“คุณย่า คุณแม่ งานแต่งของผมกับอีอีกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมการอยู่ เธอเป็นภรรยาที่ผมอยากแต่งงานด้วย ผมหวังว่าท่านทั้งสองจะสนับสนุนการตัดสินใจของผมนะครับ” เฉิงอี้เฉินเอ่ยปากพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
สีหน้าของซ่งเสวี่ยเหมยอึมครึม “คุณลั่ว ฉันคิดว่าเราสองคนได้คุยกันอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอจะไม่มาตอแยอี้เฉินอีก แล้วตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
ฉันตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จึงก้มศีรษะเพื่อหลบสายตาของซ่งเสวี่ยเหมยอย่างใจไม่สู้ดี
เฉิงอี้เฉินกลับโอบเอวฉันแน่น “คุณแม่ครับ ไม่ใช่อีอีตามตอแยผม แต่เป็นผมที่ตามตอแยเธอต่างหากครับ”
ใจฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้น แต่ซ่งเสวี่ยเหมยกลับตบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นยืน “เธอบ้าไปแล้วหรือ บ้านของเรามีเงื่อนไขเป็นอย่างไร? เธอทำผิดที่ไปตอแยเขา? ถ้าไม่เป็นเพราะยัยผู้หญิงคนนี้ตามตอแยเธอ เธอจะคิดถึงตลอดไม่ยอมลืมหรือ?”
“คุณลั่ว ก่อนหน้านี้ฉันได้พูดกับเธอไปอย่างชัดเจนแล้วว่า บ้านสกุลเฉิงของเราไม่ต้องการลูกสะใภ้แบบเธอ ฉันหวังว่าเธอจะรู้จักเจียมตัว อย่ารอให้ถูกฉีกหน้าจนมองดูไม่ดีในสายตาผู้อื่นเลย”
“คุณลั่ว ก่อนหน้านี้ฉันได้พูดกับเธอไปจนเข้าใจดีแล้วนะว่า บ้านสกุลเฉิงของเราไม่ต้องการลูกสะใภ้แบบเธอ ฉันหวังว่าเธอจะรู้จักเจียมตัว อย่ารอให้ถูกฉีกหน้าจนมองดูไม่ดีในสายตาผู้อื่นเลย”
“บ้านเรามีเงื่อนไขอะไรกันครับ?” สายตาของเฉิงอี้เฉินทั้งเยียบเย็นทั้งลึกล้ำ “คุณแม่ครับ คุณแม่อย่าได้พูดถึงความเหมาะสมทางสถานภาพเลยครับ ถ้าเป็นคนที่ผมชอบ แม้เป็นขอทานผมก็จะแต่งด้วย แต่ถ้าเป็นคนที่ผมไม่ชอบ แม้จะเป็นเจ้าหญิง ผมก็ไม่คิดแม้แต่จะมองหน้าหรอกครับ”
“หากคุณแม่รู้สึกเห็นว่าอีอีไม่เหมาะสมที่จะเป็นสะใภ้บ้านสกุลเฉิง ถ้าอย่างนั้นผมก็จะขอออกจากกลุ่มบริษัทสกุลเฉิง แบบนี้จะได้ไม่ขายหน้าคุณแม่ด้วยครับ”
“เธอ!” ซ่งเสวี่ยเหมยรู้สึกหดหู่ มองเขาด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวา
เฉิงอี้เฉินจูงฉันออกไปโดยไม่สนใจเสียงร้องของซ่งเสวี่ยเหมย
เมื่อหันข้างไปมองเฉิงอี้เฉินที่กำลังขับรถอยู่ แม้ฉันจะรู้สึกหวาดกลัวมากแต่ก็เปรียบไม่ได้กับคำว่าซาบซึ้งใจ ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวเพียงนี้ แต่จากที่ได้เห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงของซ่งเสวี่ยเหมย ฉันกังวลว่าเรื่องมันคงไม่ง่ายแบบนั้น
ที่คุณถูกลักพาตัวเป็นฝีมือของฉินจวิ้นเฟยครับ” จู่ๆ เฉิงอี้เฉินก็เอ่ยปากพูด
“อะไรนะคะ?” ใจฉันแทบจะกระโดดขึ้นมาทันที
เฉิงอี้เฉินหันข้างมามองฉัน สีหน้าและน้ำเสียงกลับมาสงบนิ่ง เยือกเย็นดังเดิม “ฉินจวิ้นเฟยติดต่อไปทางพี่น้องของพ่อเลี้ยงคุณ เขาบอกเรื่องพ่อเลี้ยงเข้าคุก แล้วยังแต่งเติมเสริมเรื่องไปว่าคุณใส่ร้ายพ่อเลี้ยงของคุณและพี่ใหญ่ พวกเขาก็เลยมาหาคุณเพื่อล้างแค้น”
“ไอ้สารเลวนั่น……” ฉันกัดฟันกรอด เพิ่มความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
หนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมาฉันฝันถึงเด็กน้อยที่ไม่มีโอกาสได้เกิดมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าหากไม่เป็นเพราะลุงใหญ่และลุงรองลักพาตัวฉันไป คงไม่เกิดเหตุสุดวิสัยเช่นนี้ แต่ตอนนี้ฉันได้รับรู้แล้วว่าฉินจวิ้นเฟยมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น!
