ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 372 ลงโทษ
บทที่ 372
ลงโทษ
“อะไร? พวกเราตระกูลเหยียนจำเป็นจะต้องรายงานเจ้าด้วยเหรอว่าจะจัดการเช่นไรกับเรื่องในตระกูลน่ะ?”
แต่ทว่าในเวลานี้ผู้อาวุโสเป่ยเซียนนั้นกำลังโกรธจัด และหลังจากที่ได้ยินคำถามของเย่เย่แล้ว เขาก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่หนาวเย็นราวกับว่าเขานั้นดูหมิ่นเย่เย่อย่างสุดๆ
เย่เย่นั้นคิ้วขมวด แต่เพราะความเผด็จการและอารมณ์ที่ไม่คงที่ของอีกฝ่ายแล้ว ทำให้เขาเลือกที่จะอดทน
ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้แล้วจากนั้นก็ได้พาเหยียนลี่หยางไปจำคุก ส่วนเย่เย่นั้นไม่คิดที่จะห้ามพวกเขาและคิดที่จะใช้เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นพยายามอย่างเต็มที่ในการฟื้นคืนอิสรภาพของเหยียนลี่หยางทีหลัง
หลังจากที่เรื่องนี้จบลง เหล่าผู้ชมรอบๆลานกว้างก็ได้พากันแยกย้ายเช่นกัน
พวกเขานั้นคาดหวังที่จะได้เห็นการสู้กันของยอดฝีมือในตระกูลระดับสูง แต่ทว่าพวกเขากลับต้องมาเป็นพยานรู้เห็นความขัดแย้งภายในของตระกูลเหยียนเสียเอง แต่ทว่าจากความแข็งแกร่งของเหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยแล้ว ก็พบว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียนนั้นน่ากลัวมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้
ถ้าหากคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนนั้นสามารถทำให้เหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยเชื่อง และให้พวกเขายอมรับใช้ตระกูลเหยียนอย่างเต็มใจได้แล้ว เมื่อนั้นความรุ่งเรืองของตระกูลเหยียนนั้นก็แทบจะเรียกได้ว่าอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น ในทางกลับกันอนาคตที่ตกต่ำของตระกูลเหยียนก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน อย่างไรเสียหากว่าจัดการกับเรื่องในตระกูลของตัวเองยังไม่ได้แล้ว ในอนาคตตระกูลเหยียนนั้นจะยังเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในดินแดนเทียนหนานได้อยู่หรือเหล่าก็ยังไม่รู้เลย
ผู้อาวุโสเป่ยซานกับพวกเหยียนเจิ้นตงนั้นก็ยังสงสัยเรื่องนั้นในเวลานี้
การต่อสู้กันเองในตระกูลเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อตระกูลเหยียนอย่างมากแน่ ดังนั้นเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลจึงต่างก็รู้สึกหนักอึ้ง และเริ่มระดมสมองเพื่อคิดหาทางออกของเรื่องนี้
และยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่จัดการเรื่องของ เหยียนลี่หยางนั้นก็ปวดหัวเต็มทีแล้ว ถึงแม้ว่าการขัดคำสั่งผู้อาวุโสเป่ยซานของเหยียนลี่หยางนั้นจะน่าตกใจแล้ว แต่ในขณะเดียวกันทุกคนเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทั้งพลังและความสามารถของเหยียนลี่หยางนั้นไร้เทียมทาน
ถ้าหากว่าจัดการตามกฎของตระกูลแล้ว เหยียนลี่หยางก็คงจะหมดสิ้นหนทางในอนาคต และตระกูลเหยียนก็จะสูญเสียอัจฉริยะที่จะมานำพาความรุ่งเรืองของตระกูลเหยียนไป แต่ถ้าหากยกโทษให้เขาง่ายๆแล้ว มันก็จะกลายเป็นกรณีตัวอย่างให้กับเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูล เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นจึงไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดีไปสักพักใหญ่
แต่ทว่าท่ามกลางความประหลาดใจของทุกคน ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะได้ตัดสินใจเรื่องนี้เอาไว้นานแล้ว วันต่อมาเขาก็ได้เรียกให้มาประชุมกันที่บ้านหลักสกุลเหยียนในภูเขาเหยียนเป่ย และประกาศบทลงโทษของเหยียนลี่หยาง
“ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลเหยียนแล้ว เหยียนลี่หยางนั้นได้ขัดคำสั่งของผู้อาวุโสซ้ำแล้วซ้ำอีก ข้าจึงขอประกาศว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป ให้เขาหันหน้าให้กับกำแพงและใคร่ครวญถึงเรื่องนี้อยู่ในคุก และห้ามไม่ให้ใครปล่อยเขาออกมาเป็นเวลา 10 ปี!”
