ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 163 สามคำถาม
ตอนที่ 163 สามคำถาม
แสงเทียนสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของการขอพร เริ่มวูบวาบราวกับถูกสายลมล่องหนพัดผ่าน แต่นอกเหนือจากนี้ มันมิได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอ่อนหรือถูกย้อมด้วยสีอื่น ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากเดิมเลย
ลูเมี่ยนรับรู้ได้ว่า วิญญาณของตนเริ่มกระตุกอย่างไม่ปกติ ประหนึ่งได้ยินเสียงเรียกจากไกลโพ้น ตรงเข้าไปในกายวิญญาณ
ตอนนี้เขายังตอบสนองไม่ได้ จึงต้องอ่านคาถาต่อไป
“ข้าขอพรจากท่าน”
“ขอให้ท่านประทาน ‘ยาผีบอก’ …”
ในอาคมพิธีกรรมนี้ไม่สามารถใช้คำว่า ‘ช่วยสร้าง’ จำเป็นต้องใช้คำว่า ‘ให้พร’ หรือ ‘ประทาน’
เมื่อถ้อยคำภาษาเฮอร์มิสทยอยถูกเปล่งทีละหนึ่ง วิญญาณของลูเมี่ยนเริ่มสั่นสะเทือน เกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมหลายชั้น นำมาซึ่งความรู้สึกล่องลอยและวิงเวียน
เด็กหนุ่มเดินไปสองก้าว มองกวาดไปตามเนื้อของสัตว์ประหลาดน้ำ ตากิ้งก่า และสารสกัดดอกต้อยติ่ง หยิบกระดาษหนังแกะเทียมที่วาดลวดลายลึกลับขึ้น นำมันไปอังกับเทียนสีส้มที่แทนเป้าหมายการวิงวอน
เมื่อกระดาษหนังแกะเทียมติดไฟ ลูเมี่ยนนำไปวางในหลุมธรรมชาติบนก้อนหินใหญ่ที่ใช้เป็นแท่นบูชา แล้วเริ่มหยิบผงทิวลิปกับวัตถุดิบอื่นๆ ขึ้นมา โปรยลงไปบนเปลวเทียน
กลิ่นหอมแปลกๆ เริ่มผสมปนเป พริบตาเดียวก็กระจายไปทั่วกำแพงวิญญาณ ลูเมี่ยนเริ่มมองเห็นภาพมายาอยู่ตรงหน้า
ลวดลายของภาพมายาดูลึกลับ คล้ายคลึงกับที่วาดอยู่บนหนังแกะเทียม พวกมันลอยอยู่กลางอากาศ ขยับไปมา แล้วก็รวมตัวกันใหม่ สลับสับเปลี่ยนสถานะไปเรื่อยๆ
ลูเมี่ยนถอยหลังกลับมา กวาดตามองวัตถุดิบต่างๆ บนแท่นบูชา แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำเป็นภาษาเฮอร์มิส
“ทิวลิปเอ๋ย สมุนไพรแห่งชะตากรรม โปรดจงส่งพลังมายังคาถาของข้า!”
