ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 622 กองทัพมอนสเตอร์บินได้
บทที่ 622 กองทัพมอนสเตอร์บินได้
…………….
บทที่ 622 กองทัพมอนสเตอร์บินได้
พวกมันคือมอนสเตอร์บินได้!
อู๋ฝานอยู่ในโลกแห่งเกมมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นจึงเคยเห็นมอนสเตอร์มาไม่น้อย แต่นี่คือครั้งแรกที่ได้เห็นมอนสเตอร์บินได้
เห็นได้ชัดว่ามอนสเตอร์บนฟ้าเหล่านี้ถูกกองทัพโลกอสูรฝึกให้เชื่อง เนื่องจากโลกอสูรและมอนสเตอร์มีความเกี่ยวข้องกัน การที่พวกมันจะสามารถฝึกสอนมอนสเตอร์จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
‘ระบบสัตว์เลี้ยงถูกเปิดใช้งานแล้ว ถ้าเราหามอนสเตอร์บินได้สักตัวมาเป็นสัตว์เลี้ยง ก็เท่ากับมีกองทัพอากาศเป็นของตัวเองสินะ?’ อู๋ฝานเริ่มครุ่นคิด
กองทัพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะกับโลกแห่งเกม หากมีไว้ในครอบครองย่อมสามารถช่วงชิงความได้เปรียบทางกลยุทธ์ได้อย่างมหาศาล
ขณะชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดถึงแนวทางการพัฒนาระบบสัตว์เลี้ยงในอนาคต นักรบโลกอสูรที่ขี่บนหลังมอนสเตอร์บินได้เริ่มยิงลูกธนูลงมายังด้านล่าง ด้วยสายตาอันดีเยี่ยมของพวกมัน จึงสามารถมองเห็นจากระยะไกลแจ่มชัด ลูกธนูที่พุ่งลงมาทำให้เสียจำนวนคนบนกำแพงเมืองเป็นจำนวนมาก
“ศัตรูอยู่ด้านบน นักธนูยิงพวกมันให้ร่วงลงมาเดี๋ยวนี้!” ผู้บังคับบัญชาหนุ่มเห็นทัพมอนสเตอร์บินได้เช่นเดียวกัน
ขณะนี้เองที่นักธนูหันเปลี่ยนจากยิงลงล่างเป็นยิงขึ้นฟ้า
แต่ฝีมือการยิงธนูของทหารเหล่านี้ค่อนข้างทั่วไป อีกทั้งศัตรูยังอยู่บนฟ้าสูงและบินไปมาอย่างรวดเร็ว อัตราการยิงถูกต่ำเตี้ยแค่ไหนคงไม่ต้องกล่าวถึง การยิงธนูขึ้นฟ้ามันมีแต่จะโดนแรงโน้มถ่วงกับแรงลมทำให้อ่อนกำลัง มีลูกธนูจำนวนน้อยนิดที่ยิงไปถึงศัตรูได้
ผู้บัญชาการหนุ่มซึ่งเห็นเริ่มโกรธแค้น เมื่อนักรบโลกอสูรบนหลังมอนสเตอร์บินได้เห็นว่าศัตรูไม่อาจทำอะไรได้ พวกมันจึงแสยะยิ้มดูแคลนออกมา
“ฟิ้ว!”
