ระบบเติมเงินข้ามภพ - บทที่ 315 เย่เย่พบผู้สังหารสวรรค์
บทที่ 315
เย่เย่พบผู้สังหารสวรรค์
“เจี่ยงหลีเซิ่ง? เหมือนข้าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อนน้า!”
“อ้อ ข้านึกออกแล้ว! เขาคือผู้สังหารสวรรค์ที่ชอบท้าสู้กับคนเก่งๆทุกหนทุกแห่งในดินแดนเทียนจนมีชื่อเสียงนี่เอง!”
“ฮึ่ย! มิน่าล่ะหมอนั่นถึงได้ดุดันนัก เมืองโม่ไห่คงไม่ได้สงบสุขกันอีกแล้ว!”
หลังจากที่เจี่ยงหลีเซิ่งจากไป การพูดถึงเกี่ยวกับเขาในห้องรับรองของร้านอาหารนั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตัวตนของเจี่ยงหลีเซิ่งถูกเปิดเผยแล้ว ชื่อของผู้สังหารสวรรค์ก็ได้แพร่ไปทั่วทั้งเมืองโม่ไห่
ที่เรียกว่าผู้สังหารสวรรค์นั้นหมายถึงผู้ที่สังหารผู้ที่มีพรสวรรค์ เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นมีชื่อเสียงมากในดินแดนเทียนหนานนั้นเพราะว่ามีชื่อเสียงมาจากศพของผู้มีพรสวรรค์มากมายนับไม่ถ้วน
ก่อนที่เขาจะบรรลุถึงชั้นราชันย์เทพ เจี่ยงหลีเซิ่งมักเดินทางไปทุกหนทุกแห่งในดินแดนเทียนหนานเพื่อท้าสู้กับยอดฝีมือที่มีชื่อเสียง เพื่อที่จะได้ฝึกฝีมือและสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองไปพร้อมกัน แม้ว่าตัวเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับชัยชนะและยั่วโมโหขุมกำลังต่างๆในดินแดนเทียนหนานไว้มากมายก็เถอะ แต่ความสามารถและความแข็งแกร่งของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นก็เป็นที่รับรู้กันไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนาน
เจี่ยงหลีเซิ่งได้สู้กับยอดฝีมือในดินแดนเทียนหนานมานับไม่ถ้วน และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดจากเงื้อมมือของเขามาได้ แล้วในระหว่างนั้นเองเจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้บรรลุขึ้นเป็นราชันย์เทพ ซึ่งความเร็วในพัฒนาของเขานั้นเร็วจนศัตรูยังต้องตกตะลึง จนในท้ายที่สุดตัวเขาก็ได้รับสุดยอดฉายาอย่างผู้สังหารสวรรค์มา และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนาน
และในเวลานี้จู่ๆเขาก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ในเมืองโม่ไห่นี้ ซึ่งผู้คนต่างก็สนใจเกี่ยวกับจุดประสงค์การมาเยือนของ เจี่ยงหลีเซิ่ง ซึ่งเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นก็ได้ทำตามที่ใครหลายคนคาดหวังเอาไว้ ในวันต่อมาตัวเขาก็ได้ประกาศท้าสู้กับเย่เย่ ผู้ที่จู่ๆก็โผล่มาในเมืองโม่ไห่ และประกาศให้รู้ทั่วทั้งเมืองว่าตัวเขานั้นจะสู้กับ เย่เย่ที่ลานประลองในเมืองโม่ไห่ในอีก 3 วันให้หลัง
ลานประลองยุทธ์ของเมืองโม่ไห่นั้นตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจวนเจ้าเมือง เช่นเดียวกันกับลานประลองยุทธ์ในเมืองโบราณส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าจอมยุทธ์ในต่อสู้กัน และเพราะลานประลองยุทธ์ของเมืองโม่ไห่นี้ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามจวนเจ้าเมือง ทุกครั้งที่มีคนมาใช้ลานประลองยุทธ์ก็จะกลายเป็นที่สนใจของผู้คนในเมืองโม่ไห่ทันที
ในเวลานี้เจี่ยงหลีเซิ่งได้ท้าสู้เย่เย่อย่างเปิดเผย ซึ่งไม่เพียงแต่คนในเมืองโม่ไห่จะเต็มไปด้วยความคาดหวังแล้ว แต่เมืองอื่นๆที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่ได้ทราบข่าวนี้อย่างรวดเร็วนั้น ก็ได้มีบางคนที่คิดอยากจะมาดูการต่อสู้นี้ด้วยตาตัวเอง ไม่นานนักก็ได้วางทุกอย่างที่อยู่ในมือและมุ่งหน้ามายังเมืองโม่ไห่ในทันที จึงได้ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในเมืองโม่ไห่มากกว่าปกติหลายเท่า