“…”
สิ้นพยางค์สุดท้าย คลื่นกระเพื่อมภายในดวงวิญญาณเริ่มซ้อนทับกัน มอบความรู้สึกราวกับว่า เพียงแค่ยื่นมือออกไป ก็สามารถสัมผัสถึงเปลวไฟเทียนไขได้ทันที
ตามคำแนะนำของพลังวิญญาณ ลูเมี่ยนยื่นมือขวาออกไป กดลงบนเปลวไฟในอากาศอันว่างเปล่า
นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีเข้ม พลังวิญญาณพรั่งพรูออกมา หลอมรวมเข้ากับแสงเทียน
แสงเทียนขยายตัวทันที ส่องแสงมายาปกคลุมทั่วแท่นบูชา
วัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำ ‘ยาผีบอก’ ที่วางรวมกันเริ่ม ‘กลับมามีชีวิต’ เริ่มเคลื่อนไหว เริ่มผสมผสานเข้าด้วยกัน เลือดสดสีแดงหมุนวนเป็นเส้นเกลียว เงามืดหมุนวนเป็นเส้นเกลียว สร้างบรรยากาศอันน่าขนลุก
ลูเมี่ยนพยายามรักษาระดับพลังวิญญาณให้คงที่ พลางเฝ้ามองวัตถุดิบที่เคยจับต้องได้ ทยอยกลายเป็นภาพลวงตาแล้วผสานเป็นเนื้อเดียวกัน
ภาพลวงตาสีแดงเข้มที่แต่งแต้มด้วยสีเงินดำ กลายเป็นของจริงขึ้นมา แข็งตัวเป็นมวลของเหลวมืดคล้ำ
จากภายในมวลของเหลว ฟองอากาศจำนวนมากทยอยผุดพองแล้วแตกออก ทุกครั้งที่ฟองแตก จะมีแสงสีเงินดำเลื้อยคลานออกมาราวกับงู
ลูเมี่ยนเดินเข้าไปสองก้าว หยิบขวดโลหะใบเล็กที่วางบนแท่นบูชาขึ้นมา คลายเกลียวเปิดฝา แล้วนำปากขวดไปวางใต้ของเหลวนั้น
ของเหลวมืดคล้ำดำเข้ม ไหลเข้าไปในขวดทันทีจนเกือบเต็ม
หลังจากวางขวด ‘ยาผีบอก’ ให้ตั้งตรงอย่างมั่นคง ลูเมี่ยนเริ่มปรับสภาพจิตใจตัวเอง
เด็กหนุ่มฝืนข่มพลังวิญญาณที่กำลังกระเพื่อมให้สงบลง พลางระลึกถึงกระบวนการที่ผ่านมา
“ถ้ามิใช่เพราะสัญลักษณ์หนามถูกกระตุ้นกึ่งหนึ่ง จนช่วยเพิ่มระดับของตัวเรา พิธีคงล้มเหลวโดยที่เราไม่สามารถตอบสนองคำเรียกของตัวเอง… สำหรับอาคมพิธีกรรมที่คล้ายคลึงกัน เราคงทำติดๆ กันได้แค่สองครั้งเท่านั้น…” ความคิดอันว้าวุ่นของลูเมี่ยนค่อยๆ ตกผลึก
อาคมพิธีกรรมทั้งห้าชนิด ความต้องการขั้นต่ำคงเป็นลำดับ 7 หรืออาจต้องเป็นถึง ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ การที่ลูเมี่ยนผู้เป็นเพียง ‘ภิกษุบิณฑบาต’ ลำดับ 8 สามารถกระทำจนสำเร็จลุล่วง ต้องยกความดีความชอบให้มลพิษที่ถูกผนึกในร่างกาย
มันคือเหตุผลที่พลังวิญญาณของเขาแทบจะไม่พอใช้
หลังจากยุติพิธีกรรมและเก็บกวาดแท่นบูชาจนเสร็จ ลูเมี่ยนสลายกำแพงวิญญาณ เดินไปยังถุงผ้าสีเทาขาวแล้วดึงศพด้านในออกมา
เด็กหนุ่มใจดีหมุนศีรษะกลับมาอยู่ด้านหน้า แล้วง้างปากให้เปิดออก
ท่ามกลางแสงสีน้ำเงินของโคมไฟคาร์ไบด์ ลูเมี่ยนหยิบยาผีบอกออกมาคลายเกลียวฝา แล้วเทของเหลวสีดำมืดเข้าไปในปากศพทั้งหมด
พวกมันมิได้ไหลลงไปในหลอดอาหาร แต่เหมือนกับน้ำขัง ยังคงกระจายอยู่ในช่องปาก
