รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 79 ลำดับชนชั้น
"ฉันขอโทษ….."ฉันพูดขอโทษอีกครั้งด้วยความขมชื่นในลำคอ
หลินปิงชิงก็มองมาที่ฉันเเละพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจ "เธอสมควรที่จะขอโทษ ไปต่างประเทศตั้งนานถึงจะติดต่อมา ครั้งก่อนที่วิดีโอคอลกับเธอ ฉันนี่อยากจะยื่นออกมาจากโทรศัพท์ออกมาตีเธอจริงๆ"
"พอเเล้ว ไม่ต้องจ้องเเล้ว จ้องจนลูกกะตาจะหลุดออกมาเเล้ว" ฉันพูดหยอกเล่นกับเธอ
ถึงเเม้จะไม่ได้เจอหน้ากันมาครึ่งปี เเต่ว่าความสัมพันธ์ของฉันกับหลินปิงชิงก็ไม่มีผลกระทบอะไร
เเล้วเธอก็หยุดพูดเล่นกับฉันเเล้วถามฉันอย่างจริงจังว่า "อีอี ฉันอยากถามอะไรเธอหน่อยเธอต้องตอบดีๆนะ"
ฉันพอได้บ้างว่าเธอจะถามอะไร เเต่ก็พยักหน้า
"เธอกะว่าจะไม่กลับไปคืนดีกับพี่อี้เฉินเเล้วจริงหรือ?"
ฉันเลียริมฝีปากของตัวเองไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
"พี่อี้เฉินน่าจะอธิบายให้เธอเเล้ว ว่าเขาชอบเธอไม่ใช่เพราะว่าเธอหน้าเหมือนกันฉู่เจียอี๋"
ฉันพยักหน้าเเล้วพูดว่า "เรื่องพวกนี้มันไม่ได้มีเเค่นี้หรอก ฉันเลิกกับเฉิงอี้เฉินมีฉู่เจียอี๋เป็นเพีงเเค่ชนวนเท่านั้น"
ความซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบความจริงเเล้วมันง่ายมากก็สามารถดูออกได้
หลินปิงชิงขมวดคิ้วเเล้วมองมาที่ฉัน เเล้วถอนหายใจ "เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์เเน่นอนว่าเธอต้องรู้สถานการ์ระหว่างเธอสองคนเป็นอย่างดี ฉันเป็นเเค่คนนอกก็ไม่ควรจะพูดอะไรมาก เเต่ว่าอีอี ที่พี่อี้เฉินมาต่างประเทศครั้งนี้ก็เพื่อที่จะมาพาเธอกลับไป เธอเตรียมใจไว้ให้พร้อมเเล้วกัน"
"เขาตั้งใจมาหาฉันหรอ? " ฉันคาดไม่ถึงเล็กน้อย ถึงเเม้ว่าจะเคยเดาได้ถึงเรื่องนี้ เเต่ก็รู้สึกว่าเฉิงอี้เฉินไม่สามารถทำได้ขนาดนี้
"ไร้สาระ ไม่งั้นเขาจะตั้งใจที่นี่ทำไม? กลุ่มบริษัทสกุลเฉิงมีพนักงานตั้งมากมาย ถึงขึ้นต้องให้ประธานมาเซ็นสัญญากับเธอถึงที่เลยหรอ?"
คำพูดประโยคนี้ไม่ได้ทำให้ฉันดีใจเลย เเต่มันไปกระตุ้นดดนความอ่อนไหวของฉันในเรื่องปมด้อยของตัวเองเมื่อเวลาที่พบเจอกับเฉิงอี้เฉิน
"จริงๆเเล้ว…เมื่อสามเดือนก่อนพี่อี้เฉินได้มาหาฉัน เขารู้ว่าอยู่ต่างประเทศ อีกอย่างยังให้ฉันดูรูปเธอที่กำลังท้องโตเเละเจรจาเรื่องสัญญาอยู่ ในรูปนั้นท้องของเธอโตมากเเล้ว เหมือนกับว่าจะใกล้คลอดเเล้ว พี่อี้เฉินหาข้อมูลตั้งนานเเล้ว หาหมอที่ตอนนั้นที่ร่วมมือกับเธอโกหกเกี่ยวเรื่องทำเเท้ง เขารู้มาตั้งนานเเล้วว่าเธอโกหกเขา"
"เขารู้ตั้งนานเเล้ว? "ฉันผงะไปสักพักเกือบจะทำกาแฟในเเก้วหกออกมา
หลินปิงชิงเม้มปากเเล้วพยักหน้า "ในตอนนั้นฉันอากจะมาหาเธอมากๆ เเต่ว่าพี่อี้เฉินก็ขวางฉันเอาไว้ เธอรู้ไหม? เขากลัวว่าเธอที่กำลังท้องอยู่มาเห็นเขาเเล้วจะตกใจเกินไป อาจเกิดอุบติเหตุกับเธอได้ ดังนั้นเขาก็เลยรอให้เธอคลอดลูกออกมาเเล้วอยู่เดือนให้ครบถึงจะมาหาเธอ"
ฉันถูกคำพูดของหลินปิงชิงทำให้ผงะไป เรื่องนี้พวกนี้เฉิงอี้เฉินไม่เคยบอกกับฉัน ฉันคิดมาตลอดว่าเขาเพิ่งจะมารู้ว่าฉันคลอดลูกเเล้ว ทั้งที่ก่อนหน้าตั้งใจจะปิดบังเขามาตลอด
เเต่ว่าวันนี้หลินปิงชิงมาบอกฉันว่าเฉิงอี้เฉินรู้ตั้งนานเเล้ว เเต่เป็นห่วงว่าฉันจะตกใจเเล้วอาจเกิดอุบัติเหตุได้ดังนั้นตลอดที่ผ่านมาจึงไม่ได้มาหาฉัน…..
ฉันใจสั่นเเละมือทั้งสองพันกันไปหมด
นี่ถือว่าเฉิงอี้เฉินเป็นห่วงฉันใช่ไหม?
"อีอี พี่อี้เฉินนั้นดีกับเธอจริงๆนะ จริงๆเเล้วฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวลอะไรอยู่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี เรื่องในใจของเธอเก็บซ่อนฉันไม่ได้หรอก เเต่ว่าอีอี ความจริงเหล่านั้นพวกเราไม่สามารถหลีกหนีมันได้หรอก เธออย่าดูถูกตัวเองจนเกินไป พี่อี้เฉินเป็นคนเก่ง เเต่ภูมิหลังของเขาเป็นยังไง เเล้วภูมิหลังของเธอเป็นยังไง?"
"ที่ฉันพูดเเบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าฉันจะดูถูกใคร เเต่ว่าชนชั้นต่างกัน มุมมองต่างกัน นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดา เธอนั้นถือเก่งมากๆเเล้ว เธอลองกลับไปคิดถึงเพื่อนที่เธอเล่นด้วยตอนเด็กๆดูสิ จะมีสักกี่คนที่จะดีกว่าเธอ?"
ฉันค่อยๆเรียกสติเเล้วถอนหายใจ "ลำดับชนชั้นสินะ"
ไม่กี่ปีมานี้คำศัทพ์นี้ถูกนำไปใช้เยอะมาก ก็คือกล่าวถึงการเเบ่งชนชั้นในสังคมเเสดงให้เห็นว่าการสื่อสารเเลกเปลี่ยนของคนในยุคสมัยเดียวกันลดลง เเน้วโน้มของการสืบทอดพันธุกรรมเริ่มพิ่มขึ้น เเต่ชนชั้นเเต่ละชนชั้นถูกปิดกั้น คนที่เกิดมามีภูมิหลังไม่ดีก็ไม่สามารถไปเทียบกับพวกลูกคนรวยเหล่านั้นไม่ได้
ฉันรู้ว่าคำศัพท์นี้มีความหมายมากเเละมันก็สะท้อนสังคมออกมาได้ดี เเต่กล่าวอีกนัยนึงมันเป็นเรื่องยากมาที่จะยกระดับชนชั้นตัวเอง พูดง่ายๆก็คือฉันอาจจะไม่สามารถไปอยู่ในระดับเดียวเฉิงอี้เฉินได้
ไม่ใช่ มันไม่ใช่เเค่ "อาจจะ" เเต่มันคือ "เเน่นอน"
"ดันนั้นถ้าเกิดว่าเฉิงอี้เฉินกับฉันอยู่ด้วยกัน ฉันคงต้องเป็นฝ่ายเอื้อมหาเขาไปตลอดชีวิต คิดดูเเล้วมันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย" ฉันยิ้มออกมาเศร้าๆเเล้วพูด พูดเเล้วก็รู้สึกหมือนประชดตัวเอง เเล้วยกกาเเฟขึ้นมาดื่ม
ตั้งเเต่ที่ฉันท้องฉับก็เเทบจะไม่ได้ดื่มกาเเฟเลย ช่วงนี้ต้องให้นมลูก ถึงเเม้ดื่มนิดหน่อยจะไม่มีปัญหาอะไร เเต่ลูกของฉันร่างกายค่อน้ขางอ่อนเเอ อีกอย่างฉันยังต้องให้นมเเม่เเก่พวกเขา ดังนั้นฉันจึงระวังเรื่องนี้มาก
วันนี้ดื่มกาเเฟจึงรู้สึกไม่ค่อยชิน รู้สึกว่าปากของฉันเต็มไปด้วยรสขม
"เธอไม่จำเป็นต้องคิดเเบบนี้"
"เเล้วฉันคิดเเบบไหนได้บ้าง? " ฉันยิ้มเศร้าเเล้วมองไปที่หลินปิงชิง "เธอไม่รู้หรอก ครึ่งปีที่ผ่านมานี้ไม่ว่าจะเป็นซ่งเสวี่ยเหมยหรือว่าสวีเฟยเฟย ยิ่งกว่านั้นคือครอบครัวของฉินจวิ้นเฟย คำพูดที่พวกเขาพูดกับฉันฉันจำได้ขึ้นใจทุกคำ"
ฉันจำไม่ได้เเล้วว่ามันกี่คืนกันเเน่ที่ในฝันของฉันมีเเต่ข้อกล่าวหาของพวกเขาเข้ามาในฝัน พวกเขาทุกคนบอกว่าฉันนั้นเป็นเพราะอยากได้เงินเลยเกาะเฉิงอี้เฉินไว้เเน่นจนไม่ปล่อย เเละฉันก็จำมาตลอดว่าซ่งเสวี่ยเหมยเอาเช็คเงินสดยี่สิบมาโยนให้ฉัน จากนั้นบอกกับฉันว่าจะใช้ชีวิตออกมาเป็นอย่างไร
"พี่อี้เฉินชอบเธอ เธอก็ชอบเขา เธอไม่เห็นต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะมองอย่างไรเลย? ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรไม่ที่น่าฟัง นั่นก็เพราะว่าพวกเขาอิจฉาริษยา พวกเขามีปัญญามาก็มาทำให้ได้สิ"
"ไต่ขึ้นที่สูงมันเหนื่อยจริงๆ "ฉันถอนหายใจอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เฉิงอี้เฉินไม่รู้ที่จะเคารพสิทธิของฉัน ฉันเสริมคำพูดนี้เข้าไปในประโยคในใจอย่างเงียบๆ
"ไม่เเน่นอนว่าเป็นการไต่ขึ้นที่สูงสักหน่อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่พยายามสักหน่อย ความจริงเธอก็สามารถยืมใช้พี่อี้เฉินเป็นช่องทางในการพยายามก็ได้ เธอเทียบไม่ติดกับเขาก็เเค่ชั่วคราว เเต่ตอนนี้เธอมีความก้าวหน้าขนาดนี้ ฉิน จวิ้นเฟยจะยังกล้าว่าเธออีกเหรอ? รออีกปีสองปีบ้านของพี่อี้เฉินก็ไม่มีอะไรที่จะพูดถึงเธอได้อีกเเล้ว "
ฉันมองไปที่หลินปิงชงที่กำลังเหมือนกับปฏิญาณตัวเองเเล้วฉันก็อยากหัวเราะ นี่ก็คงคือเพื่อนสนิทที่คอยสนับสนุนเเละเชื่อมั่นในตัวเรามากที่สุด
"ไม่ยืม ฉันไม่สามารถยืมได้" ฉันยังคงหัวเราะคิกคักเเล้วหยิบเมนูมาเปิดดูเเละพูดกับหลินปิงชิงว่า "อยากจะกินอะไรหน่อยไหม?"
หลินปิงชิงรู้สึกโกรธอย่างเห็นได้ชัด "ลั่วอีอี ฉันนี่อยากจะเเงะหัวสมองของเธออกมาดูจริงๆ ว่าข้างในมันใส่อะไรไว้"
เขาส่ายหัว "เธอคิดดูว่ามันจะมีกี่คนกันเเน่ที่ฐานะจะเปรียบกับพี่อี้เฉินได้? ถ้าเอาตามความคิดของเธอ ฉันว่าเขาคงโสดไปตลอดชีวิต"
"เขาไม่มีทางโสดหรอก ฉันก็รู้ว่าฉันเรื่องมากงี่เง่าเเละผู้หญิงมากมายก็อยากจะเเต่งงานกับเขา"
"เธอรู้ก็ดีเเล้ว เพราะถ้าพลาดเเล้วก็พลาดเลย เธอลองคิดทบทวนตัวเองดีๆ "
หลินปิงชิงหยุดตักเตือนฉัน เเต่ฉันก็ไปนึกถึงคนๆนึงอย่างไม่รู้ตัว
ฉันเดินออกมาจากเฉิงอี้เฉินครึ่งปีเเล้ว ในช่วงนั้นสวีเฟยเฟยทำอะไรไปบ้าง?