ขณะนี้เองที่ลูกธนูอันเย็นยะเยือกเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและแม่นยำ มันปักเข้าใส่ลำคอของมอนสเตอร์บินได้จนต้องแผดเสียงร้อง ก่อนจะร่วงจากกลางอากาศกระทบกับพื้นด้านล่างกลายเป็นศพ ส่วนนักรบโลกอสูรที่ตกลงมาพร้อมกัน ด้วยความสูงระดับนั้นมันไม่อาจรอดชีวิตได้เช่นเดียวกัน
“ยิงได้ดี!” ผู้บัญชาการหนุ่มตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น และตอนนี้เองที่เขาเพิ่งตระหนักว่าคนที่ยิงลูกธนูเมื่อครู่คืออู๋ฝาน
“ใต้เท้า ฝีมือการยิงธนูของท่านยอดเยี่ยมมากขอรับ!” ผู้บัญชาการหนุ่มเดินเข้ามาชื่นชม
“เจ้ากลับไปบัญชาการต่อเสีย ข้าจะจัดการพวกด้านบนให้เอง” ชายหนุ่มโน้มสายธนู ก่อนจะยิงลูกธนูออกไปอีกครั้ง
“ขอรับ”
ลูกธนูพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่สำเร็จ มันยิงผ่านมอนสเตอร์บินได้จนสุดท้ายเสียแรงและร่วงลงไป
อู๋ฝานไม่คิดประหลาดใจหรือเสียกำลังใจ ลูกธนูถูกยิงออกไปแล้วลูกแล้วลูกเล่า เขาโน้มสายธนูอย่างต่อเนื่องและยิงออกไปไม่หยุดหย่อน เนื่องจากมีพละกำลังดีกว่าคนทั่วไป ต่อให้ต้องยิงลูกธนูมากมายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อเหนื่อยล้าหรือเจ็บช้ำ
แม้ไม่อาจบอกได้ว่าอัตราการยิงสำเร็จของชายหนุ่มเต็มหนึ่งร้อย แต่อย่างไรก็สูงกว่าทหารทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขายิงมอนสเตอร์บินได้ร่วงหล่นไปสามส่วน และที่ยังเหลือบนอากาศก็มีเพียงหลักสิบ
แน่นอนว่านักรบโลกอสูรที่อยู่บนอากาศก็เห็นอู๋ฝานแล้วเช่นเดียวกัน ดังนั้นลูกธนูมากมายจึงยิงมุ่งมาทางเขา ทว่าลั่วเยวี่ยและลั่วหยางคอยถือโล่คุ้มกันต้านรับเอาไว้ให้ ทำให้ลูกธนูที่ยิงเข้ามาเหล่านั้นถูกสกัดเอาไว้ได้
“ฆ่า!”
นักรบโลกอสูรที่อยู่บนอากาศตระหนักว่า หากสถานการณ์ยังดำเนินแบบนี้ต่อไป พวกมันทั้งหมดจะถูกอู๋ฝานยิงจนร่วงกันหมดสิ้น ดังนั้นจึงหยุดการยิงธนูจากบนฟ้า แต่เลือกที่จะบินโฉบลงมาเพื่อร่อนลงยังกำแพงเมือง
“ฆ่าพวกมัน! จะให้พวกมันควบคุมกำแพงเมืองไม่ได้!” ผู้บัญชาการหนุ่มชี้นิ้วพร้อมตะโกนสั่งคนปิดล้อม
กลุ่มนักรบโลกอสูรและมอนสเตอร์ต่างก็ดุร้าย พวกมันยึดครองตำแหน่งบนกำแพงเมืองก่อนจะเริ่มเคลื่อนที่ โดยคาดหวังจะดึงความสนใจเพื่อทำให้กองทัพโลกอสูรที่อยู่ด้านล่างมีโอกาสปีนขึ้นมา
ทว่านักรบโลกอสูรมีความหาญกล้าอันยิ่งใหญ่ แม้กองกำลังป้องกันเมืองจะทำให้พวกมันตายไปไม่น้อย แต่พวกมันยังปฏิเสธที่จะถอยและหาทางยึดกำแพงเมืองให้ได้ ขณะนี้เองที่นักรบโลกอสูรด้านล่างเริ่มปีนบันไดขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะผู้บัญชาการหนุ่มร้อนรน อู๋ฝานก็นำพวกอูหย่าทั้งสามคนออกสังหาร ความแข็งแกร่งชายหนุ่มถือว่าเป็นที่สุดในหมู่กลุ่มคนคุ้มกันเมือง ทว่าอูหย่าและลั่วเยวี่ยเองก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะพวกนางช่วยเหลือ กองกำลังคุ้มกันเมืองจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาสั้น ๆ จำนวนผู้เสียชีวิตทางฝั่งโลกอสูรกำลังเพิ่มมากขึ้น
หลังอู๋ฝานสังหารนักรบโลกอสูรคนสุดท้ายที่ลงมาหมายยึดกำแพงเมือง ก่อนจะทันได้พักหายใจ กลุ่มทหารม้าโลกอสูรก็ปีนบันไดขึ้นมาได้สำเร็จ ผู้นำของพวกมันดูแข็งแกร่งและมีดาบสัมฤทธิ์ให้ใช้งาน มันสั่งการแบ่งกำลังคนออกเป็นสองฝั่งเพื่อแบ่งกันยึดกำแพงเมือง
“ฮ่า ๆๆ ไอ้พวกมนุษย์ จงตายซะ!” อสูรร่างใหญ่หัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนจะเริ่มใช้ดาบใหญ่ในมือออกล่าสังหาร เหล่าทหารด้านบนกำแพงเมืองไม่อาจต่อกร ทุกคนที่เข้าไปต้านรับมันเอาไว้ต่างต้องตายคาที่
อู๋ฝานขมวดคิ้ว หากอีกฝ่ายยึดกำแพงเมืองได้สำเร็จ จำนวนผู้เสียชีวิตจะไม่ถูกจำกัดเอาไว้แค่ตรงนี้ ทั้งยังเป็นการมอบโอกาสให้พวกมันที่ยังอยู่นอกเมืองปีนเข้ามา ถึงตอนนั้นจะยิ่งมีนักรบโลกอสูรบุกขึ้นมาเพิ่มมากขึ้น เมื่อใดพวกมันทำสำเร็จ การป้องกันเมืองครั้งนี้ก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่อาจกอบกู้
สถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจปล่อยให้นักรบโลกอสูรอยู่บนกำแพงเมืองต่อได้!
