“เฉียวเฉียว…”
“ฉันจะไปขึ้นรถ จะกลับบ้าน” เย่เฉียวหันหลังเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง และไม่ได้ความตั้งใจที่จะหยุดเลย
หลังจากถอยไปไม่กี่ก้าว เย่เจิ้งก็หยุดลงและดูเขาที่เข้าไปในลิฟต์ คำพูดที่มาถึงคอแล้วนั้น ในตอนนี้ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ใช่ พูดออกไปไม่ได้ ถ้าพูดออกไปแล้วจะสูญเสียทุกอย่าง ตอนนี้ ความสงบสุขทั้งหมดในตอนนี้จะถูกทำลาย และคนบริสุทธิ์จำนวนมากจะต้องถูกทำร้าย
เย่เฉียวมาถึงชั้นใต้ดิน และเธอก็อยู่ในอาการงุนงง เมื่อเธอไปเอารถ ก้าวของเธอค่อนข้างจะโซซัดโซเซ ถ้าเย่จิ่นถังช่วยเธอไม่ทัน เธอคงจะล้มลงกับพื้น
เมื่อเห็นเย่จิ่นถังอยู่ที่นี่ เธอก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ มันดึกมากแล้ว ทุกวันนี้นอกจากมองเธอเขาก็ไม่นอนเลยเหรอ?
“เมื่อกี้คุณเห็นแล้ว?”
เย่จิ่นถังจับคางของเธออยางอ่อนโยน บังคับดวงตาที่สวยของเธอมองมาที่ตัวเอง: “คุณทำได้ดีมาก ทำดีมาก ควรได้รับรางวัล”
เย่เฉียวนั้นไม่เข้าใจอยู่แล้วว่าความหมายของรางวัลนี้คืออะไรกันแน่ จนกระทั่งตอนที่เขาล้มลงมาจูบ ก็ถึงจะรู้ แต่มันก็สายเกินไป
ชายคนนั้นได้เปิดปากของเธอแล้วและจู่โจมมันอย่างนุ่มนวล
เมื่อทั้งสองเคลื่อนไปถึงที่ประตูรถ เย่จิ่นถังก็หอบอย่างหนักและจับหลังศีรษะของเธอด้วยมือใหญ่: “เฉียวเฉียว คุณต้องเชื่อฟังแบบนี้ตลอดไป รู้ไหม?”
เมื่อเขาเห็นเธอเว้นอยู่ห่างจากเย่เจิ้ง เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจเขามีความสุขมาก เย่เฉียวฟังสิ่งที่เขาพูดและทำตามมัน
เย่เฉียวจับเสื้อผ้าบนหน้าอกด้วยมือทั้งสองข้าง: “ที่นี่มีกล้องวงจรเต็มไปหมด เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
เย่จิ่นถังสัมผัสใบหน้าเล็กๆของเธอด้วยความรักและยิ้มอย่างไม่สนใจ แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นอันตรายเช่นนี้จะไม่ปรากฏให้โลกเห็น
“เรากลับกันเถอะ” เย่จิ่นถังขับรถเปิดประตูรถและให้เธอเข้าไป เย่เฉียวขมวดคิ้ว นี่เขาหมายความว่าอย่างไร นี่จะเปิดเผยงั้นเหรอ
“เย่จิ่นถัง…”
“เดี๋ยวมีคนมาจัดการเอง คุณเป็นกังวลเกินไปแล้ว” เย่จิ่นถังก็เพิ่งสังเกตว่าใบหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก วันนี้ทำงานดึกขนาดนี้ คงไม่ได้ทานอาหารดีๆสักมื้อแน่ๆ
แถวๆนี้ไม่มีร้านอาหารจีน ปกติในตระกูลเย่ก็มักจะทานอาหารจีนที่บ้าน ในบ้านนั้นมีพ่อครัวจีนอยู่ หลังจากออกจากตระกูลเย่ ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องอาหารเธอเลย
