ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 415 รัศมีความโชคร้ายที่น่ากลัว
ทั้งสามเหาะไปทางตำแหน่งที่ยันต์เทวะบอกอย่างรวดเร็ว แสงของยันต์ยังไม่จางหาย เท่ากับว่าหยางหยวนยังไม่ตาย เพียงแค่ตกอยู่ในอันตรายที่รับมือได้ยาก
เมฆเพลิงเหนือเวหาเกลือกกลิ้ง จู่ๆ ก็มีเปลวไฟร้อนระอุถาโถมมาทางอันหลินเป็นก่ายเป็นกอง ทำเอาทั้งสามตกใจจนรีบลดระดับความสูง
ผ่านไปไม่นาน ก็มีนกเพลิงหลายตัวกรูกันมาหาพวกอันหลิน
ตอนแรกทั้งสามยังไม่สนใจ แต่เมื่อพวกมันรวมตัวกันเกินร้อยตัวแล้ว พวกเขาก็เมินเฉยไม่ได้อีกต่อไป
“ปล่อยให้พวกมันรวมตัวอีกไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ!” ซ่างกวนอี้หันหลัง มือถือกระบี่ เป็นฝ่ายพุ่งตัวใส่ฝูงนกเพลิง
อันหลินกับม่อไห่ก็หันหลังตาม เข้าร่วมสงครามด้วยเช่นกัน
นักพรตแปลงจิตสามคนร่วมมือกัน ฝูงสัตว์ที่เกิดจากอสูรเพลิงสามัญกับอสูรเพลิงวิญญาณอีกนิดหน่อยถูกฆ่าล้างบางจนสิ้นซากอย่างรวดเร็ว
“หึ ช่างเป็นไก่ป่าที่ไม่เจียมตัวเอาเสียเลย ความสามารถพรรค์นี้ยังกล้ามาไล่ล่าพี่ชาย” ม่อไห่แบกดาบยักษ์สีแดง พูดอย่างดูถูกดูแคลน
“อาจเพราะเล็กกระจ้อยเกินไป ถูกเส้นผมบังภูเขา จึงอาจหาญท้าทายอำนาจของภูเขากระมัง…” อันหลินเงยหน้ามองฟ้า ใบหน้ามีแต่ความเดียวดายและอ้างว้าง
ม่อไห่ตาเป็นประกาย ลอบจำบทพูดพวกนี้เอาไว้
ซ่างกวนอี้กลับมองทั้งคู่ด้วยความตื่นตะลึง พวกเขากำลังทำอะไรน่ะ
ทั้งสามถูกฝูงนกเพลิงถ่วงเวลาไปครู่หนึ่งแล้วมุ่งหน้าเหาะไปยังจุดหมายต่อ
จากนั้นผ่านไปไม่นาน ชั่วขณะที่เมฆเพลิงกระเพื่อม ก็มีนกเพลิงหลายตัวปรากฏตรงหน้าพวกเขา ประเดประดังเข้ามา
พวกเขาลงมือเข่นฆ่าอีกครั้งก่อนที่นกเพลิงจะรวมตัวกันถึงร้อยตัว
ต่อมาไม่นาน นกเพลิงกลุ่มที่สามก็มาเยือน...
พวกอันหลินลงมือสังหารพวกมันอีกครั้ง!
ภายหลังก็มีกลุ่มที่สี่ กลุ่มที่ห้า กลุ่มที่หก…
“คุณพระ ทำไมจู่ๆ คุกวิหคชาดถึงได้มีนกเพลิงโผล่มามากมายปานนี้!” อันหลินอดบ่นไม่ได้
ซ่างกวนอี้กะพริบตาปริบๆ “นกเพลิงก็มีเยอะมาตลอดไม่ใช่หรือ ไม่ว่าข้าจะไปไหนก็เห็นพวกมัน มักจะบินออกจากเมฆเพลิงมาตามข้าเหมือนยุง น่ารำคาญยิ่งนัก!”