และตัวเจี่ยงหลีเซิ่งเองก็มีความสุขที่เห็นชื่อเสียงของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่องๆเพราะเรื่องนี้ ตัวเขาที่ท้าสู้กับยอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์มาตลอดนั้น ไม่เพียงแต่เพื่อลับคมความสามารถของเขาให้คมกริบแล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงของเขาด้วย เพื่อที่ขุมกำลังใหญ่ๆในดินแดนเทียนหนานนั้นจะได้มาจับจ้องที่ตัวเขา
ตัวเขานั้นได้สังหารอัจฉริยะมานับไม่ถ้วนในตลอดหลายปีมานี้ และมีขุมกำลังใหญ่ๆมากมายที่สนใจในตัวเจี่ยงหลีเซิ่ง แม้แต่สำนักต่างไฟเองก็ยังเคยเชิญเจี่ยงหลีเซิ่งมาแล้วหนหนึ่ง แต่แน่นอนว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นไม่ได้แค่อยากที่จะเข้าร่วมกับสำนักต่างไฟเฉยๆ แต่ยังต้องการที่จะเข้าร่วมกับสำนักต่างไฟในตำแหน่งที่สูงๆด้วย เพราะนี่เป็นหนทางเดียวที่ตัวเขาจะสามารถเข้าร่วมกับตัวแกนกลางของสำนักต่างไฟได้อย่างรวดเร็วแล้ว แต่ยังได้ข้าวของและยาในการใช้ฝึกวิชามากมายเป็นรางวัลอีกด้วย
ซึ่งการปรากฏตัวของเย่เย่นั้นได้ให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่แก่เขา เจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้คิดที่จะใช้ศพของเย่เย่นั้นเป็นบันไดหินให้ตัวเขาได้เข้าสำนักต่างไฟ ซึ่งเขาเชื่อว่าตัวเขานั้นจะสร้างชื่อเสียงได้อย่างมากจากการสังหารผู้มาจุติ และเมื่อตัวเขาได้เข้าร่วมกับสำนักต่างไฟแล้ว ก็จะได้กลายเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในสำนักเลยก็ว่าได้ แม้ว่าสมบัติในสำนักต่างไฟนั้นอาจจะไม่เพียงพอกับที่เขาอยากได้ แต่เจี่ยงหลีเซิ่งก็เชื่อว่าความเร็วในการพัฒนาของเขานั้นจะต้องมากกว่าศิษย์คนอื่นๆเป็นแน่ และอนาคตของเขาก็จะไร้ขีดจำกัด
ดังนั้นเย่เย่จะต้องตายในศึกนี้!
และชื่อเสียงของเจียงหลีเซิ่งผู้สังหารสวรรค์ก็จะดังกึกก้องไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานอีกหน!
2 วันต่อมาเย่เย่ที่ตามซ่างกวานอวี่ออกไปล่าสัตว์อสูรทะเลนั้นก็ได้กลับมาที่จวนเจ้าเมืองโม่ไห่ แต่ทว่าทั้งคู่นั้นกลับมาด้วยอารมณ์ที่หดหู่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นไม่ได้อะไรกลับมาจากการเดินทางครั้งนี้เลย
ถึงแม้ซ่างกวานอวี่จะได้โอ้อวดเอาไว้ให้เย่เย่ฟังก่อนที่จะออกเดินทาง แต่พอเรือของทั้งคู่ออกจากฝั่งก็ต้องพบว่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยของสัตว์อสูรในบริเวณนี้เลย จากที่ควรจะชุกชุมอยู่มากแท้ๆ
ซึ่งเย่เย่เองก็สงสัยเช่นกัน แต่ไม่นานนักตัวเขาก็พอจะเดาสาเหตุได้
อย่างไรเสียในฐานะที่เป็นจ้าวแห่งน่านน้ำเขตนี้ การตายของมังกรสองหัวนั้นได้ส่งผลอย่างมากต่อสัตว์อสูรทะเลในละแวกนี้ ผลคือทำให้เหล่าสัตว์อสูรทะเลไม่กล้าที่จะโผล่หัวออกมาช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงจากการถูกสังหารโดยยอดฝีมือชาวมนุษย์
ต้องขอบคุณเรื่องนี้ทำให้เรือที่สัญจรไปมาในเมืองโม่ไห่นั้นไม่ถูกสัตว์อสูรรุกรานเลยในหลายวันมานี้ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผลพวงจากการช่วยเหลือของเย่เย่อย่างอ้อมๆก็ว่าได้
แต่ในเมื่อล่าสัตว์อสูรไม่ได้ ก็จึงไม่มีซากสัตว์อสูรมาขายให้หอการค้าเพื่อเอาตั๋วทอง ทำให้เย่เย่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมา
ซ่างกวานอวี่ที่เห็นท่าทีที่ผิดหวังของเย่เย่แล้ว ดวงตาของเธอก็ได้ปรากฏซึ่งความลำบากใจขึ้นมา เดิมทีตัวเธอนั้นอยากที่จะสร้างความสนิทสนมกับเย่เย่ แต่เธอก็ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ ทำให้ทั้งคู่กลับมาที่เมืองโม่ไห่อย่างเงียบๆและเต็มไปด้วยบรรยากาศผิดหวังตลอดทาง
“เสี่ยวอวี่ เย่เย่ ในที่สุดพวกเจ้าก็กลับมา!”
