ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 101 ความสามารถต่างๆ
- Home
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 101 ความสามารถต่างๆ
ตอนที่ 101 ความสามารถต่างๆ
เมื่อได้ยินเสียงดังกรุ๊งกริ๊งพร้อมสัมผัสว่าไหล่ของตนเย็นยะเยือกผิดปกติ ผนวกกับเรื่องไม่ค้นหาต้นตอของอันตราย สัญชาตญาณแรกของลีอาคือการใช้กระดาษคนตัวแทน
ร่างกายหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลายกระดาษแผ่นเล็กและบาง ซึ่งถูกตัดเป็นรูปคนอย่างประณีต
กระดาษคนแผ่นดังกล่าวเปลี่ยนเป็นสีเข้มอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นสีเหลืองและแตกเปราะ ยังกับถูกเก็บรักษามานานแรมหลายสิบปี
อย่างเงียบเชียบ กระดาษคนสีเหลืองที่เสื่อมสภาพ กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน
ร่างของลีอาปรากฏอีกครั้งที่ปากบันได มือยังคงถือตะเกียงน้ำมันก๊าดตามเดิม แต่ในวินาทีถัดมา เธอก็พบว่าไหล่เริ่มเย็นอีกครั้ง
ท่ามกลางความคิดมากมายที่แล่นผ่าน เธอยกมือขวาขึ้นมาบีบหว่างคิ้วตัวเอง
เป็นการเปิดใช้เนตรวิญญาณ จากนั้นหญิงสาวก็มองไปยังห้องฝั่งตรงข้าม และมองไปที่กระจกหน้าต่างของห้องนั้น
ท่ามกลางแสงสว่างพื้นหลังจากภายนอก ท่ามกลางแสงไฟสีเหลืองสลัวของตะเกียงน้ำมันก๊าด กระจกหน้าต่างในห้องน้ำจึงไม่ต่างกับกระจกเงา ซึ่งช่วยสะท้อนร่างกายท่อนบนของลีอา
บนไหล่ทั้งสองข้างของเธอ มีทารกที่โปร่งใสและพร่ามัวนั่งอยู่ฝั่งละหนึ่ง!
ทารกทั้งสองใบหน้ากลมมนและอวบอิ่ม ผิวหนังซีดปนเขียว ใบหน้าดูบิดเบี้ยวอย่างยิ่ง
ในเวลานี้ พวกมันกำลังโน้มตัว นำปากแนบชิดกับคอของลีอา คล้ายกำลังดูดกินบางสิ่ง
เมื่อหญิงสาวได้เห็นภาพนี้ เธอไม่เพียงไม่รู้สึกตกใจ แต่กลับกลายเป็นโล่งอก
การที่ได้ค้นพบต้นตอของความผิดปกติ ดีกว่าการไม่รู้อะไรเลยเป็นไหนๆ!
ด้วยวิธีนี้ เธอสามารถจำแนกธรรมชาติของปัญหาและเลือกจัดการมันได้
เหมือนกับในตอนนี้!
ลีอาดึงปืนพกสีเงินที่ดูประณีตออกมา จ่อไปยังทารกโปร่งใสและน่ากลัวบนไหล่ซ้ายแล้วลั่นไก
ปัง!
