ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 170 ชุมนุมท่องราตรี
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 170 ชุมนุมท่องราตรี
ตอนที่ 170 ชุมนุมท่องราตรี
ลูเมี่ยนชักมีดสั้นของเฮิดซ์ แล้วพูดยิ้มๆ
“พอดีมีอะไรอยากถามแกนิดหน่อย”
“ถ…ถามกันดีๆ ก็ได้นี่… ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” ‘ค้อนเหล็ก’ พยายามยื้อเวลา
ระหว่างนั้นก็ใช้หางตาเหล่มองไปรอบห้อง แต่ก็ไม่พบศพใคร
จากประสบการณ์ที่เคยสู้กับชาร์ล เด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทางสังหารมือปืนสิบคนได้ในพริบตา อย่างน้อยก็ต้องหนีรอดได้สักคนสองคน
ในทำนองเดียวกัน หากอยู่ในห้องแคบ กระทั่ง ‘ค้อนเหล็ก’ แอตเองก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับการระดมยิงจากปืนสิบกระบอก หากจำใจต้องทำ เขาอาจฆ่าได้สักสามหรือสี่คน แต่ตัวเองคงไม่รอดแน่
ขนาดตัวเองยังไหวแค่นั้น ตามความคิดของแอต ชาร์ลที่ด้อยกว่าตนพอสมควร จนต้องเอาชนะด้วยกลยุทธ์และกลโกง ก็ยิ่งไม่ใกล้เคียงว่าจะทำได้
คำนึงจากปัจจัยแวดล้อม ‘ค้อนเหล็ก’ เชื่อว่าลูกน้องสิบคนของตนคงหนีรอดเป็นส่วนใหญ่ และต้องมีสักคนหรือสองคนที่ไปขอความช่วยเหลือจากบอส ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์
คิดมาถึงตรงนี้ แอตพยายามทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตรอด
ตราบใดที่ตนไม่ทำให้ชาร์ลโกรธ สามารถยื้อเวลาได้สักหกเจ็ดนาที ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกช่วยเหลือ!
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแก๊งหนามพิษ จะหาโอกาสที่ไหนมาถามแกได้?” ลูเมี่ยนจงใจสร้างภาพจำว่าตนมิใช่พวกฆ่าคนส่งเดช
เด็กหนุ่มยกมีดในมือพลางขยับปาก
“มาเข้าเรื่องกันดีกว่า… ฉันถาม แกตอบ… คงจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วสินะ ว่าฉันเป็นพวกความอดทนต่ำ… ถ้าไม่ตอบหรือโกหก ก็เตรียมถูกฉันเชือดได้เลย อย่างแย่ก็แค่ต้องไปถามจาก ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน ในแก๊งหนามพิษน่ะ คนที่รู้ข้อมูลมีอยู่ถมเถไป”
ที่ลูเมี่ยนบีบให้พวกนักเลงหนีไป ส่วนหนึ่งเพราะสถานการณ์บังคับ แต่อีกส่วนก็ตั้งใจ
หากไม่ทำให้ ‘ค้อนเหล็ก’ ตระหนักว่าตนยังเหลือทางรอด คนที่ไม่มีพลังสายสอบปากคำอย่างตน จะง้างปากอีกฝ่ายในเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร?
‘ค้อนเหล็ก’ รีบตอบ
“เข้าใจแล้ว!”
เขาตัดสินใจจะเปิดเผยข้อมูลบางส่วน โดยอาศัยการอธิบายแบบเจาะลึก เพื่อยืดเวลาให้ถึงหกเจ็ดนาที
แน่นอน แอตยังไม่วางใจว่าชาร์ลจะปล่อยตนไปหลังจากถามเสร็จ แต่นอกจากการให้ความร่วมมือ เขาก็ไม่เหลือตัวเลือกอื่นแล้ว แอตได้แต่ภาวนาให้ข้อมูลที่ตนเล่ามีมูลค่ามากพอ น่าสนใจพอที่ชาร์ลจะยอมฟังจนจบ
เหลืออีกราวๆ สามนาที… ลูเมี่ยนคำนวณเวลาในใจก่อนจะเปิดปากถาม
“เคยเจอลูอิส·ลุนด์ไหม”
‘ค้อนเหล็ก’ ออกท่าทางลังเล
ซวก! ลูเมี่ยนแทงด้วยปลายมีด ปักเข้าไปในหัวไหล่ เลือดสีแดงสดไหลซึมออกมาทันที
“นี่คือคำเตือน… ครั้งสุดท้าย” เด็กหนุ่มชักมีดกลับ พลางบอกกล่าวกับเหยื่อด้วยเสียงราบเรียบ
ด้วยใบหน้าเหยเก แอตเริ่มเข้าใจความอำมหิตของเด็กหนุ่ม เริ่มสัมผัสถึงความตายที่กล้ำกรายเข้ามา จนเริ่มใจคอไม่ดี
เขารีบโพล่ง
“เคยเจอ!”
