ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 370 แผนการ
บทที่ 370
แผนการ
“แย่แล้ว!”
“ไม่ดีแน่!”
“ระวังด้วยลี่หยาง!”
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว เย่เย่, เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกก็ได้พลันร้องอุทานด้วยความตกใจ มีเพียงผู้อาวุโสเป่ยซานที่มีสีหน้ามืดมนและไม่พูดอะไรออกมาในขณะที่มองไปที่ เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่บนเวที
แต่เหยียนเจิ้นตงที่อยู่ข้างๆเขานั้นก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นเหมือนกำลังพยายามอดทนอยู่อย่างสุดๆ ขอเพียงการโจมตีของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นรุนแรงมากไปกว่านี้แล้ว เมื่อถึงขั้นจะเอาชีวิตของเหยียนลี่หยางจริงๆแล้ว ตัวเขาก็จะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้นี้ทันทีและลบตัวตนของเหยียนเสี่ยวเฟยให้หายไปทันที
สิ่งที่เหยียนเสี่ยวเฟยกล่าวออกมาบนเวทีนั้นเป็นความจริง ในตอนที่เหยียนลี่หยางได้ทราบความจริงแล้วกลับมาที่บ้านสกุลเหยียนจากดินแดนบรรพชนนั้น ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ส่งคนของเขาไปยังดินแดนบรรพชนเพื่อสังหารเหยียนเสี่ยวเฟย
อันดับแรกคือตัวเขานั้นไม่ต้องการที่จะให้ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นกลายเป็นปมของเหยียนลี่หยางและมีอิทธิพลต่อการฝึกวิชาของเหยียนลี่หยางในอนาคต และอีกเหตุผลคือความกลัวของผู้อาวุโสเป่ยซานที่มีต่อตัวเหยียนเสี่ยวเฟยเอง
เพราะผู้อาวุโสเผ่ยซานนั้นคิดว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคงจะมีชีวิตรอดอยู่แค่ไม่กี่วันหลังจากที่ดึงเอาพลังวิญญาณของเขาออกมาแล้ว และจองจำเขาอยู่ในดินแดนบรรพชนและปล่อยให้ดูแลตัวเอง แต่เขาก็ไม่นึกว่าความต้องการที่จะมีชีวิตรอดของ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะแรงกล้ามากจนทำให้เขายังไม่ตายในอีกไม่กี่เดือนต่อมา และสามารถบอกความจริงแก่เหยียนลี่หยางได้
เมื่อถึงเวลานั้นผู้อาวุโสเป่ยซานที่รู้สึกได้ว่าหากปล่อยให้เหยียนเสี่ยวเฟยมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ก็อาจจะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงกับตระกูลเหยียนได้ เขาจึงได้ส่งคนไปยังดินแดนบรรพชนเพื่อสังหารเขาเสีย
เพียงแต่ผลที่ตามมานั้นไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้อาวุโสเป่ยซานคาดคิดเอาไว้ เหยียนเสี่ยวเฟยที่รู้สึกได้ถึงหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา ก็ได้หลบหนีออกจากดินแดนบรรพชนไปก่อน แล้วนับจากนั้นมาตัวเขาก็ได้หายสาบสูญไปจากสายตาของคนในตระกูลเหยียนทุกคน จนหลายปีผ่านไปลางสังหรณ์ของ ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นก็ได้กลายเป็นจริงขึ้นมา เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ตายแล้วกลับกันตัวเขาก็ได้โชคดีและกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรวิญญาณขึ้นมา
แต่ไม่ว่าจะเพื่อตระกูลเหยียนหรือเพื่อตัวเขาเองก็ตามที ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะปล่อยให้ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นได้ยาอุษาชาดและบรรลุขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพได้โดยเด็ดขาด นั่นคือสาเหตุที่เขาได้บังคับให้เหยียนลี่หยางจะต้องสู้เหยียนเสี่ยวเฟย ในเวลานี้ท่าทีของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้เหนือความคาดหมายของผู้อาวุโสเป่ยซานอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้ผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นเลิกสนใจเรื่องของกฎของงานประลองยุทธ์ประจำตระกูลไปแล้ว และคิดที่จะลงมือทันทีที่สถานการณ์มาถึงและจัดการลบเหยียนเสี่ยวเฟยให้หายไปจากโลกนี้!
บนเวที เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้ควบคุมกระบี่สีทองบังคับให้เหยียนลี่หยางลงไปที่พื้น แล้วจากนั้นก็ได้ชี้ไปที่กระบี่สีทองอีกหน
ฟิ่ว!
