ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 144 เงื่อนไข
ตอนที่ 144 เงื่อนไข
ของปลอม? ลูเมี่ยนเลิกคิ้วขวาเล็กน้อย ราวกับได้ยินเสียงการเย้ยหยันจากโชคชะตาที่ไม่เมตตาต่อชาร์ลี
ชาร์ลียอมหันหลังให้หลักการอันเปราะบางของตน ใช้เวลาหลายวันนอนกับคุณนายอลิซ ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกร ซ้ำยังตกงาน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือสร้อยคอเพชรปลอม?
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูเมี่ยนรู้สึกว่าคนเราไม่ควรยอมจำนนต่อโชคชะตาง่ายๆ
แม้เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับเขา แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนพลอยได้รับผลกระทบ
ไอ้โชคชะตาเวรตะไล!
ถ้าแกเย้ยหยันมา ฉันก็จะเย้ยกลับ!
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนเริ่มคลำพบอีกหนึ่งกฎของการสวมบทบาทเป็นนักยั่วยุ แต่ก็ยังหยาบอยู่ จำเป็นต้องขัดเกลาเสียก่อน
เด็กหนุ่มมองหน้าชาร์ลี ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“นายคิดว่าคุณนายอลิซหลอกนาย หรือคนของโรงจำนำเห็นว่านายดูจน ไม่น่าจะรู้มูลค่าที่แท้จริงของสร้อยคอ จึงใช้เหตุผลนี้เพื่อกดราคาให้ต่ำๆ?”
“ฉ…ฉันไม่รู้” ชาร์ลีดูสับสนมาก เจ็บปวดมาก
เว้นวรรคไปสักพัก เขาเสริมอย่างยากลำบาก
“คงเป็นคุณนายอลิซ… ลองมองไปรอบๆ สิ มีคนเอาของมาจำนำนับไม่ถ้วน นักประเมินต้องตรวจสอบวันๆ นึงหลายร้อยชิ้น ได้เห็นของมีค่าผ่านตามากมาย คงไม่น่าจะโกงแค่ฉันหรอกกระมัง?”
“ท…ทำไมเธอถึงได้…”
ชาร์ลีพูดต่อไม่ไหว
โรงจำนำนี่แหละตัวเอาเปรียบทุกคนอย่างเท่าเทียมเลยล่ะ… ถ้ามีช่องให้กดราคาก็ไม่เคยยั้งมือ ยิ่งเป็นของราคาแพงก็ยิ่งกดราคาฮวบฮาบ… ลูเมี่ยนจิกกัดในใจอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะพูดยิ้มๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
“หลายคนที่รวยมากๆ ก็ไม่ได้ร่ำรวยเพราะขยันอย่างสุจริตหรอกนะ ในเมื่อหลอกได้ด้วยของปลอม ทำไมต้องให้ของจริงด้วยล่ะ?”
“คุณนายอลิซอาจเป็นคนรวยประเภทนั้น หรืออาจไม่ได้รวยสักเท่าไรด้วย แต่อาศัยการพักในโรงแรมหงส์ขาวเพื่อหลอกลวงคนหนุ่มอย่างนาย”
ลูเมี่ยนมิได้ปฏิเสธคนรวยทุกคน เพราะในกลุ่มดังกล่าว ส่วนมากก็ร่ำรวยได้ด้วยพรสวรรค์ ความสามารถพิเศษ ความขยัน และโอกาส เช่นโอลัวร์
หลังจากถูกเขาเหน็บแนมชุดใหญ่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าชาร์ลีเริ่มขยับชัดเจน
เขาพึมพำคนเดียวด้วยความขุ่นเคืองใจ
“ที่พูดมาก็ถูก… ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณนายอลิซไม่เคยชวนฉันไปกินมื้อใหญ่เลยสักครั้ง เอาแต่เรียกให้ไปบริการช่วงหนึ่งถึงสองทุ่ม…”
นายนี่หัวอ่อนจริงๆ … เป็นคนรีมูจริงหรือเนี่ย? ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้า
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าว
“ไปขอสร้อยคอคืนจากร้าน เราลองแวะโรงรับจำนำอื่นดู”
“มันอาจจะเป็นของแท้ก็ได้?”