“ไม่ว่าจะในคาบาเร่ต์โรงโม่หรืออีกหลายสถานที่ ก็ล้วนมีประกาศจับลูอิส·ลุนด์ติดอยู่ ในตอนที่ฉันเห็นเขาที่บ้านของบอส ก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
แอตเริ่มรู้สึกว่าตนไม่สามารถใช้กลยุทธ์ ‘ดึงเชิง’ เพื่อถ่วงเวลาได้อีก เพราะผลลัพธ์อาจไม่เป็นอย่างที่คิด
การโกหกก็เช่นกัน เพราะเขาไม่มั่นใจว่าชาร์ลจะใช้คำถามไหนมาจับโกหกตน
เมื่อเทียบกันแล้ว การอธิบายแบบยาวๆ และพูดจาให้ดูมีคุณค่าแต่เต็มไปด้วยน้ำ จะทำให้อีกฝ่ายยอมปล่อยผ่านได้ดีกว่า
อย่างที่คิด… ลูเมี่ยนยินดีปรีดาในใจ
หลังจากยืนยันว่าลูอิส·ลุนด์กับ ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์แห่งแก๊งหนามพิษ มีความสัมพันธ์กันจริง เป้าหมายหลักในการลงมือของเด็กหนุ่มก็ถือว่าลุล่วงแล้ว ที่เหลือคือโบนัส ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
“เขามาหาแมงป่องดำทำไม” ลูเมี่ยนถามซัก
‘ค้อนเหล็ก’ ส่ายหน้า
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียด… แต่ได้ยินว่าคุณนายที่ลูอิส·ลุนด์รับใช้ เพิ่งย้ายมาอยู่ในทรีอาร์ เธอคนนั้นอยากหารือกับแก๊งหนามพิษเรื่องการจัดสรรเขตอิทธิพลของกันและกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง”
“เรื่องนี้ได้รับอนุญาตจาก ‘คุณนายจันทรา’ แล้ว… แต่มีแค่บอสเท่านั้นที่รู้รายละเอียด”
“คุณนายจันทรา?” ลูเมี่ยนไม่คาดคิดว่าจะได้ยินอีกหนึ่ง ‘คุณนาย’
จนถึงตอนนี้เขายังแทบไม่มีข้อมูลของ ‘คุณนายราตรี’ เลยด้วยซ้ำ
“คุณนายจันทราเป็นผู้ที่แก๊งหนามพิษของเรานับถือ ไม่สิ บอสเคยบอกว่าเธอไม่ใช่ ‘คุณนาย’ อีกแล้ว แต่เป็น ‘สุภาพสตรีผู้ฟูมฟักเทพ’ เราต้องสวดวิงวอนถึงเธอเป็นประจำ ฉันไม่เคยเห็นเธอ… มีแค่หัวหน้ากับ ‘หัวล้าน’ เท่านั้นที่เคยเห็น”
ไม่ใช่ ‘คุณนาย’ แล้ว… จาก ‘คุณนายจันทรา’ กลายเป็น ‘สุภาพสตรีผู้ฟูมฟักเทพ’ … หรือว่าจะได้รับ ‘พร’ เพิ่มจนมีลำดับสูงขึ้น? ลูเมี่ยนพยักหน้าเบาๆ
“คุณนายจันทรากับคุณนายราตรีมีความสัมพันธ์กันยังไง?”
