ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 603 ต่อต้าน
บทที่ 603 ต่อต้าน
……….
บทที่ 603 ต่อต้าน
อู๋ฝานแทบไม่ได้ใส่ใจอะไรกับการกระทำของหวังเหวินถิงเลย หลังออกจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว เขาก็ตรงไปยังร้านอาหาร
อันที่จริงต่อให้ชายหนุ่มไม่ไปที่ร้านตอนนี้ เรื่องที่ร้านก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ เฉินปิงเหยาคอยดูแล เชฟอย่างหลิวอี้เตาคอยทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องระหว่างอู๋ฝานและวังเมฆาสีชาดก่อนหน้านี้ ปัจจุบันก็ไม่มีใครกล้ามาสร้างปัญหาอะไรที่ร้านอีก
แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องแวะเวียนมาทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่มีอะไรทำ
สองวันผ่านไปราวพริบตา ขณะนี้เหลืออีกหนึ่งวันก่อนจะถึงช่วงเวลานัดหมายกับสวี่จื่อฉี และตอนนี้เองที่อู๋ฝานได้รับสายจากเธอ
“ผมนึกว่าคุณจะรอถึงวันพรุ่งนี้ค่อยโทรหาซะอีก” อู๋ฝานยิ้มพลางตอบรับโทรศัพท์
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ช่วงสองวันมานี้ฉันค่อนข้างยุ่งอยู่พอสมควรเลย อันที่จริงตั้งแต่ใช้สินค้าของคุณ ฉันก็อยากจะโทรหาแต่แรกด้วยซ้ำ แต่เพราะยุ่งเกินไปจึงยังหาเวลาพูดคุยเรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์ไม่ได้ค่ะ” สวี่จื่อฉีขอโทษมาทางโทรศัพท์
“แล้วยังไงครับ สินค้าของผมได้ผลดีสินะ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม เพราะหากมันใช้งานไม่ได้ผล แม้เป็นพรุ่งนี้สวี่จื่อฉีก็คงไม่โทรกลับมาด้วยซ้ำ
“ค่ะ!” สวี่จื่อฉีตอบรับด้วยอาการตื่นเต้น “ยาทาลบรอยแผลเป็นของคุณ มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่ฉันเคยลองมาเลย แค่สองวันฉันก็เห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว ว่ารอยแผลเป็นบนข้อมือเกิดความเปลี่ยนแปลง มันจางลงไปเยอะเลยค่ะ”
“แล้วยังไงครับ เดิมพันก่อนหน้านี้ผมชนะใช่ไหม?” อู๋ฝานเผยยิ้มออกมา
“ใช่ค่ะ คุณชนะ” สวี่จื่อฉียอมรับตามตรง “เย็นวันนี้ฉันขอนัดหมายพูดคุยเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้ไหมคะ”
“ช่วงเย็นอีกแล้วเหรอครับ?” อู๋ฝานขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เพราะครั้งก่อนที่ออกไปพูดคุยกับอีกฝ่ายในช่วงฟ้ามืดก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ตอนนี้สวี่จื่อฉีก็ยังต้องการนัดพบในช่วงกลางคืน ชายหนุ่มจะรู้สึกไม่อยากไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“คะ? หรือว่าคืนนี้มีนัดแล้ว?” สวี่จื่อฉีได้ยินน้ำเสียงของอู๋ฝานจึงเอ่ยถาม “แต่ช่วงกลางวันของฉันตารางแน่นมากเลยค่ะ ต่อให้ขอเวลานอกได้ แต่ก็คงเหลือไม่พอสำหรับการพูดคุย เกรงว่าจะไม่ดีพอสำหรับการเจรจาทางธุรกิจค่ะ”