อันหลิน “…”
จะว่าไป พวกเราเข้าคุกวิหคชาดอันเดียวกันหรือเปล่า
ทำไมเขากับม่อไห่เดินทางมาตั้งนานเพิ่งเจอนกเพลิงแค่ครั้งเดียว แต่นางกลับพบเจอตลอดเวลาล่ะ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจอันหลิน ลบล้างไม่ได้อีกต่อไป
“เป็นอย่างไร พิลึกมากใช่ไหมล่ะ” กระแสจิตของม่อไห่ดังขึ้นในโสตประสาทอีกครั้ง
อันหลินพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมซ่างกวนอี้ถึงได้ถูกนกเพลิงนับพันตามล่าแล้ว
ลำพังแค่ความถี่ของนกเพลิงที่โผล่มา หากไม่ชิงสังหารก่อน หรือโชคร้ายสักหน่อย ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็จะรวมตัวกันนับพันตัว…
ทั้งสามแทบจะสังหารมาตลอดทางจนถึงชายแดนเหนือใต้ของคุกวิหคชาดแล้ว
เทือกเขาที่ทอดตัวยาวไม่รู้กี่ลี้สูงสามพันจั้ง ประหนึ่งร่องน้ำตามธรรมชาติที่ขวางกั้นแผ่นดินนี้ ทำให้ไม่เห็นว่าทางใต้ของคุกวิหคชาดมีอะไรอยู่กันแน่
พวกอันหลินเหาะเลียบไปตามแนวหน้าผา ทันใดนั้น เมฆเพลิงบนนภาก็แยกออกเป็นร่องขนาดใหญ่
เปลวไฟมากล้นเทกระหน่ำลงจากท้องฟ้าปานธารน้ำตก ปกคลุมมิติในรัศมีพันเมตร!
ทั้งสามตะลึงงันทันใด มีการโจมตีแบบนี้ด้วยหรือ
ความเร็วในการไหลหลั่งของเปลวไฟสูงอย่างยิ่ง พวกเขาหลบหลีกไม่ได้
อันหลินตอบสนองไวที่สุด สั่งให้ก้อนอิฐขยายใหญ่ขึ้นแล้วขวางข้างหน้าทันที
“รีบมาเร็วเข้า อิฐก้อนนี้ต้านทานได้!”
เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของเขา ม่อไห่กับซ่างกวนอี้ก็รีบเหาะมาทันควัน
โครม
การโจมตีที่น่ากลัวทำให้ก้อนอิฐสีดำดิ่งลงไม่หยุด เปลวไฟไหลเลียบลงจากขอบของอิฐดำ ไอที่ร้อนระอุอย่างที่สุดทำให้ทั้งสามทุกข์ทรมาน ซ่างกวนอี้กับม่อไห่ต่างก็แสดงพลังป้องกัน ตัดขาดอุณหภูมิที่น่ากลัว
เปลวไฟเหล่านี้หลั่งไหลนานอยู่หลายนาทีกว่าจะหยุด และโชคดีที่ก้อนอิฐทนความร้อนสูงได้ ทั้งสามถึงได้อยู่รอดปลอดภัย
“สหายอันหลิน ไม่คิดเลยว่าก้อนอิฐของเจ้าจะมีประโยชน์ขนาดนี้” ซ่างกวนอี้ประเมินอิฐดำด้วยใจที่ยังหวาดผวา เอ่ยปากชมเปาะ
“มันแหงอยู่แล้ว ถึงจะอัปลักษณ์มาก แต่มันก็ใช้งานได้ดีมาก!” อันหลินพูดอย่างครึ้มใจ
ม่อไห่มองท้องฟ้าแวบหนึ่ง รอยแยกที่น่ากลัวของชั้นเมฆหายไปแล้ว
ชั้นเมฆสีแดงก่ำก็กลายเป็นสีเทา ราวกับว่าพลังเพลิงว่างเปล่าแล้ว
เขาพูดว่า “เวลากระชั้นชิด พวกเรารีบเดินทางกันต่อเถอะ”
อันหลินกับซ่างกวนอี้พยักหน้า ทั้งสามเหาะลัดเลาะขึ้นไปตามแนวผาหิน
ครั้งนี้ไม่พบเจออุบัติเหตุอะไร ทั้งสามข้ามเทือกเขาที่สูงตระหง่านได้สำเร็จ
อันหลินทอดมองไปไกล ผืนฟ้าของที่นี่ไม่ใช่สีแดงก่ำ แต่เป็นสีเทาขมุกขมัว ไม่รู้ว่าสูงเท่าใด และไม่รู้ว่าจุดสูงสุดมีอะไรอยู่
