รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 73 โอกาส
เฉิงอี้เฉินกัดฟันเเล้วมองมาที่ฉัน สีหน้าดูน่ากลัว ฉันไม่ต้องการที่จะพัวพันกับเขาอีก เพียงเเค่ฉันหันตัวเดินมาออก เฉิงอี้เฉินก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อที่จะรั้งฉันเอาไว้ เเต่ก็ถูกเฉินตงหลีมาขวางไว้
"ลั่วอีอี….คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ! "
เสียงของเฉิงอี้เฉินที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ฉันรู้ได้ว่าเขานั้นกำลังโกรธมาก เเต่ฉันก็เร่งฝีเท้าเดินเร็วยิ่งขึ้นเเละออกมาจากห้องรับเเขก
นั่งอยู่ในบริษัทของฉัน ร่างกายของฉันยังคงสั่นเล็กน้อย เสียงของเฉิงอี้เฉินยังคงก้องอยู่ในหูทำให้ใจของเต้นเร็ว
คำพูดของเฉิงอี้เฉินทำให้ฉันคาดไม่ถึงเเละรู้สึกดีใจ เเต่ก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ฉันไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จู่ๆมือของฉันก็ถูกจับไว้ ฉันอึ้งไปสักพัก เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นว่าเฉินตงหลียืนอยู่ข้างหน้าโดยที่ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาตั้งเเต่เมื่อไหร่
ฉันปล่อยมือออกเเล้วถามว่า "เขาไปเเล้วหรือ? "
"ไปเเล้ว" เฉินตงหลีมองมาที่ฉันเเล้วพยักหน้าตอบ
ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก เเต่เพิ่งสังเกตเห็นว่าบนหน้าของเฉินตงหลีมีรอยเเผลบาดเจ็บ
"คุณสองคนต่อยตีกันหรอ?"
เฉินตงหลีพยักหน้าเเล้วลากเก้าอี้ออกมานั่งข้างหน้าฉัน ยิ้มให้ฉันด้วยท่าทางกังวัลเเล้วบอกว่า "ไม่มีอะไรหรอก"
เขากล่าวออกมาเเล้วยิ้มเเล้วมองมาที่ฉันอย่างลังเล
"คุณมีอะไรที่อยากจะพูดไหม? "
"ผมกำลังคิดอยู่ ว่าผมจะยังมีโอกาสไหม? " เขาพูดออกมาเบาๆ
ฉันอดไม่ได้ที่จะเม้มปากตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไง
อย่างไรก็ตามที่ฉันมีความสุขเพราะว่าเฉิงอี้เฉินนั้นมาอธิบายให้ฉันเข้าใจ เเต่ก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าปัญหาระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินนั้นไม่ได้อยู่ที่ฉู่เจียอี๋ เเต่แค่ฉันไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตอบสนองความรักของเฉินตงหลีที่มีให้ฉันอย่างไร
ในตอนนั้นที่ฉันตอบตกลงเขาเหตุผลก็เพราะว่าอยู่เฉิงอี้เฉินก็มาปรากฏตัวขึ้นในร้านอาหาร ฉันจึงตื่นตระ
หนกเเละไม่อยากให้เฉิงอี้เฉินคิดว่าฉันนั้นยังมีความรู้สึกอะไรกับเขาอีก
เเต่ถ้าพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเฉินตงหลี ฉันรู้ว่าเขาปฏิบัติต่อฉันเป็นอย่างดีเละฉันก็รู้สึกขอบคุณเขามากๆที่เขาดีต่อฉัน เเต่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเเค่ไหนฉันก็ยังมีคนๆนั้นอยู่ในใจตลอด ไม่ว่าจะรักเขาก็ตามหรือจะเกลียดเขาก็ตาม เเต่พื้นที่ในหัวใจนั้นก็ถูกครอบครองโดยเฉิงอี้เฉินมาตลอดเเละไม่เคยมีว่างให้เฉินตงหลีมาตั้งเเต่เเรกเเล้ว
เเต่ว่าฉันตอบตกลงไปเเล้วว่าจะให้เวลาเฉินตงหลีสามเดือน เเล้วฉันจะพูดเเบบนี้ได้อีกอย่างไร?
"ตงหลี ฉัน……."