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้มองไปที่คนในตระกูลเหยียนที่อยู่ในห้องนั้น ส่วนเย่เย่ก็ได้ตามเหยียนเจิ้นตงเข้ามาในห้องด้วย แล้วจากนั้นก็ได้บอกถึงการตัดสินโทษของเขาด้วยน้ำเสียงห้ามคัดค้านอะไรทั้งนั้น
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ก็ได้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาในห้องนั้น
ถึงแม้ว่าเหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นจะคิดไว้อยู่แล้วว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นคงไม่ปล่อยเหยียนลี่หยางไปเป็นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะลงโทษเหยียนลี่หยางอย่างสาหัสเช่นนี้ อย่างที่รู้กันว่าเหยียนลี่หยางในเวลานี้นั้นอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการขึ้นสู่ระดับจักรพรรดิเทพ ถ้าหากว่าไม่อนุญาตให้เขาฝึกวิชาขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้ภายใน 10 ปีนี้แล้ว ก็เกรงว่าในอนาคตนั้น เหยียนลี่หยางก็คงจะหมดโอกาสที่จะพัฒนาวรยุทธ์ไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว
การตัดสินโทษนี้ของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการทิ้งเหยียนลี่หยางไป หลังจากที่ได้เช่นนี้เหยียนเจิ้นตงและพวกเหยียนเสียอวิ๋นจึงได้พากันรีบลุกขึ้น และต่างก็ช่วยกันพยายามเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสเป่ยซาน
“ท่านผู้อาวุโส ลี่หยางก็แค่สับสนตามประสาวัยรุ่นเท่านั้นเอง ตระกูลเหยียนของพวกเรานั้นอุตส่าห์มีผู้สืบทอดชั้นดีทั้งที พวกเราจะทิ้งเขาไปง่ายๆเช่นนี้ไม่ได้!”
เหยียนเจิ้นตงก็ได้ลงไปคุกเข่าต่อหน้าผู้อาวุโสเป่ยซานก่อนใคร แล้วขอร้องเขาอย่างจริงใจเพื่อคืนอิสรภาพและให้โอกาสเหยียนลี่หยางอีกสักครั้ง
“ใช่แล้วท่านผู้อาวุโส! สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็แค่เป็นผลสืบเนื่องมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในกาลก่อนเท่านั้น ข้าเชื่อว่าต่อจากนี้ไปเหยียนลี่หยางนั้นจะไม่ขัดคำสั่งของท่านผู้อาวุโสเพียงเพราะเรื่องอื่นๆอีกแน่นอน ได้โปรดให้โอกาสกับเขาอีกครั้งด้วย!”
เหยียนเสียอวิ๋นก็ได้คุกเข่าลงไปเช่นกัน เมื่อเห็น 2 คนในระดับสูงของตระกูลได้พากันช่วยขอร้องให้เหยียนลี่หยางโดยไม่เห็นแก่หน้าของตัวเองเช่นนี้ ก็ได้ทำให้เหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนพากันประทับใจขึ้นมาทันที
“ข้าวิงวอนให้ท่านผู้อาวุโสได้โปรดคืนอิสรภาพให้กับ เหยียนลี่หยางด้วย”
“ในอนาคตลี่หยางจะต้องไม่ล่วงเกินท่านผู้อาวุโสอย่างแน่นอน!”
“ขอผู้อาวุโสจงได้โปรดให้โอกาสเขาอีกครั้งด้วย!”
