รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 78 คิดไปเองฝ่ายเดียว
ว่ากันว่าเมื่อผู้หญิงคลอดลูกออกมาเเล้วมักจะชอบอวดลูกกัน ฉันถึงเเม่ว่าจะไม่ชอบโพสต์ลง เเต่ฉันก็ถ่ายรูปของพวกเขาเอาไว้เยอะมาก เเทบจะถ่ายทุกการเคลื่อนไวของพวกเขาเก็บเอาไว้
มือใหญ่ๆของเฉิงอี้เฉินที่กำลังค่อยๆเลื่อนดูหน้าจอ ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองนั้นกำลังรู้สึกอะไรอยู่ รู้สึกเเค่ว่าหัวใจของตัวเองนั้นกำลังเต้นเเรงขึ้น ราวกับว่ากำลังถูกตรวจสอบ
เฉิงอี้เฉินเห็นรูปของลูกทั้งสองคนเเล้วจะมีความรู้สึกยังไงนะ? เขาชอบลูกทั้งสองไหม? อีกอย่างลูกทั้งสองก็มีหน้าตาที่คล้ายกับเฉิงอี้เฉิน เขาจะดูออกไหม?
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือในตอนนี้ประเด็นเรื่องของลูกได้ถูกพูดขึ้นมาเเล้ว เฉิงอี้เฉินจะขอร้องให้ฉันมอบการเลี้ยงดูลูกทั้งสองไปอยู่ในอำนาจเขาเเทนไหม?
ทันใดนั้นหัวใจของฉันก็ "กระตุก"กลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากพูด เเต่ร่างกายของฉันก็เเข็งทื่อไปเเล้ว
ฉันเม้มปากเอาไว้เเน่นๆฉันอกเต้นขึ้นลงอย่างรุนเเรง มีคำพูดมากมายที่นับไม่ถ้วนกำละงป่วนอยู่ในหัวเเละเตรียมพร้อมเสมว่าเฉิงอี้เฉินนั้นจะพูดอะไรออกมา
เเต่สิ่งที่ทำให้ฉันนั้นไม่คาดถึงก็ คือเฉิงอี้เฉินดูโทรศัพท์นานมาก จากนั้นเขาก็ส่งโทรศัพท์ไปให้หลินปิงชิง
"ลูกๆน่ารักมาก"
"หื้มม?" เมื่อได้ยินที่เขาพูดฉันก็อึ้งตะลึงไปสักพัก เเล้วก็เงยหน้าขึ้นมองเฉิงอี้เฉินอย่างไม่รู้ตัว ไม่เข้าใจว่าคำพูดที่เขาพูดออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร
"คุณได้รับความทุกข์ลำบาก" เขาพูดอีกครั้ง สายตาที่อ่อนโยนของเขาจ้องมองมาที่ฉัน เเต่มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด
ฉันขมวดคิ้วเเล้วมองไปที่เฉิงอี้เฉิน เขาพูดเเค่ไม่กี่คำก็จบเเล้วหรอ?
ภายใต้สายตาของฉันเฉิงอี้เฉินยิ้มเเล้วยิ้ม เเละให้บริกรเข้ามาจดอาหาร
"คุณคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่าพวกผม งั้นคุณเป็นสั่งเเล้วกัน" เฉิงอี้เฉินให้บริกรยื่นเมนูมาให้ฉัน เเล้วดูฉันพูด
ฉันมองไปที่เฉิงอี้เฉินด้วยความสงสัย ฉันรู้สึกว่าคำพูดที่เขาพูดนั้นดูเหมือนจะบ่งบอกว่าก่อนหน้านี้ฉันมาทานอาหารกับเฉินตงหลีที่นี่
ฉันหายใจใจเข้าลึกๆเเล้วหยิบเมนู บังคับตัวเองไม่ให้คิดมาก เนื่องจากเฉิงอี้เฉินไม่ได้พูดถึงเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ฉันไม่ยอมให้ตัวเองโง่เเล้วเป็นฝ่ายที่พูดถึงเรื่องก่อน
ฉันกับหลินปิงชิงเป็นเพื่อนกันมาหลายปี เเละรู้ว่าหลินปิงชิงชอบกินรสชาติแบบไหน ดังนั้นฉันก็เลยสั่งอาหารไปเลย เเต่เมื่อคิดทบทวนถึงจานที่สั่งให้เฉิงอี้เฉินฉันก็ลังเล เเละก็ไม่เข้าใจตัวเองว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้ตั้งใจไปสั่งสลัดน้ำมันมะกอกที่เฉิงอี้เฉินไม่ชอบกิน
เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เฉิงอี้เฉินก็มองไปยังสลัดน้ำมันมะกอก จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นเเล้วก็ใช้ส้อมตักกินเข้าไปหนึ่งคำ
ฉันนิ่งไปสักพัก ได้ยินเสียงที่พูดออกมาอย่างคลุมเครือว่า "รสชาติถือว่าดี"
"คุณไม่กินมะกอกไม่ใช่หรือ" ฉันพูดออกไป คำพูดถูกพูดออกไปก็ทำให้เห็นว่ามีรอยยิ้มปรากฏอยู่ในส่วนลึกของดวงตาของเขา เเละฉันก็เข้าใจทันทีว่าฉันนั้นพูดผิด
"ที่เเท้คุณยังจำรสชาติที่ผมชอบได้อยู่ ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าคุณจะไม่เคยลืมผมเลยนะ" เขาพูดหลงตัวเอง
ฉันพูดไม่ออก เเล้วมองไปที่เขาเเล้วพูดว่า "โตขนาดนี้เเล้วยังเลือกกิน มันมีไม่กี่คนหรอกที่เป็นเเบบนี้"
"คนเรามันสามารถเปลี่ยนกันได้" คำพูดของเขาดูเหมือนจ้องการจะเเสดงสิ่งที่ซ่อนเอาไว้ในใจ หลังจากนั้นก็ใช้ส้อมตักเข้าไปกินอีกคำ
ฉันเม้มริมฝีปากเเละไม่ได้พูดอะไรสักคำ คำพูดนี้เป็นฉันที่พูดกับเฉิงอี้้เฉิน เเต่ไม่คิดว่าเขาจะใช้คำพูดนี้มาปิดปากของฉันได้เร็วขนาดนี้
ฉันไม่ได้รับรู้ถึงรสชาติอาหารของมื้อนี้เเละเฉิงอี้เฉินก็ดูเหมือนว่าจะจงใจหยิบมะกอกมากิน ดูพฤติกรรมของเขาที่ดูเหมือนเด็กนั้น ฉันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก หลินปิงชิงถามฉันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในครึ่งปีที่ผ่านมาว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวชีวิตเเละสภาพจิตใจของฉัน
ฉันตอบอย่างคลุมเครือ เพราะว่ามีเฉิงอี้เฉินอยู่ด้วย มันมีบางเรื่องที่ไม่อยากพูดออกไป ตอนหลังดูเหมือนว่าหลินปิงชิงจะรู้ว่าฉันกังวลใจเกี่ยวกับเฉิงอี้เฉิน เธอจึงไม่ถามอะไรเพิ่ม เเละในที่สุดอาหารมื้อก็จบไปด้วยบรรยากาศที่เเปลกๆ
ทานข้าวเสร็จฉันกำลังคิดหาทางเเยกตัวออกจากเฉิงอี้เฉินอย่างไรดี เเต่ผลลัพธ์คือเฉิงอี้เฉินเป็นเอ่ยปากพูดก่อนว่าเขามีธุระต้องไปทำต่อ สอบถามหลินปิงชิงว่าจะทำอะไรต่อไหม ต้องการให้เขาไปส่งหรือเปล่า หลินปิงชิงบอกว่าอยากคุยกับฉันต่อคนเดียว เฉิงอี้เฉินจึงขึ้นรถเเล้วขับออกไป
ดูรถของเฉิงอี้เฉินที่ขับออกไป ฉันยังคงรู้สึกเหมือนยังอยู่ในฝัน
ระหว่างมื้ออาหารฉันกังวลเเล้วก็รอเฉิงอี้เฉินพูดกับฉันเกี่ยวกับเรื่องของลูก เเต่เฉิงอี้เฉินกลับไม่พูดถึงสักคำเลย
ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ฉันกังวลมาตั้งนาน เเต่เฉิงอี้เฉินไม่ได้ต้องการอำานาจในการเลี้ยงดูเด็กตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้ว อันที่จริงฐานะเขาดีขนาดนี้ มีผู้หญิงมากมายที่ยินยอมจะคลอดลูกให้เขา บางทีเขาอาจจะคิดว่าฉันจะใช้เด็กทั้งสองคนนี้มาคุกคามเขาเเละไปเเย่งสมบัติของตระกูลเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเฉิงอี้เฉินยังมาอธิบายกับฉันว่า เขาชอบฉันไม่ใช่เพราะว่าฉันหน้าเหมือนกับฉู่เจียอี๋ ฉันไม่ต้องการที่จะหลงกลกับคำพูดเหล่านี้ เเต่บอกตัวเองว่าหน้าของฉันนั้นไม่มี "ความสามารถในการเเข่งขัน" นั่นก็เท่ากับว่าลูกของฉันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เเล้วก็ไม่จำเป็นต้องให้เฉิงอี้เฉินมาระลึกถึง