ชาร์ลีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะขานตอบ
“ต…ตกลง!”
ใจจริงเขาก็ยังไม่ยอมแพ้
ลูเมี่ยนตักเตือนเสริม
“ตรวจสอบให้ดีล่ะ อย่าให้พวกเขาสับเปลี่ยนสร้อยของนายได้”
“อื้อ” ชาร์ลีพยายามทำตัวร่าเริง “ก่อนหน้านี้ฉันเอาแต่จ้องสร้อย จนจำทุกรายละเอียดของมันได้แล้ว!”
หลังจากได้สร้อยคอเพชรคืน ลูเมี่ยนตามชาร์ลีตระเวนไปยังโรงรับจำนำอีกสองแห่งในเขตหอดูดาว
ผลการประเมินยังเหมือนเดิม สร้อยคอเป็นของปลอม สามารถจำนำได้เพียงสิบเอ็ดถึงสิบห้าเฟลคิน
ชาร์ลียิ่งหดหู่ ยิ่งแตกสลายมากขึ้นเรื่อยๆ
ลูเมี่ยนหันไปมองอีกฝ่ายพลางพูดปลอบใจ
“อย่างน้อยก็ยังจำนำได้หลักสิบเฟลคิน เพียงพอให้นายอยู่ต่อได้อีกสักสัปดาห์ และยังมีเงินเหลือไปนั่งร้านกาแฟบนถนนเสื้อนอกขาว เลี้ยงเครื่องดื่มเด็กเสิร์ฟ เพื่อให้พวกเขาช่วยแนะนำงานใหม่ให้”
นับรวมค่าเช่าบ้านไปด้วย ชาร์ลีจะใช้เงินประมาณวันละหนึ่งเฟลคิน ถ้าไม่ได้ลงไปดื่มที่บาร์ใต้ดินก็ยิ่งถูกลง
“ก็จริง…” ชาร์ลีถอนหายใจ
หลังจากเพิ่งผิดหวังมาสุดขีด พอเริ่มกลับสู่ความจริง เขาก็พบว่าชีวิตยังมีความหวังอยู่
ลูเมี่ยนครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงกล่าว
“ยังไม่ควรตัดความเป็นไปได้อื่นๆ ทิ้งไป… เช่น โรงรับจำนำเหล่านี้อาจจะแอบติดต่อกันอย่างลับๆ นัดแนะกันต้มตุ๋นคนที่แต่งตัวไม่ดีแต่จำนำของราคาแพงที่ไม่มีใบเสร็จ… อยากลองนำสร้อยไปประเมินราคาที่ร้านอัญมณีมืออาชีพดูไหม?”
“มันมีค่าธรรมเนียมน่ะสิ” ชาร์ลีทำหน้าลำบากใจ
ถ้าประเมินออกมาเป็นของแท้ก็ดีไป แต่ถ้าเป็นของปลอม ทรัพย์สินที่เขาเหลืออยู่ไม่มาก อาจหดหายไปถึงหนึ่งในสามหรือมากกว่านั้น
ลูเมี่ยนถอนหายใจแล้วพูด
“เอาสร้อยคอเพชรมาให้ฉัน ไว้จะลองหาคนช่วยประเมินให้ ไม่คิดเงิน…”
“นายยังมีเงินติดตัวอยู่ใช่ไหม? พอจะผ่านวันนี้ไปได้ไหม?”
