รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 63 ไม่อยากผิดพลาด
063
ฉันนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงบนเตียงผู้ป่วย ข้างๆฉันมีเด็กทารกตัวน้อยทั้งสองยังคงหลับสนิท เมื่อมองไปบนใบหน้าที่กำลังหลับใหลของพวกเขา หัวใจของฉันก็รู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด
ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าท้องลูกแฝด แต่ฉันไม่รู้มาก่อนว่าเป็นแฝดต่างเพศจนกระทั้งพวกเขาเกิดมา ฉันคิดในใจว่าหนึ่งในสองคนนี้ต้องเป็นลูกคนก่อนของฉันที่ไม่มีโอกาสได้เกิด
เฉินตงลี่นั่งอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วยกระซิบว่า "ให้พยาบาลพาเด็กๆออกไปเถอะ คุณควรพักผ่อนสักหน่อย"
ฉันพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่เด็กทั้งสองอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ฉันอยากให้พวกเขาอยู่เคียงข้างฉันตลอดทั้งคืน
หลังจากพยาบาลพาเด็กทั้งสองออกไป สายตาของฉันก็หันไปบนร่างของเฉินตงหลี เมื่อเห็นรอยช้ำที่แขนของเขาฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด "เฉินตงหลี ขอบคุณนะ"
เฉินตงหลียิ้ม "กับฉันเกรงใจแบบนี้ได้ยังไง?"
เขาดึงเก้าอี้มานั่งด้านหน้าเตียงผู้ป่วยแล้วก็ยื่นมือมาหาฉัน ปลายนิ้วที่มีความหยาบเล็กน้อยลูบไล้ไปบนแก้มของฉัน สัญชาตญาณทำให้ฉันหลบโดยไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเขาก็หยิบเศษชิ้นเล็กๆออกจากใบหน้าของฉัน
ฉันรู้สึกอายเล็กน้อย ในขณะที่เฉินตงหลีเม้มริมฝีปากของเขาท่าทางดูจริงจังขึ้นมาทันใด
"อีอีเด็กสองคนนี้คุณกะจะเอายังไงต่อ?"
“ฉันจะเอายังไงต่อ?” ฉันไม่เข้าใจความหมายของเฉินตงหลีพักหนึ่ง จู่ๆฉันก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
บางทีนี่อาจเป็นธรรมชาติของการเป็นแม่ ฉันจะปกป้องลูกด้วยสัญชาตญาณและพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับทุกคนที่อาจเข้ามาทำร้ายพวกเขา
“นี่เป็นลูกของเฉิงอี้เฉินคุณไม่คิดจะบอกให้เขารู้เลยหรอ?”
ใจฉันสั่นชั่วขณะพร้อมกับใบหน้าที่รู้สึกเย็นเฉียบ “นี่เป็นลูกของฉันคนเดียว”
เฉิงอี้เฉินคิดว่าฉันทำแท้งเด็กไปแล้วเขาจะรู้การมีอยู่ของเด็กสองคนนี้ได้อย่างไร
ฉันไม่เคยคิดที่จะใช้ลูกเป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อแลกกับความสนใจของเฉิงอี้เฉิน ดังนั้นตอนนี้ฉันไม่ต้องการให้เขารู้การเป็นอยู่ของเด็กสองคนนี้ อีกทั้งฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะมาเอาลูกของฉันไปจากฉันหรือเปล่า
"คุณกะจะไม่ปล่อยให้พวกเขากลับไปหาเฉิงอี้เฉินเลยหรอ?" เฉินตงหลีกล่าวอีกครั้ง
ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยและพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด "แน่นอนว่าไม่!"
