ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 607 ชา
บทที่ 607 ชา
…………….
บทที่ 607 ชา
“แต่ฉันตกลงเดิมพันกับเขาไปแล้ว ตอนนั้นพี่เองก็อยู่ด้วยแต่ไม่คัดค้านอะไร ตอนนี้กลับปฏิเสธกันซึ่งหน้า แค่นี้ยังไม่มากพอทำให้เขาโกรธรึไง?” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
“ฉันคิดว่าเธอกับเขาเล่นกันขำ ๆ ใครจะไปคิดว่าเป็นเรื่องจริงจัง” พี่จ้าวพยายามปกป้องตัวเอง
สวี่จื่อฉีถึงโกรธจัดจนพูดไม่ออก
“พอแค่นี้เถอะ หยุดพูดและคิดอะไรได้แล้ว ยังไงการเจรจาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ก็พับไปเรียบร้อยแล้ว สินค้าของเขาใช้งานได้ก็จริง แต่ใครจะรู้ว่ามีส่วนผสมอะไรใส่ลงไปบ้าง หรือบางทีอาจจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เอาเป็นว่าการเจรจาล่มแบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว” พี่จ้าวไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย กระทั่งพยายามปลอบสวี่จื่อฉีให้คิดเห็นแบบเดียวกัน
สวี่จื่อฉีคร้านเกินกว่าจะสนใจคนแบบนี้อีก ในใจของเธอกำลังรู้สึกผิดกับอู๋ฝาน แต่เธอเองก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายยังไง
ไม่นานรถก็เดินทางกลับมาถึงโรงแรมเทียนอวี่ สวี่จื่อฉียังคงเดินตามพี่จ้าวเข้าไปด้วยสีหน้าหมองหม่น
“คุณหนูสวี่!”
ขณะคนทั้งสองเดินผ่านประตูโรงแรมเข้ามาก็ได้ยินเสียงคนเรียกหา หญิงสาวหันกลับไปมองโดยไม่รู้ตัว จนได้พบกับคนที่เธอทั้งชังและไม่ต้องการเจอเป็นที่สุด
เจียงอวี่!
ทันทีที่เห็นอีกฝ่าย สวี่จื่อฉีที่อารมณ์ไม่ดีอยู่ก่อนแล้วยิ่งไม่ดีมากขึ้นไปอีก
ทว่าพี่จ้าวที่อยู่ข้าง ๆ สวี่จื่อฉีกลับรู้สึกคนละขั้ว เมื่อเห็นเจียงอวี่ สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มออกมา
“นายน้อยเจียง ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่ไปพักเหรอคะ” พี่จ้าวดึงตัวสวี่จื่อฉีเดินเข้าไปหาเจียงอวี่เพื่อพูดคุย
“แล้วทั้งสองคนยังไม่ไปพักเหรอครับ?” เจียงอวี่เอ่ยถาม
“นายน้อยเจียง ฉันต้องขออภัยกับเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ จื่อฉีมีอารมณ์ฉุนเฉียวจากงานไปบ้าง คืนนี้มีเจรจาเรื่องสำคัญเธออาจจะเครียดเกินไป หวังว่านายน้อยเจียงจะเข้าใจนะคะ” พี่จ้าวตอบกลับ
หลังเอ่ยจบ พี่จ้าวก็แตะหลังสวี่จื่อฉีที่อยู่ข้าง ๆ “จื่อฉี ทำไมยังไม่รีบขอโทษนายน้อยเจียงอีก?”
