ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 320 ปฏิเสธ
บทที่ 320
ปฏิเสธ
“ดูเหมือนว่าพวกท่านจะเข้าใจจุดประสงค์ของข้าผิดไปหรือเปล่า? ข้าไม่ได้มาที่เมืองโม่ไห่เพื่อสังหารใคร แต่มาเพื่อเชิญผู้มาจุติเย่เย่ไปเป็นศิษย์ของสำนักต่างไฟของเราต่างหาก สำนักต่างไฟของเรายินดีที่จะคืนสิ่งที่พวกท่านเมืองโม่ไห่ได้ลงทุนกับเขาไปแล้วคิดเป็นจำนวนหลายเท่าเลย แต่พอข้าพาตัวเย่เย่ไปแล้วเขาจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองโม่ไห่ของพวกท่านอีก”
เสิ่นจ้งหมิงนั้นเข้าใจว่าทำไมซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกถึงได้ไม่กล้าที่จะถามจุดประสงค์ของเขาได้ในชั่วพริบตา แล้วเขาก็ได้จ้องไปยังหลินฉีที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นก็ได้ทำสีหน้ากลับมาจริงจังอีกครั้งแล้วหันสายตากลับมายังเย่เย่ที่อยู่ข้างหลัง ซ่างกวานจ้งกับพรรคพวก
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เคยพบกันมาก่อน แต่ เสิ่นจ้งหมิงก็เคยเห็นรูปวาดของเย่เย่มาก่อนจะออกมา ทำให้เขานึกหน้าของเย่เย่ออกได้ในเวลาไม่นานนัก
เมื่อเขาได้แสดงจุดประสงค์ออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ผู้คนในเมืองโม่ไห่รวมถึงเย่เย่ก็ได้มีสีหน้าตกตะลึงและเกือบคิดว่าตัวเองนั้นฟังผิดไป
เพราะสำนักต่างไฟนั้นเป็นกองกำลังได้รับการสนับสนุนจากทัณฑ์สวรรค์ พวกเขาจึงได้คิดว่าท่าทีของสำนักต่างไฟนั้นก็น่าจะเหมือนกันกับทัณฑ์สวรรค์ คือหากพบผู้มาจุติเมื่อไรก็จะต้องสังหารทันที แต่หลังจากที่ได้ยินที่เสิ่นจ้งหมิงกล่าวแล้ว ทุกคนก็พบว่าตัวเองนั้นปล่อยไก่ตัวโตออกไปเสียแล้ว ไม่เพียงแต่เสิ่นจ้งหมิงจะไม่ลงมือทำอะไรเย่เย่แล้ว กลับกันเขานั้นคิดที่จะพาเย่เย่นั้นกลับไปที่สำนักเพื่อไปเป็นศิษย์ของสำนักต่างไฟด้วย
ซึ่งการกลับตาลปัตรขนาดใหญ่นี้ได้ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงโดยเฉพาะหลินฉี ที่ฉวยโอกาสปล่อยให้เสิ่นจ้งหมิงเข้ามา ทำให้ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธ
“ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าสำนักทัณฑ์สวรรค์เกลียดผู้มาจุติหรอกเหรอ? แล้วท่านยังจะกล้ารับผู้มาจุติไปเป็นศิษย์สำนักต่างไฟอีกอย่างนั้นเหรอ? ท่านไม่กลัวว่ามันจะทำให้ทัณฑ์สวรรค์พิโรธบ้างหรือยังไง?”