“ฉันยังเหลืออีก 2.6 เฟลคิน” ชาร์ลีมอบสร้อยคอเพชรให้ลูเมี่ยนด้วยแววตาคาดหวัง
เด็กหนุ่มรับสร้อยคอไว้ พลางพูดยิ้มๆ
“นายไม่กลัวหรือ? ฉันอาจประเมินได้ของแท้ แต่เอาของปลอมคืนให้นายแทน แล้วบอกว่าพวกโรงรับจำนำนั่นตีราคาถูกแล้ว”
ใบหน้าชาร์ลีแข็งค้างไปอีกครั้ง
ผ่านไปสักหนึ่งวินาที เขาถอนหายใจไปพลางพูด
“ฉันเชื่อใจนาย แล้วอีกอย่าง ฉันถือว่ามันเป็นของปลอมไปแล้ว”
ลูเมี่ยนโบกมืออำลาชาร์ลี แล้วเดินตรงไปทางจัตุรัสแดนชำระ
…
ใกล้กับสุสานใต้ดิน ออสตา·ทรูเอลในชุดคลุมยาวสีดำมีฮู้ด นั่งหันหน้าเข้าหากองไฟอยู่ในตำแหน่งประจำ
“ไม่คิดจะเปลี่ยนทำเลบ้างหรือ” ลูเมี่ยนเดินเข้าไป ถามไถ่ด้วยรอยยิ้ม
ออสตาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“การทำนายและการตีความของผมถือว่าแม่นยำพอตัว มีลูกค้าไม่น้อยคอยแนะนำเพื่อนแบบปากต่อปาก ถ้าเปลี่ยนทำเลก็เท่ากับยอมเสียลูกค้าที่สั่งสมมาน่ะสิ? เฟลคินทั้งนั้นเลยนะ!”
“ลูกค้าที่สั่งสมมาอะไรกัน… คนโง่ที่สั่งสมมาสิไม่ว่า” ลูเมี่ยนพูดกึ่งติดตลกกึ่งเย้ยหยัน
ออสตาไม่กล้าเถียง
ลูเมี่ยนจึงถามต่อทันที
“ฉันมีธุระกับมิสเตอร์ K จะต้องติดต่อเขายังไง”
ไม่ได้มาหาเราสินะ… ออสตาโล่งใจไปหลายเปลาะ พลางพูดด้วยจังหวะที่ค่อนข้างเร็ว
“คนที่เคยเข้าร่วมชุมนุมแล้ว สามารถไปที่สำนักงานใหญ่ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ หรือก็คือตึกที่จัดงานชุมนุมนั่นแหละ อาคารหมายเลข 19 ถนนเฌอร์ ไปเคาะประตูห้อง 103 ด้วยจังหวะสามยาว สองสั้น หนึ่งยาว จากนั้นก็จะมีคนมาพาคุณไปหามิสเตอร์ K”
“หรือถ้าไม่อยากไปด้วยตัวเอง คุณสามารถส่งจดหมายไปตามที่อยู่ ‘ห้อง 103 ถนนเฌอร์ เขตถนนหลวง’ ผู้รับคือกิโยม·ปิแยร์”
คิดชื่อปลอมได้เห่ยชะมัด… จังหวะการเคาะประตูไม่เหมือนกับในงานเลี้ยงสินะ… มิสเตอร์ K ไม่เห็นเคยบอกเราเรื่องพวกนี้… หรือรู้อยู่แล้วว่าออสตาจะพูด? ลูเมี่ยนผงกศีรษะแผ่วเบา กล่าวอำลากับออสตา แล้วเดินกลับไปยังผิวดิน
ขณะผ่านทางเข้าสุสานใต้ดิน เด็กหนุ่มเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวถือเทียนสีขาวที่จุดแล้ว กำลังเดินตามผู้ดูแลเข้าไปใน ‘จักรวรรดิแห่งความตาย’ โดยผ่านประตูโค้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ลูเมี่ยนถอนสายตากลับ เดินออกไปขึ้นรถม้าสาธารณะ ตรงไปยังบ้านเลขที่ 19 เขตถนนหลวง