หญิงสาวที่อารมณ์ไม่ดีและไม่อยากเห็นหน้าเจียงอวี่ จึงตั้งคอแข็งไม่ยอมโค้งให้เพื่อขออภัยอีกฝ่าย
เมื่อเจียงอวี่เห็น สายตาพลันเผยร่องรอยดำมืด ทว่าใบหน้ายังคงยิ้มแย้มออกมา “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษ คุณหนูสวี่คงยุ่งมากจริง ๆ”
“ขอบคุณความใจกว้างของนายน้อยเจียงค่ะ!” พี่จ้าวตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มแก้เขิน
“เชิญนั่งทางนี้ก่อนเป็นไงครับ ผมจะสั่งชามาให้ ดื่มแล้วจะได้ผ่อนคลายก่อนจะกลับไปพัก” เจียงอวี่เชื้อเชิญทั้งสวี่จื่อฉีและพี่จ้าว
“ไม่ค่ะ ฉันเหนื่อยมากแล้ว อยากจะขอตัวกลับไปพักเลย” เธอตอบกลับ
“จื่อฉี อย่าทำแบบนี้สิ!” พี่จ้าวรีบดึงตัวหญิงสาวเอาไว้ “นายน้อยเจียงหวังดี เธอจะทำให้เขาผิดหวังไม่ได้สิ”
จากมุมมองของพี่จ้าว ก่อนหน้านี้พวกเธอยั่วยุเจียงอวี่ไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่กล่าวโทษ ทั้งยังเอื้อเฟื้อ หากยังปฏิเสธความหวังดีครั้งนี้อีก มันจะเป็นเรื่องที่มากเกินไป
สวี่จื่อฉีถูกพี่จ้าวบีบบังคับให้นั่ง แต่เพราะเรื่องราวของอู๋ฝานก่อนหน้านี้ เธอที่อารมณ์ไม่ดีจึงไม่คิดจะเหนื่อยเสวนาหรือหาเรื่องกับเจียงอวี่อีก
“จะว่าไปแล้วคุณหนูสวี่จะเดินทางกลับเมื่อไหร่นะครับ?” เจียงอวี่เอ่ยถาม
“พรุ่งนี้พวกเราก็ออกเดินทางกันแล้วค่ะ” เมื่อเห็นสวี่จื่อฉีไม่ยอมตอบ พี่จ้าวจึงต้องเอ่ยขึ้นมาแทน
“เร็วขนาดนี้เลย?” เจียงอวี่ค่อนข้างประหลาดใจ
“ใช่ค่ะ จื่อฉียังมีเรื่องให้ต้องทำอีกมาก เลยไม่สามารถอยู่ต่อได้นานนักค่ะ” พี่จ้าวตอบกลับ
“ก็พอเข้าใจได้อยู่ครับ คุณหนูสวี่เป็นดาราแนวหน้าของประเทศ มีเรื่องต้องทำมากมายก็ไม่แปลก” เจียงอวี่ตอบรับอย่างเข้าอกเข้าใจ “ผมคิดว่าคุณหนูสวี่คงเหนื่อยมากแล้ว งั้นดื่มชาแล้วไปพักเถอะครับ ชานี้เตรียมให้คุณหนูสวี่เป็นพิเศษ มันช่วยผ่อนคลายและทำให้จิตใจสงบลง จะได้ช่วยให้นอนหลับง่ายครับ”
“ขอบคุณความเมตตาของนายน้อยเจียงค่ะ แต่ฉันไม่ดื่มชา และฉันก็นอนได้เป็นอย่างดีมาตลอดค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
เธอมองถ้วยชาตรงหน้าด้วยสายตาระแวดระวัง
สวี่จื่อฉีไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการบันเทิง เธอเคยเห็นเรื่องราวดำมืดในวงการนี้มาแล้วมากมาย ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอด ไม่ว่าจะไวน์หรือน้ำดื่มที่คนอื่นส่งมาให้ หากตนไม่ได้เห็นกับตาทุกกระบวนการจนแน่ใจ จะไม่ดื่มเป็นอันขาด แม้จะถือเป็นการยั่วยุฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ต้องทำเพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง
“คุณหนูสวี่ไม่คิดจะเห็นแก่หน้าผมเลยเหรอครับ?” เจียงอวี่ขมวดคิ้วพร้อมเผยร่องรอยโทสะออกมา
“ต้องขออภัยนายน้อยเจียงด้วยค่ะ ฉันไม่มีงานอดิเรกดื่มชากลางดึกค่ะ” เธอยืนกราน
“เหอะ!” เจียงอวี่แค่นเสียงดังพร้อมจ้องคนทั้งสองไม่วางตา
“สวี่จื่อฉี เธอปฏิเสธฉันอย่างไม่ไว้หน้าถึงสามครั้ง ฉันอดทนมามากพอแล้ว ขอบอกตรงนี้เลยแล้วกัน ถ้าเป็นคนอื่นทำอย่างที่เธอทำกับฉัน คืนนี้มันคงไม่มีชีวิตรอดไปแล้ว! แต่ฉันก็ยังอดกลั้น ทว่าเธอก็ยังยั่วยุฉันซ้ำแล้วซ้ำอีก คิดว่าฉันโมโหไม่เป็นเหรอ? ฉันเตรียมชามาให้ ต่อให้เธอไม่อยากดื่มก็ต้องดื่ม!” เจียงอวี่เอ่ยออกมาด้วยความกราดเกรี้ยว
“นายน้อยเจียง ฉันไม่สามารถดื่มชานี้ได้ค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ “ถ้ามันเป็นการเสียมารยาทกับนายน้อยเจียง ฉันก็ต้องขออภัยและหวังว่านายน้อยเจียงจะให้อภัยค่ะ”
“แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ?” เจียงอวี่หรี่ตาลงก่อนจะเอ่ยต่อ “ฉันขอพูดให้รู้เลยแล้วกัน ถ้าวันนี้เธอไม่ดื่มชานี้ ก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากโรงแรมนี้ได้!”