หลินฉีก็ได้โกรธจัดจนลืมซึ่งความกลัว จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปหาและถามเสิ่นจ้งหมิง ตัวเขาได้กำหมัดแน่นและพยายามเก็บความโกรธของเขาเอาไว้ แต่ในดวงตาของเขานั้นยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอยู่
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซ่างกวานจ้งกับคนอื่นๆนั้นต่างก็พากันคิ้วขมวดทันที เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าการที่หลินฉีฉวยโอกาสปล่อยให้เสิ่นจ้งหมิงเข้ามาในเมืองเมื่อครู่นี้เพื่อความอยู่รอดของเมืองโม่ไห่ แต่ในเวลานี้ความคิดของเขาที่มีต่อเย่เย่นั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนมาก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมหลินฉีถึงได้จงเกลียดจงชังเย่เย่นัก แต่คนในเมืองโม่ไห่รวมถึงซ่างกวานจ้งนั้นต่างก็มองไปที่หลินฉีด้วยสายตาที่ดุดัน
“การที่สำนักต่างไฟของพวกเราจะทำอะไรนั้น มันใช่เรื่องที่เจ้าต้องมาชี้นิ้วสั่งตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เสิ่นจ้งหมิงที่ถูกหลินฉีถามซึ่งๆหน้านั้นก็ได้ปรากฏความโกรธขึ้นมาในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ได้เตะหลินฉีจนลอยขึ้นไปบนอากาศด้วยเท้าเดียว ซึ่งได้ทำให้หลินฉีต้องกระอักเลือดออกมากลางอากาศ หลังจากที่ตกลงพื้นมาก็มีสีหน้าซีดเผือด
ถ้าหากเป็นก่อนที่เซี่ยงหวาจะบอกความจริงแก่ เสิ่นจ้งหมิงนั้น เสิ่นจ้งหมิงก็คงจะมีความสงสัยเช่นนั้นอยู่ในใจเช่นกัน แต่ในเวลานี้เสิ่นจ้งหมิงนั้นเข้าใจดีถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางของระหว่างทัณฑ์สวรรค์และสำนักต่างไฟดี และแน่นอนว่าตัวเขานั้นไม่ปล่อยให้หลินฉีนั้นมาพูดเหมือนกับว่าสำนักต่างไฟของเขานั้นเป็นลิ่วล้อของทัณฑ์สวรรค์
ถึงแม้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเขาจะไม่ได้ฆ่าหลินฉีทิ้ง เพื่อทำให้หลินฉีนั้นได้จดจำเอาไว้เป็นบทเรียน แต่เสิ่นจ้งหมิงก็ได้ทำร้ายหลินฉีต่อหน้าทุกคน และเผยถึงแรงกดดันของจักรพรรดิเทพระดับสูงสุดออกมา
“จักรพรรดิเทพช่างแข็งแกร่งจริงๆ!”
“นี่หรือคือพลังของจักรพรรดิเทพระดับสูงสุด!”
“ดีนะที่ไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่อย่างนั้นเมืองโม่ไห่คงได้ถูกทำลายแน่!”
เมื่อรู้สึกได้ถึงพลังที่น่ากลัวในร่างของเสิ่นจ้งหมิงที่ล้ำลึกราวกับก้นทะเลแล้ว เสิ่งจ้งหมิงกับพรรคพวกก็ได้มีสีหน้าจริงจังอย่างมากขึ้นมา และพวกเขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะต่อต้านอีกฝ่ายและมีความรู้สึกไร้พลังปรากฏในดวงตาของพวกเขา
แล้วพวกเขาต่างก็หันเหความสนใจไปทางเย่เย่ ราวกับว่าพวกเขานั้นต้องการให้เย่เย่เป็นคนตัดสินใจ อย่างไรเสียการลงทุนก่อนหน้าที่เมืองโม่ไห่ให้กับเย่เย่นั้นมันก็ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของสำนักต่างไฟ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ซ่างกวานจ้งนั้นจะสามารถเหนี่ยวรั้งเย่เย่เอาไว้ได้
เสิ่นจ้งหมิงก็ได้จ้องไปที่เย่เย่ แล้วกล่าวเชิญเย่เย่อย่างสุภาพ “ด้วยความสามารถที่ไร้ขีดจำกัดของผู้มาจุตินั้น หากว่าท่านได้มาที่เวทีที่ใหญ่กว่านี้แล้วท่านก็จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก สำนักต่างไฟของเรานั้นไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันกับทัณฑ์สวรรค์แต่อย่างใด ท่านจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของความปลอดภัยของท่าน ในทางกลับกันแม้แต่ท่านเจ้าสำนักก็ยังเห็นที่ความสำคัญของท่านอย่างมาก หากว่าท่านยินดีที่จะเข้าร่วมกับสำนักต่างไฟของเราแล้ว ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถของท่าน ท่านจะสามารถขึ้นเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงของดินแดน เทียนหนานได้ในไม่ช้า!”
