ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 160 ไม่ปกติ
ตอนที่ 160 ไม่ปกติ
ออสตา·ทรูเอลไม่เคยกังขาว่าชาร์ลจะจัดการกับสัตว์ประหลาดน้ำได้หรือไม่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทำได้ง่ายดาย ซ้ำยังโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้
ยังกับผู้ใหญ่รังแกเด็ก
ในใจของออสตาเริ่มผุดคำถามเดิมอีกครั้ง
ชาร์ลอยู่บนเส้นทางไหน ลำดับอะไรกันแน่?
ทำไมถึงต่อสู้ได้ดีนัก แถมยังมีพลังทำนายที่แม่นยำ?
ในมิติที่เต็มไปด้วยคราบสีแดงและเหลืองอ่อน ลูเมี่ยนนั่งยองลง ดึงกริชเงินพิธีกรรมออกมาแทงเข้าไปในบาดแผลที่ถูกกระแทกจนเปิด และเริ่มลงมือแล่เนื้อสัตว์ประหลาดน้ำ จากนั้นก็ทยอยใส่แผ่นเนื้อเข้าไปในกล่องไม้ว่างๆ ที่เตรียมไว้ล่วงหน้า โดยจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อทำจนเต็มสองกล่อง หลังจากเก็บเกล็ดที่ส่องแสงสีน้ำเงินจางๆ เด็กหนุ่มก็หยิบขวดโลหะใบเล็กออกมา เพื่อรับเลือดของสัตว์ประหลาดที่กำลังไหลรินไม่ขาดสาย
ออสตาเห็นดังนั้นก็เดินเข้ามาใกล้สัตว์ประหลาดน้ำทีละก้าว อดทนรออย่างใจเย็นอยู่ข้างๆ
ไม่นานนัก ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน หมุนตัวแล้วเดินกลับทางเดิมที่เข้ามา
ออสตา·ทรูเอลรีบนั่งยอง เริ่มเก็บเลือด แผ่นเกล็ด และเครื่องในที่เขารู้สึกว่ามีพลังวิญญาณเข้มข้น
ออสตาหันไปมองลูเมี่ยนเป็นพักๆ แลเห็นอีกฝ่ายเดินห่างออกไปทุกขณะ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอตน
สิ่งนี้ทำให้ออสตาเริ่มเครียดปนตื่นตระหนก
อย่างไรเสีย แม้ชาร์ลเพิ่งจะจัดการกับสัตว์ประหลาดน้ำอย่างง่ายดาย แต่คำนึงจากฝีมือของมันเท่าที่เห็น มีโอกาสไม่น้อยที่ออสตาจะเป็นฝ่ายถูกสัตว์ประหลาดเขมือบเสียเอง หากเขาต้องอยู่ตามลำพังข้างลำธารใต้ดินอันมืดมิด แล้วเกิดมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นถูกกลิ่นเลือดดึงดูดมา นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทันที!
ออสตารีบเก็บวัตถุดิบที่ตนตัดออกมา ไม่กล้าพิรี้พิไรแช่อยู่นานนัก กลั้นใจทิ้งศพสัตว์ประหลาดน้ำที่ยังเหลืออย่างน้อยเก้าในสิบส่วน รีบตามลูเมี่ยนออกไปอย่างร้อนรน
เมื่อแสงจากโคมไฟคาร์ไบด์ของทั้งสองลับสายตาไปตรงทางแยก มิติรอบๆ ก็กลับคืนสู่ความมืดมิดตามเดิม เหลือเพียงเสียงน้ำไหลดังอยู่เนืองๆ
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ กลุ่มนักศึกษาที่มาหาความตื่นเต้นใต้ดิน ถือตะเกียงน้ำมันก๊าดเดินผ่านเข้ามา
พวกเขาเห็นผนังหินที่ยุบเข้าไป เห็นร่องรอยความเสียหายประปราย เห็นทางเดินอันยุ่งเหยิงที่เต็มไปด้วยรอยแตก
แต่นอกจากร่องรอยเหล่านี้ ทุกสิ่งยังคงเงียบสงัด ไม่มีศพของสัตว์ประหลาดน้ำ ไม่มีคราบเลือด
…
หลังจากอำลาออสตา·ทรูเอล ลูเมี่ยนขึ้นรถม้าสาธารณะ เดินทางกลับเขตตลาดคนซื่อ
หลังจากหยิบวัตถุดิบอื่นๆ จากห้อง 207 โรงแรมระกาทอง เด็กหนุ่มถือโคมไฟคาร์ไบด์เดินเข้าสู่โลกใต้ดินอีกครั้ง
ปลายทางของเขาคือโพรงเหมืองหินที่ใช้ประกอบพิธีกรรมคราวก่อน เด็กหนุ่มต้องทำ ‘ยาลับ’ สำหรับพิธีดูดวงให้เสร็จก่อนมืด พอตกกลางคืนจะได้แอบเข้าโรงพยาบาลใกล้ๆ เพื่อรื้อห้องเก็บศพหาศพที่เพิ่งตาย
