ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 43 เสียงเรียกจากวิญญาณ
ทุกอย่างมืดสลัว ราวกับอยู่ท่ามกลางความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด
ตึกๆ ๆ…
อันหลินได้ยินเสียงที่ราวกับเป็นเสียงเรียกของวิญญาณ เขาพยายามลืมตาขึ้นมา
จากนั้น เขาก็เห็นร่างที่ขาวสะอาดดุจหยก เนื้อตัวเปลือยเปล่า…
กระต่าย!
กระต่ายตัวนี้สูงเกือบครึ่งตัวคน ตอนนี้กำลังคุกเข่ากับพื้น
ในมือของมันมีสากหยก กำลังกระแทกลงบนถ้วยเล็กๆ ที่ส่องแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง “ตึกๆ ๆ…”
กลิ่นสมุนไพรตลบอบอวลทั่วห้อง เมื่ออันหลินสูดเข้าไปก็รู้สึกว่าสบายไปทั้งตัว
“อา…” เขาเผลอร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อกระต่ายได้ยินเสียงก็หันกลับมา ดวงตาสีชมพูกลมโต กำลังกะพริบปริบๆ จ้องมองอันหลิน
“เจ้าฟื้นแล้วหรือ” เสียงไพเราะน่าฟังอย่างยิ่งออกมาจากปากของกระต่าย
“อืม…ไม่ทราบว่าที่นี่ที่ไหน” อันหลินตอบพลางพยักหน้า
เขายังรู้สึกปวดหัวนิดหน่อย จึงยกมือขึ้นนวดขมับเบาๆ
กระต่ายกระโดดมาตรงหน้าอันหลินแล้วพูดว่า “เก้าพันหกร้อยเก้าสิบห้าคูณแปดร้อยสี่สิบเท่ากับเท่าไร”
อันหลินได้ฟังก็ตกใจ พูดอย่างงุนงงว่า “เอ่อ…ขอข้าคิดดูหน่อย…”
สามวินาทีผ่านไป เสียงที่สิ้นหวังอย่างยิ่งก็ดังขึ้น “อะไรกัน ปกติเวลาคนเพิ่งฟื้น สมองยังไม่ตื่น ขอข้าปรับตัวหน่อย…”
อันหลินเงยหน้าขึ้น เห็นสากหยกกระแทกลงบนหัวเขาราวกับเป็นสากกะเบือ
ตุบ!
อันหลินตาเหลือก หมดสติไป…
…
ตึกๆ ๆ…
ท่ามกลางความมืดมน อันหลินได้ยินเสียงที่เป็นเหมือนเสียงเรียกจากวิญญาณ
เขาพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นพบว่ากระต่ายตัวนั้นก็กำลังมองเขาเช่นกัน
“สองแสนหกพันแปดร้อยเจ็ดสิบหกหารสิบสามเท่ากับเท่าไร” กระต่ายถาม
ปากของอันหลินสั่นระริก กำลังจะบอกว่าขอกระดาษกับปากกาหน่อย
สองวินาทีผ่านไป กระต่ายถอนหายใจแผ่วเบา “เฮ้อ ที่แท้สมองก็ยังไม่ตื่นนี่เอง…”
สากหยกพุ่งผ่านอากาศมา ทุบลงบนหัวของอันหลิน
ตุบ! อันหลินสลบไปอีกครั้ง…
…
ตึกๆ ๆ…
ท่ามกลางความมืดมิด อันหลินได้ยินเสียงที่ราวกับเป็นเสียงเรียกของวิญญาณ
เขาพยายามลืมตาขึ้น จากนั้นพบว่ากระต่ายตัวนั้นก็กำลังมองเขาเช่นกัน
“นี่เรากำลังฝันร้ายเหรอ” ดวงตาของอันหลินเปียกชุ่ม เอ่ยปากขึ้นมา
กระต่ายไม่ตอบ ถามต่อว่า “แปดร้อยเก้าสิบหกยกกำลังสามเท่ากับเท่าไร”
อันหลินได้ฟังก็หวาดผวา ตะโกนลั่นทันทีว่า “เดี๋ยว! สมองของข้าปกติ ข้าไม่ได้โง่! ข้าแค่ไม่เคยเรียนคิดเลข!”
กระต่ายกะพริบตาปริบๆ หูสองข้างลู่ลงมาตามกรอบหน้า พูดอย่างฉงนใจว่า “แบบนี้นี่เอง เช่นนั้นต้องขอรบกวนหน่อย ข้าควรจะใช้วิธีไหนถึงจะรู้ว่าสมองของเจ้าปกติหรือไม่”
เมื่ออันหลินได้ยินประโยคนี้น้ำตาก็รื้นขอบตาอีกครั้ง
จะว่าไป สมองของกระต่ายตัวนี้ปกติจริงเหรอ
เมื่อเขาเห็นกระต่ายยกสากหยกขึ้นอีกครั้ง ก็รู้แล้วว่ากระต่ายตัวนี้จริงจัง!
