รักของเรา เริ่มต้นจากคืนนั้น - ตอนที่ 33 ช่องว่างมันช่างมากเหลือเกิน
เฉิงอี้เฉินชำเลืองตามามองฉัน มุมปากค่อยๆ โค้งขึ้น “ผมหล่อขนาดทำให้คุณละสายตาไปไม่ได้เลยหรือครับ?”
“ใช่ค่ะ หล่อมาก”
“คืนนี้ถ้ามีเวลาผมจะให้คุณค่อยๆ ดู” เฉิงอี้เฉินพูดชิดติดใบหูฉัน ทำให้ฉันหน้าแดงเถือกในพริบตา
คนหน้าไม่อาย อะไรๆ ก็จะต้องดึงไปทางนั้นอยู่เรื่อย
“ตั้งใจหน่อยซิครับ ถ้าคุณยังล่อลวงผมอยู่อีก ผมจะจูบคุณแล้วนะ”
“ฉันเปล่าเสียหน่อย!” ฉันเถียงกลับทันทีแล้วแลบลิ้นใส่เฉิงอี้เฉินที่กำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ จากนั้นก็ตั้งใจฟังเขาอธิบายต่อ ในใจคิดว่าหากสามารถอยู่กับเฉิงอี้เฉินด้วยกันแบบนี้ไปตลอดชีวิต คงจะมีความสุขมากแน่ๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูมาขัดจังหวะการพูดของเฉิงอี้เฉิน
เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้วหน่อยๆ แล้วยืนตัวตรง “เข้ามาได้”
ฉันก็นั่งตัวตรงเคร่งขรึมขึ้นมา เมื่อเห็นเลขาของเฉิงอี้เฉินพาผู้หญิงร่างอรชรอ้อนแอ้นเข้ามาด้วยคนหนึ่ง ฉันนิ่งอึ้งไปไม่คาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นสวีเฟยเฟย
“ท่านประธานใหญ่ คุณสวีมาแล้วค่ะ”
“พี่อี้เฉิน ฉันมารายงานตัวค่ะ” สวีเฟยเฟยตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน จากนั้นก็เดินไปหาเฉิงอี้เฉิน เนื้อสองก้อนบริเวณหน้าอกแทบจะทะลักออกมาจากชุดของเธออยู่แล้ว
เฉิงอี้เฉินพยักหน้า ชี้นิ้วไปทางโซฟาที่อยู่ด้านข้าง “เชิญนั่ง”
สวีเฟยเฟยยิ้มแล้วก็นั่งลง ฉันเห็นสายตาอันเย็นยะเยือกของเธอกวาดไปทั่วตัวฉัน แต่ก็แค่ชั่วพริบตา พอฉันมองเธออีกครั้งสีหน้านั้นก็หายไป เหลือเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
เฉิงอี้เฉินหยิบเอกสารสองแฟ้มมานั่งตรงหน้าสวีเฟยเฟย และยื่นแฟ้มหนึ่งในนั้นส่งให้เธอ “ครั้งนี้ฉันอยากจะให้เธอมารับหน้าที่ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของบริษัทแฟชั่น นี่เป็นสัญญาจ้าง เธอลองอ่านรายละเอียดดูก่อน”
“ไม่ต้องอ่านหรอกค่ะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่อี้เฉินจะต้องไม่ปฏิบัติต่อฉันอย่างไม่เป็นธรรมแน่ๆ สวีเฟยเฟยยิ้มอย่างซุกซน จากนั้นก็เงยหน้ามองฉัน “สวัสดีค่ะ รบกวนขอน้ำมะนาวให้ฉันซักแก้วหนึ่งหน่อยได้มั้ยคะ”
“ฉันเพิ่งลงจากเครื่องบินมา คอแห้งมากเลยค่ะ” เธอพูดกับเฉิงอี้เฉินด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม
ฉันผงะอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ผงกศีรษะเล็กน้อย ลุกขึ้นอย่างระแวงเดินไปที่ห้องน้ำชา คิดในใจสวีเฟยเฟยจำฉันไม่ได้หรือ?
เมื่อออกมาจากห้องน้ำชา ก็เห็นสวีเฟยเฟยกำลังพูดคุยกับเฉิงอี้เฉินด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ฉันรู้สึกอึดอัดใจจึงมองเธอมากอีกสักหน่อย
คนนี้คือคนที่ซ่งเสวี่ยเหมยอยากจะได้มาเป็นลูกสะใภ้ เธอพยายามจับคู่เฉิงอี้เฉินกับสวีเฟยเฟยมาโดยตลอด หรือตอนนี้สวีเฟยเฟยจะมาทำงานให้กับกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงแล้ว?