แล้วกระบี่สีทองก็ได้ถอยห่างออกจากเหยียนลี่หยางแล้วลอยขึ้นฟ้าไปแล้วพุ่งขึ้นฟ้าไปแล้วจากนั้นค่อยหันกลับมาแล้วเล็งปลายกระบี่มาที่เย่เย่ที่อยู่ด้านล่าง
ตูม!
พลังปราณในอากาศจากทั่วทั้งลานกว้างก็เหมือนกับจะถูกดึงดูดเข้ามาแล้วเข้ามารวมตัวกันอยู่ในกระบี่สีทอง และเมื่อพลังที่มองไม่เห็นในอากาศได้มารวมตัวกันก็ได้ทำให้ท้องฟ้าในบริเวณลานกว้างก็ได้เปลี่ยนสีและมีบรรยากาศกดดันเข้าห้อมล้อมหัวใจของทุกคนที่อยู่ด้านล่างของเวทีทันที
“ทำลาย!”
แล้วในชั่วขณะนั้นเอง เหยียนลี่หยางที่ได้สติคืนกลับมาก็ได้รีบกวัดแกว่งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพต้านรับกระบี่สีทองและโจมตีกลับไป
แก๊ง!
เกิดเป็นแสงส่องสว่างออกมาจากตรงที่กระบี่ทั้งสองเล่มปะทะกัน ทำให้เหล่าผู้ชมในลานกว้างพากันปิดตาทันทีเพื่อหลบเลี่ยงแสงจ้าที่เข้ามาแยงตา
ส่วนตัวเหยียนลี่หยางเองก็ได้ใช้กระบี่ของเขาเข้าปะทะกับกระบี่สีทองกลางอากาศ จากนั้นก็ได้กลับมายืนหยัดตรงหน้าเหยียนเสี่ยวเฟยอีกครั้งแล้วกล่าวอย่างจริงใจกับเหยียนเสี่ยวเฟย “ข้าไม่รู้จริงๆว่าอะไรมันเกิดในตอนนั้น แต่อย่างที่เจ้าบอกทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะข้า! ถ้าหากเจ้าอยากจะล้างแค้นแล้วล่ะก็ข้าจะไม่ต่อต้านเลย แต่เห็นแก่มิตรภาพที่ดีของพวกเรา ต่อจากนี้ไปอย่าได้เป็นศัตรูกับตระกูลเหยียนเลย!”
หลังจากที่กล่าวจบเหยียนลี่หยางก็ได้โยนกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพลงกับพื้น ราวกับว่าตัวเขาปล่อยให้เหยียนเสี่ยวเฟยเป็นคนจัดการเขา
มีแววตาที่บอกไม่ถูกปรากฏในดวงตาของเหยียนเสี่ยเฟย แต่จากนั้นเขาก็ได้จับกระบี่สีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าของเขา แล้วก็วิ่งไปหาเหยียนลี่หยางพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่สีทองเข้าฟาดฟันเหยียนลี่หยางที่อยู่ด้านล่าง
“ถ้าเช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้บุกเข้าไปหาเหยียนลี่หยางแล้วจากนั้นก็ได้กระโดดขึ้นมาแล้วฟาดฟันใส่เหยียนเสี่ยงอ
“เจ้าคนสารเลว ไปตายซะเถอะ!”
เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้เดินเข้ามาหาเหยียนลี่หยางแล้วก็ได้กระโดดขึ้นฟ้าแล้วฟาดฟันกระบี่สีทองลงมาใส่หัวของ เหยียนลี่หยาง ราวกับว่าตัวเขานั้นคิดที่จะแบบแยกมิติออกจากนั้นด้วยพลังที่น่ากลัว
“เจ้าสารเลว อยากรนหาที่ตายมากนักรึ!”
ไม่ไกลจากลานกว้าง ผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้ลงมือจนได้
ในขณะที่เหยียนเสี่ยวเฟยกำลังเดินเข้าไปหา เหยียนลี่หยางอยู่นั้นเอง เหยียนลี่หยางก็ได้ถูกซัดจนต้องลอยไปในอากาศ แล้วก็ได้มีเงาฝ่ามือปรากฏอยู่ตรงหน้าของ ผู้อาวุโสเป่ยซานและข้างหลังของเหยียนเสี่ยวเฟยจากไกลๆ
ตูมมม!