ขณะลูเมี่ยนเดินลงไปเรื่อยๆ ก็มีอันต้องชะลอฝีก้าว
อาศัยแสงจากโคมไฟคาร์ไบด์ เขาเห็นรอยเท้าที่ค่อนข้างชัดและใหม่ บนทางเดินที่ค่อนข้างชื้น
“รอยเท้าหนักมาก…” ลูเมี่ยนสำรวจอยู่สักพัก ก่อนจะแสดงความเห็นด้วยการรำพันเงียบ
ดูจากรอยเท้าเพียงอย่างเดียว เด็กหนุ่มเชื่อว่าคนที่เพิ่งผ่านไป มีน้ำหนักมากกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม หรืออาจแบกของที่มีน้ำหนักไม่เบา
“รอยเท้าใคร? ลงมาทำอะไรใต้ดิน? พวกลักลอบขนส่ง?” ลูเมี่ยนเพียงลองคาดเดาดู แต่ไม่คิดจะไล่ตามไป
โลกใต้ดินทรีอาร์มีคนเดินขวักไขว่เป็นประจำอยู่แล้ว ถ้าต้องมัวสนใจทุกรอยเท้า สักวันคงได้เหนื่อยตาย
เหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายไม่เคยบาดหมางกับตน ตราบใดที่ไม่ส่งผลเสียต่ออาคมพิธีกรรมที่ตนกำลังจะจัด ถึงอีกฝ่ายจะเตรียมฆ่าคนปิดปากก็มิใช่ธุระกงการของตน
ลูเมี่ยนหมุนวาล์วเพื่อควบคุมปฏิกิริยาระหว่างคาร์ไบด์กับน้ำ ลดความจ้าของแสงไฟลง จนบรรยากาศค่อนข้างสลัว
เขากังวลว่าเจ้าของรอยเท้าอาจอยู่ไม่ไกลข้างหน้า และมีโอกาสชำเลืองเห็นแสงสว่างจนย้อนกลับมา
เดินไปได้อีกนิด ลูเมี่ยนฟุดฟิดจมูกกะทันหัน
เขาได้กลิ่นที่ค่อนข้างคุ้น
กลิ่นน้ำหอมที่ปลุกเร้าอารมณ์บุรุษ ผสมกับกลิ่นที่เอนเอียงไปทางส้มเบาๆ
หลังจากนึกอยู่ไม่นาน ลูเมี่ยนก็ระบุเจ้าของกลิ่นได้
‘กะหรี่น้อย’ จินนา นักร้อง ‘นางพญา’ !
นี่คือรอยเท้าเธอ? ไม่มีทาง… สตรีผู้นั้นจะหนักเกินหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้อย่างไร? ไม่ได้ทำมาจากเหล็กสักหน่อย! แล้วอีกอย่าง นี่เป็นรอยเท้าของผู้ชายแน่นอน… ลูเมี่ยนเร่งประมวลผลจนตกผลึกได้สองประเด็น
“หากจินนามิใช่ผู้เชี่ยวชาญการปกปิดรอยเท้า เธอก็ต้องถูกผู้ชายสักคนแบกไว้บนหลัง…”
“น้ำหนักรวมของคนสองคนต้องเกินหนึ่งร้อยกิโลกรัมอยู่แล้ว…”
“คำนึงจากรอยเท้าอย่างเดียว ผู้ชายคนนั้นสูงราวๆ 1.65 เมตรถึง 1.7 เมตร… ท่าทางการเดินดูแปลกๆ …”
คิดมาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย
เด็กหนุ่มเริ่มนึกฉงนใจ อยากตามไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับจินนา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เธอเตรียมจะทำอะไร
ต้องไม่ลืมว่า ‘นางพญา’ รายนี้ถูกลือว่าเป็นคู่รักของ ‘บูตแดง’ ฟรังก้า เหตุการณ์ที่เธอมีส่วนเกี่ยวข้อง อาจพัวพันกับความลับบางอย่างของพรรคซาฟาห์
สำหรับลูเมี่ยนที่ต้องการ ‘เลื่อนขั้น’ นี่อาจเป็นโอกาสหนึ่ง
ลูเมี่ยนปรับลดแสงของโคมไฟคาร์ไบด์เพิ่ม ตั้งใจว่าเมื่อหมุนวาล์วปิดมัน ไฟจะดับลงในทันที
เด็กหนุ่มตามรอยเท้าไป เดินเลียบเงาริมทางในอุโมงค์ คอยมองไกลอยู่ตลอด เตรียมดับไฟทันทีหากพบอะไรไม่ถูกไม่ควร
เมื่อรอยเท้าเริ่มดูใหม่ คล้ายกับเพิ่งถูกทิ้งไว้ เขารีบดับโคมไฟคาร์ไบด์และเดินตามเส้นทางในความทรงจำ ก้าวเดินต่อไปในความมืด
ไม่นานนักเด็กหนุ่มมาถึงทางแยก แลเห็นเสี้ยวแสงสีน้ำเงินสว่างมาจากริมผนังหินฝั่งซ้าย
ลูเมี่ยนสวมถุงมือดำ เคลื่อนตัวเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ
สุดปลายทางเดินมีถ้ำหินเล็กๆ แสงไฟส่องออกมาจากในนั้น
ลูเมี่ยนพิงหลังกับผนังหิน ซ่อนกายในความมืด โน้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองเข้าไป
บริเวณกลางถ้ำที่พื้นค่อนข้างเรียบ มีโคมไฟคาร์ไบด์สีเหล็กดำทรงหยาบๆ วางอยู่
ไม่ไกลจากโคมไฟ ในจุดที่แสงสว่างกว่า มีถุงผ้าใบใหญ่สีเทาขาวที่ค่อนข้างตุงวางอยู่
ข้างถุงผ้าคือชายคนหนึ่ง สวมหมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงิน กางเกงผ้าขนแกะหยาบที่นิยมในเขตตลาด แจ็กเกตสีเข้มกว่ากางเกงเล็กน้อย ทับในน่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตผ้าลินิน
ชายคนดังกล่าวหายใจค่อนข้างหอบ สูงราวหนึ่งเมตรเจ็ด ใบหน้ามองจากมุมข้างค่อนข้างซูบ ภาพรวมดูเหนื่อยล้า นัยน์ตาสีน้ำตาลแฝงแรงกระหายอย่างไม่เก็บซ่อน
ลูเมี่ยนมองต่ำลงมา พบว่าเป้ากางเกงอีกฝ่ายตุงออกมาแล้ว
เด็กหนุ่มรำพันในใจ
“แข็งแล้ว? ไม่แปลกที่เดินช้า รอยเท้าก็ดูประหลาดๆ จนเราตามทัน”
เขายิ่งมั่นใจว่าในถุงผ้านั่นคงเป็น ‘กะหรี่น้อย’ จินนา
เธอน่าจะถูกจู่โจมโดย ‘ผู้ลักพาตัว’ หรือ ‘โจรปล้นสวาท’
ขณะนี้ ฝ่ายชายถอดหมวกแฟลตแก๊ปออก โยนมันไปด้านข้างพลางหายใจหอบ
ลูเมี่ยนได้เห็นหน้าตาอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
คิ้วสีน้ำตาลหร็อมแหร็มสะเปะสะปะ หางตาตกเล็กน้อย ปลายจมูกแดงเรื่อ ริมฝีปากแห้งแตก สีหน้าดูไม่มีแรง มีร่องรอยความอ่อนเพลียจากการทำงานหนักเกินพอดี
ชายคนดังกล่าวคุกเข่าลง แกะถุงผ้า นำ ‘ของ’ ด้านในออกมา
ตามที่ลูเมี่ยนเดาเอาไว้ภายในถุงคือ ‘นางพญา’ จินนา
ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ปกติจะเกล้ามวย ถูกปล่อยกระจัดกระจายไปตามลำตัว ดวงตาปิดสนิทล้อมรอบด้วยเงามืด แต่งกายด้วยเสื้อสั้นสีขาวกับกระโปรงสั้นฟูสีขาวอมเหลือง ไม่แน่ใจว่ายังไม่ได้วาดจุดดำบนใบหน้า หรือถูกเสียดสีจนเลือนหายไป
ขณะที่คนร้ายนำตัวจินนาออกมา ไม่มีแม้สักวินาทีเดียวที่จะหยุดลูบไล้เธอ ลมหายใจสั่นกระเส่าจนต่อให้ลูเมี่ยนไม่ใช่ ‘นักล่า’ ก็สามารถได้ยินชัดเจน
แรงกระหายมากไปหน่อยไหม…? ยังกับพวกจิตไม่ปกติ… ความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นในใจลูเมี่ยน
สำหรับเหตุการณ์ตรงหน้า เด็กหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยจินนา เพราะหากทำสำเร็จ เมื่อไรก็ตามที่บอสใหญ่พรรคซาฟาห์ตัดสินใจเพิ่มตำแหน่ง ‘หัวหน้าหน่วย’ คนใหม่ ก็มีโอกาสสูงที่ ‘บูตแดง’ ฟรังก้าจะช่วยสนับสนุนตน
แน่นอน การช่วยคนไม่ควรใจร้อน ลูเมี่ยนอยากดูลาดเลาอีกสักพัก คอยสังเกตว่าคนร้ายมีพลังวิเศษหรือไม่ มีพลังแบบไหน ถึงได้กล้ากระตุกหนวดหัวหน้าหน่วยของพรรคซาฟาห์ ‘บูตแดง’ ฟรังก้า
เด็กหนุ่มวางแผนลงมือในจังหวะที่คนร้ายถอดกางเกงออก จนไม่สามารถจดจ่ออยู่กับสิ่งรอบข้าง
น่าเสียดาย ดันไม่มีอาวุธระยะไกล ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องยุ่งยากแล้ว… ลูเมี่ยนถอนหายใจเงียบ คิดไว้ว่าจะกลับไปขอให้พรรคซาฟาห์ช่วยจัดหาปืนสักกระบอก
คนร้ายยกมือขึ้น ลูบไล้ใบหน้าจินนาเบาๆ สองหน
จากนั้นก็หยิบขวดโลหะใบเล็กออกมา คลายเกลียวฝา แล้วนำมาจ่อจมูกหญิงสาว
ฮัดชิ่ว!
