ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 378 บุกบ้านสกุลเหยียน
บทที่ 378
บุกบ้านสกุลเหยียน
ในเวลานี้เพื่อที่จะฟื้นฟูภาพพจน์ของเหยียนเทียนหรานให้แก่รุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียนแล้ว ผู้อาวุโสเป่ยซานจึงได้มอบหน้าที่ดูแลเหยียนลี่หยางให้กับเหยียนเทียนหราน แน่นอนว่าเขานั้นรู้ดีว่าเหยียนเทียนหรานนั้นจะต้องแอบทำอะไรกับ เหยียนลี่หยางแน่ เพียงแต่หลังจากที่ผู้อาวุโสเป่ยซานได้เลิกหวังกับเหยียนลี่หยางแล้ว เขาก็ขี้เกียจที่จะไปใส่ใจกับเหยียนลี่หยางอีก
เหยียนเจิ้นตงรู้สึกท้อแท้และรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อรองต่อไปอีก
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็ได้กัดฟันแน่นและลงไปคุกเข่าต่อผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าเจิ้นตงนั้นไร้ความสามารถ ไม่อาจหลอมรวมให้คนของตระกูลเหยียนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ จึงทำให้ตระกูลเหยียนเกิดความปั่นป่วนเช่นนี้! ในเวลานี้ข้าจึงขอถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้นำ ตระกูลเหยียน ข้าจึงหวังว่าท่านผู้อาวุโสจะเห็นด้วย!”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ในห้องนั้นก็ได้เกิดความเงียบสงัดที่แม้แต่เข็มตกยังได้ยินขึ้นมาทันที
“ท่านผู้นำตระกูลอย่าได้วู่วาม!”
“ใช่แล้วท่านผู้นำตระกูล พวกเรายินดีสนับสนุนท่านเสมอ!”
“ขอท่านผู้นำตระกูลถอนคำพูดด้วย!”
เมื่อพวกเหยียนเสียอวิ๋นเห็นเหยียนเจิ้นตงขอถอนตัวออกจากตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว จึงได้รีบเกลี้ยกล่อมเขาอย่างร้อนรน
แต่เหยียนเจิ้นตงนั้นก็ไม่ได้สนใจ เขายังคงก้มหัวและคุกเข่าลงต่อหน้าผู้อาวุโสเป่ยซานต่อไป ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นและแน่วแน่
นับตั้งแต่ที่ตระกูลเหยียนได้เปลี่ยนไปจากที่เขาคาดหวังเอาไว้โดยสิ้นเชิง และเหยียนเจิ้นตงก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนอะไรได้เลย จึงได้ทำให้เขารู้สึกว่าเปล่าประโยชน์ที่ตัวเขาจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อไป ดังนั้นเหยียนเจิ้นตงจึงได้แน่วแน่ที่จะขอผู้อาวุโสเป่ยซานลงจากตำแหน่งผู้นำตระกูล และจะขอเก็บตัวฝึกวิชาเสียตอนนี้ดีกว่าที่จะมาทนดูตระกูลเหยียนล่มจมลงไปเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย แต่สามารถมองเห็นเห็นมือที่สั่นเทาออกมาจากใจที่ผิดกับสีหน้าที่สงบนิ่งของเขาได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าเหยียนเจิ้นตงนั้นจะมีความสามารถที่ปานกลาง แต่ที่เขาขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลได้นั้นก็เพราะความสามารถในการจัดการที่เป็นเลิศ ซึ่งผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ไม่คิดว่าหลังจากที่เหยียนลี่หยางขัดคำสั่งเขาอย่างเปิดเผยแล้ว ในเวลานี้เหยียนเจิ้นตงก็ยังทิ้งเขาไปอีก
ซึ่งเรื่องนี้นับว่าสาหัสยิ่งกว่าเรื่องเหยียนลี่หยางขัดคำสั่งเขาเสียอีก จึงได้ทำให้มือของเขานั้นสั่นเทา และอยากที่จะซัด เหยียนเจิ้นตงเสียให้ตายคาที่
แต่สุดท้ายผู้อาวุโสเป่ยซานที่ฟื้นคืนท่าทีกลับมาได้ ก็ได้จ้องไปที่เหยียนเจิ้นตงและตอบเขาด้วยสีหน้านิ่งๆ “ถ้าเจ้าอยากที่จะออก ข้าก็จะไม่รั้ง! ผู้นำตระกูลที่ถูกฝืนใจให้อยู่ก็อยู่ได้ไม่นานหรอก!”