“เอาอย่างนี้ ข้าท่องกลอนได้ ข้าจะท่องกลอนเพื่อพิสูจน์ตัวเอง!”
อันหลินเกิดปัญญายามคับขัน พูดตะโกนเสียงดัง
“ท่องกลอนหรือ…ความคิดนี้ไม่เลว ท่องเถอะ!” ดวงตาสีชมพูของกระต่ายจดจ้องอันหลิน ใบหน้าเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
“จันทร์กระจ่างที่ด้านหน้าเตียง ดูประหนึ่งมีน้ำค้างแข็งบนพื้นดิน แหงนหน้ามองจันทร์อันสุกใส…” อันหลินพูดอย่างคล่องแคล่ว
กระต่าย “…”
“ท่องกลอนเด็กอนุบาล สมองยังไม่ปกติอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!”
กระต่ายยกสากหยกขึ้นอีกครั้ง
ตุบ
อันหลินโดนสากหยกทุบหัว หมดสติไปอีก
อันหลินเคราะห์ร้ายเหลือเกิน ตอนแรกเขาคิดว่าเมื่อตัวเองท่องกลอน กระต่ายตัวนี้ต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนสิ ไม่คิดว่ากระต่ายตัวนี้จะรู้จัก!
ท่ามกลางความมืดมน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
…
ตึกๆ ๆ…
อันหลินได้ยินเสียงเรียกจากวิญญาณอีกครั้ง
แต่ทว่า ครั้งนี้เขาเลือกจะหลับตาต่อไป ให้ตายอย่างไรเขาก็ไม่ลืมตา!
จะทุบก็ทุบไป ข้าจะนอนของข้า
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งโผล่มาในห้อง
“เสี่ยวเยว่ ตอนนี้อันหลินเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เป็นเสียงอ่อนหวานของผู้หญิง อันหลินคุ้นเคยอย่างมาก!
เสี่ยวเยว่? กระต่ายที่ซูเฉี่ยนอวิ๋นเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้คือมันเองเหรอ
“อืม เขาฟื้นหลายครั้งแล้ว แต่สมองยังไม่ค่อยปกติ ข้าตั้งใจว่าจะใช้โอสถช่วยบำรุงเขาอีกสักหน่อย” เสียงของกระต่ายดังขึ้น
ใครกันแน่ที่สมองไม่ปกติ แกต่างหากที่ไม่ปกติ!
อันหลินร่ำร้องในใจ เขารู้ว่าได้เวลาลืมตาแล้ว
“สหายซู ข้าฟื้นแล้ว!”
เขาลืมตาขึ้น ลุกขึ้นนั่งทันที มองหญิงสาวคนตรงหน้าแล้วพูดต่อ “อีกอย่าง ข้าปกติมาก อย่าไปฟังกระต่ายตัวนั้นพูดเหลวไหล!”
“สหายฮันหลิน ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที!”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นดีใจมาก นางเขยิบมาอยู่หน้าอันหลิน
มืองามเนียนนุ่มกุมข้อมือของอันหลินไว้ สัมผัสลมปราณภายในตัวเขา
“อืม…ชีพจรกับพลังปราณฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว เม็ดยาสรรสร้างชีวิตของพี่ฉางเอ๋อได้ผลจริงๆ ด้วย” ซูเฉี่ยนอวิ๋นโล่งอก พูดเสียงแผ่วเบา
“อะไรนะ พี่ฉางเอ๋อ เม็ดยาสรรสร้างชีวิตงั้นหรือ” อันหลินเบิกตากว้าง ทำหน้างุนงง
ซูเฉี่ยนอวิ๋นกำลังจะอธิบาย กระต่ายก็ชิงพูดขึ้นมาว่า “คืออย่างนี้ จู่ๆ ร่างของเจ้าก็ระเบิดในศึกแห่งอิสรภาพ เลือดลมสูญสิ้น เส้นชีพจรเสียหาย หากไม่ใช่เพราะเซียนสวรรค์อวี้หัวนำร่างของเจ้าไปรักษาในโลงเย็นพันธนาการจิตได้ทันท่วงทีละก็ เจ้าอาจจะตายไปนานแล้ว แต่แม้จะเป็นเซียนสวรรค์อวี้หัว ก็ทำอะไรกับอาการของเจ้าไม่ได้ สามารถพูดได้ว่า นอกจากจิตของเจ้าที่ยังอยู่แล้ว ร่างกายเสียหายไปนานแล้วสุดท้าย ซูซูก็ขอร้องให้เจ้านายข้าช่วยเจ้า เจ้านายข้าถึงยอมลงมือ ปรุงเม็ดยาสรรสร้างชีวิตให้เจ้า ฟื้นฟูเส้นชีพจรของเจ้า ทำให้เลือดลมถือกำเนิดใหม่…”