กระบวนท่าของผู้อาวุโสเป่ยซาน ฝ่ามือเทพพันกรนั้นทรงพลังมากและเงาของฝ่ามือในอากาศที่จู่ๆก็โผล่มาข้างหลังของ เหยียนเสี่ยวเฟยนั้น ก็ทรงพลังอย่างมากราวกับอุกกาบาตในอากาศ
ถ้าหากเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นรับกระบวนท่านี้ไปตรงๆ ต่อให้กระบี่สีทองของเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ แต่คงจะมีจุดจบเพียงอย่างเดียวภายใต้การโจมตีของ ผู้อาวุโสเป่ยซาน
แล้วในชั่วขณะนั้นเองก็ได้มีรอยยิ้มแปลกๆปรากฏบนใบหน้าของเขาในขณะที่ยังหันหลังให้ผู้อาวุโสเป่ยซาน
เขาได้เผยเอายันต์ขนาดเท่าฝ่ามือที่เขากำเอาไว้ในมือของเขามาเป็นเวลานานแล้ว ก็ได้ถ่ายเทพลังปราณลงไปทันที
ฟุ่บ!
ทันทีที่สัมผัสกับพลังปราณของเหยียนเสี่ยวเฟย ยันต์นั้นก็ได้หายไปพร้อมกันกับร่างของเหยียนเสี่ยวเฟยที่ตกเป็นเป้าของเงาของฝ่ามือในอากาศ
“ยันต์เคลื่อนย้ายระยะสั้น!”
เมื่อเห็นเช่นนี้เย่เย่ก็ได้อุทานออกมา เพราะเขานั้นจำยันต์ที่อยู่ในมือของเหยียนเสี่ยวเฟยได้ในทันที
ตามชื่อของมัน ยันต์เคลื่อนย้ายระยะสั้นนั้นเป็นยันต์ที่สามารถเคลื่อนย้ายคนจากที่แห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งในทันที แม้การทำงานของมันจะน่าทึ่งมากแต่ก็มีจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดอยู่ นั่นคือมันสามารถใช้เคลื่อนย้ายได้แค่ในระยะไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น ดังนั้นมันจึงมักถูกใช้ในการหลบหนีจากการต่อสู้เพื่อมาตั้งหลัก และไม่สามารถถูกใช้เพื่อการหลบหนีไประยะไกลๆได้
แต่ถึงอย่างนั้นประโยชน์ของยันต์เคลื่อนย้ายระยะสั้นนี้ก็เหนือจินตนาการของคนทั่วไปนัก เพราะในชั่วขณะคับขันนั้นมันสามารถที่จะใช้พลิกสถานการณ์การต่อสู้และหลบเลี่ยงจากการโจมตีที่เสียเปรียบ ถึงแม้ว่าเย่เย่นั้นจะไม่รู้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นไปได้ยันต์เคลื่อนย้ายระยะสั้นนี้มาจากไหน แต่เห็นได้จากการท่าทีของเขาที่ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายระยะสั้นนี้แล้ว ก็ชัดเจนว่าตัวเขานั้นได้เตรียมพร้อมกับการต่อสู้นี้เป็นเวลานานแล้ว
ฟุ่บ!
หลังจากที่ใช้ยันต์เคลื่อนย้ายเล็กน้อยแล้ว เหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้หลบหนีจากระยะโจมตีของฝ่ามือเทพพันกร และร่างของเขาก็ได้กลับมาปรากฏตัวยังที่ว่างห่างออกไปจากบนเวที
แต่ทว่าตัวเขานั้นก็ไม่ได้มีความสุขใดๆบนใบหน้าของเขา และเมื่อมองไปยังเหยียนลี่หยานที่อยู่บนเวทีแล้ว ก็ได้มีทั้งความลังเลและเสียใจอยู่ในแววตา
ส่วนบนเวทีหลังจากที่เหยียนเสี่ยวเฟยหายไป เงาฝ่ามือที่อยู่ในอากาศนั้นก็ไม่ได้หายไปไหนแต่ยังคงถล่มใส่เหยียนลี่หยางที่อยู่ตรงหน้ามันต่อ
ถึงแม้ว่าเหยียนลี่หยางที่ทั้งกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพไปนั้นจะยังแข็งแกร่งมากอยู่ แต่เมื่อเผชิญกับผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว ฝ่ามือเทพพันกรนั้นไม่ใช่อะไรที่จะต้านทานได้ง่ายๆเลย มีรอยยิ้มฝืนๆปรากฏอยู่บนใบหน้าของเหยียนลี่หยางราวกับว่าตัวเขานั้นไม่คิดที่จะขัดขืนและปล่อยให้ตัวเองตายภายใต้แผนการของ เหยียนเสี่ยวเฟย
“ลี่หยาง!”