ไม่เพียงแค่นั้น แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ยังประกาศออกไปว่า “จากนี้ต่อไปเหยียนเทียนหรานจะเป็นผู้นำตระกูลเหยียนคนใหม่ นอกจากข้ากับผู้อาวุโสอีกสองคนที่เหลือแล้ว ทุกคนในตระกูลเหยียนจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้นำตระกูล! ใครฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษตามกฎของตระกูล!”
เสียงของเขาดังกึกก้องไปทั่วทุกมุมห้อง พวก เหยียนเสียอวิ๋นที่พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรั้งเหยียนเจิ้งตงเอาไว้ก็ได้ปิดปากเงียบเมื่อได้ยินเช่นนี้ และสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่น
“ขอน้อมรับคำสั่งของผู้อาวุโส!”
เหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นต่างก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของผู้อาวุโสเป่ยซาน และได้รีบก้มหัวคารวะหลังจากที่ได้ยินการประกาศนี้
เหยียนเทียนหรานก็ได้รู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้นไปอีก จึงได้รีบคุกเข่าก้มหัวให้ผู้อาวุโสเป่ยซาน “ขอบพระคุณผู้อาวุโส! ขอบพระคุณผู้อาวุโส! ข้าเหยียนเทียนหรานขอสาบานว่าจากนี้ต่อไป ข้าจะทำตามที่ผู้อาวุโสสั่งทุกประการโดยไม่ละเลยแม้แต่นิดเดียว และขอผู้อาวุโสได้โปรดวางใจข้าจะนำพาตระกูลเหยียนให้กลับกลายเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง และจะไม่มีคนในตระกูลที่จะทรยศตระกูลเหยียนอีกต่อไป!”
ในขณะที่เขาก้มหัวให้ผู้อาวุโสเป่ยซาน เหยียนเทียนหรานก็ได้สาบานต่อผู้อาวุโสเป่ยซานและพูดด้วยความมั่นใจ
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ผงกหัวเบาๆ แล้วจากนั้นก็กล่าวกับเหยียนเทียนหราน “เจ้าออกไปก่อน! แล้วพรุ่งนี้จะประกาศเรื่องของการแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้นำตระกูลคนใหม่ ข้าหวังว่าเจ้าจะเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม!”
“เทียนหรานเข้าใจแล้ว ขอขอบพระคุณผู้อาวุโสที่เมตตา!”
หลังจากที่เหยียนเทียนหรานผงกหัวให้ผู้อาวุโสเป่ยซาน เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่เหยียนเทียนหรานออกจากห้องไป ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้หันมามองเหยียนเจิ้นตง แต่ในขณะที่เขากำลังจะประกาศเรื่องของบทลงโทษของเขากับเหยียนเจิ้นตงอยู่นั้นเอง ก็ได้มีคนในตระกูลเหยียนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ และรายงานต่อผู้อาวุโสเป่ยซานกับคนอื่นๆอย่างร้อนรน “แย่แล้วครับท่านผู้อาวุโส! เย่เย่ได้บุกเข้ามาถึงหน้าประตูบ้านสกุลเหยียนแล้วครับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งผู้อาวุโสเป่ยซานและพวก เหยียนเจิ้นตงต่างก็ดวงตาเบิกโพลงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แล้วผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเดินไปที่ประตูห้องและพูดอย่างหนาวเย็น “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเย่เย่คงยังไม่ยอมจากไปง่ายๆแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าเขาจะกล้ากลับมาเร็วขนาดนี้! ดี!วันนี้ข้าจะกำจัดต้นตอของปัญหาให้สิ้นซาดเสียทีเดียว!”
