสาทได้ดียิ่ง แค่ดื่มเข้าไปอึกเดียว ก็ทำให้เด็กหนุ่มซาบซ่านไปถึงสมอง ประหนึ่งโดนตบหน้าหนึ่งฉาดใหญ่
ลูเมี่ยนนั่งแช่อยู่สักพัก ฟังเพลงลามกของจินนาครู่หนึ่ง ก็เห็นชาร์ลีถือถาดเดินมาทางเคาน์เตอร์บาร์
“ชาร์… ลูกพี่!” ชาร์ลีพอเห็นว่าบาร์เทนเดอร์มองตน ก็เปลี่ยนคำเรียกขานทันที
ลูเมี่ยนจิบของเหลวสีเขียวอันน่าหลงใหลแล้วถามยิ้มๆ
“นายชอบคาบาเร่ต์มากกว่า หรือบาร์ใต้ดินที่โรงแรมมากกว่า?”
ชาร์ลีชายตามองบาร์เทนเดอร์กับพนักงานเสิร์ฟคนอื่น หรี่เสียงเบาลง
“ฉันยังชอบบาร์ที่โรงแรมมากกว่านะ”
“ที่นั่น ฉันคือจุดสนใจของทุกคน!”
ก็พอจะเข้าใจอยู่… ลูเมี่ยนหัวเราะหนึ่งที ใช้คางชี้นักร้องสาวที่เพิ่งขึ้นมาแทนจินนา
“นั่นใช่ลูกสาวของเพื่อนนายไหม?”
ชาร์ลีเคยเล่าว่า เขามีเพื่อนคนหนึ่ง ติดหนี้ดอกเบี้ยสูง เพราะบารอนบรินิแยร์บีบคั้น จึงกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ส่วนลูกสาวถูกพามาร้องเพลงที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อย
“ใช่” ชาร์ลีตอบด้วยสีหน้าค่อนข้างหม่น
นักร้องสาวรายนี้ก็แต่งตัวงดงามไม่แพ้กัน ใส่เสื้อตัวสั้น กระโปรงวาบหวิวพอสมควร อายุของเธอน่าจะใกล้เคียงกับจินนา หน้าตาเป็นรองเล็กน้อย
จากที่ลูเมี่ยนสังเกต ความแตกต่างที่สุดของทั้งคู่คือ:
ดวงตาของจินนายังคงเปล่งประกายเสมอ แต่คนนี้ถึงจะสวมยิ้มปลอมๆ เหมือนกัน ในดวงตากลับไร้แวว
ชาร์ลีอ้าปากค้าง ลังเลอยากขอบางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ปิดปากลงไป
ลูเมี่ยนดื่ม ‘นกแก้ว’ พลางฟังเพลง ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใด
ใกล้ถึงสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืน กลับขึ้นไปชั้นบน เปลี่ยนเป็นเสื้อลินิน แจ็กเกตตัวเก่ากับกางเกงขายาวสีน้ำตาล ใส่หมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินเข้ม
ทำให้เขาดูเหมือนคนจรจัด
ต่อมา ลูเมี่ยนผลักหน้าต่าง กระโดดลงตรอกหลังคาบาเร่ต์
เขาเตรียมจะไปที่โรงละครกรงพิราบเก่าอีกสักครั้ง
ศพที่กินยาผีบอกได้ทำนายว่า มิสเตอร์เอฟฟ์เจ้าของโรงแรมระกาทอง ในวันศุกร์นี้ หรือคืนนี้ ช่วงห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนจะอยู่ในโรงละครกรงพิราบเก่า
ลูเมี่ยนไม่คิดจะสะสางปัญหาเกี่ยวกับเทพมาร ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ ตามลำพัง และไม่ได้ตั้งใจจะประจัญบานกับอีกฝ่ายโดยตรง เพียงหวังว่าการแอบสอดแนมจะช่วยให้พบเบาะแสมากขึ้น รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
สำหรับเขาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ การใช้มิสเตอร์เอฟฟ์และคนอื่นๆ เป็นทางผ่าน เพื่อค้นหาบ้านที่ซูซานน่า·มาติสอาศัยอยู่สมัยยังมีชีวิต แล้วถือวิสาสะหยิบฉวยข้าวของเครื่องใช้ที่เธอเคยพกเป็นประจำ เพื่อเป็นส่วนประกอบสำคัญใน ‘อาคมไล่ผี’ ขณะถูกวิญญาณมารโจมตีในอนาคต
แม้ว่าเมื่อถึงตอนนั้น เขาอาจจะประกอบอาคมพิธีกรรมไม่ทัน แต่เตรียมพร้อมเอาไว้ย่อมดีกว่าไม่ได้เตรียม
เนื่องจากตอนนี้ยังไม่ถึงห้าทุ่ม เด็กหนุ่มจึงไม่รีบเข้าไป เพียงหดตัวอยู่ตรงมุมตึกด้านนอก ทำเหมือนคนจรจัดตัวจริง คอยมองไปทางอพาร์ตเมนต์สีเบจหกชั้นที่มิสเตอร์เอฟฟ์อาศัย
ไม่นานนัก ลูเมี่ยนก็ได้เห็นเจ้าของโรงแรมคนนั้น
มิสเตอร์เอฟฟ์สวมแจ็กเกตสีเข้มที่ซีดแล้ว กับกางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อน ใส่หมวกกึ่งสูงใบเก่า ถือไม้ตะพดสีดำ เดินกลับจากทางตลาดคนซื่อแล้วเข้าอพาร์ตเมนต์
ไม่กี่นาทีต่อมา หน้าต่างห้องที่เขาอยู่ก็สว่างขึ้น ทึมอยู่พอสมควร
ลูเมี่ยนรอคอยอย่างอดทน
รอไปรอมา เด็กหนุ่มก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว
เลยห้าทุ่มแล้ว ทำไมมิสเตอร์เอฟฟ์ยังไม่มาโรงละครกรงพิราบเก่าอีก?
หน้าต่างบานดังกล่าวยังคงเปล่งแสงสีเหลืองส้ม มีเงาคนผ่านไปมาเป็นครั้งคราว
อีกสิบห้านาทีผ่านไป มิสเตอร์เอฟฟ์ก็ยังไม่ออกจากอพาร์ตเมนต์ ไม่เดินข้ามถนนใหญ่ตลาด ไม่เข้าโรงละครกรงพิราบเก่า
ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง
“หรือว่า ‘ศาสตร์การดูดวง’ ของเราจะผิดพลาด?”
หมายเหตุจากผู้แต่ง: (เหงื่อตก) เนื่องจากผมจำผิด เข้าใจว่าชุมนุมของมิสเตอร์ K จัดขึ้นในวันจันทร์ จึงวางกิจกรรมจากวันที่ชุมนุมไปจนถึงวันเสาร์แน่นเกินไป ส่งผลให้มี ‘จำนวนวันที่ผ่านไป’ มากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ในความเป็นจริง เพิ่งจะผ่านไปเพียงหนึ่งสัปดาห์ หรือก็คือ การนัดบำบัดจิตจะเริ่มในวันอาทิตย์ของสัปดาห์นี้
…………………………………………………….