"ตงลี่คุณไปได้ยินอะไรมา?หรือว่า… หรือเฉิงอี้เฉินสงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นใช่ไหม?" หัวใจของฉันรู้สึกสั่นเล็กน้อย ฉันเลยรีบถามเฉินตงลี่ด้วยความลน
เฉิงอี้เฉินเป็นคนฉลาดขนาดนั้น ตอนฉันแกล้งหลอกเขาว่าฉันทำแท้งภายใต้ความช่วยเหลือของเฉินตงลี่ เขาก็เชื่อจริงๆแต่นั่นก็เป็นเพราะเขากำลังโกรธ หากเฉิงอี้เฉินสงบสติอารมณ์ลงเขาอาจรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแล้วค่อยตามสืบก็ได้
ฉันเคยเห็นความสามารถของอี้เฉิน ฉันกังวลมากว่าเขาอาจจะค้นอะไรบางอย่างเจอ
เฉินตงลี่กดไหล่ของฉันเพื่อไม่ให้ฉันขยับและพูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่ใช่ คุณไม่ต้องกังวล หมอที่ทำการผ่าตัดให้คุณไม่ได้อยู่ในอำเภอเล่อแล้ว เฉิงอี้เฉินไม่มีทางหาเจอหรอก"
"ถ้าอย่างนั้นคุณหมายถึง … " ฉันแยกคิ้วออก ฉันรู้สึกว่าเฉินตงลี่ไม่ใช่แค่ถามส่งเดชเท่านั้น
"อีอี" จู่ๆเขาก็กุมมือฉัน ทำฉันผงะไปสักพัก จากนั้นเฉินตงลี่ก็ลุกขึ้นจากนั้นคุกเข่าลงบนพื้นข้างหนึ่ง
ฉันอ้าปากค้างด้วยความตกใจและพูดอะไรไม่ออกสักคำ แต่ฉันก็เดาเจตนาของเฉินตงลี่ออก
เฉินตงลี่มองมาที่ฉันแล้วค่อยๆยื่นมือออกมาจากกระเป๋าเสื้อพร้อมกับกล่องที่ออกแบบมาอย่างประณีต เขาเปิดกล่องออกอย่างช้าๆทำเอาหัวใจของฉันรู้สึกเจ็บวูบขึ้นมาทันที
ข้างในกล่องมีแหวนเพชรขนาดใหญ่ส่องแสงประกายแพรวพราว
เฉินตงหลีดูเหมือนจะกระวนกระวายเล็กน้อย เขาหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า "อีอี ผมเก็บคำพูดนี้ไว้ในใจมานานแล้ว ผมชอบคุณ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ชอบ ผมรักคุณ"
"ตงลี่ … " ฉันลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยแทบไม่รู้จะพูดด้วยน้ำเสียงแบบไหน
แต่เฉินตงหลีขัดจังหวะฉันพูด "ฟังผมพูดจบก่อน"
“ผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นคุณในโรงพยาบาลเทศบาลเมืองไห่ คุณเป็นคนจริงจังและอ่อนโยนมาก ผมไม่รู้ว่าทำไมร่างที่ผอมบางของคุณถึงมีพลังงานมหาศาลที่สามารถทำให้คุณกระตือรือร้นได้ในทุกๆวัน”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินตงหลี สายตาของเขาดูห่างเหินเล็กน้อย “จริงๆตอนนั้นที่ผมเป็นโรคกระเพราะ ในแต่ละวันมันรู้สึกทรมานมากและรู้สึกไม่อยากกินอะไรเลย แต่พอคุณเอาข้าวมาให้ ผมก็กินได้แถมยังกินได้อร่อยมากๆเลยด้วย”
“อันที่จริงแม้ว่าผมจะไม่มีครอบครัวอยู่ในเมืองไห่ แต่ผมก็เรียกเลขามาส่งกับข้าวได้ หรือไม่ก็หาพยาบาลสักคนมาดูแลผม ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะสมัครใจเอากับข้าวมาให้ผมเอง ดังนั้นผมเลยแสร้งทำเป็นว่าไม่มีใครดูแล เพื่อที่คุณจะได้มาดูแลผม… "
ฉันกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว เมื่อฟังคำพูดของเฉินตงหลีฉันก็อึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นดวงตาของฉันก็เต็มไปด้วยความชื้น
เหตุการณ์ในอดีตปรากฏขึ้นในหัวของฉัน ยิ่งพบว่าเมื่อย้อนกลับไปในวันที่ฉันทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเทศบาลเมืองไห่วันและเวลาช่างห่างไกลราวกับว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ในชาติปางก่อน
“ตอนนั้นผมคอยที่จะได้พบกับคุณในทุกๆวัน ผมคิดว่าหากผมสามารถแบกรับทุกๆอย่างไว้ได้ และค่อยปกป้องคุณ ถ้าเป็นเช่นนั้นคุณคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้”
"ผมอยากสารภาพกับคุณหลังผมพักฟื้น แต่ก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาลผมพึ่งรู้ว่าคุณมีแฟนแล้วและกำลังตกลงกันเรื่องงานแต่ง"
เฉินตงหลีเม้มริมฝีปากดวงตาเขาดูหดหู่เล็กน้อย ฉันตกตะลึงไปสักพัก ฉันพยายามดึงมือกลับแต่ถูกเฉินตงหลีจับมันไว้แน่น
"อีอีคุณรู้ไหม? ตอนผมรู้ว่าฉินจวิ้นเฟยนอกใจคุณและหย่ากับคุณ ผมเสียใจที่ไม่ได้พูดความในใจกับคุณตั้งแต่แรก!" เฉินตงหลีพูดอย่างขมขื่น "ตอนนั้นผมแค่ไม่อยากรบกวนชีวิตคุณ คิดว่าถ้าคุณมีชีวิตที่มีความสุขผมก็ดีใจ แต่ตอนนี้ผมเสียใจมากจริงๆ "
ระดับความเกลียดชังที่มีต่อฉินจวิ้นเฟยฉันไม่ได้รู้สึกเกลียดเขามากนักดูเหมือนจะอยู่ห่างกันคนละโลกเลยด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดีเพียงแค่รู้สึกว่าตอนนี้ฉันคอแห้งมาก
"มันผ่านไปแล้ว … " ฉันพึมพำ แม้ว่าฉันจะอายุแค่ยี่สิบหกแต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเชื่อในเรื่องโชคชะตาขึ้นอย่างมาก
ฉันคิดว่าฉินจวิ้นเฟยคือบททดสอบที่ฉันต้องผ่านไปให้ได้ หากไม่มีเขาเรื่องความผิดพลาดระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินคงไม่เกิดขึ้น และถ้าไม่มีเฉิงอี้เฉินฉันคงไม่รู้ว่าฉินจวิ้นเฟยนอกใจฉัน บางทีฉันอาจเป็นคุณนายฉินที่มีชีวิตอยู่อย่างสงบ โดยไม่รู้ว่ากำลังถูกฉินจวิ้นเฟยหลอกไปวันๆ
บางทีฉันอาจจะคลอดลูกระหว่างฉันกับฉินจวิ้นเฟยแล้วก็ได้
"ใช่ มันผ่านไปแล้ว" เฉินตงหลีพยักหน้าและจับฉันแน่นกว่าเดิม
เขาพูดต่อว่า "สิ่งที่ผมเสียใจยิ่งกว่าคือผมไม่ได้บอกชอบคุณและยิ่งไปกว่านั้นคือผมไม่ได้อยู่ในเมืองไห่นานกว่าที่ควร"
"คุณรู้ไหม? ผมมีความสุขมากแค่ไหนที่ได้พบคุณที่อำเภอเล่อ ผมพบคุณที่นั่นโดยบังเอิญและเราไม่ได้พูดคุยอะไรกัน จนกระทั่งผมรู้ว่าคุณกับฉินจวิ้นเฟยหย่ากันแล้ว ผมตื่นเต้นจนเกือบจะกระโดดโลดเต้น ผมแทบรอไม่ไหวที่จะพบคุณอีกครั้ง แต่ผมก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าเมื่อผมโทรหาคุณในวันรุ่งขึ้นเฉิงอี้เฉินก็พาคุณกลับไปที่เมืองไห่แล้ว"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินตงหลีพูด หัวใจของฉันก็เจ็บปวดขึ้นอีกครั้ง มือที่เฉินตงหลีจับอยู่ก็สั่นขึ้นมา