ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 150 เสียง
ตอนที่ 150 เสียง
หลังจากได้รับภูมิปัญญาทางศาสตร์เร้นลับ ลูเมี่ยนหวังไว้กับ ‘ศาสตร์การไล่ผี’ มากที่สุด เพราะดูเหมือนจะเป็นวิธีรับมือกับภัยคุกคามจากซูซานน่า·มาติสได้ชะงักงัน ในกรณีที่เธอยังมิได้ถูกผู้วิเศษของทางการชำระล้างดวงวิญญาณ
แต่เมื่อไตร่ตรองเกี่ยวกับ ‘ศาสตร์การไล่ผี’ อย่างถี่ถ้วน เด็กหนุ่มถึงได้พบว่าตนด่วนดีใจเกินไป
อาคมพิธีกรรมนี้สามารถขับไล่วิญญาณอาฆาตหรือวิญญาณมารได้จริง ช่วยให้พวกมันไม่กลับมารังควานอีก แต่มีเงื่อนไขอยู่สองข้อ ประการแรก ต้องรู้ชื่อจริงของวิญญาณ และมีสิ่งของที่อยู่กับเธอมายาวนานสมัยยังมีชีวิต ประการที่สอง ต้องมีเวลาเพียงพอสำหรับประกอบอาคมพิธีกรรมไล่ผี
เงื่อนไขข้อสองทำให้ ‘ศาสตร์การไล่ผี’ มิอาจถูกนำมาใช้ในการต่อสู้อันดุเดือด แต่เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ชาร์ลีเคยฝันถึงซูซานน่า·มาติสบ่อยครั้ง — แม้จะถูกรบกวนโดยวิญญาณอาฆาตหรือวิญญาณมาร แต่ยังไม่ใกล้ตายในเร็ววัน
แต่ในปัจจุบัน ลูเมี่ยนยังไม่ได้รับความเสียหายจากซูซานน่า·มาติสอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มากที่สุดก็แค่ถูกจ้องหน้า ‘ศาสตร์การไล่ผี’ จึงยังขาดเป้าหมาย ไม่สามารถบรรลุผลในการขับไล่
เมื่อซูซานน่า·มาติสลงมืออีกครั้ง เธอจะไม่อ่อนโยนกับลูเมี่ยนแน่นอน ไม่มัวสูบพลังชีวิตผ่านความฝันอันหอมหวานหลายๆ ครั้ง ไม่บรรจงลากเด็กหนุ่มเข้าสู่ความตาย คำนึงจากความเกลียดชังและความหวาดระแวงที่เคยแสดงให้เห็นก่อนหน้านี้ เธอคงลงมือในทันที หมายมั่นสังหารเหยื่อให้ตายคาที่
ในกรณีดังกล่าว ลูเมี่ยนจะไม่มีเวลาใช้ ‘ศาสตร์การไล่ผี’ เลย เว้นแต่จะมีคนช่วยปกป้องเขาสักสองสามนาที
“หรือควรพึ่งพาผู้วิเศษของทางการ? แต่นั่นเท่ากับว่าทางการจะพบตัวเรา… ปัญหาจะตามมาเป็นหางว่าว…”
“หรือว่า… ให้ชาร์ลีเสียสละตัวเองสักหน่อย ปลอบโยนซูซานน่า·มาติสด้วยคำหวานๆ และ ‘ทำอย่างว่า’ กับเธอบนโลกความจริง? ยิ่งหมอนั่นอึดแค่ไหน พิธีกรรมไล่ผีก็มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น… ฮะฮะ! วิธีนี้มันแหม่งๆ นะ เหมือนเคยอ่านเจอในวรรณกรรมใต้ดิน…” ลูเมี่ยนบ่นกับตัวเองเบาๆ
ในสาธารณรัฐอินทิสปัจจุบัน ถึงแม้จะใช้ ‘เสรีภาพ’ เป็นสโลแกน แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ได้เสรีขนาดนั้น