ทารกนั่นร้อง ‘อุแว๊’ ทันที แล้วบินออกจากไหล่ของลีอาพร้อมกับเปลวไฟสีทองที่แผดเผามัน
ปัง! ลีอายิงกระสุนอีกนัดไปยังอีกหนึ่งไหล่
ทารกผีที่ถูกเผาอย่างโหดเหี้ยมร้องไห้อย่างเจ็บปวด แล้วตามเพื่อนของมันบินไปยังสุดเขตทางเดินฝั่งตรงข้าม
ที่นั่นมีร่างของหญิงสาวดวงตาเกือบเป็นสีน้ำเงิน ใบหน้าอ่อนนุ่ม แก้มกลม ผมดำปล่อยพลิ้ว
ไม่ใช่ใครนอกจากชู้รักของหลวงพ่ออธิการโบสถ์ พี่สาวของคนเลี้ยงแกะปิแยร์—ฌิบริล·แบรี
ผิวของเธอคลุมด้วยสีเขียว ด้านข้างลำคอทั้งสองข้างมีสิ่งที่คล้ายกับเนื้องอก
ทารกโปร่งใสและพร่ามัวทั้งสองบินกลับมาที่ไหล่ของเธอ แต่ละคนดูด ‘เนื้องอก’ ราวกับกำลังกินนมแม่
ขณะพวกมันดูด เปลวไฟสีทองที่ลุกท่วมก็เริ่มซาลง
ทว่า ลีอาไม่มัวแต่ยืนดู รีบยกปืนพกขึ้นมาเล็งใส่ฌิบริล·แบรีแล้วเหนี่ยวไก
ท่ามกลางเสียงปัง กระสุนสีทองแหวกผ่านระยะทางไม่กี่เมตร ก่อนจะเข้าหัวฌิบริล·แบรีอย่างแม่นยำ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฌิบริลไม่มีความพยายามจะหลบหลีก บนหน้าผากเกิดรูโหว่สีแดงสดอันน่าสยดสยอง
ภายในรูดังกล่าว ของเหลวสีขาวนมผสมกับแดงเลือด โดยมีเปลวไฟมายาสีทองกำลังกลืนกินพวกมัน
ตึง! ฌิบริลล้มลง สูญเสียสัญญาณชีพในทันที ทารกสองตัวที่มีใบหน้าคล้ำเขียวร้องไห้อย่างเจ็บปวดก่อนจะหายไป
จบแล้ว? ลีอาไม่อยากเชื่อ
กระดิ่งเงินใบเล็กบนหัวและรองเท้าบูตยังคงดังกริ๊งกร๊าง แถมยังรุนแรงยิ่งกว่าเดิม!
เพียงพริบตา ลีอาพบว่ามีบางอย่างเย็นๆ อยู่ภายในร่างกาย และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
เธอรีบมองเข้าไปในห้องน้ำ มองไปยังกระจกหน้าต่าง และพบว่าผิวพรรณของเธอกลายเป็นซีดเขียวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ
วินาทีถัดมา ร่างของเธอเปลี่ยนเป็นกระดาษคน
กระดาษคนแผ่นนั้นหดตัวเป็นก้อน และตกลงพื้นด้วยเสียงแน่น
ร่างของลีอาโผล่ออกจากห้องน้ำ แต่ความรู้สึกที่มีบางสิ่งเย็นๆ กำลังเติบโตอยู่ในร่างกายยังไม่หายไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงอันอ่อนนุ่มดังขึ้นข้างใบหู
“ฉันได้ทำพันธสัญญากับสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดของโลกวิญญาณ ช่วยให้ยืมจุดเด่นของมันมาใช้ได้”
“ไม่ว่าจะถูกใครฆ่า ฉันสามารถเกิดใหม่ในร่างคนนั้นและยึดครองร่าง”
“เธอสวยมาก ฉันชอบเธอมาก หลวงพ่อก็คงจะชอบเธอเช่นกัน…”
ได้ยินคำพูดของฌิบริล ลีอาไม่คิดอะไรมาก รีบถือปืนพกสีเงินกับตะเกียงน้ำมันก๊าดวิ่งออกจากห้องน้ำ
เธอจะไปหาวาเลนไทน์
การปัดเป่าคือหนึ่งในความถนัดถนี่ของขอบเขต ‘สุริยัน’ แถมยังสามารถต้านทานเรื่องพวกนี้ได้ดี!