ฉินจวิ้นเฟย เป็นฉินจวิ้นเฟยอีกแล้ว! เขาทำให้คุณแม่ของฉันมีอาการหัวใจกำเริบ ทำให้ฉันตกงาน มาตอนนี้ยังทำให้ฉันต้องมาแท้งลูกอีก ตกลงผู้ชายที่ฉันเคยคิดจะฝากชีวิตให้เขาดูแลคนนี้เขาคิดจะทำร้ายฉันไปถึงเมื่อไหร่ถึงจะพอใจกันแน่!
ฉันแค้นจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว กำหมัดแน่น เฉิงอี้เฉินกุมมือฉันไว้แล้วตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า “ผมจะให้เขาชดใช้ค่าตอบแทนอย่างสาสมแน่ครับ”
“ไม่ค่ะ!”ฉันหันไปมองเขาในทันใด “ฉันจะแก้แค้น ฉันจะแก้แค้นด้วยตัวเอง คุณสอนฉันทำธุรกิจหน่อยนะคะ ฉันต้องการจะทำลายทุกสิ่งที่เขามีด้วยตัวฉันเองค่ะ!”
ฉันพูดออกไปอย่างโหดเหี้ยม แล้วมองไปที่เฉิงอี้เฉินอย่างรวดเร็ว
เพียงเพราะว่าฉันยากจนและต่ำต้อยจึงทำให้ครอบครัวของฉินจวิ้นเฟยทำร้ายฉันครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขามั่นใจว่าฉันไม่มีแรงจะต่อต้านพวกเขาได้ แต่ตอนนี้ฉันต้องการที่จะยืนให้สูงที่สุดโดยเร็ว เพื่อจะได้บดขยี้พวกเขาเหมือนอย่างที่พวกเขาได้เคยหมิ่นประมาทฉันเอาไว้
เฉิงอี้เฉินมองฉันด้วยสีหน้าที่ลุ่มลึก แล้วในที่สุดก็พยักหน้าตอบว่า “โอเคครับ”
ความเคียดแค้นกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ฉันกับเฉิงอี้เฉินมุ่งตรงไปที่บริษัท ในใจฉันคิดเพียงแต่ว่าตราบใดที่เริ่มทำงานเร็วขึ้น ก็จะก้าวหน้าได้เร็วขึ้น แล้วจะได้ล้างแค้นให้คุณแม่และลูกของฉันเร็วขึ้นอีกหนึ่งวัน
เฉิงอี้เฉินไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไรฉัน เขาโยนเอกสารมาให้ฉันกองหนึ่ง บอกกับฉันว่านี่เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทสกุลเฉิงกำลังดำเนินการอยู่ บ้านสกุลฉินเล็งโครงการนี้อยู่เช่นกัน ผู้รับผิดชอบก็คือฉินจวิ้นเฟย
ฉันกอดเอกสารกองนั้นไว้อย่างไว้หนักหน่วง ในใจยิ่งเพิ่มความแน่วแน่ ในเวลาต่อมาฉันก็ศึกษาโครงการนี้อย่างหนัก
ฉันเฝ้ารอวันประมูลที่กำลังจะมาถึง ในใจคิดเพียงแค่ว่าจะต้องได้โครงการนี้แล้วฉันจะทำให้ฉินจวิ้นเฟยได้ลิ้มรสกับความพ่ายแพ้
แต่ไม่คิดว่าก่อนวันประมูลฉันจะได้รับโทรศัพท์จากจิ้นเหวินเชี่ยน
ตั้งแต่กลับมาที่เมืองไห่ฉันก็เปลี่ยนมาใช้เบอร์เดิม ฉันทยอยติดต่อเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เพื่อสานสัมพันธ์ต่อ แต่การได้รับสายจากจิ้นเหวินเชี่ยนนั้นเป็นเรื่องบังเอิญมาก
เธอนัดเจอฉันที่ร้านกาแฟ บอกกับฉันว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ฉันลังเลไปชั่วขณะแต่ก็คิดว่าควรจะไปตามนัด และไม่ลืมที่จะให้เฉิงอี้เฉินช่วยจัดเตรียมบอดี้การ์ดคอยติดตามฉันไปด้วย
พอเข้ามาในร้านกาแฟฉันก็มองเห็นจิ้นเหวินเชี่ยน เธอสวมชุดแซกที่สวยมากชุดหนึ่ง นั่งอยู่ในมุมที่ไม่ค่อยเตะตาผู้คน กำลังมองไปรอบๆ จากนั้นราวกับเธอมองเห็นฉันแล้ว จึงยืนด้วยสีหน้าตื่นเต้นพร้อมกับโบกมือให้ฉัน
“มีเรื่องอะไรถึงมาพบฉันหรือคะ?” ฉันเดินเข้าไปแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา ด้านหลังฉันมีบอดี้การ์ดอยู่สองนายช่วยเสริมความมั่นใจให้ฉันมากขึ้น
จิ้นเหวินเชี่ยนเหลือบมองบอดี้การ์ดแลวยิ้มเอ่ย “แน่นอนว่าต้องมีเรื่องสำคัญมาคุยกับคุณซิคะ แต่ว่าเรื่องนี้คงไม่สะดวกนักถ้ามีคนนอกอยู่ด้วยนะค่ะ”
ฉันขมวดคิ้ว ท่าทีที่ชวนสนิทสนมแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“ไม่มีอะไรที่ไม่สะดวก เชิญพูดได้เลยค่ะ” ฉันนั่งลงโดยไม่บอกกล่าว เตรียมป้องกันความคิดแย่ๆ จากจิ้นเหวินเชี่ยน
“ก็ได้ ในเมื่อเป็นแบบนี้ฉันก็ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะคะ” เธอพยักหน้าโดยไม่ดึงดัน จากนั้นก็มองมาที่ฉันแล้วพูดว่า “ในวันแต่งงานของฉันกับฉินจวิ้นเฟย เฉิงอี้เฉินบอกว่าในมือเขามีข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง ฉันอยากรู้ว่านั่นคือเอกสารอะไรคะ?”