แง่หนึ่งก็เพื่อป้องกันมิให้เหล่าผู้คลั่งไคล้โรซายล์ฟื้นฟูอำนาจกลับมา ป้องกันมิให้พรรคเผาถ่านแอบสมคบคิดล้มล้างรัฐบาล ป้องกันมิให้ฝ่ายค้านสั่นคลอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล อีกแง่หนึ่งก็เพราะได้รับแรงกดดันจากศาสนจักรเทพจักรกลไอน้ำและสุริยันเจิดจรัสที่ค่อนข้างหัวเก่า สาธารณรัฐอินทิสจึงออกนโยบายตรวจสอบสื่อสิ่งพิมพ์อย่างเข้มงวด
พวกเขาทำแม้กระทั่งจัดสรรสายลับ หรือบ่มเพาะนักเขียนให้เป็นสายลับ เพื่อคอยตรวจสอบนักเขียนที่ผลิตผลงานอย่างต่อเนื่อง ป้องกันมิให้คนเหล่านี้ป่าวประกาศในสิ่งที่กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาชาติ รวมทั้งไม่ปล่อยให้มีเนื้อหาลามกอนาจาร หรือเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์อำนาจของศาสนจักร หลุดไปสู่สายตาผู้อ่านเป็นวงกว้าง
มีห้ามก็ต้องมีฝ่าฝืน ในที่สุดทรีอาร์ก็กลายเป็นตลาดวรรณกรรมใต้ดินขนาดมหึมา ซ้ำยังแพร่กระจายไปยังแคว้นข้างเคียง
โอลัวร์เคยซื้อหนังสือเหล่านี้มาจำนวนหนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็น และไม่อนุญาตให้น้องชายเปิดอ่าน โดยนำไปซ่อนไว้ในมุมอับสายตาที่สุดของตู้หนังสือ แต่มีห้ามก็ต้องมีฝ่าฝืน ลูเมี่ยนเคยแอบอ่านสักเล่มหนึ่ง แล้วก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด
หนังสือเล่มดังกล่าวรวบรวมคำวิจารณ์ที่มีต่ออำนาจของศาสนจักร คำวิจารณ์ต่อความฟุ่มเฟือยและความตกต่ำของบุคลากรทางศาสนา ผสมผสานเข้ากับสื่อลามก โดยใช้ชื่อหนังสือว่า ‘สงฆ์ผู้ไล่สุนัข’
แผนการใช้ชาร์ลียั่วยวนซูซานน่า·มาติสที่ลูเมี่ยนนึกขึ้นได้เมื่อสักครู่ มีกลิ่นอายของวรรณกรรมใต้ดินอยู่เต็มเปี่ยม
“นอกจากนั้น เรายังไม่มีของใช้ประจำตัวของซูซานน่า·มาติสเป็นสื่อกลาง แต่สองสามวันหลังจากนี้คงต้องลองค้นหาดู ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะใช้ได้หรือไม่ การมีติดตัวไว้ย่อมดีกว่าเสมอ…” ลูเมี่ยนดึงความคิดกลับมา ประเมินว่าอาคมพิธีกรรมอีกสี่ชนิดมีความหมายอย่างไร และสำคัญต่อตัวเขาอย่างไร
ตามความคิดของเขา ‘ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์’ ทั้งน่าอัศจรรย์ ชั่วร้าย น่าขนลุก และน่าหวาดหวั่น