แม้ว่าคำพูดของซ่งเสวี่ยเหมยจะไม่น่าฟัง แต่ฉันก็ต้องยอมรับในช่องว่างของความแตกต่างระหว่างฉันกับสวีเฟยเฟย พอได้มาดูเธอกับเฉิงอี้เฉินพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ในใจฉันก็รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจขึ้นมา
ฉันวางแก้วน้ำไว้ตรงหน้าสวีเฟยเฟย “คุณสวี น้ำของคุณค่ะ”
“โอ้ ขอบคุณค่ะ……” สวีเฟยเฟยกล่าวพร้อมรอยยิ้มแล้วดื่มน้ำมะนาวจนหมดแก้ว
“รบกวนคุณช่วยชงกาแฟมาให้ฉันอีกสักแก้วได้มั้ยคะ? ฉันง่วงมากเลยนะค่ะ” สวีเฟยเฟยยังคงมีรอยยิ้มเช่นเคย
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูจากใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอก็รู้สึกว่าเธอจงใจ แต่ในฐานะผู้ช่วยพิเศษของประธานใหญ่ นี่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในงานของฉันเช่นกัน
“ท่านประธานใหญ่ คุณจะรับซักถ้วยด้วยมั้ยคะ?” ฉันจงใจเอ่ยปากอย่างเป็นการเป็นงานแล้วรอฟังคำพูดของเฉิงอี้เฉิน
เฉิงอี้เฉินมองฉันอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่ได้เปิดโปงอะไร ได้แต่พยักหน้าให้ฉันเล็กน้อย
“คุณสวีอยากดื่มอะไรหรือคะ?”
“ขอเป็น Green Mountain แล้วกันค่ะ พี่อี้เฉินคะ ฉันจำได้ว่ากาแฟ K-Cup ของที่นี่ไม่เลวเลยนะคะ” สายตาเธอตกไปอยู่ที่ตัวของเฉิงอี้เฉินอีกครั้ง เผยให้เห็นความคุ้นเคยของเธอกับเฉิงอี้เฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ
“รอสักครู่นะคะ” ฉันผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มแล้วเดินกลับไปห้องน้ำชาอีกครั้ง
ฉันขยับเครื่องชงกาแฟไปมา แต่ก็ยื่นหูออกไปฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกด้วย ไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เสียงหัวเราะราวกับเสียงกระดิ่งเงินของสวีเฟยเฟยดังมาเข้าหูฉัน ในใจฉันรู้สึกเหมือนโดนแมวข่วนอย่างไรอย่างนั้นเลย
พวกเขาสองคนดูสนิทสนมกันมาก แล้วยังเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอีก สวีเฟยเฟยบอกว่าเธออยากดื่มกาแฟ Green Mountain ซึ่งเป็นความรู้เพิ่มเติมที่ฉันเพิ่งได้ศึกษามาเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ฉันได้เรียนรู้ว่าจะใช้เครื่องชงกาแฟอย่างไร การแยกประเภทกาแฟ ตอนแรกฉันยังนึกว่ากาแฟ Green Mountain เป็นสินค้าเลียนแบบของ Blue Mountain เสียอีก
กลิ่นหอมของกาแฟค่อยๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว แต่ในใจฉันกลับขมยิ่งกว่า ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยกกาแฟออกไป ขณะที่ฉันกำลังจะวางกาแฟไว้บนโต๊ะ ทันใดนั้นสวีเฟยเฟยก็ยกมือขึ้น ฉันหลบไม่ทัน มือของเธอจึงไปโดนแก้วกาแฟทันที
“อา……” สวีเฟยเฟยร้องเสียงแหลม ลุกพรวดขึ้นมา ฉันตกใจรีบหยิบทิชชู่มาเช็ดให้เธอ
“ขอโทษ ขอโทษค่ะ……คุณสวีไม่เป็นไรนะคะ?” ฉันขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อกี้นี้กาแฟกระเด็นไปถูกชุดของ
สวีเฟยเฟยเยอะเลย กาแฟเพิ่งชงเสร็จหมาดๆ อุณหภูมิกำลังร้อนอยู่ด้วย เธอคงจะเจ็บน่าดู
“ไม่เป็นไรค่ะ……” สักพักใหญ่ๆ สวีเฟยเฟยถึงจะโบกมือไปมา “ต้องโทษฉันต่างหากที่คุยอย่างออกรสเกินไป ไม่สาดโดนคุณใช่มั้ยคะ?”
