ระบบเจ้าสำนัก - ตอนที่ 424 : ขยะ
ตอนที่ 424 : ขยะ
เป็นธรรมดาที่เมื่อจางหยูพูดออกมาแล้วก็ไม่มีใครกล้าเถียงเรื่องนี้กันต่อ ทุกคนในโรงอาหารต่างก็มองไปที่เซียนอักษรด้วยสายตาไม่พอใจ แม้แต่ลูกน้องเก่าและคนอื่นจากสมาคมก็ยังไม่พอใจในตัวเซียนอักษรอย่างมาก
เซียนอักษรไม่ได้สนใจความเห็นของทุกคน เขาหันไปสนใจอาหารและดมกลิ่นที่ชวนหลงใหลของมัน ก่อนที่จะกลืนน้ำลายด้วยความหิว
เซียนค่ายกล เซียนโอสถและเซียนหลอมต่างก็มองไปที่อาหารแล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเช่นกัน
“อาหารที่ท่านอู่ทำนั้นพัฒนาขึ้นมาก” เมื่อตักขึ้นจางหยูก็อดชมไม่ได้
อู่ฉิงฉวนตื่นเต้นราวกับได้รับรางวัล “ จริงหรือท่านเจ้าสำนัก ! ”
จางหยูยิ้มออกมาเล็กน้อย “แน่นอนว่าจริง ครั้งนี้ข้าให้คะแนน 8 จาก 10 คะแนน” หลังจากนั้นจางหยูก็กันไปหาเหล่าเซียน “พวกท่านกินได้ตามสบาย”
เหล่าเซียนหิวขึ้นมาตั้งแต่ได้กลิ่นอาหารแล้ว พวกเขาทนรอไม่ไหวที่จะตักมันเข้าปากทันที
“รสชาตินี้…” เซียนค่ายกลไม่เคยได้ลิ้มรสเผ็ดมาก่อน เมื่อกินเข้าไปมันก็ยากที่จะหยุดได้ “ ดีจริงๆ ! ”
เซียนอักษร , เซียนโอสถและเซียนหลอมเอง ต่างก็บอกความเห็นของตัวเองออกมา “ ยอดเยี่ยม ! ”
“แค่ชิมดูก็รู้แล้วว่านี่คืออาหารที่ดีที่สุดในโลก !”
“ข้าเคยกินอาหารดีๆมามากมาย แม้แต่อาหารขั้น 6 ข้าก็กินมาเยอะ แต่ไม่มีอาหารไหนเลยที่เทียบกับอาหารนี่ได้ !”
“ในความเห็นข้าแล้วอาหารนี่ยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบ ! ”
“ฮาฮา เมื่อพวกท่านรู้สึกดีก็กินอีกเลย ตามสบาย” จางหยูหัวเราะออกมา เขาขี้เกียจจะเถียงเรื่องเกณฑ์การให้คะแนนของเขา
“ ขอบคุณเจ้าสำนัก !” ทั้งสี่คนพูดขอบคุณและไม่สนเรื่องมารยาทอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำชมของคนเหล่านี้ อู่ฉิงฉวนก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย มุมปากของเขาถึงกับเผยรอยยิ้มออกมา
แต่จางหยู ,เฉินกูและอ้าวเยว่ ดูไม่ได้มีท่าทีอะไรมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอ้าวเยว่ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนนางก็มักจะรักษาท่าทีสูงส่งและสง่างามเอาไว้ตลอด แม้แต่ตอนกินก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในทางกลับกันแล้ว อ้าวอู่เหยียนที่มาจากเผ่ามังกรเช่นกันกลับทำตัวเหมือนขอทานที่ไม่ได้กินอะไรมา 3 วัน ถึงแม้ว่าจะทำให้อ้าวเยว่อับอาย แต่เขากลับไม่สน เขากินด้วยความตะกละและจมไปกับรสชาติของอาหาร
หลังจากที่กินอาหารกันเสร็จ จางหยูก็ไม่ได้อยู่ในโรงอาหารต่อ เขาได้พาเหล่าเซียนไปยังบ้านพัก
เฉินกู ,อ้าวเยว่และอ้าวอู่เหยียนได้ตามไปด้วย พวกเขาต่างก็พากันสงสัยว่าทำไมเจ้าสำนักถึงได้เรียกทั้งสี่คนนี้มา ?