พื้นดินเป็นเทือกเขาสีขาวที่สูงสลับซับซ้อนไม่เห็นปลายทาง มันเป็นสีขาวที่ขาดความอุดมสมบูรณ์และเปล่าเปลี่ยว ไม่เห็นพืชพรรณใดเลย สายธารเปลวไฟสีแดงระอุโจนทะยานไม่ขาดสาย ดุจเป็นเส้นชีพจรของปฐพี ก่อตัวเป็นความแตกต่างทางสีสันที่ชัดเจนอย่างยิ่ง
หลังพวกอันหลินเห็นแล้วก็มุ่งหน้าต่อไป
ผ่านไปไม่นาน ก็มีค้างคาวสีเลือดตัวเขื่องนับพันตัวปรากฏตรงเบื้องหน้าของทุกคน แยกเขี้ยวคาวเลือดที่แหลมคม พุ่งพรวดหาพวกเขาทันที ด้านบนมีฝูงอสูรเพลิงพสุธาหลายตัวกับอสูรเพลิงวิญญาณอีกสิบกว่าตัวปะปนอยู่
“จำนวนเยอะเหลือเกิน พวกเราหนีกันเถอะ!” ม่อไห่รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาวุ่นวายกับอสูร เมื่อเห็นว่าความเร็วของค้างคาวสู้พวกเขาไม่ได้ ก็โพล่งขึ้นมา
อันหลินกับซ่างกวนอี้ไม่คัดค้าน ระเบิดความสามารถทั้งหมดที่นี่หนีอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าเหาะได้ไม่กี่กิโลเมตร ก็พุ่งชนแดนพิศวงพายุลูกหนึ่ง
ลมพวกนี้มีอยู่ทุกหนแห่ง ลดทอนกำลังของทั้งสามไม่หยุด ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ถึงสิบห้านาที จะถูกลมพวกนี้บดขยี้จนตาย
โชคดีที่ซ่างกวนอี้พบตำแหน่งของตาพายุ เมื่อทำลายตาพายุแล้ว ทั้งสามถึงได้หลุดพ้น
จากนั้นก็เหาะต่ออีกสิบห้านาที แล้วหลุดเข้าไปแดนพิษร้ายแห่งหนึ่ง…
หมอกพิษบดบังทัศนวิสัย กระจายอยู่ทั่วทุกอณู แม้อันหลินจะมีวิชาพฤกษธาตุอมตะ ก็ทำได้เพียงไม่ให้สารพิษทวีความรุนแรงขึ้นเท่านั้น ส่วนม่อไห่นั้นโชคร้าย แม้ปล่อยม่านคุ้มกันตน แต่ก็ยังมีพิษเล็ดลอดเข้าไป ทำให้ผิวหนังของเขาเขียวช้ำ กระตุกไปทั้งตัว…
โชคดีที่ซ่างกวนอี้เจอต้นตอของพิษจากกระแสของหมอกพิษได้อย่างแม่นยำ ปลิดชีพแมงมุมพิษ อสูรเพลิงพสุธาสิบตัวทันที ทั้งสามถึงได้หลุดพ้น
สุดท้ายพวกเขาก็ได้รับผลเซียนที่เจริญเติบโตในรังของแมงมุมเพลิงพสุธาสิบผล อยู่ในระดับแปด สุดท้ายซ่างกวนอี้เอาไปสี่ลูก อันหลินกับม่อไห่แบ่งกันคนละสามลูก
อันหลินกับม่อไห่ต่างก็นับถือความสามารถในการรับมือกับภัยอันตรายของซ่างกวนอี้ แต่ซ่างกวนอี้แสดงออกว่าตนชินแล้ว คำพูดนี้ทำให้อันหลินกับม่อไห่ตาแดงก่ำ แข็งแกร่งนัก!
ไม่ง่ายเลยกว่าทั้งสามจะฝ่าออกจากแดนหมอกพิษได้ ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ ก็พบว่ามีอสูรน่ากลัวนับพันกำลังอพยพในป่า มุ่งหน้าวิ่งห่อมาทางพวกเขา
ทั้งสองห่างกันไม่ถึงพันเมตร จากนั้นก็ ‘พบกันโดยบังเอิญ’ ไปโดยปริยาย
อสูรเพลิงสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่สามตัวเหาะเหินเดินอากาศ ด้านหลังมีอสูรเพลิงพสุธาสิบกว่าตัว อสูรเพลิงวิญญาณนับร้อย รวมถึงอสูรเพลิงสามัญอีกเป็นพัน
พวกมันต่างก็หยุดลง จากนั้นมองพวกอันหลินด้วยความงุนงงเจือความดีใจ
ม่อไห่กุมขมับ มองอันหลินแวบหนึ่งอย่างระอาใจ
อันหลินกลืนน้ำลายเอื๊อก นี่มัน…
อย่าบังเอิญขนาดนี้ได้ไหม!