เขากดหมวกแฟลตแก๊ปลงต่ำ พลางเคาะประตูห้อง 103 ตามจังหวะยาวสาม สั้นสอง และยาวหนึ่ง
ท่ามกลางเสียงเสียดสี ประตูไม้สีแดงเข้มเปิดออก
ตรงหน้าลูเมี่ยนคือบุรุษหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ผมสีน้ำตาลแดงปล่อยยาวคล้ายพวกศิลปิน
อีกฝ่ายใช้นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องลูเมี่ยนอยู่ราวสองวินาที
“มาหาใคร”
“ผมชื่อชาร์ล มีธุระกับมิสเตอร์ K” ลูเมี่ยนเล่าไปตามจริง
บุรุษหนุ่มคนดังกล่าวเอียงคอเล็กน้อย คล้ายกำลังฟังเสียงเล็กๆ
ครู่เดียวก็พูดกับลูเมี่ยน
“ตามผมมา”
ชายหนุ่มเดินนำไปยังมุมฝั่งหนึ่งของห้องที่ตกแต่งสไตล์โบราณจ๋า แล้วเปิดประตูลับที่ซ่อนอยู่ในห้องแต่งตัว
ด้านหลังประตูคือบันไดลงสู่ใต้ดิน ริมผนังทั้งสองฝั่งติดโคมไฟแก๊สที่ล้อมด้วยกระจกและกรงโลหะสีดำ
ลูเมี่ยนเดินลงห้องใต้ดิน ผ่านทางเดินที่ไม่ยาวนัก จนมาถึงห้องหนึ่งที่ค่อนข้างโปร่งโล่ง
เขาเชื่อว่าในนี้คงมีทางออกอื่นอยู่ด้วย หรืออาจเป็นทางเชื่อมกับโลกใต้ดินของทรีอาร์บางจุด
ยามนี้มิสเตอร์ K กำลังนั่งบนเก้าอี้เอนหลังสีแดง ใบหน้าซุกซ่อนอยู่ใต้เงาฮู้ดใบใหญ่
เจ้าภาพการชุมนุมจ้องหน้าลูเมี่ยนโดยไม่พูดไม่จา สร้างความกดดันอันน่าพรั่นพรึง
เด็กหนุ่มกดหมวกแฟลตแก๊ปลงเล็กน้อย กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์ K ผมมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ
“สำหรับราคาที่ต้องจ่าย ทางคุณเป็นคนตัดสินใจ”
มิสเตอร์ K เงียบไปสักพัก ก่อนจะถามด้วยเสียงแหบพร่าต่ำๆ
“แก๊งหนามพิษรู้เรื่องที่คุณฆ่ามาร์โกต์แล้วหรือไง?”
นึกแล้วเชียว… ลูเมี่ยนไม่แปลกใจเลยสักนิดที่มิสเตอร์ K รู้เรื่องของตน
ในตอนที่เข้าร่วมงานชุมนุม เขาจงใจพันหน้าด้วยผ้ารัดแผลสีขาว เพื่อสร้างภาพจำเดียวกับตอนที่ฆ่ามาร์โกต์ หวังให้มิสเตอร์ K ค้นพบความจริงในภายหลัง เพื่อแสดงคุณค่าของตน แสดงบุคลิกที่เร่าร้อนรุนแรง
และสิ่งนี้ก็เพียงพอที่จะสร้าง ‘ความเชื่อใจ’ แก่มิสเตอร์ K
ลูเมี่ยนส่ายหน้า
“เป็นปัญหาอื่นครับ…”
เขาเริ่มเล่าว่าตนได้พบชาร์ลีอย่างไร ช่วยอีกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างไร แต่สุดท้ายกลับต้องถูกซูซานน่า·มาติสเกลียดชัง ซ้ำยังเกือบถูกสัตว์ประหลาดนั่นฆ่า เคราะห์ดีที่ผู้วิเศษทางการมาถึงทันเวลา