แล้วเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียนก็ได้พากันคุกเข่าลงต่อหน้าผู้อาวุโสเป่ยซานแล้วขอร้องให้เหยียนลี่หยางอย่างจริงใจ และเปิดเผยความในใจที่ต้องการจะปกป้อง เหยียนลี่หยางออกมา
ส่วนเหยียนเทียนหรานกับเย่เย่ที่อยู่ไม่ไกลนั้นแม้จะมีสีหน้าที่ต่างกันออกไป แต่ทว่าพวกเขาต่างก็ตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้าพวกเขา ซึ่งดวงตาของเย่เย่ก็ได้เต็มไปด้วยความใจ ในขณะที่ใบหน้าเหยียนเทียนหรานนั้นกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา
“ท่านผู้อาวุโส ข้าคิดว่าเหยียนลี่หยางนั้นได้กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนไม่เห็นกฎของตระกูลอยู่ในสายตา ถ้าหากว่าในคราวนี้เรายกโทษให้เขาง่ายๆ ไม่เพียงแต่เขาจะกระทำผิดซ้ำอีกในอนาคตแต่จะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูกหลานตระกูลเหยียนคนอื่นๆอีกด้วย ดังนั้นข้า เหยียนเทียนหรานขอสนับสนุนการตัดสินใจของท่านผู้อาวุโส เหยียนลี่หยางจะต้องชดใช้อย่างหนักในสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป!”
หลังจากที่เหยียนลี่หยางครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็ได้กัดฟันฝืนทนแล้วเดินมาข้างหน้าและพูดสนับสนุนการตัดสินโทษของผู้อาวุโสเป่ยซานให้ลงโทษเหยียนลี่หยางให้หนักโดยเสี่ยงที่จะถูกเขม่นโดยเหล่าคนในระดับสูงของตระกูลเหยียน
เดิมทีหลังจากที่ใช้วิชาลับกายลุกโชนแล้ว เหยียนเทียนหรานนั้นจะต้องลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้ไปหลายเดือน แต่พอเขารู้จากลิ่วล้อของเขาว่าจะมีการตัดสินโทษของเหยียนลี่หยางแล้ว เขาก็ได้ซื้อยารักษาที่ดีที่สุดมาทันที ซึ่งหลังจากฟื้นคืนจากการบาดเจ็บแล้ว เขาก็ได้กลับมาปรากฏตัวอีก โดยมุ่งหวังที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากเรื่องในครั้งนี้
พอเขาได้ยินว่าผู้อาวุโสเป่ยซานคิดที่จะขังเหยียนลี่หยางเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เหยียนเทียนหรานก็ได้ดีใจอย่างมาก ในขณะเดียวกันกับที่เขาแสดงการสนับสนุนผู้อาวุโสเป่ยซานอยู่นั้น ก็ได้เกิดความโลภขึ้นมาและจ้องมองไปที่กระบี่วิเศษที่วางอยู่ข้างๆที่นั่งของผู้อาวุโสเป่ยซาน ราวกับกำลังคิดว่าจะเอากระบี่วิเศษเล่มนั้นมาอยู่ในครอบครองของตัวเองอย่างไรดี
กระบี่วิเศษที่วางอยู่ข้างๆที่นั่งของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็คือกระบี่วิเศษเจ็ดดาราสะท้านฟ้าที่เหยียนลี่หยางใช้ในงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลนั่นเอง หลังจากที่เหยียนลี่หยางถูกจับกุมอยู่ในคุกของตระกูลเหยียนนั้น กระบี่วิเศษของเขาก็ได้ถูกส่งมอบให้แก่ผู้อาวุโสเป่ยซานโดยคนในระดับสูงของ ตระกูลเหยียน
ซึ่งนอกจากจะมาช่วยขอความเมตตาให้กับ เหยียนลี่หยางแล้ว ที่เย่เย่มาที่ห้องนี้ในเวลานี้ด้วยนั้นก็ตั้งใจที่จะกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพของเหยียนลี่หยางคืนกลับมา แต่จากในสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับเย่เย่ที่จะประสบความสำเร็จได้
“พวกเจ้าทุกคนลุกขึ้น! ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วไม่ว่าพวกเจ้าจะพูดเช่นไรก็เปล่าประโยชน์!”