“กลางคืนก็กลางคืนครับ ผมไม่ติดอะไรอยู่แล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ
“ดีเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
“ไว้เจอกันครับ” ชายหนุ่มก็ตอบกลับเช่นกัน
“นี่เธอคิดจะรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้เขาด้วยราคาเท่านี้จริงเหรอ?” เมื่อเห็นสวี่จื่อฉีวางสาย พี่จ้าวที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ใช่ค่ะ พี่ก็เห็นแล้วว่าสินค้านี่ดียังไง และก่อนหน้านี้พวกเราก็ตกลงกันเอาไว้แล้วด้วย ถ้าฉันพึงพอใจในตัวสินค้า ฉันจะมอบส่วนลดที่ดีที่สุดให้เขาค่ะ” สวี่จื่อฉีตอบกลับ
วันที่สองหลังใช้งานยาทาลบรอยแผลเป็น พี่จ้าวก็ยังไม่ได้เห็นอะไรที่เด่นชัด แต่ปัจจุบัน รอยแผลเป็นที่ข้อมือของสวี่จื่อฉีจางลงจริง ๆ ต่อให้เป็นคนที่ไม่ค่อยจะสังเกตหรือสนใจรอยแผลเป็นดังกล่าวก็ยังเห็น ดังนั้นพี่จ้าวจึงต้องยอมรับอยู่ในใจว่าผลิตภัณฑ์ของอู๋ฝานใช้งานได้ผลจริง
แต่การยอมรับว่ามันใช้งานได้ดี ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่จ้าวจะยอมปล่อยให้สวี่จื่อฉีเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับอู๋ฝานด้วยราคาที่ต่ำเตี้ยแบบนั้น
“จื่อฉี ฟังฉันนะ ฉันเองก็ติดต่อกับทางบริษัทถึงเรื่องนี้แล้ว ทางนั้นไม่ได้คัดค้านเรื่องที่เธอจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับยาทาลบรอยแผลเป็นหรือแป้งขาวกระจ่าง แต่ราคาที่เขาเสนอให้เธอนั้นต่ำเกินไป บริษัทยอมรับตรงส่วนนี้ไม่ได้” พี่จ้าวเอ่ยขึ้น
ห้าล้านหยวนกับสัญญาสองปี มันถือว่าต่ำเกินกว่าจะเป็นค่าตัวของสวี่จื่อฉีไปมาก
ทว่าพอสวี่จื่อฉีได้ยินคำของพี่จ้าว คิ้วของเธอจึงเริ่มขมวดพร้อมเอ่ยด้วยความไม่พอใจขึ้นมา “แต่ฉันตกลงกับเขาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว ตอนนี้จะให้ฉันกลับคำพูดงั้นเหรอคะ?”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร ทางบริษัทจะเป็นคนรับเผือกร้อนก้อนนี้เอาไว้เอง เสียหน้าดีกว่าเสียเงิน” พี่จ้าวตอบกลับ “ค่าตัวของเธอต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม คืนนี้ไปเจออู๋ฝานเธอไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะจัดการเอง ถ้าเขาไม่พอใจยังไงก็ไม่ได้ลงที่เธอ แต่จะเป็นฉันกับทางบริษัท”
“แบบนี้… ก็ได้งั้นเหรอคะ?” สวี่จื่อฉีถึงกับพูดไม่ออก “ปกติฉันไม่เคยมีความเห็นอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอกนะคะ ทั้งยังเชื่อฟังการจัดการของบริษัทแต่โดยดีมาตลอด ตอนนี้ขอแค่บริษัทฟังฉันสักครั้งก็ไม่ได้เลยเหรอคะ?”