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนรับรู้ได้ว่าสายลมที่พัดผ่านโพรงเหมืองหิน เย็นขึ้นกะทันหัน และแสงโคมไฟคาร์ไบด์ก็เปลี่ยนเป็นสีฟ้ามากขึ้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มได้ยินเสียงกลืน และเห็นลำคอของศพเริ่มขยับ กลืนยาผีบอกเข้าไปทั้งหมด
วินาทีถัดมา ศพเปลือยลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง ห้อมล้อมด้วยความมืดที่ดูไม่ปกติ ชนิดที่แสงสว่างไม่อาจทะลวงผ่าน
บนใบหน้าอันซีดเซียวของศพ เปลือกตาเปิดขึ้นกะทันหัน นัยน์ตาสีน้ำตาลที่แต่เดิมไม่แวววาว บัดนี้โปร่งใสราวกับผลึกแก้ว
ในส่วนลึกของนัยน์ตาสีใส มีชั้นสีซ้อนทับกันหนาแน่น มีจุดแสงบริสุทธิ์ลอยนิ่ง มีร่างเงาจำนวนมากที่แทบจะมองไม่เห็น มีแสงสีเงินกะพริบระยิบระยับ…
กัดฟันทนต่อความหนาวเหน็บที่ราวกับเสียดแทงไปถึงกระดูก ลูเมี่ยนทำใจให้สงบแล้วเอ่ยปากถาม
“อดีตอธิการโบสถ์กิโยม·เบเนต์แห่งหมู่บ้านกอร์ตูในเขตดาลีแอช ในแคว้นไรสตันแห่งสาธารณรัฐอินทิส จะปรากฏตัวที่ใดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า?”
ในช่วงที่ผ่านมา ลูเมี่ยนคิดคำถามเตรียมไว้อย่างละเอียด
กฎของคำถามมีอยู่สี่ข้อ:
หนึ่ง ต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอนาคต ไม่สามารถถามว่าใครกำลังอยู่ที่ไหน หรือในอดีตเคยทำอะไรมา
สอง คำอธิบายต้องแม่นยำเพียงพอ ไม่อย่างนั้นอาจได้รับคำตอบไม่ตรงกับคำถาม อย่างชื่อกิโยม·เบเนต์ ก็พบได้ทั่วไปในภูมิภาคอื่นของอินทิส ถ้าไม่ระบุพื้นเพให้แน่ชัดจนถึงระดับหมู่บ้าน ศพอาจนำอนาคตของกิโยม·เบเนต์อีกคนมาบอกแทน
สาม ไม่ว่าศพจะเป็นชนชาติใด พูดภาษาที่ตรงกับคำถามได้หรือไม่ มันจะตอบด้วยภาษาที่ใช้ถามเสมอ
สี่ ในหนึ่งคำถามต้องมีประเด็นให้ตอบแค่ประเด็นเดียว ไม่สามารถถามโลภๆ อย่าง ‘จะเกิดขึ้นเมื่อไร? ที่ไหน?’
ใบหน้าอันซีดเซียวของศพเปลี่ยนเป็นเขียวอมเทา ปากเปิดกว้าง พูดด้วยภาษาอินทิสใจความว่า
“เขตเจ้าหญิงสีชาด ทรีอาร์”
เสียงดังกล่าวฟังดูล่องลอย ฟังดูไม่จริง ราวกับมาจากโลกอื่น แตกต่างจากเสียงผู้ตายคนละขั้ว
ขอบเขตคำตอบที่แคบที่สุด คือเขตเจ้าหญิงสีชาด? ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว
เด็กหนุ่มพอจะเข้าใจได้อยู่ เพราะนี่มิใช่ ‘ยาผีบอก’ ที่ได้จากการสวดวิงวอนถึงองค์ซ่อนเร้น ผู้ผลิตยังเป็นเพียงภิกษุบิณฑบาต ผลลัพธ์จึงไม่ดีนัก
ลูเมี่ยนถามข้อสอง
“ฉันกับลูอิส·ลุนด์ อดีตพ่อบ้านของเจ้าหน้าที่ปกครองในหมู่บ้านกอร์ตู เขตดาลีแอช แคว้นไรสตัน สาธารณรัฐอินทิส จะได้เจอกันอีกครั้งที่ไหน?”