“อยากกินอะไร?” เย่จิ่นถังถามเธอขณะขับรถ
“บะหมี่”
จากนั้นเย่จิ่นถังก็ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อส่วนผสม และทำบะหมี่ให้เธอเมื่อมาถึงคอนโด
เย่เฉียวไม่รู้ว่าชายที่น่ารังเกียจที่รู้แค่ใช้กำลังคนนี้สามารถทำอาหารได้จริงๆ เมื่อยื่นอยู่ในครัว ก็ดูเหมือนอย่างนั้นจริงๆ
เธอนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้วแล้วดื่มมันช้าๆ ปกติเธอไม่ค่อยดื่มเหล้าเท่าไหร่ เธอรู้ดีว่าการดื่มเหล้าของเธอนั้นอ่อนมาก
ส่วนใหญ่เวลาอยู่คนเดียวก็จะดื่มน้ำเปล่า เธอปลูกฝังนิสัยแบบนี้มาตลอด จึงไม่ทีเหล้าเบียร์ที่บ้าน ซึ่งก็เป็นการคำนึงถึงร่างกายของตัวเองด้วย
“ซูเปอร์มาร์เก็ตในอเมริกาขายแค่แป้งมักกะโรนีไม่ใช่เหรอ?คุณจะทำบะหมี่ด้วยสิ่งนี้ได้ยังไง?” เย่เฉียวเหลือบมองชามบะหมี่ที่อยู่ข้างหน้าเขา
“มีรสชาติเหมือนที่บ้าน” เธอพูดเบาๆ มีร้านหมี่อยู่ไม่ไกลจากจิ่นเฉิงมากนัก อาหารเส้นของทางภาคใต้นั้นนุ่มมาก ซึ่งเธอก็ชอบมันมากและรสชาตินี่ก็ยากที่จะลืม
ดูไม่ค่อยเหมือน แต่กลิ่นนั้นก็ใช้ได้ ถ้าไม่ใช่แป้งมักกะโรนีแต่เป็นบะหมี่ธรรมดาก็น่าจะดีกว่า
“ทำไมถึงชอบกินหมี่?”
ดวงตาของเย่จิ่นถังหรี่ลงเล็กน้อย และเธอก็จะคิดถึงเรื่องในจิ่นเฉิง ดังนั้นเธอจึงคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอใช่ไหม
เธอระมัดระวังมากขนาดนี้ แต่ก็หลุดออกมาต่อหน้าเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งแตกต่างจากสไตล์ของเธอ
เย่จิ่นถังเดินล้อมเคาน์เตอร์มานั่งลงข้างๆเธอเพื่อดูเธอกินหมี่ และคิ้วของเธอก็อ่อนลงอีกครั้ง: “ต่างจากถังหรงโม่มาก แต่ก็ไม่มีข่าวเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ
การเคลื่อนไหวในการกินบะหมี่ขอเย่เฉียวค่อยๆแข็งทื่อและเธอก็ไม่ขยับอีก พลางมองดูบะหมี่ในชามอย่างแน่วแน่ และรู้สึกเจ็บปวดในใจ ถึงแม้จะรู้ผลลัพธ์นี้ตั้งนานแล้ว
เย่จิ่นถังไม่จำเป็นต้องโกหกเธอ หากพบก็คือพบ หากไม่พบก็คือไม่พบ
“ไม่ได้ขอให้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้”
“แต่เมื่อกี้เธอจงใจเปิดเผยพิรุธของเธอต่อหน้าฉัน ไม่ใช่ว่าต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับจิ่นเฉิงจากฉันเหรอ?” เสียงของเย่จิ่นถังนั้นอยู่ในโทนต่ำอยู่เสมอ โดยไม่มีอารมณ์อื่นใดผสมอยู่ในนั้นเฃย
บ่อยครั้งที่เย่เฉียวฟังไม่ออกว่าคพูดนั้นของเย่จิ่นถังจะทำให้เกิดอารมณ์แบบไหน เธอไม่สามารถมองทะลุผ่านชายคนนี้ได้เลย แม้จะอยู่ใกล้เขามาหลายปีแล้ว ก็ไม่สามารถมองออกได้