ในห้องนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้หันหน้าหนีโดยปราศจากซึ่งการหันมองมาที่เหยียนเจิ้นตงและพรรคพวกที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา
และในขณะเดียวกันเขาก็ได้กวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่อยู่ข้างๆเขาอยู่พักหนึ่ง แล้วก็โยนเข้ามือ เหยียนเทียนหรานที่อยู่ไม่ไกลให้ไป
“กระบี่วิเศษเล่มนี้ไม่เลว แต่นั่นเปล่าประโยชน์สำหรับข้า ในเวลานี้ข้ายกให้เจ้าก็แล้วกัน! ข้าหวังว่าเจ้าในฐานะนายน้อยของตระกูลเหยียนจะไม่สร้างความอับอายให้กับตระกูลเหยียนเหมือนเมื่อครั้งก่อนอีก!”
เพราะเหยียนลี่หยางกับเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่ได้จงใจออมมือให้กันในการประลองยุทธ์ ทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ได้ประกาศให้เหยียนเทียนหรานเป็นผู้ชนะเลิศในการประลองยุทธ์ประจำตระกูลในครั้งนี้ หรือคิดที่จะมอบยาอุษาชาดให้เขาเป็นของรางวัลแต่อย่างใด
แต่ทว่าในขณะที่เหยียนลี่หยางถูกคุมขังอยู่นั้น ตระกูลเหยียนนั้นจำเป็นจะต้องมีทายาทที่ทรงพลังเพื่อมารับหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูล ดังนั้นผู้อาวุโสเป่ยซานจึงได้ตั้งใจที่จะมอบกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพให้กับเหยียนเทียนหรานเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ เหยียนเทียนหราน
“ขอขอบพระคุณท่านผู้อาวุโสมาก! ข้าเทียนหรานจะไม่ทำให้ท่านผู้อาวุโสต้องผิดหวัง ขอให้ท่านผู้อาวุโสโปรดจงวางใจ!”
เหยียนเทียนก็ได้รีบรับกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพที่ลอยมาหาเขา ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ และในขณะที่กำลังแสดงความขอบคุณผู้อาวุโสเป่ยซานอยู่นั้น ดวงตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่กระบี่เจ็ดดาราที่อยู่ในมือของเขาอย่างไม่ห่างสายตา ราวกับว่าในโลกนี้นอกจากกระบี่ในมือของเขาแล้วก็ไม่มีที่ว่างให้อะไรอย่างอื่นอีก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นพลังของกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพด้วยต่อของตัวเอง แต่เหยียนเทียนหรานก็ได้ยินมาจากลูกน้องของเขาว่าเหยียนลี่หยางนั้นใช้กระบี่เจ็ดดาราต้านทานผู้อาวุโสเป่ยซานได้ ทำให้เขาคิดว่าที่เหยียนลี่หยางนั้นทรงพลังมากถึงขนาดนั้นเป็นเพราะว่าเขามีกระบี่วิเศษเล่มนี้อยู่ในครอบครอง จึงทำให้เหยียนเทียนหรานนั้นหมายปองกระบี่เจ็ดดาราอย่างมาก
ถึงแม้ว่าคำพูดของผู้อาวุโสเป่ยซานเมื่อสักครู่นั้นจะดูน่าเกลียดสักหน่อย และทำให้เหยียนเทียนหรานนั้นรู้สึกอับอาย แต่ในเมื่อเขาได้กระบี่เจ็ดดารามาแล้ว กว่าไม่พอใจทั้งหมดของ เหยียนลี่หยางนั้นก็ได้หายไปในทันที และรู้สึกซาบซึ้งในความกรุณาและการสนับสนุนของผู้อาวุโสเป่ยซานจากเบื้องลึกในหัวใจของเขา
ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นพบว่า ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่สนใจในคำขอร้องของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย และคิดที่จะสนับสนุนให้เหยียนเทียนหรานขึ้นมาแทนที่ เหยียนลี่หยางอีก ทำให้พวกเขาได้ลุกขึ้นยืนด้วยความท้อแท้
ทุกคนต่างก็มองหน้ากันเองแล้วก็รู้สึกเสียใจกับจุดจบของเหยียนลี่หยางขึ้นมา แต่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็เปรียบเสมือนสมมติเทพในตระกูลเหยียน หากว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้ตัดสินใจใดๆไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขานั้นจะพยายามเช่นไรก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงผลสรุปในเรื่องนี้ได้แล้ว และใบหน้าของพวกเขาต่างก็เต็มไปด้วยความผิดหวังออกมาอย่างไม่ปิดบัง