เมื่อเย่เย่กับซ่างกวานอวี่ได้กลับมาถึงจวนเจ้าเมือง ซ่างกวานจ้งที่รู้เรื่องนี้ก็ได้รีบเข้ามาหาและเรียกหาทั้งสองคนอย่างกระวนกระวาย
ถึงแม้ซ่างกวานอวี่นั้นจะได้บอกเขาเอาไว้ก่อนที่จะพา เย่เย่ออกไปที่ทะเลแล้ว ซ่างกวานจ้งก็ไม่คิดว่าทั้งคู่นั้นจะหายไปถึงสองวัน ซึ่งในเวลานี้ซ่างกวานจ้งนั้นไม่มีอารมณ์ที่จะมาถามว่าได้อะไรมาจากการเดินทางในครั้งนี้ แต่ได้รีบแจ้งเขาเรื่องของการท้าสู้ของเจี่ยงหลีเซิ่งให้เย่เย่ทราบ
“ผู้สังหารสวรรค์งั้นเหรอ? น่าสนใจแฮะ!”
ซ่างกวานจ้งที่เดิมทีคิดว่าเย่เย่นั้นจะตกใจเมื่อได้ทราบข่าวนี้ แต่เขาไม่นึกว่าเย่เย่นั้นแทนที่จะไม่ตกใจกลับรู้สึกยินดีแทน และมีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา
เดิมทีเย่เย่นั้นวางแผนที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังของเขาจากการสังหารสัตว์อสูรทะเล ในเวลานี้เจี่ยงหลีเซิ่งได้ส่งตัวเองมาแก้ไขความผิดพลาดของเขาถึงหน้าประตูเช่นนี้ แล้วยิ่งคนที่มีชื่อเสียงอย่างเจี่ยงหลีเซิ่งด้วยแล้วทำให้เป้าหมายของเขาประสบความสำเร็จมากกว่าแผนเดิมเสียอีก เย่เย่จึงได้ไม่กระวนกระวายอะไรเมื่อได้ทราบข่าวนี้ แต่ในดวงตาของเขากลับแสดงออกถึงความกระตือรือร้นออกมาแทน
แต่ทว่าซ่างกวานจ้งกับซ่างกวานอวี่นั้นไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเย่เย่ ทั้งคู่จึงได้ตกใจกับคำท้าดวลของ เจี่ยงหลีเซิ่งและไม่ต้องการให้เย่เย่นั้นไปที่ลานประลองเพื่อไปสู้
อย่างไรก็ดีเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานเรื่องความโหดเหี้ยม และเมื่อใดที่ทั้งคู่สู้กัน เจี่ยงหลีเซิ่งก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะมา มีผู้ต่อสู้ที่เหนือกว่าเจี่ยงหลีเซิงมากมายที่ถูกเจียงหลี่เซิงสังหาร
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีผู้มาจุติโผล่มาที่เมืองโม่ไห่เช่นนี้ และซ่างกวานจ้งก็ไม่อยากที่จะเห็นเย่เย่ตาย ตัวเขาจึงได้เสนอความคิดเห็นของเขาออกไป “ท่านเย่เย่ เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นมีชื่อเสียงที่ไม่ดีไปทั่วดินแดนเทียนหนาน ท่านควรที่จะไม่สนใจเขา ถ้าหากเขากล้ามาสร้างปัญหาให้ในเมืองโม่ไห่ ข้ารับรองเลยว่าตัวเขานั้นไม่มีทางได้ออกไปจากเมืองโม่ไห่อย่างแน่นอน!”