ทันทีที่พูดเช่นนี้ออกมา ผู้คนในเมืองโม่ไห่นั้นต่างก็ตกใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เจ้าสำนักต่างไฟก็ยังเห็นถึงความสำคัญของเย่เย่
ในฐานะที่เป็นกองกำลังอันดับหนึ่งในดินแดนเทียนหนาน อิทธิพลของสำนักต่างไฟในดินแดนเทียนหนานนั้นไม่มีใครเทียบได้เลย การได้เข้าร่วมกับสำนักต่างไฟนั้นถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเหล่าจอมยุทธ์ในดินแดนเทียนหนาน ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของเย่เย่นั้นก็ได้รู้ไปถึงเจ้าสำนักต่างไฟแล้วและยังได้ส่งคนมาเชิญเย่เย่อีก เป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจในตัวเย่เย่ของเขา
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นก็คงจะตอบรับคำเชิญของ เสิ่งจ้งหมิงไปที่สำนักต่างไฟกับเขาทันที ดังนั้นซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกนั้นต่างก็เชื่อว่าเย่เย่นั้นจะต้องไปจากเมืองโม่ไห่และไปเป็นศิษย์สำนักต่างไฟอย่างแน่นอน
แต่แล้วทุกคนก็ต้องตกใจ เมื่อเย่เย่นั้นปฏิเสธคำเชิญของเสิ่นจ้งหมิงและเลือกที่จะอยู่ที่นี่ต่อในฐานะรองเจ้าเมืองโม่ไห่!
“ต้องขอขอบคุณในความกรุณาของท่านมาก! เพียงแต่ในเวลานี้ข้าเย่เย่นั้นปรารถนาที่จะอยู่ในเมืองโม่ไห่ต่อ จึงเกรงว่าคงทำให้การเดินทางมาครั้งนี้ของท่านต้องผิดหวังเสียแล้ว!”
หลังจากที่ได้ยินที่เสิ่นจ้งหมิงกล่าว เย่เย่ก็ได้ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วก็ได้พลันตอบเสิ่นจ้งหมิงกลับไป ด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและชัดเจน
เสิ่นจ้งหมิงก็ได้คิ้วขมวดเล็กน้อย แม้แต่ซ่างกวานจ้งและคนอื่นๆก็ยังต้องตกใจและต่างก็มองไปที่เย่เย่โดยไม่รู้ว่าทำไม
มีเพียงหลินฉีที่ถูกเสิ่นจ้งหมิงทำร้ายจนบาดเจ็บอยู่นั้น ที่มีแสงปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ราวกับมองเห็นความหวังที่ เย่เย่จะถูกฆ่าอีกหน และสีหน้าดีใจปรากฏบนใบหน้าของเขา
“เหตุผลที่ท่านปฏิเสธข้าคืออะไรอย่างนั้นรึ?”
แต่เสิ่นจ้งหมิงนั้นกลับไม่ได้ดุดันอย่างที่หลินฉีคาดเอาไว้ แต่จ้องไปที่ดวงตาของเย่เย่และสงสัยว่าทำไมเย่เย่ถึงได้ปฏิเสธเขา
ไม่เพียงแค่เสิ่นจ้งหมิงแต่ยังรวมถึงซ่างกวานจ้ง, ซ่างกวานอวี่และคนอื่นๆเองต่างก็จ้องไปที่เย่เย่ราวกับสงสัยในคำตอบของเย่เย่เช่นกัน แน่นอนว่าพวกเขานั้นต่างก็อยากที่จะให้เย่เย่นั้นอยู่ในเมืองโม่ไห่ต่อ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาต่างก็กลัวว่าคำตอบของเย่เย่นั้นจะไปทำให้เสิ่นจ้งหมิงโกรธและทำให้ทั่วทั้งเมืองโม่ไห่นั้นต้องเกี่ยวพันด้วย สีหน้าของพวกเขาในเวลานี้จึงได้ว้าวุ่นใจขึ้นมา
“ถึงแม้ว่าสำนักต่างไฟนั้นจะเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งและมีอำนาจเหนือใครในดินแดนเทียนหนาน เป็นสำนักที่ยิ่งใหญ่เกือบจะเทียบเคียงได้กับ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนเทียนหนานนั้น มีกองกำลังอยู่ไม่มากนักที่สามารถขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ แต่ทว่าไม่มีใครเลยที่มาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายได้เลยจริงๆ สุดท้ายความรุ่งเรืองทั้งหมดก็จะค่อยๆพังทลายลงไปก่อนที่จะสามารถรวบรวมแผ่นดินเทียนหนานให้เป็นหนึ่งได้ ในความคิดของข้าสำนักต่างไฟเองก็หนีชะตากรรมนี้ไม่พ้น บางทีอาจจะเหลืออีกเพียงขั้นเดียวสู่ความตกต่ำแล้ว!”