“เถ้าแก่ไม่ยอมแน่” พี่จ้าวตอบกลับมาตามตรง “ค่าตัวเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเธอไม่ใช่อะไรที่เธอจะตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเงินของบริษัท ถ้าเธอมอบส่วนลดมากมายแบบนี้ให้อู๋ฝาน ทางบริษัทจะสูญเสียรายได้ เพราะเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนะ”
“แล้วทำไมทุกครั้งที่ฉันขอให้ทางบริษัทพิจารณาอะไร ทางบริษัทถึงไม่เคยพิจารณาเพื่อฉันบ้างเลยล่ะคะ?” สวี่จื่อฉีเริ่มไม่พอใจ “พี่จ้าว พี่เองก็ติดตามฉันมานานหลายปี พี่ก็น่าจะรู้ว่าฉันอยากจะกำจัดรอยแผลเป็นนี่แค่ไหน พี่เองก็เห็นแล้วว่ายาทาลบรอยแผลเป็นนี่ดีขนาดไหน ต่อให้เขาไม่จ่ายสักหยวนและขอให้ฉันเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เพราะมิตรภาพฉันยังไม่ปฏิเสธด้วยซ้ำ พี่จ้าวไม่คิดจะเข้าใจหน่อยเลยเหรอคะ?“
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ” พี่จ้าวที่เห็นท่าทีไม่พอใจจึงต้องกล่าว
“ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายแค่ไหน แต่หลายเรื่องอาศัยแค่ความรู้สึกไม่ได้ อย่างการเชิญเขาไปทานอาหารคืนวันนี้ หรือการประกาศเรื่องเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ต่อสาธารณชน มันต้องมีค่าใช้จ่ายและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง เธอเองก็รู้ดีว่ามันมีผลมากแค่ไหน ถ้าเมื่อไหร่ที่เรื่องราวนี้เปิดเผยออกไป มันจะส่งผลกระทบต่อค่าจ้างในอนาคตของเธอเองนะ สินค้าอื่น ๆ ที่มาหาเธอเพราะต้องการให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ คงไม่มีทางอยากจะจ่ายเงินมากมาย หากทราบว่ามีคนอื่นจ่ายถูกกว่าพวกเขามากจนเกินไป ทั้งเธอและบริษัทจะเป็นฝ่ายเสียหายนะ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ในระยะยาวของเธอทั้งนั้น เรื่องค่าจ้างครั้งนี้ฉันมองว่ามันควรจะเป็นไปตามกลไกตลาดอย่างที่ควรจะเป็น”
“ถ้างั้นส่วนต่างที่เกิดขึ้นฉันจ่ายเอง แบบนี้โอเครึยังคะ?” สวี่จื่อฉีถามกลับ
“จื่อฉี ทำไมเธอถึงยังไม่เข้าใจ? ตอนนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินไม่กี่ล้าน แต่ถ้าเรื่องนี้เปิดเผยออกไป ในอนาคตคนอื่นจะเข้ามาหาเธอเพราะต้องการจ้าง ถ้าพวกเขาเรียกร้องราคามิตรภาพแบบนี้อีกจะเกิดอะไรขึ้น? มันทำไม่ได้และไม่ควรทำ” พี่จ้าวตอบกลับ
สวี่จื่อฉีโกรธจนหลั่งน้ำตาออกมา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ พวกคุณคิดว่าสถานะของอู๋ฝานไม่สำคัญพอต่างหาก พวกคุณถึงกล้าทำแบบนี้กับเขา แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่มีสถานะและอำนาจมากกว่าละก็ …ฉันที่ตกลงกับเขาไปก่อนอยากจะเห็นนักว่าพวกคุณจะยังกล้ากลืนคำพูดตัวเองรึเปล่า”
พี่จ้าวนึกละอายใจ เพราะเรื่องที่สวี่จื่อฉีตอบกลับมานั้นเป็นความจริง
แม้ในปัจจุบันอู๋ฝานจะดูค่อนข้างมีสถานะสูงส่งในเจียงโจว แต่รากฐานของเขายังไม่มั่นคง ทั้งยังไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่ว่าจะพี่จ้าวหรือบริษัทที่อยู่เบื้องหลังสวี่จื่อฉีต่างก็มองว่าอีกฝ่ายเป็นแค่หนึ่งในตัวตนด้านบนของเจียงโจว อย่างมากก็คงได้รับความนิยมชั่วขณะ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวการหาเรื่องอู๋ฝาน แต่หากเป็นคนอื่นจากห้าตระกูลใหญ่ในเจียงโจว เถ้าแก่และบริษัทเบื้องหลังหญิงสาวคงไม่มีทางกล้ากลืนคำพูดแบบนี้แน่
“จื่อฉี เชื่อฟังฉันกับการจัดการของบริษัทก็พอ อย่าคิดเรื่องนี้มากจนเกินไป เรื่องแค่นี้เอง เข้าใจใช่ไหม?” พี่จ้าวตอบกลับ
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ!” สวี่จื่อฉีตอบรับด้วยความโกรธ
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์ของสวี่จื่อฉีดังขึ้น เธอมองไปยังชื่อผู้โทร ก่อนจะหันหน้าหนีราวกับไม่เห็นและไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
……….