รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 57 ไม่ต้องลำบากใจ
"หมอลั่ว"
ได้ยินเสียงที่คุ้นหูก็ได้สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉินตงหลีที่ยิ้มแย้มแล้วนั่งลงตรงข้างฉัน
เขาได้ใส่สูทสีเทา ใบหน้าก็ยังบ่งบอกความเหนื่อยล้า รู้สึกเหมือนเขาพึ่งจะทำงานหนักมาก
ฉันรู้สึกผิดบอก "ขอโทษนะ ที่อยากเจอทันที…."
เขายังมีรอยยิ้ม สายตาที่อบอุ่นหน้าฉันได้บ่งบอกการสงสัยกับการค้นหา ฉันก้มหน้าลงอย่าไม่รู้ตัว เพียงแค่ได้แต่งหน้า ตาของฉันก็แดงอยู่บ้าง เฉินตงหลีก็อาจจะมองออก
ยังดี ที่เฉินตงหลีรีบเก็บสายตาลง และไม่ได้ถามฉันเรื่องนี้
เขาก็ได้ถือเมนูขึ้นดู ได้ยิ้มขึ้นมาพูดว่า "ขอโทษนะ ผมยังไม่ได้กิน ไม่ว่าไรนะที่ผมจะสั่งมา?"
"ไม่ว่าหรอก"
"ถ้างั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะ หมอลั่วทาอะหรือยัง?ถ้ายัง ผมเลี้ยงเอง"เขาพูดแล้วหัวเราะ ได้ยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์
เฉินตงหลีมีน้ำเสียงที่สนิททำให้ฉันโล่งไปมาก อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ถามอะไร ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งมาก
"ฉันก็ยังไม่ได้ทาน" ฉันยิ้มนิดหน่อย ก็ได้หยิบเมนู เพียงแค่ตอนที่เปิดดูข้างในเมนูก็ได้คิดถึงเฉิงอี้เฉินอย่าไม่รู้ตัว
ครั้งแรกที่ไปร้านอาหารที่มีระดับก็เฉิงอี้เฉินพาฉันไป จะสั่งอาหารยังไงก็เป็นเขาที่สอน ตอนนี้ในการใช้ชีวิตก็ได้มีเงาของเฉิงอี้ฉินออกมาด้วย
ใจฉันได้เจ็บปวด แล้วเม้มปากหายใจเข้าลึกๆ เอาพวกนี้ออกไปจากสมอง
พนักงานพึ่งออกไป สายตาเฉินตงหลีก็ได้มองมาที่ฉัน
"หมอลั่ว วันนี้หาผมมีเรื่องอะไรหรอ?" เขาได้เอามือผสานไว้ที่ใต้คาง สายตาที่อบอุ่นแฝงด้วยความแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้มองแบบไม่มีมารยาท
ฉันกัดปากแบบไม่สบายใจ จริงๆก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะยอมตกลงกับสิ่งที่ฉันขอ แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่คิดถึง ฉันต้องลองสักตั้ง
"ฉันอยากทำธุระกิจกับคุณ หวังว่าคุณจะช่วยฉัน"ฉันมองเขา ดูมั่นคงและจริงจัง
เฉินตงหลีอึ่งอย่างเห็นได้ชัด สายตาที่อบอุ่นได้ข้ามมาเป็นแปลกใจ แล้วได้ฟื้นกลับมานิ่ง
"ก็ดีไง"เขาหัวเราะแล้วพยัก ครั้งนี้กลับมาเป็นฉันที่อึ้งแทน
ฉันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาทำไมตกลงคำที่ตรงไปตรงมานี้ ไม่ใช่ฉันคิดมาก อีกอย่างเขาสบายอกสบายใจอย่างแปลกๆ เป็นนักธุระกิจ ไม่ใช่จะฉลาดเฉียบแหลมทุกคนหรอ?ยิ่งเป็นนักธุระกิจแล้ว ไม่ควจจะตัดสินใจแบบล่วกๆแน่
"คุณเฉินคะ ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ"
เขายังจะยิ้ม พยักหน้าพูด"ผมรู้ ผมก็ไม่ได้ล้อเล่นเหมือนกัน"
"ทำไมคุณตอบแบบอย่างสบายใจล่ะ?"ฉันขมวดคิ้ว
เขายักไหล่ หัวเราะ "คุณได้ช่วยชิวิตผมกลับมาได้ ไม่ง่ายที่คุณจะใช้ที่ที่ของผม เป็นผมเองที่พึงปรารถนา"
ใจฉันกลับไม่เหมือนหัน หลบสายตาเขาอย่างอึดอัด "ฉันเป็นหมอ คุณเป็นคนไข้ รักษาคุณคือหน้าที่ของฉัน…."