เขามิได้ถามถึงคุณนายปัวริส เพราะไม่แน่ใจว่าเธอกับ ‘คุณนายราตรี’ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร เกรงว่าระดับของเธอจะสูงส่งเกินไป จนทำให้การทำนายล้มเหลว
ศพมองตรงด้วยนัยน์ตาโปร่งใสอันไร้ชีวิตชีวา มอบคำตอบด้วยเสียงที่ราวกับมาจากอีกโลกหนึ่ง
“ถนนใหญ่ตลาด เขตตลาดคนซื่อ ทรีอาร์”
ถนนใหญ่ตลาด? ลูอิส·ลุนด์ไม่ได้บังเอิญผ่านมาแถวนี้จริงๆ ด้วย… ลูเมี่ยนครุ่นคิดอย่างพึงพอใจ
ขณะเด็กหนุ่มตรึกตรอง ก็พบว่าภาพมายาแปลกๆ ที่สะท้อนบนกระจกตาสีใสของศพเริ่มจางลง จึงรีบถามเรื่องที่สาม
“ในคืนวันศุกร์หน้า ระหว่างเวลาห้าทุ่มถึงเที่ยงคืน มิสเตอร์เอฟฟ์เจ้าของโรงแรมระกาทองในเขตตลาดคนซื่อ กรุงทรีอาร์ จะอยู่ที่ไหน?”
ลูเมี่ยนเคยเห็นมิสเตอร์เอฟฟ์เดินลงใต้ดินในช่วงเวลาดังกล่าว จึงอยากถามถึงจุดหมายปลายทางอย่างละเอียด
และเมื่อคำนึงว่ามิสเตอร์เอฟฟ์เพิ่งจะถูก ‘ปล้น’ และถูกตำรวจเรียกสอบปากคำ ในเร็วๆ นี้คงยังไม่กล้าลงใต้ดิน ลูเมี่ยนจึงระบุเป็นเวลาเดิมในวันเดียวกันของสัปดาห์หน้า
ศพมอบคำตอบอย่างรวดเร็ว
“โรงละครกรงพิราบเก่า เขตตลาดคนซื่อ ทรีอาร์”
พูดจบศพก็หงายหลังพร้อมกับเสียงตุ้บ ดวงตาปิดสนิท ร่างกายส่งกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนศพตายซาก
ไปที่โรงละครกรงพิราบเก่าอีกแล้ว… ลูเมี่ยนยัดศพกลับเข้าถุงผ้า เตรียมนำไปฝังไว้ใต้ดินลึกๆ
…
หน้าอาคารสามชั้นสีขาวครีม
ชายไร้บ้านเจ้าของหนวดเครารกรุงรัง ถูกกลุ่มคนรับใช้ชายต้อนชิดกับเสาอิง
“ผ…ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาพูดอย่างหวาดกลัว
ขณะนั้น ชายที่แต่งกายคล้ายพ่อบ้านเดินเข้ามา เผยสีหน้าประหลาดใจเสียเต็มประดา
“นายท่าน…? เป็นนายท่านจริงๆ ด้วย!”
“หา?” ชายไร้บ้านทำหน้ามึนงง
พ่อบ้านดูตื่นเต้นมาก
“นายท่านลืมไปแล้วหรือครับ? คุณเป็นเจ้าบ้านของที่นี่ และพวกเราคือคนรับใช้… อยู่มาวันหนึ่ง คุณได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจนสูญเสียความทรงจำ วันดีคืนดีก็วิ่งหนีออกจากบ้านมา…”
“พวกเราตามหาตัวคุณมาหลายเดือนแล้ว! นายท่านยังจำบ้านของเราได้จริงๆ … ในที่สุดคุณก็กลับมาอีกครั้ง!”