ลูเมี่ยนเล่าทุกสิ่งโดยไม่มีคำโกหก เพียงแต่ข้ามรายละเอียดไปพอสมควร
สิ่งนี้สอดคล้องกับข้อมูลที่เขาต้องการซื้อจากงานชุมนุม
“อยากได้พรคุ้มครองหรือ” มิสเตอร์ K ถามด้วยเสียงทุ้มต่ำหลังจากเงียบฟังจนจบ
พรคุ้มครอง? คิดว่าตัวเองสูงส่งปานนั้นเชียว? คำที่ถูกต้องคือ ‘คุ้มกัน’ ต่างหาก! ลูเมี่ยนรำพันเงียบ พลางพยักหน้าอย่างขึงขัง
“ใช่ครับ”
มิสเตอร์ K ตอบด้วยเสียงแหบพร่า
“นั่นคงเป็นสัตว์วิญญาณประเภทหนึ่ง คล้ายคลึงกับวิญญาณมาร หากเป็นสถานการณ์ปกติ แค่คุณย้ายออกจากเขตตลาดก็จบ มันจะส่งอิทธิพลกับคุณไม่ได้อีก แต่ตอนนี้ผู้วิเศษทางการกำลังจับตาดูคดีนี้อยู่ ถ้าคุณย้ายออก คงไม่แคล้วได้ถูกหมายหัว… ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าซูซานน่า·มาติสจดจำคุณได้ หรือแม้กระทั่งทำเครื่องหมายไว้ ต่อให้คุณหนีไปไหนก็หลบไม่พ้น พลังหลายชนิดสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเชิงระยะทาง โดยไม่จำเป็นต้องออกจาก ‘ถิ่น’ ของตัวเองเลย”
ไม่แปลกใจที่มาดามทั้งสองไม่แนะนำให้เราย้ายออก… ลูเมี่ยนพยักหน้าไตร่ตรอง
“แล้วผมควรทำยังไง”
มิสเตอร์ K พูดด้วยจังหวะช้าลง
“ผมคุ้มครองคุณได้ แต่คุณก็ต้องทำงานให้ผม”
“งานอะไรครับ?” ลูเมี่ยนถามอย่าง ‘ร้อนรน’
มิสเตอร์ K ประสานมือไว้ตรงหน้าแล้วเริ่มพูด
“เข้าร่วมแก๊งอะไรก็ได้ในเขตตลาด แล้วขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วย”
องค์กรเบื้องหลังมิสเตอร์ K อยากควบคุมเขตตลาดอ้อมๆ? ลูเมี่ยนตอบโดยไม่ลังเล
“ไม่มีปัญหาครับ!”
มิสเตอร์ K พยักหน้ารับเชื่องช้า ตามด้วยจับนิ้วชี้ซ้ายด้วยมือขวา
เพียงเสี้ยวอึดใจ เขาออกแรงกระชากจนนิ้วดังกล่าวถูกฉีกออกมา เผยให้เห็นกระดูกสีขาวกับบาดแผลที่มีเลือดซึม
แค่เห็นลูเมี่ยนก็รู้สึกเจ็บแทนแล้ว
เรื่องน่าประหลาดก็คือ ที่บาดแผลบนมือและบนนิ้วที่ถูกกระชากออก ไม่มีการไหลทะลักของเลือด ของเหลวสีแดงเพียงคลอเคลียอยู่ตรงขอบแผลในลักษณะยุบพอง จนดูเหมือนการ ‘สมานแผล’
“รับไว้สิ มันจะช่วยคุณได้ในช่วงเวลาสำคัญ” มิสเตอร์ K โยนนิ้วที่ดึงออกมาให้ลูเมี่ยน
ตรงแผลบนมือซ้ายที่ไม่มีนิ้ว เนื้อเยื่อและเลือดกำลังกระดุกกระดิกอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังจะงอกนิ้วใหม่ออกมา
……………………………………………………..