“มันจบแล้ว!”
“รีบไปช่วยเร็ว!”
ในขณะที่เหยียนเจิ้นตงกับพรรคพวกเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาก็ได้พากันอุทานอย่างตกใจและไม่สนใจเรื่องของท่าทีอะไรทั้งสิ้น แล้วได้รีบที่จะไปห้ามผู้อาวุโสเป่ยซาน
แต่ทว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นได้ออกท่าโจมตีนี้ด้วยความโกรธและสายเกินไปที่จะยั้งมือได้แล้ว ตัวเขาทำได้แค่มองไปที่ เหยียนลี่หยางที่กำลังรอรับความตายอยู่ในสนามด้วยสีหน้าที่ดุดัน และความเกลียดชังเหยียนเสี่ยวเฟยในใจเขาก็ได้เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด
และเพราะเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นได้คาดการณ์เอาไว้นานแล้วว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะต้องเข้ามายุ่งกับการประลองนี้แน่โดยไม่สนใจเรื่องของกฎ ดังนั้นตั้งแต่แรกแล้วที่เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นคิดว่าตัวเขาคงไม่สามารถสังหารเหยียนลี่หยางได้สำเร็จ ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมตัวเขาถึงได้ลงมือสังหารเหยียนลี่หยางนั้น ก็เพื่อล่อให้ผู้อาวุโสเป่ยซานลงมือและสังหารเหยียนลี่หยางจนตายด้วยพลังของเขาเอง
ถึงแม้เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นทั้งรู้สึกเสียใจและลังเลอยู่ในใจของเขากับเรื่องนี้ แต่ในท้ายที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมาถึงจุดจบ และตัวเขาที่ยืนอยู่ตรงที่โล่งนั้นก็ตั้งใจที่จะเป็นพยานการตายของเหยียนลี่หยางด้วยตาของเขาเอง
แล้วในชั่วขณะนั้นเองที่เย่เย่ก็ได้ลงมือ!
ในชั่วขณะที่เงาฝ่ามือในอากาศกำลังจะโจมตี เหยียนลี่หยางนั้น เย่เย่ก็ได้ทุ่มพลังอย่างเต็มที่ไปกับกระบวนท่าทะเลสวรรค์กำเนิดน้ำและทำการบีบอัดจนได้ดาราธาตุน้ำขนาดใหญ่ยักษ์เพื่อปะทะเข้ากับเงาฝ่ามือจำนวนนับไม่ถ้วน
ตูมมม!
เสียงระเบิดที่รุนแรงก็ได้ดังก้องไปทั่วทั้งเวทีในลานกว้าง ส่วนเหยียนลี่หยางที่อยู่ที่จุดศูนย์กลางของการระเบิดนั้น ก็เกือบที่จะโดนอย่างหนักจากควันหลงของแรงระเบิด เย่เย่ก็ได้รีบใช้พลังปราณมังกรไปที่เท้าของเขาแล้วโผล่มาข้างหลังของ เหยียนลี่หยาง แล้วก็ได้พาเหยียนลี่หยางจากไปจากจุดศูนย์กลางระเบิด
ตูม!
เวทีซึ่งเดิมทีแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองและหินนั้น สุดท้ายก็ได้พังทลายเพราะแรงระเบิด ควันและฝุ่นในอากาศนั้นก็ได้คละคลุ้งไปทั่ว ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าผู้ชมรอบๆลานกว้างนั้นจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้
ในขณะที่ควันและฝุ่นกำลังจางหายไปนั้น ก็พบเย่เย่กับเหยียนลี่หยางที่มีสีหน้าซีดเผือด และสามารถรอดพ้นจากวิกฤตินี้ได้ในที่สุด
“หึ! ช่างโชคดีจริงนะ!”
ตรงพื้นที่ว่างเหยียนเสี่ยวเฟยก็ได้จ้องมองไปที่ เหยียนลี่หยางที่อยู่รอดปลอดภัยด้วยความหงุดหงิดบนใบหน้าของเขา แต่ในขณะที่เดียวกันตัวเขาก็ได้รู้สึกโล่งอกด้วยเหตุผลบางอย่างด้วยเช่นกัน
แต่ในเมื่อแผนการของเขานั้นได้จบลงที่ความล้มเหลวแล้ว มันก็ไร้ความหมายสำหรับเหยียนเสี่ยวเฟยที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นก่อนที่ทุกคนจะได้ไหวตัวทัน เขาก็ได้รีบกลับหลังหันแล้วเหาะหนีออกไปจากเมืองเหยียนเป่ย
“เจ้ายังคิดว่าจะหนีรอดไปได้อีกรึ?”