หากใช้งานในจังหวะเหมาะสม มันจะมีประโยชน์อย่างไม่น่าเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนตัวประกันให้เป็นสัตว์อย่างแกะ วัว หรือม้า แล้วพาพวกมันออกมาอย่างเปิดเผย ซ้ำยังสามารถใช้กับตัวเอง เพื่อแฝงตัวเข้าไปในสถานที่ที่เข้าไม่ได้ด้วยวิธีการปกติ แต่ส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะในการต่อสู้อันดุเดือด อาคมพิธีกรรมนี้แทบจะไร้ประโยชน์
ตามภูมิปัญญาศาสตร์เร้นลับที่เพิ่มพูนเข้ามาในหัวลูเมี่ยน เป้าหมายการสวดวิงวอนใน ‘พิธีสร้างปศุสัตว์’ สามารถเป็นได้ทั้งองค์ซ่อนเร้นที่มี ‘ชะตากรรม’ อยู่ในพระนาม หรือองค์สูงส่งที่เพิ่งทราบชื่อแต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร หรือแม้กระทั่งตัวเขาเอง
แน่นอน เงื่อนไขคือต้องมีพลังวิญญาณเพียงพอและสถานที่เหมาะสม โดยโอกาสประสบความสำเร็จจะต่ำกว่าสองพิธีกรรมแรกมาก เช่นเดียวกับระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์
สำหรับศาสตร์การสร้างปศุสัตว์ อย่างเร็วสุดควรใช้เมื่อเป็น ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ที่เทียบเท่าลำดับ 7 หรือสูงกว่า โอกาสประกอบพิธีกรรมสำเร็จจะเพิ่มขึ้น และผลลัพธ์จะดียิ่งขึ้น
อาศัยมลพิษที่ผนึกอยู่ในตัว ลูเมี่ยนไม่กังวลเรื่องที่ลำดับยังไม่สูงพอ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าพลังวิญญาณของตนสูงพอที่จะรองรับ ‘ศาสตร์การสร้างปศุสัตว์’ หรือไม่ และถ้าได้จะทนได้กี่ครั้ง
นอกจากศาสตร์การสร้างปศุสัตว์ อีกสี่พิธีกรรมก็สามารถใช้ตัวเองเป็นเป้าในการสวดวิงวอนได้เช่นกัน แต่โอกาสสำเร็จและคุณภาพนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อาศัยหลักการดังกล่าว ลูเมี่ยนเชื่อว่าอาคมพิธีกรรมทั้งห้าสามารถทำให้ ‘เรียบง่าย’ ขึ้นได้ในลำดับสูงๆ จนมีประโยชน์ในการต่อสู้จริง ยกตัวอย่างเช่น เพียงแค่ห่อศัตรูด้วยหนังแกะและท่องคาถาที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ก็สามารถเปลี่ยนอีกฝ่ายให้กลายเป็นแกะได้ทันที
“ตามความเข้าใจของเรา ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ที่เทียบเท่าลำดับ 7 คงยังไม่สามารถทำให้ ‘เรียบง่าย’ ขึ้นได้ ส่วนลำดับ 4 อย่าง ‘คนในวง’ ก็มีระดับสูงเกินไป คงไม่มัวยึดติดกับเวทมนตร์ง่อยๆ แบบนี้… ที่เหลือก็คือ ‘นักล่าชะตากรรม’ ที่เทียบเท่าลำดับ 5… หรือจะเป็นลำดับ 6 ที่เรายังไม่ทราบชื่อ?” ลูเมี่ยนวิเคราะห์ตามความเคยชิน