ถึงแม้ว่าซ่างกวานจ้งนั้นจะไม่ได้ชักชวนเย่เย่เลยตั้งแต่ที่เขากลับมาในเมือง แต่ทว่าความตั้งใจของเขาที่จะปกป้องเย่เย่นั้นชัดเจนมากในเวลานี้ ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นก็คงจะตื้นตันใจและขอเข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่เพื่อทำงานให้ซ่างกวานจ้งไปแล้ว
แต่ทว่าสีหน้าของเย่เย่นั้นยังคงเยือกเย็นมากเช่นเคย ตัวเขาหันหน้ามาและทำท่าคารวะให้ซ่างกวานจ้งเพื่อขอบคุณเขา “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองซ่างกวานมากสำหรับน้ำใจของท่าน! จริงอยู่ที่ว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นไม่ใช้คนที่เข้าไปยุ่งด้วยได้ง่ายๆ แต่ข้าเย่เย่นั้นหาใช่คนขี้ขลาดไม่เช่นกัน! ถ้าหากข้าหนีจากการเผชิญหน้ากับเจี่ยงหลีเซิ่งแล้ว ต่อจากนี้ไปคนทั่วทั้งดินแดนเทียนหนานนั้นจะคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร?”
เย่เย่นั้นยังไม่เผยไพ่ตายของเขาให้ทั้งสองคนได้รู้ แต่ดวงตาของเขานั้นแสดงออกถึงความมั่นใจ ต่อให้ซ่างกวานจ้งนั้นย้ำถึงความน่ากลัวของเจี่ยงหลีเซิ่งให้เย่เย่ฟัง แต่ความตั้งใจสู้บนใบหน้าของเย่เย่นั้นก็ไม่ได้เลือนหายไปเลย
หลังจากที่พยายามโน้มน้าวอยู่หลายหน ซ่างกวานจ้งก็ได้หุบปากเงียบ
เพราะตัวเขานั้นมีความรู้เรื่องของผู้มาจุติเพียงเล็กน้อยนัก ตัวเขาจึงได้ไม่มั่นใจว่าที่เย่เย่มั่นใจถึงขนาดนั้นเป็นเพราะเขาแอบซ่อนเร้นหรือว่าแสร้งทำ แต่ตัวเขาก็ได้พูดในสิ่งที่ควรจะพูดออกไปแล้ว ถ้าหากเย่เย่นั้นยังยืนยันที่จะสู้กับเจี่ยงหลีเซิ่ง ซ่างกวานจ้งก็ได้แต่ต้องปล่อยเขาเท่านั้น
อย่างไรเสียเย่เย่นั้นก็ยังไม่ได้เข้าร่วมกับเมืองโม่ไห่อย่างเป็นทางการ คำพูดของซ่างกวานจ้งนั้นจึงไม่สามารถผูกมัดเย่เย่ได้ สิ่งที่เขาทำได้ในเวลานี้มีเพียงช่วยเหลือเย่เย่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมและอาศัยโอกาสนี้ในการตรวจสอบความสามารถที่แท้จริงของเย่เย่
วันต่อมาที่ลานประลองตรงข้ามจวนเจ้าเมืองโม่ไห่นั้น ลานประลองขนาดใหญ่นี้ก็ได้ล้อมรอบไปด้วยผู้มาชมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
เจี่ยงหลีเซิ่งพร้อมด้วยกระบี่ในมือของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในสนามประลองอยู่ก่อนแล้ว ในเวลานี้ตัวเขานั้นกำลังหลับตาเพื่อปรับลมหายใจและรอคอยการปรากฏตัวของเย่เย่
ตัวเขานั้นได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้มาอย่างเต็มที่ และจะต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้นแพ้ไม่ได้เด็ดขาด พลังคุกคามที่ดุดันก็ได้แผ่ออกมาจากดวงตาของเขาทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะสบตากับเขาแม้แต่น้อย