ถึงแม้ว่าพวกเหยียนเจิ้นตงนั้นจะไม่ได้รุนแรงเหมือนกับผู้อาวุโสเป่ยซาน แต่พวกเขาก็ตกใจพอๆกันกับท่าทีนี้ของเย่เย่ และได้รีบตามผู้อาวุโสเป่ยซานออกไปข้างนอกห้องและรีบไปยังที่ประตูใหญ่
ในเวลานี้ที่ประตูใหญ่ของบ้านหลักสกุลเหยียน เย่เย่นั้นได้จัดการคนของตระกูลเหยียนที่มาขวางทางเขาไปมากมายแล้ว และปรากฏตัวในอาณาเขตของตระกูลเหยียนอย่างอลังการ
“บอกให้ผู้อาวุโสเป่ยซานออกมา! วันนี้ข้าจะสะสางเรื่องนี้กับเขาให้รู้เรื่อง!”
เย่เย่ก็ได้วางมาดใหญ่โตเดินเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลเหยียน ในขณะเดียวกันก็ได้ตะโกนบอกคนใน ตระกูลเหยียนที่อยู่รอบๆด้วยท่าทีที่โอหังอย่างสุดๆ
คนของตระกูลเหยียนที่มาล้อมเขาส่วนใหญ่นั้นมีวรยุทธ์ไม่เกินจอมเทพ จึงไม่สามารถทำอันตรายอะไรเย่เย่ได้แม้แต่น้อย ตลอดทางที่เย่เย่เดินมาจึงได้ไม่มีใครที่สามารถรั้งให้เขาอยู่ที่ได้เลย
“เย่เย่เจ้าอย่ามาทำเป็นอวดดีนะ! อีกไม่ช้าผู้อาวุโสก็จะมาแล้ว และเจ้าจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องสักแอะแน่!”
ชายหน้าดำคนหนึ่งในตระกูลเหยียนนั้นจงรักภักดีต่อ เหยียนเทียนหราน จึงได้ไม่ชอบเย่เย่กับเหยียนลี่หยางอย่างมาก และในคราวนี้เขาก็ได้เข้าสู้กับเย่เย่อย่างเปิดเผยและกล่าวดูถูก เย่เย่
เย่เย่ก็ได้หยุดหลังจากที่ได้ยินเสียงของเขา แล้วหันหน้ามาและจ้องไปที่ชายหน้าดำที่กล่าวดูถูกเขาเมื่อสักครู่อย่างดุดัน พร้อมด้วยรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าของเขา
“เจ้าอยากจะเห็นข้าร้องอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเจ้าไม่มาร้องให้ข้าดูก่อนล่ะ ข้าจะได้รู้ไงว่าคนที่ถูกอัดจนร้องน่ะมันเป็นอย่างไร!”
ทันทีที่เย่เย่พูดจบเขาก็ได้พุ่งเข้าไปหาชายหน้าดำทันที ชายหน้าดำนั้นมีวรยุทธ์อยู่แค่ระดับสูงสุดจอมเทพเท่านั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคู่มือให้เย่เย่ได้ เมื่อเขาเห็นเย่เย่พุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว ใบหน้าที่ดำของเขาก็ได้ซีดเผือดกลายเป็นสีขาวด้วยความกลัวทันที
“เจ้า! อย่าได้ย่ามใจไปนัก! ที่นี่คือตระกูลเหยียน ตระกูลอันดับหนึ่งในดินแดนเทียนหนาน! หากเจ้าทำให้ผู้อาวุโสของเราโกรธเมื่อไรผลที่ตามมาจะต้องสาหัสแน่!”
