ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม - ตอนที่ 368 การเปลี่ยนแปลงของทูตแห่งทินกร
เมื่ออันหลินเห็นนักบวชเหล่านั้นส่งยิ้มให้เขา เนื้อตัวก็อ่อนเปลี้ย
ปณิธานอันแรงกล้าก็ดังก้องในใจว่า ‘ไม่ได้การแล้ว ต้องห้ามเสี่ยวหง!’
“เสี่ยวหง ขอตกลงอะไรกับเจ้าหน่อย” อันหลินพูดกับเสี่ยวหงอย่างจริงจัง
“อืม นายท่านว่ามาได้เลย!” เสี่ยวหงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
อันหลินกระแอมเล็กน้อย ค่อยๆ ชี้นำทีละขั้นว่า “เจ้าคิดว่านักบวชเหล่านี้มีใจนับถือพระอาทิตย์มากกว่าหน่อย หรือใจที่นับถือพระอาทิตย์ของตัวเจ้าเองมีมากกว่า”
“ต้องเป็นข้าอยู่แล้วสิ! ข้าเรียกทูตแห่งทินกรออกมา ตามหลักการแล้ว ถือเป็นภาพสังเคราะห์ของจิตข้า!” เสี่ยวหงขบคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปาก
“แล้วไยเจ้าไม่แก้รูปลักษณ์ของทูตแห่งทินกรให้เป็นรูปร่างลักษณะของตัวเองเล่า หญิงสาวที่สังเคราะห์แสงทุกวี่วัน มันเหมาะสมกับประเด็นเยินยอพระอาทิตย์มากกว่าไม่ใช่หรือ มันเรียกว่ากลับสู่ต้นกำเนิด!” อันหลินโน้มน้าว
“แต่ว่า…” ใบหน้าของเสี่ยวหงฉายความลังเล “ข้า…ข้าคิดว่านักบวชกำยำอหังการกว่า…”
ปากอันหลินกระตุกทันทีที่ได้ฟัง อหังการงั้นเหรอ
อหังการน่ะดูไม่ออก นี่มันอันธพาลบวกวิปริตชัดๆ ไหมเล่า!
“นี่เป็นคำสั่งของข้า ต่อไปเปลี่ยนทูตทินกรให้เป็นรูปร่างหน้าตาแบบเจ้า!” อันหลินพูดอย่างขึงขัง
คุยกันด้วยเหตุแล้ว หากไม่ฟัง ก็จำต้องใช้สถานะบีบคั้นเสี่ยวหงแล้ว
“ก็ได้…” เสี่ยวหงเบะปาก ทำท่าน้อยใจ คทาให้มือส่องแสงพร่างพราย สุดท้ายนักบวชล้อนจ้อนเหล่านั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงสิ้นสุด อันหลินกับต้าไป๋ต่างก็อ้าปากค้าง ลมหายใจถี่กระชั้น
หญิงสาวที่งดงามเพริศพริ้งหลายคนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ตรงหน้าพวกเขา
พวกนางล้วนมีรูปโฉมเหมือนเสี่ยวหง แม้จะก่อตัวจากแสงทองก็ตาม แต่รูปร่างที่มีเสน่ห์เย้ายวนกลับไม่มีบิดเบือน ขาเรียวยาว เอวคอดยั่วยวนใจ หน้าอกสะบึม…
อันหลินกับต้าไป๋ช้ำใน เลือดทะลักออกจากจมูก
ทำอย่างไรดี จะขอร้องเสี่ยวหงให้ใส่เสื้อผ้าให้ทูตแห่งทินกรดีไหม
อืม…เหมือนว่าไม่ใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีปัญหา…
ไม่สิ! ตัวเองดูได้ แต่จะให้ศัตรูกับเหล่าจีนมุงได้เปรียบไม่ได้!
“อะแฮ่ม เสี่ยวหง ต้องใส่เสื้อผ้าให้ทูตแห่งทินกรด้วยนะ!” อันหลินพูดพลางมองไม่วางตา
“เฮ้อ…ต้องใส่เสื้อผ้าด้วยหรือ ยุ่งยากเสียจริง…” เสี่ยวหงยู่ปากอย่างไม่ค่อยพอใจ
ต้าไป๋พูดอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “งั้นก็ไม่ต้องใส่ โฮ่ง!”
ผลัวะ
อันหลินไม่พูด ซัดหมัดใส่หัวสุนัขทันที!