เมื่อคิดได้ดังนั้น อู๋ฝานก็เคลื่อนที่ออกไป หลังนักรบโลกอสูรสังหารทหารที่คุ้มกันเมืองอีกคนหนึ่ง กระบี่ยาวของเขาก็แทงใส่ศัตรูในมุมที่ยากจะถอนดาบใหญ่กลับมาป้องกันได้
นักรบโลกอสูรตอบสนองไม่ทัน มันคิดหลบเลี่ยง ทว่าอู๋ฝานรวดเร็วกว่า ดังนั้นมันจึงไม่อาจหลบเลี่ยงได้และถูกกระบี่แทง แต่แผลแค่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้หนักหนาจนถึงตาย
“มนุษย์ต่ำช้า!” นักรบโลกอสูรมองอู๋ฝานด้วยโทสะ ก่อนที่ดาบใหญ่สัมฤทธิ์ของมันจะฟันเข้าใส่ชายหนุ่ม
“เคร้ง!”
หนึ่งดาบหนึ่งกระบี่ปะทะกัน แขนของอู๋ฝานรู้สึกชา เท้าถึงขั้นต้องถอยไปหลายก้าว
‘พวกใช้กำลังมาอีกแล้ว โลกอสูรเน้นแต่ขุนพลที่ใช้กำลังรึไงนะ?’ อู๋ฝานบ่นพึมพำอยู่ในใจ
ทว่าเพราะประสบการณ์ที่เคยสู้กับเคอซาร์ อู๋ฝานจึงมีประสบการณ์รับมือกับขุนพลที่แข็งแกร่งเช่นอีกฝ่าย ดังนั้นแม้ในใจจะบ่นออกมา แต่ความคิดและการกระทำกลับไม่ได้ตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขาขยับแขนในชั่วพริบตา ก่อนกระบี่ยาวในมือจะปรากฏประกายสายฟ้าสีม่วงโลดแล่น
นักรบโลกอสูรมองกระบี่ยาวในมืออู๋ฝานด้วยความระแวดระวัง สีหน้าของมันค่อนข้างเคร่งเครียด ราวกับทราบว่ากระบี่ของอีกฝ่ายรับมือได้ยาก
เห็นได้ว่าอีกฝ่ายดูมีสมองยิ่งกว่าเคอซาร์
“ฮ่า!”
ทั้งอู๋ฝานและนักรบโลกอสูรต่างตะโกนเสียงดังออกมา พร้อมพุ่งทะยานเข้าหาอีกฝ่ายแทบจะในเวลาเดียวกัน
ทว่าตอนนี้เองที่เสียงแตรดังขึ้นจากนอกเมือง นักรบโลกอสูรหยุดมองอู๋ฝานก่อนจะเอ่ยออกมา “มนุษย์ ครั้งหน้าพบกันอีกครั้ง ข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้าเอง!”
เอ่ยจบ มันก็กระโดดลงไปด้านล่างโดยไม่หันกลับมามอง ส่วนนักรบโลกอสูรคนอื่นก็เริ่มถอยทัพแล้วเช่นเดียวกัน
…………….