ที่ลานเปิดโล่งภายในสวน
ทุกคนต่างก็มองไปที่จางหยูและรอให้เขาพูด
“ข้าเชิญพวกท่านมาที่นี่ ก็เพื่ออยากขอให้พวกท่านช่วย” จางหยูไม่ได้ทำให้ทุกคนรอเก้อ เขาบอกจุดประสงค์ของเขาออกมาทันที
ทั้งสี่คนมองหน้ากัน พร้อมกับความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ
จางหยูไม่ได้บอกว่าต้องการให้พวกเขาทำอะไร แต่กลับพูดอีกเรื่องแทน “ข้าได้สร้างทักษะบ่มเพาะจากสิ่งที่ข้าเรียนรู้มาหลายปี ข้าเรียกมันว่าทักษะจี๋อู่ ซึ่งแบ่งเป็นสามแบบ แบบสูงสุด, ขั้นกลางและขั้นต่ำ แบบสูงสุดและแบบขั้นกลางมีไว้สำหรับสำนักคังเฉียง ซึ่งข้าคงไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมัน แต่แบบขั้นต่ำนี้ข้าสามารถที่จะให้ท่านลองตรวจสอบมันได้”
จางหยูได้พูดถึงเนื้อหาทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำให้ทั้งสี่คนฟัง
ทั้งสี่คนนี้คือพวกระดับสูงสุดของทวีปป่า ไม่มีใครทัดเทียมเรื่องความเข้าใจทักษะบ่มเพาะได้ดีกว่าพวกเขาได้ ตราบใดที่พวกเขาตั้งใจ พวกเขาก็สามารถสร้างทักษะบ่มเพาะหลายสิบอันที่เทียบกับระดับเทพขึ้นมาได้ แต่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้กลับทำให้ทุกคนตะลึง!
“พระเจ้า นี่มันทักษะบ่มเพาะอะไรกัน!” ทั้งสี่คนช็อก
ยิ่งมีความรู้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนั้นมีระดับที่ลึกซึ้งแค่ไหน พวกเขารู้สึกว่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ แม้ว่าคนทั่วไปจะบ่มเพาะ แต่ก็จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมา
“นี่คือทักษะที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลกนี้ !” หยางเพ้ยอันพูดขึ้น “ทักษะบ่มเพาะที่ข้าเห็นมาไม่น้อยกว่าหมื่นปี กลับเทียบกับทักษะนี้ไม่ได้เลย ทักษะพวกนั้นไม่ต่างอะไรจากขยะ…”
มันยากที่จะคิดได้ว่า ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำยังสมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้ แล้วทักษะขั้นกลางและสูงสุดจะน่ากลัวขนาดไหน ?
ลั่วซู่หยางพูดขึ้นมาด้วยความสงสัย “ เจ้าสำนักบอกทักษะนี้กับเรา ท่านไม่กลัวว่าเราจะแอบเอาทักษะนี้ไปบ่มเพาะรึ ?”
แม้แต่ลั่วซู่หยาง ก็ยังอยากจะบ่มเพาะทักษะนี้ ด้วยระดับของพวกเขาแล้ว เขามั่นใจว่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้จะให้ผลลัพธ์ที่เขาไม่เคยก้าวขึ้นไปถึง
หยางเพ้ยอัน , ชุยเจี่ยน,หงจินเป่าต่างก็มองไปที่จางหยูด้วยหัวใจที่เต้นรัว
“หากพวกท่านสนใจก็ลองบ่มเพาะมันดู” จางหยูยิ้มออกมา “ทักษะที่ต่ำต้อยนี้มีไว้เพื่อมนุษย์ มันจะดีหรือแย่ก็ขึ้นอยู่กับคนตัดสิน ยิ่งไปกว่านั้นทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ก็ไม่ได้มีค่าต่อข้ามากนัก ไม่งั้นแล้วข้าคงไม่บอกพวกท่านง่ายๆ”
ทั้งสี่คนมองหน้ากันและรู้สึกไม่เข้าใจในตัวจางหยู เจ้าสำนักกลับไม่ให้ค่าทักษะนี้
มุมมองของจางหยูไม่สูงเกินไปหน่อยรึ ?