จากนั้นฉันได้มองย้อนกลับรู้สึกว่าเฉินตงหลีได้ดีกับฉันมากไป ทั้งยังสายตาเขารู้สึกร้อนแรง ฉันคิดว่าฉันไม่ได้แสดงออกเพื่อเอาใจเขา
เพียงแค่ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงสนใจในตัวฉัน แต่เคยผ่านฉินจวิ้นเฟยกับเฉิงอี้เฉิน ตอนนี้ฉันไม่ยอมเรื่องของความรู้สึกอย่างง่ายๆแน่นอน
"รักษาช่วยคนถึงแม้ว่าจะเป็นงานของหมอ แต่หลังจากนั้นหมอลั่วก็ได้ดูแลผม นั้นไม่ใช่งานที่ต้องทำ ความกรุณานี้ ผมจดจำตลอด"
เขาหัวเราะออกมา ใจฉันยิ่งเพิ่มความวุ่นวาย พอดีพนักงานได้ยกอาหารมาขัดจังหวะทำให้ฉันลดอาการอึดอัด
ฉันได้รีบจับมีดส้อมก้มหน้ากินข้าว เฉินตงหลีก็ได้เริ่มกินเหมือนกัน ในเวลานั้นอากาศก็ได้เปลี่ยนเป็นความกดดัน จนถึงเฉินตงหลีได้พูดทำลายความเงียบ
"หมอลั่ว ก่อนหน้านั้นผมล้อเล่น ผทแค่รู้สึกว่าหมอลั่วเป็นคนที่มีความรับผิดชอบจริงจัง อยากทำอะไรก็มีความตั้งใจมาก ได้ร่วมมือกับคนแบบคุณ น่าเป็นเรื่องยินดีเรื่องหนึ่ง
"เพียงแต่ว่า คุณอยากทำธุระกิจกับผมเคนคิดจะทำธุระกิจอะไรไหม?หรือว่า ใช้วิธีไหนที่จะมาร่วมมือกัน?
อารมณ์เขาดูจริงจังขึ้นมาก แสงไฟได้ตกไปที่ตัวเขาแสดงให้เห็นกลิ่นอายของความเหนือระดับกับนักธุระกิจที่เฉลี่ยวฉลาด
ได้ฟังเขาพูด ฉันได้มีความสบายใจขึ้นมาก ของในปากฉันได้กลืนลงไปเอาทิชชูมาเช็ดปาก แล้วพูดขึ้น
"ฉันพูดความจริงกับคุณ ก่อนหน้านั้นคุณเคยพูดว่า ธุรกิจคุณส่วนมากอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นฉันอยากจะเรียนการค้าเข้าออก คุณก็รู้ว่าฉันเรียนหมอ เกี่ยวกับการทำธุรกิจไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่เป้าหมายของฉันคืออยากเปิดบริษตัวเอง
เขาก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองมาที่ฉัน ในตาลึกๆมีการดิ้นรน ในที่สุดก็ได้ถามแบบระวัง"เพื่อกลุ่มบริษัทสกุลเฉิง?"
ใจสะดุ้ง มองเขาอย่างสงสัย เวลานั้นไม่รู้จะพูดกับเขายังไง
เรื่องนี้เขาก็รู้หรอ? หรือว่าเขาก็เคยสืบค้นฉัน?
ใจฉันก็ขาดๆหายๆ จับส้อมที่อยู่มืออย่างแน่น ร่ายกายทนไม่ไหนก็เริ่มสั่นขึ้น
ทำไมพวกเขาคนมีเงินหนึ่งอย่างสองอย่างก็ต้องตรวจสอบคนอื่น? หรือพวกเขาแอบมองความคาดหวังของคนอื่นหรอ?