โรงแรมเทียนอวี่คือทรัพย์สินของตระกูลเจียง มันไม่ใช่เรื่องยากหากเจียงอวี่คิดจะเล่นงานสวี่จื่อฉีและพี่จ้าวโดยการกักขังเอาไว้ไม่ให้ไปไหน
“นายน้อยเจียงลดโทสะลงก่อนเถอะค่ะ จื่อฉีเหนื่อยเลยพูดโดยไม่ยั้งคิดค่ะ” พี่จ้าวรีบหาทางไกล่เกลี่ย “จื่อฉี ดื่มซะ!”
พร้อมกันนั้นพี่จ้าวก็ยกแก้วชาส่งให้หญิงสาว “จื่อฉี นี่ถือเป็นการขอโทษนายน้อยเจียง อย่าทำให้เรื่องราวมันแย่ไปกว่านี้”
“พี่จ้าว ฉัน!…” สวี่จื่อฉียังยืนยันจะไม่ดื่ม
“จะพูดอะไรมากมาย ก็แค่ชาถ้วยเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย เธอทำนายน้อยโกรธหลายครั้งแล้วยังไม่คิดจะเห็นแก่หน้าเขาอีกงั้นเหรอ!” พี่จ้าวกระซิบบอกกับสวี่จื่อฉี
สวี่จื่อฉีมองเจียงอวี่ จากนั้นก็มองพี่จ้าว สุดท้ายแม้ฝืนใจ เธอก็ต้องรับถ้วยชามาดื่ม
“ดี!” ทันใดนี้เองที่เจียงอวี่เผยสีหน้าและท่าทีผ่อนคลายลง กระทั่งยิ้มออกมา “ในเมื่อดื่มชาไปแล้ว ก็ขอให้คุณหนูสวี่ไปพักผ่อนให้ดี ผมขอตัวก่อน”
ชายหนุ่มเอ่ยจบก็ลุกขึ้นและเดินจากไป
เมื่อเห็นเจียงอวี่ตัดบทและจากไปเช่นนี้ สวี่จื่อฉีจึงรู้สึกโล่งอก
‘บางทีเราคงคิดมากเกินไปเอง’ หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ในใจ
หลังจากนั้น ทั้งสวี่จื่อฉีและพี่จ้าวลุกขึ้นก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปยังห้องที่ใช้พักอาศัย
ตอนที่ทั้งสองขึ้นลิฟต์ไปได้ไม่นาน เจียงอวี่ที่ขอตัวเมื่อครู่พลันย้อนกลับมา สายตาทอดมองถ้วยชาว่างเปล่าบนโต๊ะ ก่อนจะเผยยิ้มเย็นเยือกบนใบหน้า
เจียงอวี่เดินไปยังแผนกต้อนรับของโรงแรมก่อนจะบอกกับพนักงาน “ขอกุญแจสำรองห้องของสวี่จื่อฉี”
“ค่ะนายน้อย” พนักงานต้อนรู้จักและทราบสถานะของเจียงอวี่ดี แม้จะผิดหลักการทำงานที่มอบกุญแจสำรองห้องพักให้คนอื่น แต่เธอก็ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายหนุ่มทำแบบนี้ และตนก็ไม่ใส่ใจด้วยว่าหลังจากรับเอากุญแจห้องไปเจียงอวี่จะทำอะไรต่อ
“จำเอาไว้ เรื่องนี้ต้องไม่ให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม?” เจียงอวี่รับคีย์การ์ดสำรองมาพร้อมบอกกับพนักงานต้อนรับ
“ค่ะนายน้อย” พนักงานต้อนรับพยักหน้ารับด้วยความเชื่อฟัง
…………….