ในเวลานี้ผู้อาวุโสเป่ยเซียนที่เพิ่งจะฟื้นคืนจากอาการตกใจได้นั้น ก็ได้มองไปที่เหยียนเสี่ยวเฟยที่อยู่กลางอากาศด้วยจิตสังหารที่เย็นยะเยือก
ถึงแม้ว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะหนีห่างจากเขาไปไกลแล้วก็ตามที แต่ภายใต้การไล่ตามอย่างเต็มที่ของ ผู้อาวุโสเป่ยซานแล้ว ตัวเขานั้นก็ไม่เชื่อว่าเหยียนเสี่ยวเฟยนั้นจะสามารถหนีรอดไปได้โดยไม่ตาย
ฟิ่ว!
ในชั่วพริบตาผู้อาวุโสเป่ยซานก็ได้หายไปจากที่ตรงนั้นทันที แล้วก็ได้กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังของ เหยียนเสี่ยวเฟยและหมายที่จะชกเขา
“หยุดก่อน!”
เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นก็ได้คาดเดาเอาไว้นานแล้วว่าผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นจะต้องออกไล่ฆ่าเขาเป็นแน่ ดังนั้นก่อนที่เขาจะได้ใช้วิชาต้องห้ามเพื่อเพิ่มความเร็วในการหลบหนีนั้น ก็ได้มีเสียงตะโกนมาอย่างเร่งรีบจากด้านล่าง
พอทั้งสองคนหันหน้ามาก็พบเหยียนลี่หยางที่ถูกเย่เย่ช่วยเอาไว้เมื่อสักครู่นี้ ก็ได้เหาะขึ้นมาอีกหนพร้อมด้วยกระบี่เจ็ดดาราสะท้านเทพ ตัวเขานั้นได้มาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างผู้อาวุโสเป่ยเซียนและเหยียนเสี่ยวเฟย ด้วยสีหน้าที่แน่วแน่บนใบหน้าของเขาแล้ว เหยียนลี่หยางก็ได้กล่าวกับผู้อาวุโสเป่ยซาน “ท่านเคยสั่งคนไปฆ่าเขาแล้วหนหนึ่ง และในเวลานี้ท่านยังคิดที่จะทำผิดซ้ำสองอยู่อีกเหรอ?”
“มันเป็นเพราะความเลินเล่อของข้าในตอนนั้นที่ปล่อยให้เขาได้เติบโตจนกระทั่งทุกวันนี้! แต่ในคราวนี้ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอยเดิมอีก!”
เจตนาสังหารในดวงตาของผู้อาวุโสเป่ยซานนั้นไม่ได้หายลงไปเลยแม้แต่น้อย และแม้แต่ดวงตาของเขาก็ยังจับจ้องไปที่ เหยียนลี่หยางด้วยดวงตาที่เย็นยะเยือก “ในเมื่อเจ้ากลับมาที่บ้านสกุลเหยียนทั้งที ข้าก็ได้อดทนกับเจ้ามาโดยตลอด ถ้าหากว่าเจ้ายังคงยืนกรานแล้วล่ะก็ อย่ามาโทษข้าที่ไม่ปรานีเจ้าก็แล้วกัน!”
และเพราะในคราวนี้เป็นเหตุที่เหยียนเสี่ยวเฟยนั้นได้ทำให้เขาต้องเสียหน้านั้น ซึ่งเจตนาสังหารของผู้อาวุโสเป่ยเซียนนั้นเรียกได้ว่าพุ่งทะลุหลอด
อย่างไรเสียถึงแม้ว่าเหยียนลี่หยางนั้นจะยังเป็นอันดับหนึ่งของเหล่ารุ่นเยาว์ของตระกูลเหยียนก็ตามที แต่ เหยียนเทียนหยานนั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาสักเท่าไรนัก ถ้าหากว่าเหยียนลี่หยางนั้นไปขัดผู้อาวุโสอีกหนเมื่อไร ผู้อาวุโสก็คงไม่ใส่ใจที่จะเก็บกวาดเหยียนลี่หยางไปพร้อมกับเหยียนเสี่ยวเฟยแน่ๆ