…………
วาเลนไทน์ถูกล้อมกรอบอยู่ใกล้กับระเบียง
ทุกทิศทางคือเถาวัลย์หนามแหลม เต็มไปด้วยดอกไม้ใหญ่สีแดงที่ส่งกลิ่นคาว
วาเลนไทน์กางแขนสองข้างครึ่งท่า สร้างเปลวไฟสีทองจากความว่างเปล่า เผาไหม้สิ่งแปลกปลอมรอบข้าง
ในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ
สวมชุดคลุมยาวสีขาวปักแถบทอง ผมสั้นสีดำ ดวงตาสีฟ้าดูขึงขัง ปลายจมูกงุ้มแหงนเล็กน้อย
ไม่ใช่ใครนอกจากหลวงพ่ออธิการโบสถ์ประจำหมู่บ้านกอร์ตู กิโยม·เบเนต์
ด้านบนอากาศ มันยกเลิกสถานะล่องหน มองลงไปยังวาเลนไทน์ด้านล่าง ตะโกนเป็นภาษาเฮอร์มิสโบราณด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“วาเลนไทน์!”
เสียงนี้ดังมาพร้อมกับแสงสีเข้มที่ดูเหมือนกำลังวิบวับอยู่ในชุดคลุมของหลวงพ่อ
พลังนี้ได้มาจากการทำพันธสัญญากับสัตว์โลกวิญญาณ หนึ่งในขอบเขตอำนาจของ ‘ผู้ถือพันธสัญญา’ ที่กิโยม·เบเนต์เป็น
โดยการเรียกขานชื่อจริงของเป้าหมาย สามารถสร้างอิทธิพลต่อ ‘กายวิญญาณ’ ทำให้อีกฝ่ายมึนงงหรือเกิดอาการที่คล้ายกัน
ในกระบวนการนี้ ยิ่งภาษาที่ใช้ใกล้เคียงกับธรรมชาติและโลกวิญญาณเพียงใด และยิ่งเข้าใจเป้าหมายดีเพียงใด ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
หากกายวิญญาณของผู้ใช้แข็งแกร่งกว่าเป้าหมายมาก ก็สามารถดึงวิญญาณออกมาได้โดยตรง ทำให้สับสนสิ้นสภาพ ไม่สามารถต่อต้านได้
ได้ยินเสียงเรียกของหลวงพ่อ วาเลนไทน์รู้สึกเหมือนหัวสมองอื้ออึง วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ไม่สามารถคิดอะไรได้ชั่วขณะ
แต่ไม่นานก็หลุดพ้นจากสถานการณ์ กลับมาครองสติได้อีกครั้ง
ตั้งแต่เข้ามาในหมู่บ้านกอร์ตู เขาไม่เคยบอกชื่อเต็มกับหลวงพ่อกิโยม·เบเนต์ พลังจึงสำแดงอานุภาพได้ไม่ดีนัก
กิโยม·เบเนต์ก็ไม่ได้คิดว่าจะสำเร็จ ขณะที่วาเลนไทน์ยังสลัดอาการมึนงงไม่หมด มันโยนกระดูกมนุษย์ที่เตรียมไว้ออกมา
เกิดเสียงดังปังเพื่อกระดูกกระทบกับพื้น หลวงพ่อที่ลอยอยู่กลางอากาศร่ายคาถาเป็นภาษาเฮอร์มิสอย่างรวดเร็ว
“ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ตื่น”
นี่คือคำสาป หนึ่งในพลังที่กิโยม·เบเนต์ได้รับผ่านพันธสัญญา
โยนกระดูกที่เป็นสัญลักษณ์ของคนตาย เพื่อทำให้เป้าหมายมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน และลืมตาไม่ขึ้นเหมือนคนตาย
วาเลนไทน์มิได้กำลังหลับ จึงไม่ได้รับสถานะ ‘ลืมตาไม่ขึ้น’ แต่อาการวิงเวียนศีรษะที่ยังไม่ซาลงกลับรุนแรงขึ้นชัดเจน จนมองไม่เห็นสิ่งที่อยู่ห่างเกินสามเมตร และไม่ได้ยินเสียงที่อยู่นอกขอบเขต