แต่ทว่าเย่เย่นั้นไม่คิดที่จะให้เรื่องนี้จบลงเช่นนี้ ซึ่งอย่าว่าแต่เรื่องที่จะคุมขังเหยียนลี่หยางไว้ในบ้านสกุลเหยียนแล้วเลย แม้แต่กระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพนั้น เย่เย่ก็ได้มีความคิดที่จะเอากลับมาจากเหยียนเทียนหรานคืนมาทันที
“ผู้อาวุโสเป่ยซาน ถึงแม้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของตระกูลเหยียนของท่าน แต่ในฐานะเพื่อนของเหยียนลี่หยางแล้ว ตัวข้านั้นไม่อาจที่นั่งอยู่เฉยๆและมองดูเพื่อนของตัวเองถูกคุมขังได้ ดังนั้นข้าจึงได้หวังให้ผู้อาวุโสเป่ยซานได้โปรดคืนอิสรภาพให้แก่เขาด้วย! และตัวท่านก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอากระบี่วิเศษของ เหยียนลี่หยางไปด้วย จนกว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะได้อิสรภาพคืนกลับมา กระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพเล่มนั้นควรที่จะให้ข้าเป็นผู้ดูแลจะเป็นการดีกว่า!”
เพราะเดิมทีผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็มีท่าทีไม่สนใจเย่เย่อยู่แล้ว และรวมกับที่เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกได้คุกเข่าขอความเมตตาแล้ว ก็ยังไม่อาจทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานเปลี่ยนใจได้ ดังนั้นแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาเสียหน้า กลับกันเขาก็ได้แสดงความไม่พอใจต่อเขาในลักษณะของการประท้วง
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ในห้องนั้นก็ได้เงียบกริบแม้แต่เสียงเข็มตกก็ยังดังก้องไปทั่วทั้งห้องนั้น
เหยียนเจิ้นต้งกับพรรคพวกก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยความตกใจ แม้แต่พวกเขานั้นก็ไม่คิดว่าเย่เย่นั้นจะอาจหาญถึงระดับนี้ เหยียนเจิ้นตงก็ได้รู้สึกผิดขึ้นมาที่พาเย่เย่เข้ามาห้องนี้ เพราะหากว่าเย่เย่นั้นได้ต่อต้านผู้อาวุโสเป่ยซานขึ้นมาสักครั้งแล้ว ก็คงได้เกิดสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างทั้งสองฝ่ายแน่
ถ้าหากเย่เย่ทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานโกรธขึ้นมาจริงๆ ก็เป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าเย่เย่ให้ตายคาที่นี่ ดังนั้นเหยียนเจิ้นตงก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยความกังวล และส่งสายตาให้เย่เย่นั้นรีบขอโทษผู้อาวุโสเป่ยซาน
แต่ทว่าเย่เย่นั้นกลับยังคงนิ่งเฉย หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้นจบเขาก็ได้มองไปที่แผ่นหลังของผู้อาวุโสเป่ยซานโดยไม่แสดงออกถึงความอ่อนแอให้เห็น และเหมือนจะหลงลืมไปว่าอีกฝ่ายนั้นคือยอดฝีมือระดับสูงสุดจักรพรรดิเทพ
“งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นจากที่เจ้าว่ามา ข้าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์เช่นนี้?”
ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่เย็นราวกับน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าเขานั้นจะยังไม่ได้ลงมือกับ เย่เย่ทันที แต่เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกนั้นก็รู้จักนิสัยของผู้อาวุโสเป่ยซานดี และรับรู้ได้ทันทีว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้มาถึงจุดเดือดแล้วในเวลานี้ ขอเพียงเย่เย่นั้นทำอะไรให้เขาไม่พอใจแม้เพียงนิดหน่อย บางทีผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็คงจะลงมือจัดการเก็บเย่เย่เสียที่นี่ไปตลอดกาล