“ผมไม่ใช่… ไม่ใช่…” แม้ชายไร้บ้านยังจดจำเรื่องราวของตนได้ชัดเจน
แต่พ่อบ้านกับคนรับใช้ชายไม่คิดจะฟังคำอธิบาย ดึงดันจะพาเข้าไปในอาคารสามชั้น
“คุณนาย! คุณนาย! นายท่านกลับมาแล้วครับ!” พ่อบ้านตะโกนด้วยเสียงตื่นเต้น
ไม่นานนัก ชายไร้บ้านก็ได้พบกับหญิงงามแสนสง่า
สุภาพสตรีรายนี้สวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน ดวงตาและคิ้วเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสตรีที่มิอาจปกปิด
เธอดีใจจนหลั่งน้ำตา พลางโผเข้ากอดชายไร้บ้าน
“ที่รัก… คุณกลับมาแล้ว… ในที่สุดคุณก็กลับมา!”
ได้กลิ่นน้ำหอมที่หวานอ่อนๆ ผสมนม ได้สัมผัสเรือนร่างอันอ่อนนุ่มที่มีส่วนสัด คำพูดของชายไร้บ้านที่พยายามอธิบายว่าตนมิใช่สามีเธอ ถูกกลืนกลับลงท้องทันที
เขาถูกพาไปอาบน้ำด้วยใบหน้าเหม่อลอย ถูกพาไปยังห้องรับประทานอาหาร ได้เห็นอาหารค่ำเลิศรสใต้โคมไฟระย้าคริสตัล
หอยนางรมนับสิบตัว ไก่อบหม้อดิน สตูเนื้อลูกพลัมแห้ง ซูอิทพุดดิ้ง (Suet Pudding) จานสลัด ไวน์ขาวชาร์โดแน (Chardonney)…
ขณะเดียวกัน ชายไร้บ้านยังเห็นภาพวาดสีน้ำมันที่แขวนไว้ห้องรับประทานอาหาร
หนึ่งในนั้นคือภาพเหมือน ซึ่งละม้ายคล้ายคลึงตนมาก
นี่คือเราจริงหรือ? แต่เราจำทุกเรื่องที่เคยผ่านมาในชีวิตได้… หรือเป็นคนหน้าเหมือน? ชายไร้บ้านยิ่งสับสน
หลังจากกินดื่มจนอิ่มหนำ เขาถูกพาไปยังห้องนอน ไม่นานหลังจากนั้น สุภาพสตรีเลอโฉมผู้สง่างาม เดินเข้าห้องมาในชุดนอนผ้าไหม
เธอพูดด้วยสายตาเว้าวอน
“คุณยังจำความเร่าร้อนของเราได้ไหม?”
ชายไร้บ้านเริ่มหายใจหอบถี่ พลางเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างมิอาจหักห้ามใจ
ทั้งสองโอบกอดกัน ทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเร่าร้อนสุดขีด
ในวินาทีนี้ ชายไร้บ้านเริ่ม ‘เชื่อ’ ว่าตนคือเจ้าบ้าน มีภรรยาคนงาม มีพ่อบ้านมืออาชีพและคนรับใช้มากมาย
และแม้กระทั่งว่า หากเจ้าบ้านตัวจริงกลับมา เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นตัวปลอม!
…
ลูเมี่ยนกลับขึ้นมายังผิวดิน ถือโคมไฟคาร์ไบด์ที่ดับแล้ว เดินเข้าโรงแรมระกาทอง
เมื่อคุณนายเฟลส์ที่แผนกต้อนรับเห็นเด็กหนุ่ม ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ชาร์ล… มิสเตอร์ชาร์ลคะ บารอนบรินิแยร์แจ้งว่า ให้คุณไปพบเขาที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยหลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ”
บารอนบรินิแยร์อยากเจอเรา? มีเรื่องอะไร? ลูเมี่ยนพยักหน้าเล็กน้อย
……………………………………………………..