เย่เย่นั้นผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว จึงได้บอกเสิ่นจ้งหมิงในสิ่งที่เขาคิดและได้ทำให้ทุกคนรวมถึงเสิ่นจ้งหมิงต้องอ้าปากด้วยความตกใจ
ซ่างกวานจ้งกับพรรคพวกนั้นก็ได้มีเหงื่อผุดขึ้นมาที่หน้าผาก ด้วยความกลัวว่าเสิ่นจ้งหมิงนั้นจะสังหารพวกเขาทั้งหมดเพื่อระบายความโกรธ แต่เย่เย่กลับยังคงเยือกเย็นเช่นเดิมและหลังจากที่พูดจบเขาก็ได้จ้องมองไปที่เสิ่นจ้งหมิง ราวกับว่า เย่เย่นั้นต้องการที่จะรู้คำตอบจากการตอบสนองของเสิ่นจ้งหมิง
จากการเชิญชวนให้เข้าร่วมสำนักต่างไฟของเสิ่นจ้งหมิง รวมถึงการที่เขาโมโหในคำพูดเมื่อสักครู่ของหลินฉีแล้ว เย่เย่ก็พอที่จะเดาได้หน่อยๆถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของสำนักต่างไฟกับเสิ่นจ้งหมิงผ่านท่าทีต่างๆของเสิ่นจ้งหมิง อย่างไรเสียในตอนที่เขาอยู่แผ่นดินชางหลางนั้น เขาก็เคยปะทะกับทัณฑ์สวรรค์มาก่อนและตัวเขาก็คุ้นเคยอย่างมากกับนิสัยของพวกทัณฑ์สวรรค์ดี
ถึงแม้ว่าสำนักต่างไฟนั้นจะเป็นกองกำลังขนาดใหญ่ที่ให้การสนับสนุนโดยทัณฑ์สวรรค์ก็ตามที แต่พวกทัณฑ์สวรรค์ก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆมองดูสำนักต่างไฟเข้าครอบครองดินแดนเทียนหนานและกลายมาเป็นกองกำลังที่ทรงพลังเทียบได้กับ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ เพราะว่าทัณฑ์สวรรค์นั้นได้ทุ่มแรงไปอย่างมากในการจัดการกับ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากในแผ่นดินว่านหลิงนั้นเกิดมีขุมอำนาจที่ระดับเดียวกันกับ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์โผล่ขึ้นมาอีกกองกำลังจริงๆ อิทธิพลของทัณฑ์สวรรค์ในแผ่นดินว่านหลิงนั้นก็จะลดลงไปอย่างมาก
มันมีสิ่งที่เรียกว่า“ไม่ใช่พวกเดียวกัน จิตใจย่อมแตกต่างกัน”อยู่ แม้ว่าสำนักต่างไฟนั้นจะเป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากทัณฑ์สวรรค์ก็ตามที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกควบคุมโดยทัณฑ์สวรรค์อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องดีหากว่าสำนักต่างไฟนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งทัณฑ์สวรรค์ต่อไปหลังจากที่ยึดครองดินแดนเทียนหนานได้แล้ว แต่ถ้าหากมีใจคิดคดทรยศขึ้นมาและไปจับมือเป็นพันธมิตรกับ 3 เขาศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันจัดการกับทัณฑ์สวรรค์เข้า เมื่อนั้นหายนะของทัณฑ์สวรรค์ก็คงได้มาเยือน
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ทางทัณฑ์สวรรค์จึงต้องตัดแขนข้างหนึ่งของสำนักต่างไฟออกและหยุดการสนับสนุนให้สำนักต่างไฟยึดครองดินแดนเทียนหนานได้สำเร็จ นี่เป็นความคิดพื้นฐานของทัณฑ์สวรรค์เพื่อรักษาอำนาจของพวกเขา ส่วนสำนักต่างไฟที่ขาดการสนับสนุนจากทัณฑ์สวรรค์ภายใต้การโจมตีจากกองกำลังอื่นๆในดินแดนเทียนหนาน สถานการณ์ของสำนักต่างไฟในเวลานี้อาจจะไม่น่ากลัวเหมือนอย่างที่คนภายนอกคิดก็ได้