ถือโอกาสนี้ หลวงพ่อเหยียดฝ่ามือขวาออกมา
ดวงตาสีฟ้าของมันเริ่มอ่อนลง โปร่งใสจนดูคล้ายภาพมายา
รอบตัววาเลนไทน์ปรากฏสัญลักษณ์สีเงินซับซ้อนหลายอัน แต่ละอันพัวพันกันเอง ประกอบกันเป็นแม่น้ำมายาที่เปล่งแสงระยิบระยับ
แม่น้ำนี้มีสาขาย่อยมากมาย แต่เมื่อสายหลักไหลไป สาขาแยกย่อยเกือบทั้งหมดก็ถูกกลืนหายไปจนเหลือเพียงสายเดียว
กิโยม·เบเนต์สังเกตการณ์อยู่สักพัก ถือโอกาสขณะที่วาเลนไทน์ยังไม่หลุดพ้นจากคำสาปที่มองไม่เห็นและไม่ได้ยิน ก็จับคว้าสัญลักษณ์สีเงินอันหนึ่งไว้
มันต้องการขยายลำธารสาขาย่อยนั้น เพื่อทำให้ชะตากรรมของวาเลนไทน์ ลงเอยด้วยการถูกบุปผามารนรกที่รายล้อม ทำให้ชาจนล้มลง
…………
เงาด้านข้างเงื้อขวานขึ้น สับลงไปที่ไรอัน นักรบผู้ปราดเปรียวรายนี้หลบหลีกได้ฉิวเฉียด พร้อมกับทิ้งตะเกียงน้ำมันก๊าดในมือที่ถือมาตลอด
ผิวหนังปกคลุมด้วยเกราะเต็มยศสีเงินวาว ในมือปรากฏดาบยักษ์ที่ควบแน่นจากแสง
คั้งคั้งคั้ง!
ไรอันรัวฟันอย่างต่อเนื่อง ผลักเงานั่นจนติดกำแพง พร้อมทั้งแผ่แสงรุ่งอรุณออกไปรอบตัว ขับไล่เงามืดในละแวกใกล้เคียง
ท่อนแขนสีดำ สีซีด พิสดาร และน่ากลัวที่เตรียมยื่นออกจากเงามืด ถูกผลักไสไปไกลจนยากที่จะจับคว้าตัวไรอัน
ท่ามกลางเสียงอึกทึก เงาเหล่านั้นถอยกลับเข้าไปในกำแพง กลายเป็นปกติ
พวกมันสลายไปท่ามกลางแสงรุ่งอรุณ
ห่างออกไปไม่ไกล เงามืดที่ยังหลงเหลือเริ่มขยายขนาด กลายเป็นคนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีที่สวมชุดคลุมยาวแบบมีฮู้ด
ลำตัวเอนมาด้านหน้าเล็กน้อย ถือขวานวิ่งใส่ไรอันด้วยความเร็ว
ทุกย่างก้าวของมัน พลังงานบางอย่างในตัวถูกปลดออกมาทีละชั้น หลังจากผ่านไปไม่กี่ก้าว แม้ปิแยร์·แบรีจะตัวไม่สูงขึ้น แต่ก็คล้ายมีท่วงท่าและกำลังวังชาของคนยักษ์
ไรอันฝั่งตรงข้ามก็ดูตัวใหญ่ขึ้นมากเช่นกัน สองมือจับ ‘ดาบแสงแรก’ ฟันใส่ศัตรูที่พุ่งเข้ามาเหมือนกระทิง
คั้ง!
ดาบยักษ์และขวานชนกัน ปล่อยประกายไฟออกมาชุดหนึ่ง
ปิแยร์·แบรีกับไรอันถอยหลังพร้อมกัน คนหนึ่งต้องใช้สามก้าวในการทรงตัว ในขณะที่อีกคนใช้เพียงก้าวเดียว
ไรอันกดเท้าหลังปักหลัก ถือโอกาสที่ปิแยร์·แบรียังยืนไม่มั่น พุ่งถลันเข้าหาด้วยความเร็วพร้อมกับฟันใส่ซึ่งหน้า
ทันใดนั้น ปิแยร์·แบรีเปิดปาก
ลิ้นของมันกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่คล้ายกิ้งก่าคาเมเลี่ยน
หัวของกิ้งก่านั่นอยู่ระหว่างสองขา โดยมีขาหน้าข้างหนึ่งยัดเข้าไปในปากตัวเอง
เมื่อไรอันเห็นกิ้งก่าคาเมเลี่ยน ก็ปวดหัวอย่างรุนแรงจนไม่อยากโจมตีได้อย่างใจคิด
คำสาปปวดหัว!