ไม่มีเฉิงอี้เฉิน มันก็ทำให้ฉันรู้สึกปล่อยวางเเละผ่อนคลายลง ฉันมองไปที่หลินปิงชิง "หาที่นั่งกัน เราจะได้คุยกันดีๆ"
หลินปิงชิงพยักหน้าให้ฉัน สายตาดูมีคำถามเเละความสงสัยอยู่มากมาย
ฉันดึงเธอขึ้นรถ เห็นรถของฉันหลินปิงชิงก็อตะลึงไปสักพัก เเต่ก็ยังไม่ถามอะไรก็ขึ้นนั่งบนรถไปเเล้ว
ฉันพาหลินปิงชิงไปร้านกาเเฟร้านนึงที่บรรยากาศดีมาก ไม่ได้หรูมากเเต่ดูดีมีสไตล์ ฉันเรียกพนักงานเพื่อสั่งของ เพราะว่าเมื่อกี้พวกเราเพิ่งทานข้าวมาเเล้วยังไม่หิว เลยสั่งเเค่กาแฟสองเเก้วเละนั่งที่นี่
"พี่เฉินบอกว่าเธอเปลี่ยนไปเยอะมาก ฉันคิดอยู่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปเป็นเเบบไหน? ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยวิดีโอคอล เเต่ตอนนี้ได้เจอเเล้ว ก็เชื่อเเหละว่าเปลี่ยนไป " หลินปิงชิงมองมาที่ฉันพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
ฉันกวนกาเเฟด้วยช้อน มองดูนมสีขาวที่รวมเข้ากับกาเเฟสีน้ำตาล ขณะที่กวนเเฟฉันก็วาดเส้น "ฉันเปลี่ยนไปเยอะไหม?"
"อืม เปลี่ยนไปเยอะมาก" เธอยกกาเเฟขึ้นมาดื่มไปหนึ่งคำ ใบหน้าของเธอยิ้มเเล้วพูดว่า "ทั้งสวยขึ้นเเละดูดีขึ้น"
ฉันหยุดนิ่งไปสักพักเเละมองไปที่หลินปิงชิง ฉันคิดว่าเธอจะบอกว่าฉันเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี คิดว่าเธอจะบอกว่าฉันดูเเก่ลง เเต่คิดว่าจะได้คำชมเเบบนี้ออกมาจากปากเธอ
"ครึ่งปีก่อนเธอไปโดยไม่บอกลา ฉันนี่เป็นห่วงจนเเทบจะบ้าตาย ฉันโทรศัพท์ไปหาเธอก็ไม่รับ ฉันไม่มีทางเลือกจริงๆจึงไปขอร้องให้พี่อี้เฉินตามหาเธอ ตอนเเรกฉันคิดว่าถ้าฉันบอกเขาว่าเธอกำลังท้องมันอาจจัทำให้เธอสองคนมีโอกาสสงบจิตใจคุยกันดีๆ เเต่ฉันเเค่คิดไม่ถึงว่าที่เขาตอบกลับมาคือเธอจะทำเเท้งเเละไปต่างประเทศกับผู้ชายอื่น"
เสียงของหลินปิงชิงต่ำเเละลึก ฉันจับเเก้วกาเเฟเเรงขึ้นนิดๆอย่างไม่รู้ตัว
ฉันเดาได้เลยว่าในตอนนั้นหลินปิงชิงกำลังกังวลเเค่ไหน ตื่นขึ้นก็พบว่าฉันไม่อยู่เเล้ว โทรไปหาฉัน ฉันก็ไม่รับ เธอน่าจะต่อสู้ทางจิตใจมานานจนไม่ไหว จึงไปความช่วยเหลือจากเฉิงอี้เฉิน
เเต่ว่าสิ่งที่เฉิงอี้เฉินบอกกับเธอนั้น มันกลับเป็นข่าวร้ายที่ทำให้เธอใจสลาย ในฐานะเป็นคนที่อยู่ในเหตุหารณ์
ฉันก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เธอเลย ตอนนี้เธอยังเต็มใจที่จะช่วยฉันเเละเต็มใจที่จะมาเจอฉัน คงจะมีเเค่หลินปิงชิงคนเดียวนี่เเหละที่เป็นเพื่อนที่จริงใจที่สุดของฉัน ที่ให้ความสำคัญกำลังเรื่องของฉันได้ขนาดนี้