ชายหน้าดำก็ได้ถอยออกมาและขู่เย่เย่ โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเย่เย่เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เย่เย่ได้พุ่งเข้ามาหาชายหน้าดำ เขาก็ได้คว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าสีดำของเขา!
เพียะๆๆๆๆ!
ในชั่วพริบตา ชายหน้าดำก็ได้ถูกเย่เย่ตบจนกลายเป็นหัวหมูทันที
แต่ชายหน้าดำก็อึดอยู่เหมือนกัน เขาได้พยายามอดกลั้นที่จะไม่ร้องเอาไว้ได้ ชายหน้าดำซึ่งบวมกลายเป็นหัวหมูไปแล้วนั้นก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไร้คนเทียบได้ของเขา
เมื่อคนในตระกูลเหยียนคนอื่นๆเห็นเช่นนี้ก็ได้รู้สึกประทับใจขึ้นมา แล้วพวกเขาก็ได้กำหมัดแน่นและตะโกนเชียร์เขา เสียงร้องเชียร์และปลุกใจก็ได้ดังก้องไปทั่วทั้งอาณาเขตของบ้านสกุลเหยียน
“หมูแกร่งสู้เขา!”
“หมูแกร่งอย่าร้องนะ!”
“หมูแกร่ง พวกเราเชียร์เจ้าอยู่นะ!”
บางทีเป็นเพราะภาพลักษณ์ของชายหน้าดำในเวลานี้ได้ทำให้พวกเขารู้สึกประทับใจ เมื่อเหล่าคนของตระกูลเหยียนได้พากันร้องเชียร์เขานั้น พวกเขาก็ได้ตั้งฉายาให้ว่า“หมูแกร่ง”ขึ้นมา
“หมูแกร่งงั้นเหรอ? ฟังดูเป็นฉายาที่เหมาะสมกับเจ้าดีนะ! ดูเหมือนว่าเจ้าคงไม่สามารถหนีพ้นฉายานี้ไปได้ตลอดชีวิตแล้วล่ะ!”
เย่เย่ก็ได้จ้องไปที่ชายหน้าดำที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความเห็นอกเห็นใจ แล้วจากนั้นก็ได้วางเขาลงราวกับเบื่อเขาแล้ว
ชายหน้าดำก็ได้มองแผ่นหลังของเย่เย่ที่ค่อยๆเดินจากไป แล้วน้ำตาที่ขมขื่นก็ได้เริ่มหลั่งรินออกมาจากขอบตาของเขา และในขณะเดียวกันก็ได้ก่นด่าใส่เย่เย่ “ไอ้สารเลว มันเป็นความผิดของเจ้าไม่ใช่รึไงเล่า!”
ที่บ้านหลักสกุลเหยียนนั้น เย่เย่ก็ได้เดินไปยังห้องโถงใหญ่ ซึ่งเป็นทางที่พวกอาวุโสเป่ยซานกำลังมุ่งหน้ามา
จึงได้ใช้เวลาไม่นานนักที่เขาจะโผล่มาตรงหน้าของพวกผู้อาวุโสเป่ยซาน มองไปที่สีหน้าตกใจและสงสัยของ ผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว เย่เย่ก็ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานด้วยสีหน้าเยือกเย็นและกล่าวขึ้นมา “ปล่อยเหยียนลี่หยางออกมา แล้วข้าจะกลับไปแต่โดยดี และจะไม่กลับมาเหยียบบ้านสกุลเหยียนอีก!”
“เจ้าคิดว่าจะออกไปโดยที่ข้าไม่อนุญาตได้อย่างนั้นเหรอ?”
ผู้อาวุโสนั้นได้เล็งเห็นเย่เย่นั้นเป็นเหมือนปัญหาที่ร้ายแรง และคิดที่จะกำจัดเขาโดยไวที่สุด จะให้เขาปล่อยเย่เย่ไปง่ายๆได้อย่างไร?