คนเลี้ยงแกะปิแยร์·แบรีได้รับพลังนี้จากพันธสัญญากับสัตว์ประหลาดที่ชอบศึกษาคำสาปสมัยยังมีชีวิต
ปิแยร์ถือโอกาสที่ไรอันกำลังปวดหัว เรียกเงาดำที่เคยถอนตัวไปมาอีกครั้ง พุ่งเข้าโจมตีไรอันอย่างดุเดือด
ท่ามกลางเสียงอึกทึก ไรอันตกเป็นฝ่ายตั้งรับจนต้องถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
…………
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวด้านนอก ลูเมี่ยนรีบลุกพรวดมานั่งบนเตียง และพูดกับโอลัวร์ด้านข้างตามสัญชาตญาณ
“เกิดเรื่องแล้วพี่!”
“ไปรวมตัวกับพวกไรอันกันเถอะ!”
นี่คือหลักการที่ไรอันสอนสองพี่น้องเป็นประจำ
เมื่อถูกโจมตี พยายามจับกลุ่มเอาไว้ การทำงานเป็นทีมดีกว่าต้องสู้ตามลำพังเสมอ!
“อื้อ!” โอลัวร์ลุกออกจากเตียง พลางเอื้อมมือหยิบบางสิ่งจากกระเป๋าลับในกระโปรงขณะวิ่งไปทางประตู
เพียงลูเมี่ยนเข้าใกล้ประตูห้องที่เปิดค้างไว้ ก็พบใครคนหนึ่ง
รองอธิการโบสถ์ มิเชล·การีกูที่มาในชุดคลุมยาวสีขาวปักแถบด้ายทอง
ชายหนุ่มผมหยักศกหน้าตาดีคนนี้ แววตาของเขาสุดจะว่างเปล่า พูดกับลูเมี่ยนด้วยรอยยิ้ม
“อยากสวดมนต์ไหม?”
ลูเมี่ยนรีบหยิบขวานออกมาถือ แล้วฟันใส่คอของมิเชล
ศีรษะมิเชลเอียงทันที แต่เลือดที่ไหลออกมากลับมีไม่มาก
มันมองลูเมี่ยนด้วยคอเอียงๆ นั่น ยิ้มแย้มแจ่มใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางเอ่ยปากถาม
“อยากสวดมนต์ไหม”
ลูเมี่ยนเตรียมยกขวานเงื้อฟันอีกครั้ง หวังตัดคออีกฝ่ายให้ขาด แต่ทันใดนั้นก็สัมผัสถึงอันตรายอย่างแรงกล้า
อาศัยความยืดหยุ่นอันน่าพรั่นพรึงของนักเต้น เด็กหนุ่มบิดหมุนร่างกายฉับพลัน ฟันขวานไปทางด้านหลัง
วินาทีถัดมา ดวงตาของเขาต้องแข็งค้าง
เพราะเห็นโอลัวร์
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของโอลัวร์กลายเป็นว่างเปล่าไปแล้ว โดยกำลังโปรยผงที่บดจากไม้สักชนิดมาทางลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนมองใบหน้าอันคุ้นเคยของพี่สาว ขณะที่ขวานในมือฟันช้าลงตามลำดับ จนกระทั่งหยุดนิ่ง
เขาลืมแม้แต่จะหลบ
เกิดเสียงคล้ายบางสิ่งแตกสลาย กลุ่มก้อนแสงสายฟ้าสีเงินวาวตกใส่ศีรษะลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มหมดสติลงทันที
การมองเห็นล้วนมืดมิด
……………………………………………………..