ผู้คนที่รู้จักกับอดีตของเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นย่อมรู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาดีอยู่แล้ว และคิดว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นคงเอาชนะศึกนี้ได้เป็นแน่ แต่คนอื่นๆก็มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในตัวของ เย่เย่ อย่างไรเสียชื่อเสียงของผู้มาจุตินั้นยิ่งใหญ่มาก ต่อให้เย่เย่นั้นแพ้เจี่ยงหลีเซิ่งก็ไม่คิดว่าเจี่ยงหลีเซิ่งนั้นจะมีโอกาสสังหารเย่เย่ได้ทันที
นอกจากนี้ซ่างกวานจ้งเจ้าเมืองโม่ไห่นั้น คงไม่อาจนั่งดูอยู่เฉยๆปล่อยให้เย่เย่ตายภายใต้น้ำมือของเจี่ยงหลีเซิ่งเป็นแน่ และอาจจะสั่งการเพื่อระบายความโกรธให้เย่เย่ สั่งให้ยอดฝีมือของเมืองโม่ไห่ล้อมเจี่ยงหลีเซิ่งและไม่ปล่อยให้เขาได้รอดออกไปจากเมืองโม่ไหไปตลอดกาลแน่
ฝั่งหนึ่งเป็นถึงผู้สังหารสวรรค์ที่มีชื่อเสียงและอีกฝ่ายก็เป็นผู้มาจุติที่ดึงดูดสายตาของทุกคน ใครกันที่จะสามารถเอาชนะศึกระหว่างทั้งคู่นี้ได้? ผู้คนที่อยู่รอบๆลานประลองนี้ต่างก็คาดหวังกับคำตอบนี้
ทันทีที่ได้เวลาเย่เย่ก็ได้ปรากฏตัวจากจวนเจ้าเมือง
ข้างๆเขามีซ่างกวานจ้งและบุคคลสำคัญคนอื่นๆในจวนเจ้าเมืองมาโดยพร้อมเพรียงกัน ราวกับว่าพวกเขามีเชียร์เย่เย่และคอยคุ้มกันเย่เย่จนถึงเวทีลานประลอง
“โอ้โห ช่างประคบประหงมเสียจริงๆ!”
เจี่ยงหลีเซิ่งก็ได้จ้องไปที่เย่เย่อย่างดูถูกราวกับว่าตัวเขานั้นไม่ใส่ใจในฐานะของผู้มาจุติของเย่เย่เลยแม้แต่น้อย
“เจ้าคือเจี่ยงหลีเซิ่งหรือที่รู้จักกันในนามผู้สังหารสวรรค์สินะ? หยุดพูดเหน็บแนมแล้วคอยดูของจริงด้วยตาตัวเองเถอะ!”
เย่เย่ก็ได้กระโดดเบาๆแล้วลอยตัวขึ้นมาอยู่บนเวทีลานประลอง ตัวเขานั้นไม่สนใจกับท่าทีของเจี่ยงหลีเซิ่ง แล้วจ้องไปที่เขาและตะโกนกลับไป
สำหรับเย่เย่แล้ว เจี่ยงหลีเซิ่งนั้นเป็นเพียงเครื่องมือให้เขาใช้ในการแสดงความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น และไม่คิดที่จะเสียเวลากับเจี่ยงหลีเซิ่งมากนัก และก็ไม่สนใจถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ว่าทำไมเจี่ยงหลีเซิ่งถึงได้มาท้าเขาสู้ด้วย เพื่อที่จะสังหารอีกฝ่ายทันที เย่เย่จึงได้สะบัดมือยั่วโมโหเจี่ยงหลีเซิ่งทันทีที่เขามาถึงและพูดด้วยเสียงดังฟังชัด
เมื่อเห็นท่าทีของเย่เย่แล้ว ซ่างกวานจ้งที่ก่อนหน้านี้คิดว่าเย่เย่นั้นประมาทเจี่ยงหลีเซิ่งมากเกินไปนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ในเวลานี้ตัวเขาเริ่มเชื่อจริงๆแล้วว่า เย่เย่นั้นจะสามารถเอาชนะเจี่ยงหลีเซิ่งจริงๆได้ และตกใจกับพลังแฝงของผู้มาจุติอีกหน
ส่วนเหล่าผู้มาชมคนอื่นๆทั่วทั้งสนามนั้นต่างก็มองเย่เย่เสียใหม่ อย่างไรเสียถึงแม้เย่เย่จะเป็นถึงผู้มาจุติ แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขานั้นก็ไม่อาจเป็นที่รู้ได้โดยบุคคลภายนอก และในเวลานี้เมื่อเผชิญหน้ากับเจี่ยงหลีเซิ่งผู้ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแผ่นดินเทียนหนานนั้น ตัวเขากลับยังคงมีท่าทีสบายๆเช่นนี้ได้ แสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขานั้นเข้มแข็งมากเทียบไม่ได้กับคนธรรมดาๆเลย