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเย่เย่นั้นไปเอาความกล้าหาญมาจากไหนถึงได้กล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าเขาเช่นนี้ แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้แอบสาบานไว้ว่าจะไม่ปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก และจะต้องจัดกับเก็บเย่เย่เสียที่ภูเขาเหยียนเป่ยในวันนี้ให้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดที่แฝงเจตนาสังหารโดยไม่ปิดบังของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว เย่เย่ก็รู้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะพูดพร่ำทำเพลงกันต่อไป และหลังจากที่ถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาก็ได้ชี้ไปที่ผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วกล่าว “ถ้าหากคิดว่ามีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้ ก็ลองมาไล่จับข้าให้ได้แล้วค่อยพูดอีกทีก็แล้วกัน!”
ฟิ้ว!
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เย่เย่ก็ได้ใช้พลังปราณมังกรไปไว้ที่ขาของเขา แล้วตัวของเขาก็ได้หายลับตาของทุกคนไปในทันที และได้วิ่งลึกเข้าไปในเขาเหยียนเป่ย
“เป็นแค่ตั๊กแตนแต่คิดจะหยุดเกวียน ช่างไม่รู้จักประมาณตัวเอง!”
ผู้อาวุโสเป่ยซานที่พอจะเดาได้ว่าเย่เย่นั้นจะต้องล่อเขาไปเจอกับดักเป็นแน่ แต่เขาก็เชื่อว่าเมื่อต้องเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงแล้วลูกไม้ต่างๆก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป หลังจากที่กล่าวดูถูกเย่เย่เสร็จเขาก็ได้วิ่งตามลึกเข้าไปในภูเขาเหยียนเป่ยทันที
พวกเหยียนเจิ้นตงก็ได้มองไปยังทิศทางที่ทั้งสองคนจากไป และไม่รู้ว่าพวกเขาควรจะตามผู้อาวุโสเป่ยซานไปล่าเย่เย่ดี หรือจะอยู่ที่บ้านสกุลเพื่อจัดการเก็บกวาดความวุ่นวายนี้ดี แต่พอคิดได้ว่าวรยุทธ์ของผู้อาวุโสเป่ยซานที่อยู่ในระดับสูงสุดของจักรพรรดิเทพแล้ว พวกเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะไปช่วยผู้อาวุโสเป่ยซาน และพยายามที่จะลดความเสียหายที่เกิดจากเย่เย่บุกตระกูลเหยียนแทน
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากที่เหยียนเทียนหรานออกมาจากห้องโถงใหญ่แล้ว เขาก็ยังไม่ได้กลับไปยังที่พักของเขา แต่ได้มุ่งหน้าไปที่คุกที่ที่เหยียนลี่หยางถูกคุมขังเอาไว้แทน
เมื่อคนของตระกูลเหยียนที่คอยดูแลคุกเปิดประตูกรงที่เหยียนลี่หยางไว้ออกมา เหยียนเทียนหรานก็ได้ให้คนที่อยู่รอบๆออกไปก่อนต้องการที่จะอยู่ในคุกกับเหยียนลี่หยางที่ถูกจับเอาไว้เพียงลำพัง
ในเวลานี้เหยียนลี่หยางได้ถูกจับมัดไว้กับเสาไม้และ โซ่เหล็กที่ทำมาเป็นพิเศษ ตัวของเขาถูกจับมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา มีเพียงหัวเท่านั้นที่พอจะขยับได้
และเพราะเขาที่ได้พยายามเต็มที่เพื่อเข้าขัดขวางผู้อาวุโสเป่ยซานก่อนหน้านี้ เหยียนลี่หยางจึงได้บาดเจ็บสาหัส และจากตอนนั้นมาทางตระกูลเหยียนก็ยังไม่ได้มีการรักษาใดๆให้กับเขาเลย จึงได้ทำให้สภาพของเหยียนลี่หยางในเวลานี้อ่อนแออย่างสุดๆ ถูกจับมัดเอาไว้กับเสาไม้ในสภาพที่กึ่งเป็นกึ่งตาย