"ขอโทษนะ ผมคิดว่าคุณไม่อยากที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ว่าเรื่องที่คุณเป็นตัวแทนของกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงในการถือหัวข้อGuangMingDingมันไม่ใช่ความลับแล้ว ผมก็แค่สงสัย ทำไมคุณไม่อยู่ต่อที่กลุ่มบริษัทสกุลเฉิงล่ะ?หรือว่าจะ เรื่องข่าวลือ…"
เขาพูดมาถึงนี้ก็หยุด เพราะว่าน้ำตาของฉันทดไม่ได้ที่จะไหลออกมา
ทำให้เฉินตงหลีตกใจ รับเอาทิชชู่ส่งให้ฉัน แล้วรีบขอโทษฉัน
ฉันรีบจับเอาทิชชู่มาเช็ดน้ำตา สะอึกสะอื้นพูด "ขอโทษนะ เรื่องราวนี้ ฉันไม่อยากจะพูดถึงมัน….."
ไม่เพียงแค่เรื่องนี้ ไม่เรื่องไหนที่เกี่ยวกับเฉิงอี้เฉินฉันก็ไม่อยากพูดถึง เฉิงอี้เฉินเปลี่ยนรอยแทงในใจฉัน ถูกนิดเดียวก็เจ็บ
"ได้ ไม่พูดแล้ว"ผมไม่ถามแล้ว" เฉินตงหลีรีบพูด
กินข้าวครั้งนี้ใช้เวลานานมาก เราก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เฉินตงหลีก็ได้นั่งตรงข้ามเป็นเพื่อนฉัน
เขาไม่ได้ถามอีกทำให้ฉันสบายใจมาก ในภายหลังฉันถึงได้รู้ว่า เฉินตงหลีเขาไม่ได้อยู่ที่อำเภอเล่อแล้ว วันนั้นเขาได้รับสายฉันฟังเสียงฉันแปลกก็ได้รีบกลับมาจากเมืองหลินโดยพิเศษ วันที่สองก็ต้องไปต่างประเทศ
เขาได้ให้หนังสือธุรกิจของบริษัทกับฉัน ให้ฉันดูว่ามีส่วนไหนที่ฉันสนใจ รอให้เขากลับมาค่อยมาพูดรายละเอียดอีกที แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่ที่เสียใจแม้แต่วินาทีเดียว ตัดสินใจจะออกไปกับเฉินตงหลี
ก่อนเดินทางฉันได้ไปเจอแม่ ในที่สุดยังทนไม่ได้ที่จะไปหาเธอ ฉันบอกเธอว่าที่บริษัทอยู่ที่ต่างประเทศมีหัวข้อหนึ่งที่จะต้องให้ฉันไปทำ รอหัวข้อนี้ทำสำเร็จแล้ว ฉันถึงจะมีความกล้าหาญไปยืนต่อหน้าเขา
แม่ฉันดูออกว่าฉันมีเรื่องในใจ แต่หลังๆก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงบอกให้ฉันตั้งใจทำ ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อย เฉิงอี้เฉินถึงจะเพอร์เฟค แต่ถ้าเขาไม่ดีกับฉัน ฉันก็ไม่ต้องทำให้ตัวเองลำบากใจ
ฉันกลั้นน้ำตาพนักหน้า ได้เอากระเป๋าออกจากโรงพยาบาล เฉินตงหลีได้รอฉันอยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ฉันนั่งรถไปที่สนามบินกับเขา ได้แต่มองทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถ
แถวของต้นไม้ได้แต่ถอยหลังไม่หยุด ฉันอยากจะจับอะไร แต่ก็เก็บไว้ไม่อยู่
ก็ต้องจากไปที่แห่งนี้ ได้กลับมาอีกจะแบบไหน?ใจฉันพูดอะไรไม่ออกมีแต่ความรู้สึกที่ว่างเปล่า เพียงแค่ได้มีการแบรครถกระทันหัน ตัวฉันได้ก้มลงไปข้างหน้าอย่างเร็ว