เมื่ออันหลินได้ยินคำพูดของกระต่าย ก็มองซูเฉี่ยนอวิ๋นอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณเจ้ามากนะ บุญคุณใหญ่หลวงเช่นนี้ ข้าอันหลินต้องตอบแทนเป็นเท่าทวีแน่นอน!”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นหน้าแดงระเรื่อ กำลังจะพูด กระต่ายก็กระโดดมาหน้าอันหลินอีกครั้ง ชิงพูดตัดหน้าว่า “ตอบแทนน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว! โอสถที่เจ้านายข้าปรุงเป็นถึงยาวิเศษขั้นสองเชียวนะ! ทั่วทั้งแคว้นจิ่วโจวไม่มีใครสามารถปรุงได้ แถมยังต้องใช้วัตถุล้ำค่านับไม่ถ้วน รวบรวมพลังแห่งจันทรา ระดมพลังชีวิตแห่งฟ้าดิน ใช้อิทธิฤทธิ์อันสูงส่ง…”
กระต่ายพูดชมไม่หยุด อันหลินยิ่งฟังก็ยิ่งตะลึง
“เอาอย่างนี้…ใต้เท้ากระต่าย ท่านตีราคามาเถอะ…” อันหลินยิ่งฟังก็ยิ่งใจฝ่อ แค่ฟังก็รู้ว่าขายเขาหมื่นคนก็ชดใช้หนี้ก้อนนี้ไม่ได้!
“อะแฮ่ม” กระต่ายกระแอม กลอกตาไปมา จากนั้นก็พูดช้าๆ ว่า “เจ้าค่อยๆ หามาคืนก็ได้ ไม่รีบร้อน อันดับแรก สิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือช่วยรวบรวมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ให้ข้า!”
“อืม ข้าจะตั้งใจฟัง!” อันหลินทำหน้านอบน้อม
กระต่ายพูดต่อว่า “แครอทแห้งหนึ่งร้อยชั่ง มันฝรั่งทอดรสแครอทสิบลัง เฟรนช์ฟรายส์รสแครอทคั้นสดหนึ่งตัน…”
อันหลินอ้าปากค้าง นั่งอึ้งอยู่กับที่ งงเป็นไก่ตาแตก!
วัตถุล้ำค่าที่คุยกันไว้ล่ะ วัตถุดิบเลิศล้ำที่ตกลงกันไว้ล่ะ
ขอแค่เราซื้ออาหารขยะเป็นกอบเป็นกำก็สามารถชดใช้ได้แล้วจริงๆ เหรอ!
“เอาล่ะ อันหลิน พี่ฉางเอ๋อใจดีมาก นางไม่ได้ขอให้เจ้าทำอะไรเพื่อตอบแทนนางหรอก ของพวกนี้เป็นเงื่อนไขของเสี่ยวเยว่ทั้งนั้น มันรู้ว่าเจ้าจะไปโลกมนุษย์ จึงอยากให้เจ้าช่วยซื้อของอร่อยให้มันหน่อย!”
เมื่อซูเฉี่ยนอวิ๋นเห็นท่าทางของอันหลิน ก็ยิ้มบางๆ เผยให้เห็นลักยิ้มจิ้มลิ้มสองข้าง อธิบายอย่างอ่อนโยน
“ซูซู ทำไมเจ้าถึงนำความในออกนอกเล่า เรื่องนี้พูดออกไปข้าอายยิ่งนัก!” กระต่ายถลึงตาใส่ซูเฉี่ยนอวิ๋น พูดอย่างโมโห
ซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ยินกระต่ายพูดแบบนี้ ใบหน้าก็แดงก่ำอีกครั้ง
อันหลินจับประเด็นสำคัญในคำพูดของซูเฉี่ยนอวิ๋นได้ “เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่าข้าจะไปโลกมนุษย์หรือ!”
ซูเฉี่ยนอวิ๋นพยักหน้า “อืม สิบวันหลังจากนี้ เจ้าเป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ที่ถูกเลือก ได้ลงไปโลกมนุษย์กลุ่มแรกเลยนะ!”
อันหลินได้ยินก็ตกใจ โลกมนุษย์…
เราจะได้กลับโลกแล้ว!
…………………………………………
Related