“ทั้งสองต่างก็สังกัดองค์กรที่ชื่อ ‘ชุมนุมท่องราตรี’ ดูเหมือนคุณนายจันทราจะเป็นผู้นำหรืออย่างน้อยก็เป็นบุคคลสำคัญเทียบเท่าผู้นำ” ‘ค้อนเหล็ก’ เสริมรายละเอียดเท่าที่ตนทราบ
ศรัทธาในองค์กรลึกลับขององค์ซ่อนเร้น? ลูเมี่ยนดึงหัวข้อกลับมายังเรื่องที่ตนสนใจ
“ลูอิส·ลุนด์จะกลับมาหา ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์อีกไหม?”
“น่าจะกลับมาใหม่ราวๆ วันเสาร์หรือวันอาทิตย์หน้า เพื่อดูว่าเรื่องที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ทำได้ถึงไหนแล้ว ต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง… ส่วนจะกี่โมงกี่ยามนั้น ฉันเองก็ไม่ทราบ” แอตตอบตามความจริง
วันเสาร์หรือวันอาทิตย์หน้า เราจะได้พบกับลูอิส·ลุนด์อีกครั้งบนถนนใหญ่ตลาด? หลังจากวันศุกร์ เราจะปักหลักบนถนนใหญ่ตลาดไม่ไปไหน! ลูเมี่ยนพึงพอใจอย่างยิ่ง ในแง่หนึ่งก็เริ่มตื่นเต้น
เด็กหนุ่มถามต่อ
“‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์มีพลังอะไรบ้าง?”
“ข…เขาคือ ‘เจ้าวิชามาร’” ค้อนเหล็กพูดตะกุกตะกักโดยไม่ได้ตั้งใจ “บอสของเราเคยพูดเองว่า แก่นสารของ ‘เจ้าวิชามาร’ คือเวทมนตร์ที่ร่ายด้วยพลังชีวิต… อาจเป็นชีวิตของตัวเองหรือของผู้อื่น แต่ดูเหมือนจะต้องเก็บรวบรวมไว้ล่วงหน้า”
เจ้าวิชามารนี่เอง… ชั่วร้ายและป่าเถื่อนสมชื่อ… ลูเมี่ยนย้อนนึกถึงรูปแบบการต่อสู้ของ ‘หมอตำแย’
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตกตะลึงเลย แอตพลันโล่งอกที่ตนมิได้โกหกออกไป แล้วจึงเริ่มเล่าต่อ
“ฉันเคยเห็นเขาใช้เวทมนตร์แค่ไม่กี่ครั้ง หนึ่งในนั้นคือคำสาปประหลาด อีกหนึ่งคือเวทควบคุมเลือด อีกหนึ่งคือเปลวไฟสีดำที่ทำให้เป้าหมายป้อแป้ อีกหนึ่งคือเวทมนตร์ที่ส่งผลกับศพและผี… นั่นคือทั้งหมดที่ฉันรู้”
อย่างน้อยก็ต้องมีการสร้าง ‘เขตแดน’ ที่เต็มไปด้วยวิญญาณคนตาย รวมถึงพลังในการสลับตำแหน่งอย่างพิสดาร… ลูเมี่ยนรำพันเงียบ พลางจ้องหน้า ‘ค้อนเหล็ก’ เป็นนัยให้อีกฝ่ายเล่าต่อ
แอตกล่าวอย่างหวาดหวั่น
“บอสยังบอกอีกว่า ถ้าเรื่องล่าสุดไปได้สวย เขาอาจได้รับพรเพิ่มและกลายเป็น ‘ผู้หว่านเมล็ด’”
เล่าถึงตรงนี้ แอตรู้สึกเสียดายที่ตอนแรกตนไม่ได้เลือกพร แต่ไปเลือกโอสถแทน ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องถูกผูกมัดโดยวัตถุดิบหลัก จนแทบจะมองไม่เห็นหนทางสู่ลำดับ 7
ขอเพียงสร้างผลงานได้มากพอและร่างกายรับไหว ก็จะได้รับพรเพิ่ม
‘ผู้หว่านเมล็ด’ ? สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และชีวิต? หืม… ขณะที่เป็น ‘พูลิต’ ก่อน ‘คุณนายปัวริส’ เขา ‘ไข่เรี่ยราด’ จนมีลูกนอกสมรสมากมายในเขตดาลีแอช… ถูกคนนับไม่ถ้วนเกลียดชังและต่อต้าน จนครอบครัวของเขาต้องตัดขาดความสัมพันธ์ และแสร้งทำเป็นหายตัวไป… นี่คือการทำตัวเป็น ‘ผู้หว่านเมล็ด’ ? ในเวลานั้น พูลิตได้รับผลกระทบจาก ‘พร’ จนควบคุมตัวเองไม่ได้? ดูเหมือนว่าลำดับหลังจาก ‘ผู้หว่านเมล็ด’ จะทำให้เขาเปลี่ยนเพศ… เป็นลำดับที่ตรงกับ ‘คุณนาย’ หรือก่อนลำดับ ‘คุณนาย’ หนึ่งขั้น? ในหัวลูเมี่ยนเต็มไปด้วยการเชื่อมโยง