สีหน้าของเย่เฉียวสงบพลางกินหมี่ต่อไป ความร้อนลอยเข้าตา ทำให้ดวงตานั้นมืดมน สิ่งที่คาดไว้ยังมีอะไรก้าวผ่านยากไปกว่านี้อีก
เธอก็คนที่ถูกรังเกียจและทอดทิ้ง เป็นตระกูลเย่ที่ต้องการเธอและเลี้ยงดูเธอมาอย่างดีและเก่งแบบนี้ แม้ว่าจะต้องมอบชีวิตให้กับตระกูลเย่ก็ไม่ใช่ปัญหา
“ความจริงก็ยืนยันแล้วว่า ไม่มีอะไรต้องรู้อีก”
“เฉียวเฉียว ส่วนตัวก็อย่าไปคิดถึงความคิดนี่อีกเลย ฉันรู้ว่ามันไม่สำคัญ ถ้าตระกูลเย่รู้อะไรขึ้นมา สถานการณ์ของคุณอาจน่าอึดอัดมากไม่ว่า เธอจะทำให้ทุกคนรู้สึกทุกข์ใจ เธอถามใจตัวเองดู ตระกูลเย่เลี้ยงดูเธอมานานหลายปีขนาดนี้ เธอก็ตอบแทนพวกเขาอแบบนี้เหรอ?” ทุกคำพูดของเย่จิ่นถังนั้นนิ่งมาก โดยไม่มีเสียงขึ้นและลง
ด้วยทัศนคติเพียงแค่การระบุข้อเท็จจริงนั้น เย่เฉียวพยักหน้าเล็กน้อย: “แน่นอนว่าฉันรู้”
“กินดีๆ กินเสร็จแล้วก็เข้านอน”
“คุณมาที่คอนโดฉันทุกวันไม่ได้เหรอ ทุกคนในตระกูลเย่อาจมาหาฉันได้ในทุกเวลา และเกิดใครมาเห็น จะทำยังไง?” เย่เฉียวถามคำถามนี้กับเขาอย่างจริงจัง
ใครจะรู้ว่าเย่จิ่นถังเพียงแค่เหลือบมองเธอแล้วพูดว่า “ฉันเป็นอาสามของเธอ มาดูๆเธอแล้วมันจะทำไม?”
เย่เฉียว: “…”
หน้าไม่อาย!
เย่จิ่นถังออกไปก่อนที่เธอจะเข้านอน เย่เฉียวก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เย่จิ่นถังลงไปจากที่นี่ก็ได้พบกับเย่เจิ้งที่ตามมาและรออยู่ที่ชั้นล่างมาตลอด
“อาเจิ้ง ดึกขนาดนี้แล้วเธอมารออะไรที่นี่?เฉียวเฉียวหลับไปแล้ว” เย่จิ่นถังมองดูเขา ท่าทางนั้นไม่กระวนกระวาย
“อาซานและเฉียวเฉียวเหมือนไม่ค่อยถูกกัน ช่วงนี้เป็นอะไรเหรอครับ?ทำไมผ่านไปแป๊บเดียวความสัมพันธ์ถึงรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น?” เย่เจิ้งสงบอารมณ์ที่ไม่พอใจและใจร้อนไว้
ดีเลวยังไงเย่จิ่นถังก็เป็นผู้อาวุโสของเขา เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะดูหมิ่นหรือไม่สุภาพต่อเขา
“เฉียวเฉียวโตและรู้เรื่องแล้ว” เย่จิ่นถังไม่ได้ตั้งใจจะพูดอะไรมากกว่านี้ และเดินผ่านเขาไป
เย่เจิ้ง หันกลับมาและสายก็มองกลับไปหลังของเขา: “อาสาม อารู้ไหมว่าผู้ชายที่อยู่ข้างเธอคือใคร? แม่ขอให้ฉันสืบหาอยู่”
หลังของเย่จิ่นถังแข็งทื่อเล็กน้อย พี่สะใภ้ให้ตรวจสอบ? เธออาจขอให้เย่เจิ้งไปตรวจสอบดู และภายในใจของเย่เจิ้งก็แทบอดไม่ไหวที่จะค้นหาว่าใครคือชายลึกลับที่เคยนอนกับเย่เฉียวหลายครั้ง?
MANGA DISCUSSION