“ขอบคุณเจ้าสำนัก !” ลั่วซู่หยางสูดหายใจเข้าลึกๆและโค้งให้กับจางหยู
จางหยูหัวเราะออกมาแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
หยางเพ้ยอัน ,ชุยเจี่ยนและหงจินเป่าก็พากันตะโกนออกมา “ ขอบคุณเจ้าสำนัก ! ”
พวกเขาเข้าใจว่าทักษะที่สมบูรณ์นี้ มีความหมายยังไง และเพราะความเข้าใจที่มี พวกเขาจึงซาบซึ้งในตัวจางหยูอย่างมาก มันไม่เกินไปที่จะบอกว่าในสายตาพวกเขาแล้ว ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ไม่อาจจะประเมินค่าได้ แม้ว่าจะมียาขั้น 6 สัก 6-10 เม็ดมาแลก แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะแลกด้วย
อ้าวอู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจกับท่าทีของทั้งสี่คน “ ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำมันดีขนาดนั้นเลยรึ ?”
อ้าวเยว่และเฉินกูมองไปที่เหล่าเซียนพวกนั้น
“ด้วยทักษะบ่มเพาะนี้ ข้ามั่นใจว่าข้าจะขึ้นไปถึงระดับเดียวกับท่านเป้ยหลงได้!” ลั่วซู่หยางมองไปที่อ้าวอู่เหยียนและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ แล้วท่านจะบอกว่ามันไม่ดีรึ ?”
อ้าวเยว่และเฉินกูต่างก็มองไปที่เหล่าเซียนด้วยสายตาตะลึง
อ้าวเยว่และเฉินกูต่างก็แสดงสายตาช็อกออกมา
“ที่เขาพูดมาก็ไม่ผิด” หยางเพ้ยอันพยักหน้า “นี่คือทักษะบ่มเพาะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ คนที่ได้ทักษะนี้ไปจะก้าวหน้า แม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์ก็ตาม หากคนที่มีพรสวรรค์บ่มเพาะมัน พวกเขาก็มีหวังที่จะก้าวขึ้นมาขอบเขตตุ้นซวนได้และอาจจะก้าวมาถึงระดับสูงสุดแบบพวกเราได้…”
หากทักษะบ่มเพาะนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาโดยจางหยู หยางเพ้ยอันก็คงคิดเรื่องที่จะประกาศทักษะนี้ออกไป เพื่อทำให้มนุษย์นั้นก้าวหน้าและอยากที่จะบ่มเพาะทักษะนี้กัน
เขาคิดภาพออกได้ว่าหากทุกคนบ่มเพาะทักษะนี้ มนุษย์คงจะยกระดับขึ้นได้ในเวลาอันสั้น และจะมีพวกขอบเขตหลิงซวน ,หลี่ซวนและตุ้นซวนเป็นจำนวนมาก พวกที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนอยู่แล้วอาจจะทลายกำแพงขึ้นไปยังระดับสูงสุดได้ !
เผ่ามังกรหรือสัตว์อสูร จากนี้มนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป !
“น่ากลัวจริงๆ !” อ้าวอู่เหยียนตะลึง
เขารู้ในตอนนั้นว่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้มีความน่าทึ่งเพียงใด
ทักษะนี้เพียงพอที่จะทำให้ประวัติศาสตร์ต้องเปลี่ยนไปได้ !