ฉันคิดถึงคำพูดที่จะพูดเเล้วกำลังจะพูดออกไป เเต่เฉินตงหลีก็ขัดจังหวะฉันขึ้นมาก่อน
"ไม่ต้องพูด" เสียงของเขาเเผ่วเบา เขาพูดคำพูดสามคำออกมาอย่างกระตือรือร้น เเววตาของเขาเเสดงออกมาถึงความตื่นตระหนกเเละเเววตาที่วิงวอน
"คุณตอบตกลงกับผมไว้เเล้วว่าจะให้เวลาสามเดือนเเละไม่ว่ายังไงก็ตามช่วงเวลาสามเดือนนี้คุณห้ามยอมเเพ้" เขากุมมือของเอาไว้เเน่นๆเเล้วเงยหน้ามองที่ฉัน หัวใจของฉันเจ็บปวดเเละหลังจากนั้นฉันก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
เนื่องจากทะเลาะกับเฉิงอี้เฉินไป มันทำให้ใจของฉันถูกรบกวน หงุดหงิด จนไม่เป็นอันทำงานต้องเลิกงานก่อนเวลา ฉันที่เพิ่งจะขับรถกลับมาถึงบ้านก็ได้รับสายโทรศัพท์มาจากเฉินตงหลี เฉินตงหลีบอกฉันว่าเขาถูกเฉิงอี้เฉินนัดให้ไปเจอกันคุยเกี่ยวกับเรื่องสัญญา เนื้อหาเหมือนกับที่เฉิงอี้เฉินบอกกับฉันมาก่อนหน้านี้ คือต้องร่วมมือกับตงหลีการค้าระหว่างประเทศ เเละอีกอย่างฉันได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้รับผิดชอบ
เฉินตงหลีสอบถามความคิดเห็นของฉัน เพื่อดูว่าฉันจะยอมรับข้อเสนอสัญญาไหม หัวใจฉันรู้สึกเเปลกๆไม่รู้ว่าสิ่งที่เฉิงอี้เฉินกำลังทำนี่มันหมายความว่าอย่างไร
"อีอี ถ้าเกิดว่าเธอไม่ยอมรับ เราก็ไม่ต้องทำธุระกิจนี้ก็ได้ ฉันรู้สึกว่าเฉิงอี้เฉินนั้นกำลังจะทำในสิ่งที่เเตกต่างจากที่เราเห็น ตอนเเรกฉันต้องการที่จะยกเลิกทำธุระกิจนี้เเต่ฉันคิดว่าควรที่จะบอกกับเธอก่อน ท้ายที่สุดเฉิงอี้เฉินก็ทำเพื่อคุณเเละคุณมีสิทธิ์ที่จะรู้ "
เฉินตงหลีพูดมาผ่านทางมือถือ ฉันกัดริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัวเเต่สายตาของฉันก็มองลงไปที่เด็กทั้งสอง
ถึงเเม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งคลอดออกมาได้เเค้เดือนกว่า เเต่พวกเขาก็มีชีวิตชีวามาก ยิ่งตอนที่ได้ยินเสียงของฉันพวกเขาจะหันตัวเเล้วมองมาที่ฉัน เเต่พวกเขาก็ยังเด็กเเละเล็กเกินไปที่จะหันตัวมาได้
ฉันเม้มริมฝีปากเเละพูดอย่างเคร่งขรึม "เซ็นสัญญาเถอะ ฉันจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง"
"อีอี" เฉินตงหลีพูดอย่างกังวล "เธอคิดดีเเล้วใช่ไหม? "
"อืม ฉันคิดดีเเล้ว" ฉันพยักหน้าโดยที่ไม่สนว่าคนในมือถือนั้นไม่มีทางเห็นอยู่เเล้ว "เฉิงอี้เฉินถึงขั้นเสนอชื่อให้ฉันเป็นผู้ดูเเล เขาคงไม่ยอมวางมือยุติง่ายๆ เขาก็อยากให้ฉันทำ ฉันก็จะทำ เขาไม่ทำอะไรลับๆล่อๆกับเรื่องที่มีคนเป็นหูเป็นตาอยู่"
ฉันเดินไปนั่งอยู่ข้างๆลูกของฉัน ฟังเสียงร้องยียียายาของพวกเขาหัวใจของฉันก็เต้นเร็ว
เฉิงอี้เฉินรู้เเล้วว่าเด็กสองคนนี้คลอดออกมาเเล้วมีชีวิต ถึงเเม้วันนี้จะไม่ได้พูดอะไร เเต่ก็ไม่เเน่ใจว่าว่าเขาออกมาพูดถึงเรื่องการดูเเลลูกตอนไหน
ฉันไม่สามารถหลีกหนีสิ่งเหล่านี้ได้ ทำได้เเค่ต้องเผชิญหน้ากับมัน หากถึงขึ้นต้องขึ้นศาล ฉันก็จะทำให้ศาลรู้ด้วยว่าเเม่ของเด็กก็จะยอมถอยง่ายๆ
อีกอย่างฉันมีอีกหนึ่งทางออกที่คิดเอาไว้ คือฉันคิดว่าในการร่วมมือทำงานในครั้งนี้มันเป็นโอกาส
ในเมื่อเฉิงอี้เฉินเลือกที่จะเซ็นสัญญากับตงหลีการค้าระหว่างประเทศ ดังนั้นฉันกับเฉิงอี้เฉินก็จะกลายเป็นผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้าง ถึงตอนนั้นบริษัทก็จะลงนามสัญญากัน อย่างนี้ฉันก็สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับเฉิงอี้เฉินได้
ฉันอยากให้เฉิงอี้เฉินได้เห็นความสามารถของฉัน ดังนั้นสัญญาฉบับนี้จำเป็นที่จะต้องเซ็น ยิ่งไปกว่านั้นฉันจะต้องทำงานชุดนี้ให้สำเร็จ!
ฉันจะทำให้เฉิงอี้เฉินได้รู้ว่าฉันนั้นไม่ใช่ลั่วอีอีคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่างอีก ไม่ใช่ลั่วอีอีที่จะไปต้องไปพึ่งพาเฉิงอี้เฉินถึงจะทำโครงการกวางหมิงหลิงสำเร็จได้ ฉันหวังว่าเขาจะเข้าใจถึงความพยายามของฉันเเละเรียนรู้ที่จะเคารพฉัน
นี่เป็นความคิดที่เเท้จริงที่สุดภายในใจของฉัน เต่เเค่ในตอนนั้นฉันยังไม่ได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าภายใต้ความคิดนี้เเล้วเเท้จริงนั้นฉันคิดอย่างไร
เฉินตงหลีเงียบไปเป็นเวลานาน ฉันไม่ยินเสียงหายใจหนักผ่านออกมาทางมือถือ ในใจของฉันรู้เลยทันทีว่าเฉินตงหลีไม่ต้องการฉันไปติดต่อกับเฉิงอี้เฉินมากเกินไป
"ตงหลี การหลีกหนีมันไม่สามารถช่วยเเก้ปัญหาใดๆได้ เขารู้ว่าฉันคลอดลูกออกมาเเล้ว ไม่ช้าก็เร็วฉันก็ต้องพูดเรื่องนี้กับเขา "
"เอาเถอะ เธอรอฉันเดี๋ยวฉันไปบ้านเธอ เราต้องคุยกันดีๆเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียด" เฉินตงหลีกล่าว
ฉันพูดว่า "ตกลง" เเล้ววางสายไป ลุกไปล้างมือเเล้วมาอุ้มลูกขึ้นมา
ร่างเล็กของลูกมันช่างอบอุ่น กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นนม อุ้มพวกเขาเอาไว้มันทำให้ใจของฉันเเข็งเเรงขึ้นเรื่อยๆ
เฉินตงหลีมาถึงบ้านฉันอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่เด็กมองเเล้วมองอีก เเละหัวใจก็รู้สึกหน่วงหนัก
"ยังไม่ทานข้าวใช่ไหม? ทานไปคุยไปดีกว่า "ฉันยื่นลูกไปให้พี่เลี้ยงเเละให้พี่เลี้ยงพาลูกไปพักผ่อน เฉินตงหลีรีบมาขนาดนี้คงน่าจะยังไม่ได้ทานอะไรมา
เฉินตงหลีพยักหน้า เเม่บ้านรีบจัดเตรียมอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว ฉันกับเขานั่งอยู่บนหน้าโต๊ะอาหาร มองไปที่อาหารบนโต๊ะก็รู้สึกไม่อยากอาหาร เเต่ฉันก็หยิบถ้วยขึ้นมาเเล้ว
ฉันกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม กินคำใหญ่ๆ เเต่ฉันก็ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงรสชาติของอาหารเลย ไม่ผิด ฉันกำลังรอเฉินตงหลีเป็นคนเริ่มพูดเพราะว่าฉันไมรู้ว่าควรจะเริ่มพูดเรื่องนี้อย่างไรดี
ในที่สุดเฉินตงหลีก็ทนกับความเงียบไม่ได้ เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าเเละดวงตาที่จริงจัง "อีอี สัญญาฉบับนี้เราไม่รับเเล้วได้ไหม?"