‘ค้อนเหล็ก’ สำรวจสีหน้าลูเมี่ยนก่อนจะเล่าต่อ
“ฉันไม่รู้จักลำดับหลังจาก ‘ผู้หว่านเมล็ด’ ทราบเพียงว่าวิลสันเป็น ‘อันธพาล’ ที่เทียบได้กับลำดับ 9 ส่วนฮาร์มันเป็น ‘คนสวน’ ที่แข็งแกร่งพอๆ กับฉัน แต่เขารู้เรื่องต้นไม้กับดอกไม้เยอะมาก สามารถปรุงยาที่มีผลลัพธ์มหัศจรรย์… อา… เขามียาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ผิวหนังแข็งเหมือนเปลือกไม้ชั่วคราว ฉันเคยลองแทงด้วยมีดแล้ว หมอนั่นบาดเจ็บแค่เล็กน้อยเท่านั้น แถมยังมียารักษาโรคและรักษาแผลจากอาวุธต่างๆ”
ลำดับก่อนหน้า ‘เจ้าวิชามาร’ คือ ‘คนสวน’ นี่เอง… ไม่แปลกใจที่ ‘หมอตำแย’ ใช้กรรไกรยักษ์เป็นอาวุธ… โชคดีที่ได้ข้อมูลนี้มาก่อน ถ้าเราลงมือลอบสังหาร ‘หัวล้าน’ ฮาร์มันโดยไม่เปิดโอกาสให้ตอบโต้ เขาก็จะใช้ร่างกายป้องกัน ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ไม่ได้… ข้อมูลเหยื่อมีประโยชน์จริงๆ … ลูเมี่ยนรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
แอตครุ่นคิดสักพักก่อนจะเล่าต่อ
“ฮาร์มันเคยเล่าว่า ผีสางที่เกิดจากต้นไม้หรือดอกไม้จะกลัวเขามาก เพราะเขาคือ ‘คนสวน’ ที่มีหน้าที่ตัดแต่งพวกมัน”
‘ค้อนเหล็ก’ พยายามถ่วงเวลาโดยเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อย
“บอสเคยเล่าให้ฟังว่า ในบรรดาองค์ซ่อนเร้นสูงสุดที่ไม่เป็นที่รู้จัก มีเพียงสามพระองค์เท่านั้นที่สามารถประทาน ‘พร’ แฝงบารมีเทพได้อย่างไม่ยากเย็น หนึ่งในนั้นคือ ‘องค์มหามารดา’ ที่เรานับถือ อีกหนึ่งคือองค์ผู้มีพระนามเกี่ยวกับ ‘แรงกระหายและต้นไม้’ อีกหนึ่งดูเหมือนจะเป็นหมอกประหลาด ส่วนองค์อื่นๆ หากคิดจะได้รับ ‘พร’ แฝงบารมีเทพ ก็ต้องจัดพิธีกรรมใหญ่โตมโหฬารและยุ่งยาก ซึ่งง่ายต่อการถูกค้นพบและทำลาย”
‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย?’ พระองค์แตกต่างจากองค์ซ่อนเร้นเจ้าของพระนาม ‘ชะตากรรม’ อย่างไร? เหตุใดพวกพระองค์ถึงสามารถประทาน ‘พร’ แฝงบารมีเทพได้โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมใหญ่? หึหึ… ถ้า ‘คนสวน’ ได้เจอกับ ‘มารพฤกษาเสื่อมทราม’ จะเป็นยังไงนะ? จะเหนือกว่าเพราะชนะทาง หรือถูกข่มด้วยลำดับ? ลูเมี่ยนครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
“ผู้สมัครส.ส. ที่พวกแกสนับสนุนคือใคร”
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ของพรรคหัวก้าวหน้า” เมื่อแอตตระหนักว่าเวลาล่วงผ่านไปก็นานแล้ว จึงเริ่มมีความหวัง
ถ้าไอ้พวกเวรนั่นวิ่งเร็วกว่านี้อีกสักนิดตอนนี้ก็คงไปถึงบอสแล้ว!