สำหรับ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ เด็กหนุ่มเชื่อว่าตอนนี้สามารถใช้เพื่อ ‘ช่วยเหลือ’ ผู้อื่นได้อย่างเดียว มิอาจนำมาใช้กับตัวเอง เพราะชะตากรรมของตนได้รับอิทธิพลอย่างลึกซึ้งจากมลพิษในตัว และมลพิษในตัวก็ถูกผนึกโดยองค์ผู้ยิ่งใหญ่อีกทอดหนึ่ง เว้นเสียแต่จะสวดวิงวอนถึงอำนาจแห่งชะตากรรมโดยตรง คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรม หรือก็คือ ต้องรอให้ถึงลำดับ 5 นักล่าชะตากรรมเสียก่อน จึงจะสามารถเลือกเปลี่ยนชะตากรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับองค์เบื้องสูงเหล่านี้ได้
‘ศาสตร์การสลับตัว’ ยิ่งซับซ้อนเกินไป และยังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันกับงานต่างๆ ของลูเมี่ยนด้วย หากยังมีทางอื่นให้เลือกเดิน เขาจะยังไม่พิจารณาใช้มัน
เมื่อเทียบกันแล้ว ‘ศาสตร์การดูดวง’ เป็นอาคมพิธีกรรมที่ง่ายต่อการบรรลุเงื่อนไขและมีประโยชน์อย่างยิ่ง
ลูเมี่ยนวางแผนที่จะรวบรวมข้อมูลสำคัญจากพิธีกรรมนี้ โดยเริ่มจากตามหาศพ เพื่อสอบถามถึงอนาคตของชาร์ลีแล้วนำมาวิเคราะห์ช่วงเวลาคร่าวๆ ที่ซูซานน่า·มาติสจะโจมตีอีกครั้ง รวมถึงถามเกี่ยวกับอนาคตของลูอิส·ลุนด์ เพื่อค้นหาที่อยู่ของคุณนายปัวริสกับคนอื่นๆ
“น้ำลายสุนัข เครื่องในแมวป่า ลิ้นไฮยีน่า ไขกระดูกกวางตัวผู้ เนื้อของสัตว์ประหลาดน้ำหรือสัตว์ประหลาดทะเล ตาของกิ้งก่า หินจากรังอินทรี ถุงพิษงู และสมุนไพรมีพิษ วัตถุดิบเหล่านี้หาไม่ยากเท่าไร ยกเว้นเนื้อของสัตว์ประหลาดน้ำหรือสัตว์ประหลาดทะเล แต่ในข้อกำหนดพิธีไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นระดับไหน ในทางทฤษฎีแล้ว สัตว์ประหลาดน้ำที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดน้ำ เพียงแต่ผลลัพธ์อาจด้อยลงมา” ลูเมี่ยนไตร่ตรองอยู่สักพัก เมื่อพบว่าตนกลับมามีกำลังวังชาอีกครั้ง จึงเตรียมออกจากโพรงเหมืองหินใต้ดิน กลับไปยังโรงแรมระกาทอง
เพียงเด็กหนุ่มลุกขึ้นก็ต้องขมวดคิ้ว
เขาได้ยินเสียงบางๆ เบาๆ
เสียงดังกล่าวราวกับดังก้องอยู่ในหู!
ลูเมี่ยนข่มใจให้สงบ จดจ่อสมาธิเพื่อฟังเนื้อหาของเสียง
ทีละเล็กละน้อย เสียงดังกล่าวค่อยๆ คมชัดขึ้น แฝงพลังมากขึ้น น่าเกรงขามมากขึ้น
“ลูเมี่ยน·ลี!”
“ลูเมี่ยน·ลี!”
“…”
รู้จักชื่อเราด้วย? ลูเมี่ยนที่ถือโคมไฟคาร์ไบด์มองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่พบร่างใด ไม่พบความผิดปกติใดเลย
“ลูเมี่ยน·ลี!”
“ลูเมี่ยน·ลี!”