จู่ๆ เธอก็มองมาทางฉันด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทำให้ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อย และยังละอายใจอีกด้วย
ชุดของสวีเฟยเฟยมีคราบกาแฟอยู่หน่อย เห็นแล้วก็รู้สึกอเนจอนาถอยู่บ้าง
“อืม ขอโทษนะคะ คุณพอจะให้ฉันยืมชุดสำรองหน่อยได้มั้ยคะ? วันนี้ฉันกะว่าเซ็นสัญญาเสร็จก็จะกลับบ้าน เลยไม่ได้เตรียมชุดสำรองมาด้วยน่ะค่ะ” สวีเฟยเฟยเอ่ยปากพร้อมกับมองมาทางฉัน
ฉันอึ้งไปซักพักแล้วก็ส่ายศีรษะ ตอบอย่างเขินอายว่า “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้เตรียมชุดสำรองมาด้วยน่ะค่ะ”
สวีเฟยเฟยขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้เตรียมมาหรือคะ? นี่เป็นกฎของกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงเลยนะคะ คุณเป็นเลขาของพี่อี้เฉินหรือเปล่าคะ? ทำไมคุณถึงไม่เตรียมมาด้วย”
ฉันรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที กลุ่มบริษัทสกุลเฉิงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นเวลามาทำงานพนักงานทุกคนจะต้องเตรียมชุดมาเพิ่มอีกหนึ่งชุด เพื่อจะได้นำมาเปลี่ยนได้ทันกรณีมีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งจะมีระบุไว้ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับพนักงานกลุ่มบริษัทสกุลเฉิงด้วย
ด้วยความที่ฉันตามเฉิงอี้เฉินมาทำงานจึงไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนี้มาก่อน ก็เลยไม่ได้ตระเตรียมมาด้วย
“คือ ชุดที่ฉันใส่อยู่เป็นชุดสำรองน่ะค่ะ วันนี้ฉันไม่ระวังทำกาแฟหกถูกตัวเอง…… ถ้าอย่างไรเดี๋ยวฉันจะไปซื้อมาให้คุณแล้วกันค่ะ” แก้มฉันร้อนผ่าว ฉันพูดโกหกไปแล้ว
ฉันเป็นคนพูดกับเฉิงอี้เฉินอยู่ชัดๆ ว่าอย่าทำอะไรเป็นพิเศษ แต่ฉันกลับทำตัวหละหลวมซะเอง หากสวีเฟยเฟยยังไม่ยอมจบล่ะก็ เฉิงอี้เฉินก็คงลำบากใจไปด้วย
สวีเฟยเฟยขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ทำหกมาครั้งหนึ่งแล้วหรือคะ?”
“งั้นรบกวนคุณช่วยซื้อแบรนด์เดียวกันกับชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้แล้วกันนะคะ ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ติดกันมีจำหน่ายอยู่ค่ะ” สวีเฟยเฟยส่งบัตรธนาคารมาให้ฉัน แก้มฉันราวกับโดนเผาอย่างแรง แล้วฉันก็รีบรับบัตรมา
เฉิงอี้เฉินขมวดคิ้วจะพูดอะไรออกมา ฉันรีบส่ายศีรษะให้เขา
“แล้วฉันจะรีบกลับมานะคะ” จากนั้นฉันก็วิ่งออกจากห้องทำงานไป
ในเมื่อสวีเฟยเฟยจำฉันไม่ได้ ฉันก็ไม่คิดจะเปิดเผยมัน ไม่เช่นนั้นเรื่องระหว่างฉันกับเฉิงอี้เฉินก็จะถูกกระจายออกไป ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกี้ฉันได้ทำเรื่องที่น่าอับอายออกไปแบบนั้น ยิ่งไม่อยากให้สวีเฟยเฟยรู้สถานะของฉันอีกเลย
ทำเลที่ตั้งของกลุ่มบริษัทตระกูลเฉิงนั้นดีมาก มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างๆ กัน ฉันกลัวว่าสวีเฟยเฟยจะรอจนร้อนใจ จึงโบกแท็กซี่วิ่งไป แล้วฉันก็พบแบรนด์ที่สวีเฟยเฟยต้องการอย่างง่ายดาย แค่เห็นราคาฉันก็ตกใจแล้ว
ที่นี่ราคาถูกสุดก็ต้องสองถึงสามพันหยวนต่อชุด จะโอเว่อร์เกินไปแล้ว
ฉันรู้สึกทอดถอนใจอีกครั้ง ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมันช่างมากเหลือเกิน แล้วฉันก็กลับมาเลือกชุดแบบที่เธอใส่ในวันนี้ขึ้นมาหนึ่งชุด รูดบัตร แต่ตอนขากลับฉันหารถกลับไปไม่ได้เลย
เวลานี้เป็นช่วงพักกลางวัน แม้จะไม่หนาแน่นเหมือนเมื่อตอนเย็น แต่รถติดง่ายมาก
ฉันหิ้วชุดกลับไปด้วยความรีบร้อน แต่ตรงหน้าฉันกลับมีคนสองถึงสามคนโผล่มา พริบตานั้นใจฉันก็จมดิ่งลงไป