จินนาจามออกมาหนึ่งคำ พร้อมกับลืมตา
กระจกตาสีน้ำเงินของหญิงสาวสะท้อนใบหน้าคนร้าย จึงพลันตื่นตระหนกตกใจ สัญชาตญาณสั่งให้ร่างกายลุกพรวดขึ้นมา
ทันใดนั้น เธอพบว่าร่างกายอ่อนระทวยไปทุกส่วน ยากที่จะต่อต้านขัดขืน
“ไอ้เวร! ไอ้แม่เย็*! แกต้องการอะไร!” จินนาฝืนสบถด่าอย่างยากลำบาก
คนร้ายเผยรอยยิ้มอันไม่ปกติ
“รู้อะไรไหม… ฉันคอยนั่งดูเธอร้องเพลงจากด้านล่างเวทีเสมอ… ทุกครั้งก็อยากจะฉีกเสื้อผ้ากับกระโปรงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จับมาขังแล้วร้องเพลงให้ฉันฟังคนเดียว”
จินนาสบถด่าอย่างเดือดดาล
“ไอ้วิตถาร! อย่างแกสมควรโดนลาเย็*จนก้นบาน!”
“แกจบเห่แล้ว! พรรคซาฟาห์จะจับแกถ่วงแม่น้ำ!”
คนร้ายไม่ตอบ แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลส่องประกายแปลกประหลาด
ใบหน้าของจินนากลายเป็นแดงเรื่อทันที ลมหายใจเริ่มหนักช้า
ร่างกายกระตุกเล็กน้อย แววตาดูตกตะลึงกับปฏิกิริยาของร่างกาย
“เยี่ยมมาก… มีการต่อต้านอยู่บ้าง แต่ลึกๆ แล้วก็ให้ความร่วมมือ…” คนร้ายลุกขึ้นยืนด้วยความคาดหวัง รีบถอดเสื้อผ้า กางเกง และรองเท้าหนังออก
‘ผู้ชม’ อย่างลูเมี่ยนพลันตกตะลึง
ท่าทีของจินนาไม่ปกติ! เป็นอิทธิพลจากพลังวิเศษ?
ในกรุงทรีอาร์ ทั้งคนทั้งสุนัขมีพลังวิเศษกันหมดเลยหรือ?
จินนาถูกกระตุ้นด้วยแรงกระหาย? นี่มัน… เหมือนกับอิทธิพลที่เกิดจากซูซานน่า·มาติสและมิสเตอร์เอฟฟ์…
สมองลูเมี่ยนประมวลผลว่องไวปานสายฟ้า รีบชักกริชเงินพิธีกรรมออกมาสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อฝั่งขวา หันปลายมีดเข้าด้านใน ด้ามมีดแนบกับผ้าชั้นนอก
เด็กหนุ่มก้มตัวลงต่ำ กระโดดจากผนังหินเข้าไปในถ้ำ ขยับเข้าใกล้คนร้ายอย่างเงียบเชียบในจุดที่แสงส่องไม่ถึง
คนร้ายยังคงจดจ่ออยู่เพียงจินนา แววตาเปี่ยมไปด้วยความหื่นกระหาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มพิลึกพิลั่น สองมือปลดเข็มขัดเพื่อถอดกางเกง ตามองกวาดเรือนร่างของจินนา
เมื่อย่องพ้นจากร่มเงาสีดำ ลูเมี่ยนพลันกระโจนเข้าใส่ประหนึ่งเสือชีตาห์
……………………………………………………..