“…”
เสียงนั้นดังขึ้นหนแล้วหนเล่า ราวกับดังมาจากส่วนลึกของจิตใจลูเมี่ยน ดังจากภายในกายของเขา แต่ถูกเนื้อเยื่อ เครื่องใน และกระดูกขวางกั้นไว้ จนกลายเป็นเสียงสะท้อนทับซ้อนหลายชั้น
ภายใน… ทันทีที่ลูเมี่ยนยืนยันจนมั่นใจ ก็เริ่มผุดข้อสันนิษฐานบางอย่าง
เขากดเสียงลง ถามด้วยเสียงค่อย
“คุณเป็นใคร”
เสียงอันลึกซึ้งแต่ยิ่งใหญ่ที่ฟังดูล่องลอย มิได้เรียกชื่อซ้ำ แต่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมแทน
“ข้าคือเทวทูตของพระองค์ เทอร์มีโพลอส”
“พระองค์? พระองค์ไหน?” ลูเมี่ยนที่ตาเริ่มพร่า ยกมุมปากขึ้น
เด็กหนุ่มสงสัยว่าผู้พูดอาจเป็น ‘มลพิษ’ ที่ถูกผนึกอยู่ในตัวเขา หลังจากตนได้รับพร ‘ภิกษุบิณฑบาต’ และก้าวเข้าใกล้องค์ซ่อนเร้นที่มีชะตากรรมเป็นส่วนหนึ่งของพระนามมากขึ้น อีกฝ่ายอาศัยการเชื่อมโยงระหว่างกัน เพื่อส่งเสียงที่ปราศจากมลพิษเล็ดลอดออกมาอย่างยากลำบาก
เสียงอันลึกซึ้งที่ดังก้องภายในโสตประสาทลูเมี่ยน กล่าวอย่างเปี่ยมศรัทธา
“พระองค์คือผู้ปกครองแห่งวันวาน ต้นกำเนิดเหนือลำดับ องค์มหาวัฏจักรแห่งชะตา…”
เพียงคำดังกล่าวผุดขึ้นในใจ ลูเมี่ยนพลันหวาดผวาอย่างไร้เหตุผล ราวกับมีสายตาคู่หนึ่งทะลวงผ่านท้องนภาที่เต็มไปด้วยดาว ผ่านหมู่เมฆสีขาว ผ่านพื้นดินของกรุงทรีอาร์ ผ่านชั้นดินหนาๆ จนกระทั่งตกลงบนร่างตน
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนรีบกวาดสายตาไปรอบตัว ประหนึ่งว่าในความมืดรอบข้าง มีบุคคลที่มองไม่เห็นกำลังจ้องมองตนอยู่
สิ่งนี้ทำให้เขาเสียขวัญและอึดอัดใจจนแทบบ้า
ในเวลาเดียวกัน หมอกสีเทาอ่อนที่ไม่แน่ใจว่ามาจากไหน แผ่ปกคลุมมิติอย่างกะทันหัน ช่วยปลอบประโลมจิตใจของลูเมี่ยนจนสงบลงหลายระดับ
เด็กหนุ่มยิ้มเยาะใส่ตัวตนที่อ้างว่าเป็นเทวทูตเทอร์มีโพลอส
“แกคือคนที่ถูกผนึกอยู่ในตัวฉันสินะ?”
ไม่แน่ใจว่าเป็นเทวทูตตัวจริงเสียงจริงที่มีตะกอนพลัง หรือเป็นแค่เทวทูตระดับข้ารับใช้ที่ได้รับพร…
การยั่วยุดังกล่าวช่วยให้โอสถในตัวลูเมี่ยนถูกย่อยเพิ่มเติมเล็กน้อย
เทอร์มีโพลอสไม่โกรธไม่เคือง ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมปนสง่างาม
“ตราบใดที่เจ้าทำตามคำสั่งข้า ปล่อยข้าออกจากผนึก ข้าจะช่วยให้โอลัวร์·ลีกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
“เจ้าคงรู้อยู่แก่ใจดี พลังของพระองค์ท่านเกี่ยวพันกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต สามารถเปลี่ยนชะตากรรมให้กลายเป็นวัฏจักร”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะทำให้สถานะเศษวิญญาณของโอลัวร์·ลีย้อนกลับไปยังช่วงก่อนที่จะเริ่ม ‘พิธีสถิตร่าง’ … เจ้าแค่ต้องเตรียมร่างเนื้อที่มีชีวิตไว้ให้นาง”
ลูเมี่ยนเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามด้วยเสียงแผ่ว
“พิธีสถิตร่าง… พิธีกรรมในวันนั้น… มีเพื่อสร้างกายเนื้อให้แกลงมาสิงสถิตสินะ?”
……………………………………………………..