สีหน้าเธอดูสงบนิ่ง แต่ฉันเห็นความกังวลในดวงตาของเธออย่างชัดเจนอยู่หลายส่วน
ฉันไม่ปิดบัง “ก็มีบันทึกการเปิดห้องของเธอกับชายอื่นและวิดีโอจากกล้องวงจรปิดค่ะ”
ใบหน้าของจิ้นเหวินเชี่ยนเริ่มแข็งกระด้าง และดูหงุดหงิด ดูเหมือนเธอจะไม่สงสัยในคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย “คุณต้องการอะไร?”
ฉันยิ้มเยาะ “ฉันคิดว่าหากฉินจวิ้นเฟยได้มาเห็นเอกสารพวกนี้คงสนุกน่าดูเลยนะคะ จริงสิ พูดไปพูด ก็รู้สึกว่าวันที่เธอไปเปิดห้องกับเวลาที่เธอตั้งครรภ์ดูเหมือนจะใกล้เคียงกันใช่มั้ยคะ? หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่ใช่ลูกของฉินจวิ้นเฟยกันคะ”
เมื่อสายตาตกไปที่ส่วนท้องน้อยที่นูนขึ้นมาของเธอใจฉันก็เจ็บปวด ถ้าหากฉันไม่แท้งลูก ท้องของฉันก็คงจะมองเห็นแล้วเช่นกัน
รูม่านตาของจิ้นเหวินเชี่ยนหดเล็กลงทันที ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง “ลั่วอีอี ฉันรู้ว่าเธอแค้นฉัน แต่คุณลองคิดดู ฉินจวิ้นเฟยเองก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันอะไร คุณเองก็รู้ว่านอกจากฉัน เขาก็ยังมีคนอื่นอีกมากมาย คุณสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่อาจจะมาโทษฉันได้นะค่ะ”
“ก็จริงค่ะ” ฉันยิ้มเย็นๆ แล้วพยักหน้า สีหน้าของจิ้นเหวินเชี่ยนแลดูผ่อนคลายลงมาหน่อย
“การที่คุณแต่งให้ฉินจวิ้นเฟยฉันไม่ถือสาแม้แต่นิดเดียวค่ะ ตอนนี้ฉินจวิ้นเฟยในสายตาของฉันก็เหมือนอุจจาระก้อนหนึ่ง คุณชอบรับประทาน ก็อย่าคิดว่าฉันจะแย่งคุณรับประทานเลยค่ะ” ฉันพูดอย่างเย็นชา “แต่การที่คุณไปก่อกวนถึงห้องพักผู้ป่วยของคุณแม่ฉัน ทำให้คุณแม่มีอาการหัวใจกำเริบ เรื่องนี้ฉันไม่ปล่อยไปแบบนี้แน่ๆ ค่ะ”
จิ้นเหวินเชี่ยนสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีตับหมู เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ราวกับกำลังควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองอยู่
ลั่วอีอี คุณทำกับฉันแบบนี้ ไม่เกิดผลดีกับตัวคุณเลยนะคะ อย่างนี้ดีกว่าค่ะ เรามาทำข้อตกลงกัน ถ้าคุณทำลายข้อมูลเหล่านี้ให้หมด และต้องแน่ใจว่าจะไม่ปรากฏอยู่ตรงหน้าฉินจวิ้นเฟยเด็ดขาด แล้วฉันจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับเฉิงอี้เฉินให้คุณฟังค่ะ”
ฉันขมวดคิ้ว “เกี่ยวกับเฉิงอี้เฉินหรือคะ?”
จิ้นเหวินเชี่ยนพยักหน้ารับ “เชื่อฉัน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคุณ ข้อตกลงนี้คุณไม่ขาดทุนแน่นอนค่ะ”
MANGA DISCUSSION