อ้าวเยว่และเฉินกูอดไม่ได้ที่จะกังวล ในหัวของพวกเขามีความคิดแค่เพียงอย่างเดียว “ ไม่อาจจะปล่อยให้ทักษะนี้กระจายออกไปได้ ! ”
แต่ตอนนั้นเองจางหยูก็ได้พูดขึ้นมา
เขามองไปยังทั้งสี่คนและพูดขึ้น “หากพวกท่านต้องการบ่มเพาะมัน พวกท่านต้องรับปากกับข้าก่อนว่าจะเผยแพร่ทักษะนี้ให้กับมนุษย์ แม้แต่ในที่ห่างไกลก็ด้วย นี่คือจุดประสงค์ที่ข้าเรียกพวกท่านมาที่นี่ ”
อ้าวเยว่ ,อ้าวอู่เหยียนและเฉินกูต่างก็ตกตะลึง
เซียนค่ายกลมองไปที่จางหยูด้วยความตะลึง เขาคิดว่าเขาหูฝาด
“เผย…เผยแพร่รึ?” ลั่วซู่หยางเสียงสั่น
พวกเขาถึงกับคิดว่าจางหยูบ้าไปแล้ว !
ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ทักษะระดับเทพทั่วไปนั้น ก็ต้องเก็บมันไว้ให้ดี เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นรู้เข้า มันจะถูกใช้เป็นสมบัติของตระกูล เพื่อสร้างอำนาจรวมถึงนิกายและอาณาจักรด้วย แต่จางหยูกลับขอให้เผยแพร่ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำให้กับมนุษย์ทุกคน นี่มันบ้าไปแล้ว !
มันมีเซียนผู้สูงส่งแบบนั้นอยู่ในโลกรึ ?
ทั้งสี่คนไม่อาจจะเข้าใจในความคิดของจางหยูได้ พวกเขาไม่เชื่อว่าจางหยูจะเป็นเซียนที่สูงส่งแบบนั้น
“มีปัญหาอะไรรึ ?” จางหยูคิ้วขมวด
“เจ้าสำนัก ท่านมั่นใจรึว่าจะทำแบบนี้? ท่านคิดจะปั่นหัวพวกเรารึ ?” หยางเพ้ยอันถามขึ้นมา
เขาหวังว่าทั้งหมดนั้นจะเป็นความจริง เพราะมันส่งผลดีต่อมนุษย์ทั้งหมด จากนี้อีกไม่กี่สิบปีมนุษย์จะทัดเทียมกับเผ่ามังกรในเรื่องการบ่มเพาะได้ หรืออาจจะเหนือกว่าเผ่ามังกร และกลายเป็นผู้มีอำนาจของทวีปป่าได้ แต่เขาไม่มั่นใจว่าจางหยูพูดความจริง เขากลัวว่าความยินดีที่มีจะเปลี่ยนเป็นความเศร้า
จางหยูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ เจ้าคิดว่าข้าให้อาจารย์เฉินไปเรียกพวกท่านมาที่นี่ เพื่อปั่นหัวพวกท่านรึไง ?”
“ในสายตาของข้าแล้ว ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้ไม่ได้มีค่า คนของสำนักคังเฉียงมีตัวเลือกที่ดีกว่า อย่างทักษะจี๋อู่ขั้นกลางและสูงสุด” จางหยูไม่ได้คิดให้ค่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำจริงๆ “เอาตรงๆแล้ว ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้คือทักษะที่สำนักคังเฉียงตัดทิ้งไป ยังไงซะมันก็เป็นของที่ถูกทอดทิ้ง ! ”
“ของที่ถูกตัดทิ้ง!”
“ของที่ถูกตัดทิ้ง!”
“ของที่ถูกตัดทิ้ง ! ”
คำพูดนี้เหมือนกับค้อนที่ฟาดเข้าหัวใจของทั้งสี่คน
ทักษะที่พวกเขาคิดว่าเป็นสมบัติ แต่สำหรับสำนักคังเฉียงแล้ว….มันก็คือขยะ
นี่มันฟังดูเกินไป !
ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำที่พวกเขาไม่อาจจะเรียกมันว่าขยะได้ แต่ตอนนี้จางหยูกลับบอกว่าทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำ เมื่อเทียบกับทักษะที่ศิษย์สำนักคังเฉียงบ่มเพาะแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากขยะเลย