ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 134 ผีเสื้อสังคม
ตอนที่ 134 ผีเสื้อสังคม
“อะไรนะ?” ชาร์ลีแทบไม่เชื่อหูตัวเอง
ลูเมี่ยนก็ประหลาดใจเช่นกัน พลางส่งสายตาเห็นใจไปทางชาร์ลี
เด็กหนุ่มไม่พบแรงจูงใจที่ชาร์ลีจะฆาตกรรมคุณนายอลิซ เพราะสุดท้ายแล้ว ตราบใดที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ ชาร์ลีจะได้รับเงิน 500 เฟลคินในทุกเดือนตลอดครึ่งปี อ้างอิงจากนิตยสารและหนังสือพิมพ์บางฉบับ ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับเงินเดือนของแพทย์ ทนายความ ข้าราชการระดับกลาง (ระดับหัวหน้างาน) ครูมัธยมชำนาญการ วิศวกรอาวุโส และรองสารวัตร สำหรับคนที่เคยเกือบจะหิวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แถมปัจจุบันยังเป็นเพียงเด็กเสิร์ฟฝึกหัด นี่เป็นรายได้ที่ชวนให้ตาลุกวาวอย่างไม่ต้องสงสัย
มองดูเพื่อนร่วมงานสองคนเดินขึ้นไปข้างบน ตำรวจที่คุมตัวชาร์ลีอธิบายรวบรัด
“เมื่อเช้าวันนี้ คุณนายอลิซถูกพบเสียชีวิตในห้องพักของโรงแรมหงส์ขาว จากคำให้การของพยานหลายคน เมื่อคืนคุณนอนอยู่ที่นั่นด้วย เพิ่งจะปลีกตัวออกมาราวๆ เกือบเที่ยงคืน”
ชาร์ลีเผยสีหน้าหวาดผวาเจือสับสน
“เป็นไปไม่ได้… เธอตายได้ยังไง…”
หลังจากพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ชาร์ลีหันไปพูดกับตำรวจอย่างร้อนรน
“ตอนที่ผมออกมา เธอยังมีชีวิตอยู่จริงๆ นะครับ! ขอสาบานต่อหน้านักบุญวีฟ!”
ตำรวจนายเดิมเปล่งเสียงหนักแน่น
“ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น คุณนายอลิซเสียชีวิตประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง… นอกเหนือจากคุณกับคุณนายอลิซ พวกเราไม่พบร่องรอยของผู้อื่นอีก”
บางทีอาจไม่ใช่คน? ลูเมี่ยนนึกถึงวิญญาณมงต์ซูรี พลางพึมพำในใจอย่างอดไม่ได้
หากมิใช่เพราะตอนนี้ตนยังปลอมตัวได้ตื้นเขินเกินไป ไม่ควรเสี่ยงดึงดูดความสนใจจากตำรวจ ก็คงจะพูดในสิ่งที่คิดออกไปแล้ว
“เป็นไปไม่ได้… บ้าจริง… เป็นไปไม่ได้!” ชาร์ลีเบิกตากว้าง แหกปากตะโกนด้วยเสียงอันดัง
ในเวลาเดียวกัน ตำรวจที่ผละออกไปเมื่อสักครู่ เดินกลับลงมาจากชั้นห้า มือซ้ายที่สวมถุงมือสีขาวกำลังถือสร้อยคอเพชรวิบวับ
“ฉันพบนี่ด้วย!” เขาบอกกับหัวหน้าตำรวจ
หัวหน้าตำรวจผงกศีรษะรับ ไม่อธิบายกับชาร์ลีต่อ เพียงมองหน้าแล้วพูดเสียงขรึม
“ชาร์ลี·คอร์แรงต์ คุณถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรม คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะทุกคำพูดจะถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล”
“ผมไม่ได้ทำ! พวกคุณไม่ได้ยินหรือไง! ผมไม่ได้ทำ!” ชาร์ลีกรีดร้องโหยหวน พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
แน่นอนว่าเปล่าประโยชน์ เขาถูกตำรวจสองนายลากตัวออกจากโรงแรมระกาทอง
ผู้เช่าหลายคนที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกจนเดินมามุงตรงปากบันได เห็นฉากนี้เข้าพอดี
รวมถึงกาเบรียลที่มีสภาพคล้ายกับเพิ่งผ่านการโต้รุ่งมา
“คุณคิดว่าชาร์ลีทำหรือเปล่า” ตาลูเมี่ยนมองไปยังทางเดินที่ไม่เหลือใคร ปากถามกับนักเขียนบทละครข้างๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
กาเบรียลออกมาเร็วพอที่จะเข้าใจเรื่องราวของชาร์ลี
เขาตอบพลางส่ายหน้า
“ผมไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือชาร์ลี ถึงเขาจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลว”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” ลูเมี่ยนหันไปถาม
กาเบรียลดันแว่นตากรอบดำบนสันจมูก
“เขาเคยถูกหลอกเอาเงินจนเกือบหิวตาย แต่กลับไม่คิดจะขโมยของจากละแวกเพื่อนบ้านเลย”
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เขาน่ะ ไม่ว่าจะกลัวกฎหมายหรือเป็นคนมีหลักการ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าคุณนายคนนั้น”
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับ ตามด้วยยิ้มเบาๆ
“แต่มนุษย์ทุกคนสามารถบันดาลโทสะ และนิสัยก็เปลี่ยนกันได้”
พูดจบ เด็กหนุ่มเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นห้า
นี่คือชั้นบนสุดของโรงแรมระกาทอง เพดานด้านบนมีรอยเปียกน้ำดวงใหญ่ บ่งบอกว่าเปียกซ้ำเปียกซากมานานนม คงจะมีน้ำซึมทุกครั้งที่ฝนตก
ลูเมี่ยนเดินไปยืนหน้าประตูห้อง 504 ที่ชาร์ลีพักอยู่ หยิบลวดเส้นเล็กที่พกติดตัวตลอด ออกมาไขเปิดประตูไม้
กระเป๋าเดินทาง เตียงนอน และโต๊ะไม้ของชาร์ลีถูกตำรวจสองคนก่อนหน้านี้รื้อค้นกระจุยกระจาย ข้าวของวางรกเรี่ยราด แต่จำนวนก็ไม่ได้มากมายอะไร
ขณะดื่มด้วยกันที่บาร์ใต้ดิน ลูเมี่ยนได้ยินชาร์ลีเล่าว่า ระหว่างกำลังตกงาน เขานำสูทเพียงชุดเดียวที่มีไปจำนำ รวมถึงสิ่งของอีกหลายชิ้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญญาไถ่คืน
เดินเข้าไปในห้องทีละก้าว ขณะสายตากลอกผ่านอย่างไม่รีบร้อน ลูเมี่ยนสะดุดตากับภาพคน
แปะอยู่บนผนังฝั่งตรงข้ามเตียงนอน เป็นภาพของหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียว
อายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ผมสีน้ำตาลแดง นัยน์ตาสีเขียวสด ริมฝีปากแดง ผิวหน้าเรียบเนียน ภาพรวมดูสง่างาม
ลูเมี่ยนชะงักเล็กน้อย เนื่องจากรู้สึกคุ้นหน้าสตรีในภาพอย่างบอกไม่ถูก
เขาเชื่อว่าบุคคลในภาพควรจะเป็นซูซานน่า·มาติส โสเภณีชื่อดังที่ชาร์ลีเข้าใจผิด คิดว่าเป็นนักบุญวีฟ
แต่ในเมื่อไม่เคยเห็นซูซานน่ามาก่อน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกคุ้นตา
ไตร่ตรองอยู่สักพัก ลูเมี่ยนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
เขาเคยเต้นระบำเรียกสถิตในห้อง 207 จนดึงดูดวิญญาณที่ดูแข็งแกร่งกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ มาในรูปแบบกึ่งโปร่งใส
ร่างดังกล่าวเป็นหญิงสาว คล้ายคลึงกับซูซานน่า·มาติสในภาพมาก แต่สีผมต่างกัน ฝั่งหนึ่งเขียวอมฟ้า อีกฝั่งสีน้ำตาลอมแดง ฝั่งหนึ่งยาวพอที่จะห่อหุ้มร่างกายพร้อมกับปกปิดของสงวน อีกฝั่งยาวในระดับที่พอมัดเป็นทรงปกติ
นอกจากนี้ ร่างวิญญาณยังมีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่า ราวกับมีอำนาจดึงดูดความปรารถนาจากส่วนลึกของจิตใจผู้คน ในขณะที่ภาพของซูซานน่า·มาติสไม่ได้ทำให้ลูเมี่ยนรู้สึกอะไร
“การสวดวิงวอนส่งเดชนำมาซึ่งปัญหา?” ลูเมี่ยนพยักหน้าเบาๆ จนแทบจะมองไม่เห็น
หากเป็นเด็กหนุ่มในอดีต คงไม่มีทางมองว่าพฤติกรรมในช่วงเวลานั้นของชาร์ลีมีปัญหา — ถ้าช่วยให้หลุดพ้นจากภาวะหิวโซได้จริง ไม่ต้องเป็นเทวทูตผู้พิทักษ์กรุงทรีอาร์ก็ได้ ต่อให้ทราบว่าเป็นโสเภณี เขาก็จะสวดวิงวอนด้วยความศรัทธา
แต่ตอนนี้ หลังจากได้อ่านบันทึกจอมเวทของโอลัวร์ จนมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเส้นทางเทพทั้งยี่สิบสอง รวมถึงข้อห้ามต่างๆ ในพิธีกรรม ลูเมี่ยนเพิ่งเข้าใจว่าการสวดวิงวอนส่งเดชคือเรื่องที่อันตรายมาก
หลังจากยืนดูอยู่สักพัก เด็กหนุ่มออกห้อง 504 กลับห้องไปหยิบโคมไฟคาร์ไบด์ เดินไปขึ้นรถม้าสาธารณะที่ถนนใหญ่ตลาด มุ่งหน้าไปยังเขตหอดูดาว
เข้าไปในส่วนลึกของใต้ดิน ระหว่างกำลังเดินไปยังจุดประจำของออสตา·ทรูเอล ลูเมี่ยนคอยมองไปยังหลังเสาหินอันมืดมิดเป็นระยะ
เด็กหนุ่มหัวเราะจิกกัดตัวเอง
“อย่าบอกนะว่าจะได้เจอวิญญาณมงต์ซูรีอีกรอบ?”
หากเป็นแบบนั้นจริง เขาต้องรีบทบทวนตัวเองว่า วิญญาณมงต์ซูรีมีจุดเชื่อมโยงใดกับร่างกายตนหรือไม่ หรือว่ามลพิษขององค์ซ่อนเร้นนั่น แม้จะถูกผนึกไว้แล้ว แต่ก็แอบเปลี่ยน ‘ราศี’ ของตนโดยอ้อม ทำให้โชคชะตาแย่ลงสถานหนัก
ยังดีที่ความกังวลของลูเมี่ยนไม่กลายเป็นจริง ไม่นานก็มองเห็นกองไฟ มองเห็นออสตา·ทรูเอลนั่งอยู่ข้างเสาหิน
เมื่อชายที่สวมชุดคลุมสีดำมีฮู้ดมองเห็นลูเมี่ยน ก็ยิ้มออกมาจากใจจริง
“มิสเตอร์ K อนุญาตให้คุณเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับแล้ว! คืนวันพุธสามทุ่ม จัดขึ้นทุกสองสัปดาห์”
แววตาของออสตาแสดงความจริงใจอย่างผิดวิสัย ราวกับกำลังพูดว่า ถึงเวลาจ่ายเงินแล้วนะ
สามทุ่มวันมะรืน… ลูเมี่ยนพยักหน้ายิ้มๆ
“จัดชุมนุมที่ไหน?”
“คุณมาหาผมที่บ้านก่อนเวลาสักหนึ่งชั่วโมง ผมจะพาไปเอง” ออสตาตอบอย่างไม่ลังเล
ลูเมี่ยน ‘อืม’ หนึ่งคำ
“ถึงตอนนั้น ฉันจะจ่ายส่วนที่เหลือให้”
“ตกลง” ออสตาแม้จะผิดหวังเล็กๆ แต่ก็ยังพอรับได้
ลูเมี่ยนถามต่อ
“มีอะไรที่ต้องระวังก่อนเข้าร่วมชุมนุมบ้าง”
“ปิดบังใบหน้าให้มิดชิด ปกปิดตัวตนให้ดี” ออสตาพูดตามประสบการณ์ “เวลาที่ผู้ร่วมชุมนุมคนอื่นถูกตำรวจจับ คุณคงไม่อยากให้พวกเขาซัดทอดชื่อคุณใช่ไหมล่ะ? นอกจากมิสเตอร์ K ที่ควบคุมทุกสิ่งไว้ในกำมือแล้ว คนอื่นห้ามอย่างเด็ดขาด”
ลูเมี่ยนยิ้ม
“นายเห็นหน้าฉันแล้ว รู้จักตัวตนของฉัน หลังจากเข้าร่วมชุมนุมครั้งแรก ฉันควรคิดหาวิธีฝังนายไว้ใต้ดินสักแห่งในกรุงทรีอาร์ดีไหม?”
ออสตาสะดุ้งเฮือกตามสัญชาตญาณ ก่อนจะคลี่ยิ้มด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณนี่ตลกดีนะ…”
“อย่าลืมสิ ผมไม่รู้สักหน่อยว่าคุณเป็นใคร ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร และตอนนี้คุณก็คงไม่ได้อยู่ในร่างจริงกระมัง?”
หลังจากตบหัวแล้วลูบหลังคู่สนทนาพอหอมปากหอมคอ ลูเมี่ยนหาก้อนหินเพื่อหย่อนก้นนั่ง ขณะเพลิดเพลินไปกับความอุ่นจากกองไฟก็เปรยออกมาอย่างไม่จริงจัง
“นายเคยได้ยินชื่อซูซานน่า·มาติสไหม”
“เคย” ออสตาตอบด้วยสีหน้าเจือตื่นเต้น “มีช่วงหนึ่ง เธอเคยเป็นนางในฝันของผม ถึงกับซื้อโปสเตอร์กับโปสต์การ์ดที่มีภาพของเธอเลยนะ! เมื่อหลายปีก่อน เธอเป็นโสเภณีที่ดังสุดๆ ของกรุงทรีอาร์ ถึงขั้นมีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงของชนชั้นสูง มีข่าวลือกับผู้นำหลายคน ทั้งนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และมหาเศรษฐี แต่ละปีมีรายได้หลายแสนเฟลคิน… แต่ในช่วงสองสามปีหลัง เธอเริ่มหายหน้าหายตา จนถูก ‘นานา’ แย่งสถานะผีเสื้องานสังคมในทรีอาร์ไป อา… คงกลายเป็นชู้รักของใครสักคนไปแล้วล่ะ”
หลายแสนเฟลคิน? ลูเมี่ยนพลันประหลาดใจ
“แค่ได้เป็นผีเสืองานสังคม ก็ทำเงินมากกว่านักเขียนนิยายขายดีแล้วหรือ?”
“แล้วมันแปลกยังไง?” ออสตาทำหน้าไม่เข้าใจ “การได้เป็นผีเสื้องานสัมคม ก็ย่อมมีโอกาสนอนกับนักการเมือง นายธนาคาร ข้าราชการระดับสูง แต่นักเขียนทำไม่ได้”
ลูเมี่ยนกล่าวด้วยความรู้สึกขบขันปนจิกกัด
“ก็จริง… นักกวีบอแรลเคยกล่าวไว้ว่า นักเขียนไม่ต่างอะไรกับโสเภณี คนหนึ่งขายความคิด อีกคนขายร่างกาย” (หมายเหตุ 1)
“ผมชอบร่างกายมากกว่า” ออสตาตอบอย่างสัตย์จริง
ลูเมี่ยนถามต่อ
“แล้วนายเคยได้ยินเรื่องของคนนี้ไหม… สตรีผมสีเขียวอมฟ้า ยาวพอที่จะปกปิดจุดสงวนร่างกาย ใบหน้าสะสวย สามารถเย้ายวนจิตใจบุรุษจนเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้า?”
“ไม่เคย” ออสตาส่ายหน้า
แล้วกล่าวต่อด้วยใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ย
“ถ้ามีสตรีเช่นนั้นอยู่จริง… ผมก็อยากจะเจอสักครั้ง”
ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน แค่นเสียงหัวเราะ
“ถ้างั้นนายก็ต้องเตรียมใจให้พร้อมสำหรับการมาเยือนคืนละหลายสิบครั้ง จนกระทั่งหัวใจวายตาย”
“…” ใบหน้าออสตาแข็งไปทันที
……..
บ่ายสามโมง บ้านเลขที่ 27 ถนนใหญ่ตลาด สถานีตำรวจเขตตลาดคนซื่อ
ลูเมี่ยนที่ใช้จ่ายเกือบสามร้อยเฟลคินเพื่อซื้อเสื้อผ้าสามชุดที่มีระดับต่างกัน รวมถึงเครื่องสำอางราคาประหยัด และอุปกรณ์ปลอมตัวอื่นๆ ย่างกรายเข้าไปห้องโถงอันล้งเล้งที่มีผู้คนพลุกพล่าน
มีคนถูกพาตัวเข้ามา มีคนโชคดีได้ออกไป มีคนเถียงกันเอ็ดตะโร มีคนทำหน้าฉุนเฉียว มีคนทุบโต๊ะทุบเก้าอี้…
ลูเมี่ยนเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์หวีเรียบไปด้านหลัง สวมแว่นตากรอบดำบนสันจมูก เหนือริมฝีปากแปะหนวดสองข้าง แก้มขาวเด่นชัด สวมสูทสีดำ ถือกระเป๋าเอกสารสีน้ำตาล เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชายที่นั่งอยู่หลังแผนกต้อนรับ
เด็กหนุ่มหยุดยืนต่อหน้าอีกฝ่าย เงยศีรษะขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยความมั่นใจ
“ผมเป็นทนายอาสาของชาร์ลี·คอร์แรงต์ ผมต้องการพบลูกความ”
หมายเหตุ 1: ผม (ผู้แต่ง) จำได้ว่าเป็นคำพูดของบอแรล แต่ยังหาแหล่งอ้างอิงไม่พบ ดังนั้นอาจจะเป็นคำพูดของคนอื่นก็ได้
……………………………………………………..