เย่เย่ที่เดาสถานการณ์ปัจจุบันของสำนักต่างไฟโดยอาศัยเพียงความเข้าใจเกี่ยวทัณฑ์สวรรค์ของเขาและท่าทางของเสิ่นจ้งหมิง ตัวเขาจึงได้ตัดสินใจปฏิเสธคำชวนของเสิ่นจ้งหมิงและเลือกที่จะอยู่ในเมืองโม่ไห่ในฐานะรองเจ้าเมืองต่อ
นอกจากนี้ถึงแม้เย่เย่นั้นจะรู้สึกคล้อยตามไปกับทรัพยากรฝึกวิชาที่ร่ำรวยของสำนักต่างไฟ แต่ในเมื่อสำนักต่างไฟนั้นมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งมากอยู่ในสำนักมากเกินไป เย่เย่ก็อาจจะถูกบังคับให้ต้องเปิดเผยความลับของตัวเองหลังจากที่เข้าร่วมก็ได้ ไม่ว่าจะระบบเติมเงินครอบจักรวาลก็ดีหรืออารามวิถีสวรรค์ก็ดี หากว่าความลับเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งรั่วไหลออกไป มันก็จะทำให้เย่เย่นั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อำนวยอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะตัวตนของเขาที่เป็นประมุขอารามวิถีสวรรค์นั้น ถ้าหากถูกเปิดเผยออกไปตัวเขาคงได้ถูกทัณฑ์สวรรค์ตามล่าอย่างเต็มกำลังแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้สำนักต่างไฟจะมายืนอยู่ข้างเดียวกันกับเย่เย่ ก็ไม่อาจจะรับรองได้ว่าเย่เย่นั้นจะปลอดภัยจากทัณฑ์สวรรค์ได้
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้วเย่เย่จึงได้เลือดที่จะอดทนต่อความเย้ายวนที่จะไปกับเสิ่นจ้งหมิงและเลือกที่จะอยู่เมืองโม่ไห่ในฐานะรองเจ้าเมืองดีกว่า
ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่รู้ถึงความคิดที่แท้จริงของเย่เย่ แต่เหตุผลในการปฏิเสธเสิ่นจ้งหมิงของเย่เย่เมื่อสักครู่นั้นก็ได้ทำให้ทุกคนในลานกว้างต้องตกใจ แม้แต่เสิ่นจ้งหมิงที่มีท่าทางเยือกเย็นมาตลอดนั้น ก็ได้มองไปที่เย่เย่ด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก
“เจ้านี่เป็นคนที่อวดดีจริงๆ ราวกับว่าทุกสิ่งล้วนอยู่ในมือของเจ้า! แต่คนที่อวดดีเช่นนี้ก็มันจะตายก่อนเสมอ เพราะโลกใบนี้มันกว้างใหญ่กว่าที่เจ้าคิดนัก อยู่ที่ในหลืบในมุมเช่นนี้แต่กลับกล้ามาตัดสินอนาคตของทั่วทั้งแผ่นดินเทียนหนาน ไม่ต่างอะไรกับการนั่งมองฟ้าแล้วพูดอะไรไร้สาระไร้ค่าออกมา ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งที่จะให้เจ้าออกมาจากสภาพที่เป็นอยู่ของเจ้าตอนนี้ ตามข้าไปที่สำนักต่างไฟเพื่อไปพบท่านเจ้าสำนักเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นเมื่อใดที่ข้าไปจากเมืองโม่ไห่แล้ว เจ้าก็จะหมดโอกาสที่จะได้เป็นยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดน เทียนหนานแน่!”
เสิ่นจ้งหมิงนั้นเหมือนจะดูถูกในเหตุผลของเย่เย่ ซึ่งในขณะที่เขาได้พูดความต้องการของตัวเองซ้ำอยู่นั้นก็ได้พูดขู่ เย่เย่ไปด้วย ราวกับว่าตัวเขานั้นกำลังบังคับให้เย่เย่ยอมเชื่อฟังเขาด้วยกำลัง เพื่อให้เย่เย่นั้นยอมตามเขาออกจากเมืองโม่ไห่และไปเป็นศิษย์ของสำนักต่างไฟ