ขณะรอให้ลูเมี่ยนถามว่าแก๊งหนามพิษคิดจะทำอะไรต่อ แอตพลันเห็นอีกฝ่ายยกมือขวาขึ้นพร้อมกับตวัดมีด
ด้วยเสียง ‘ซวก’ มีดเล่มนั้นปักเข้าไปในขมับของเขา แล้วคนต่ออีกสองสามครั้ง
‘ค้อนเหล็ก’ อ้าปากค้าง ใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยความตกตะลึง แววตาค่อยๆ อับแสง
ตุ้บ! เขาล้มลงอย่างสิ้นลม
ลูเมี่ยนปล่อยให้มีดปักคาศีรษะแอต ส่วนตัวเองรีบจัดการพันแผลบนร่างกาย ก่อนจะเก็บข้าวของอื่นๆ แล้วหิ้วศพกระโดดลงจากหน้าต่าง
เนื่องจากสูงแค่ชั้นสอง การลงจอดจึงไม่ยากเย็นก่อนจะเริ่มวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ลูเมี่ยนไม่ได้เลือกทางตรง แต่วิ่งอ้อมถนนไนติงเกลก่อนจะวิ่งเข้าถนนใหญ่ตลาด
ระหว่างทาง ท่ามกลางความมืดมิดยามวิกาลและไฟถนนที่สว่างเพียงบางดวง บรรยากาศดูมืดทึบราวกับพร้อมจะเขมือบผู้คนบนถนน
ใช้เวลากว่าสองนาที ลูเมี่ยนพาศพของ ‘ค้อนเหล็ก’ แอตวิ่งมาถึงประตูหน้าของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
สองนักเลงที่คอยเฝ้าทางเข้าเตรียมจะหยุดไว้ แต่ทันใดนั้นก็เห็นหน้าชาร์ล
จึงรีบปล่อยผ่านเข้าไปทันที
…
ในร้านกาแฟชั้นสอง
ลูอิสถือปึกกระดาษ ปืนลูกโม่สีดำ มีดสามคม และกระเป๋ากระสุนมาวางข้างๆ บารอนบรินิแยร์
“ท่านบารอน ของที่เตรียมให้ชาร์ลพร้อมแล้วครับ”
ข้อมูลเพิ่มเติมและอาวุธ
บารอนบรินิแยร์ผงกหัว
“พรุ่งนี้เช้าช่วยเอาไปส่งที่โรงแรมระกาทองให้ที”
หลังจากสั่งการเสร็จ บารอนบรินิแยร์กล่าวด้วยสีหน้าคาดหวัง
“ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงละครดีๆ แบบไหนให้เราดู และจะเริ่มเมื่อไร…”
“พวกนายคิดว่าเขาจะเลือก ‘ค้อนเหล็ก’ แอต ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน หรือ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ …”
บารอนบรินิแยร์ยังไม่ทันพูดจบ เสียงเท้าดังๆ ก็เริ่มแว่วจากไกลมาใกล้ในจังหวะวิ่ง
นักเลงที่คอยเฝ้าประตูชั้นล่าง รีบรายงานบารอนบรินิแยร์หน้าตาตื่น
“ชาร์ล… ชาร์ลมาหาครับ! เขา…เขาแบกคน… ไม่สิ… แบกศพมาด้วย!”
ขณะนี้ ลูเมี่ยนปรากฏตัวจากบันได ยิ้มพลางเดินเข้าหาบารอนบรินิแยร์ด้วยย่างก้าวหนักๆ
“นี่คือ?” บารอนจ้องศพที่ชาร์ลแบกมาด้วยท่าทีสงสัยแต่ใบหน้าเคร่งขรึม
ลูเมี่ยนโยนศพลงพื้น ปัดมือพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ค้อนเหล็ก·แอต”
……………………………………………………..