“ใส่ ต้องใส่!” อันหลินพูดอย่างฉะฉาน
“ใช่ เพิ่มเข้าไปเถอะลูกพี่หง โฮ่ง!” ต้าไป๋ที่หัวปูดโปนพูดคล้อยตามเสียงดัง
ด้วยอำนาจของเจ้านายบีบคั้น เสี่ยวหงจึงค่อยๆ ออกแบบเสื้อผ้า จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าสีทองที่ไม่โปร่งแสงให้กับเสี่ยวหงที่ก่อตัวจากสีทองเหล่านั้น
แววตาของอันหลินกับต้าไป๋มีความผิดหวังฉายวาบ แอบเช็ดเลือดกำเดาบนใบหน้าทิ้งเงียบๆ
“ต่อไปหากเรียกทูตแห่งทินกร ให้สร้างตามรูปลักษณ์แบบเมื่อครู่นี้เข้าใจไหม” อันหลินออกคำสั่งอีกครั้ง
“รู้แล้วน่า ท่านน่ารำคาญจังเลย!” เสี่ยวหงฮึดฮัด “ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพักแล้ว ครั้งหน้าอย่าไปที่มืดๆ อีกนะ ทำเอาข้านอนหลับไม่สนิทเลย”
อันหลินกลอกตาไปมา
เยี่ยมเลย ที่แท้เสี่ยวหงลงมือ ก็เพราะสภาพแวดล้อมในการรบเมื่อครู่นี้มืดเกินไป รบกวนการพักผ่อนของมันงั้นเหรอ
จะว่าไปมืดหน่อยหลับสบายกว่าไม่ใช่หรือไง
แต่แสงสว่างของมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ทะลวงได้แม้แต่ความมืดมิด
แสงสีแดงกะพริบวาบ เสี่ยวหงกลับไปนอนขดในกระเป๋าของอันหลินเงียบๆ เช่นเดิม
พื้นที่รอบกายมืดลงทันใด เพราะขาดจานพระอาทิตย์ของเสี่ยวหง
ทูตแห่งทินกรเหล่านั้นก็กลายเป็นจุดสีทองสลายหายไปด้วย
อันหลินล้วงดอกไม้สีแดงออกมา สัมผัสกลีบดอกสีแดงสดเบาๆ มันอ่อนนุ่ม เรียบเนียน เนื้อสัมผัสดีมาก ปรากฏว่าทำให้ดอกไม้สั่นระริก
“ทำอะไรน่ะ” เสียงหวานดังขึ้น มันเจือความง่วงงุน
“เปล่า ไม่ได้สัมผัสนานแล้ว อยากดูว่าเจ้าโตขึ้นหรือยัง” อันหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เสี่ยวหงโคลงศีรษะ พูดนิ่งๆ ว่า “…นายท่าน นี่กำลังยั่วข้าหรือ”
ปากของอันหลินกระตุกไปที ไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบยัดเสี่ยวหงกลับกระเป๋า
โลกเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมการถ่ายทอดความรู้สึกกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองถึงได้ยากเย็นปานนี้
อันหลินกับต้าไป๋กินยาบำรุงเลือดลมคนละเม็ด นั่งทำสมาธิปรับลมหายใจที่เดิม
การรบในครั้งนี้ค่อนข้างอันตราย หนึ่งคนหนึ่งสุนัขบาดเจ็บไม่เบาเลย ทำให้อันหลินได้รู้ว่า การทดสอบที่มีอัตราการรอดชีวิตเป็นศูนย์ได้อย่างแจ่มแจ้งน่ากลัวแค่ไหน
จากที่ไป๋หลิงกล่าว ยิ่งด่านหลังๆ จะยิ่งยากขึ้น อย่างนั้นด่านต่อไปจะยากขนาดไหน ครั้งนี้เป็นเพราะเสี่ยวหง ไม่อย่างนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าต้องทุ่มเทมากมายปานใด จึงจะผ่านการทดสอบได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจอันหลินก็เกิดความคิดอยากถอดใจอย่างที่ไม่ค่อยมีให้เห็นนัก
ผ่านไปหนึ่งวันโดยไม่รู้ตัว
ภายใต้การช่วยเหลือของยา อาการบาดเจ็บของอันหลินกับต้าไป๋ก็ฟื้นฟูเกือบจะทั้งหมดแล้ว
“พี่อัน เราจะไปกันต่ออีกไหม โฮ่ง!” ต้าไป๋ถาม
อันหลินแสดงสีหน้าลังเล จะไปต่อดีหรือไม่
เมื่อก่อนเขาคิดว่าความสามารถอย่างเขา มาที่นี่ก็สามารถผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ดูจากตอนนี้แล้วมันไม่ใช่เลย ข้างในนี้มีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเหลือเกิน…
“ต้าไป๋ ทางข้างหน้าอันตรายเกินไป เจ้าออกไปก่อนไหม ด่านต่อไปข้าลุยเองดีกว่า” อันหลินคิดๆ แล้วตัดสินใจลองดูสักตั้ง
สมบัติในโบราณสถานจื่อซิงแห่งนี้ หากทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับแปลงจิตเมื่อใดโอกาสจะสูญสิ้น เขาคิดว่าจำต้องลองดูอีกสักตั้ง หนทางบำเพ็ญเซียนไม่อาจลบล้างความเสี่ยงทั้งปวงได้ ในทางกลับกัน บางครั้งผ่านความอันตรายจึงจะขัดเกลาจิตใจได้ เติบโตอย่างแท้จริง ก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม!
“พี่อัน เจ้าเห็นต้าไป๋เป็นหมาประเภทไหน ข้าไม่ใช่พวกที่รักตัวกลัวตาย หากพี่อันจะไปต่อ ข้าก็จะไปกับเจ้าด้วย! โฮ่ง!” ต้าไป๋พูดอย่างเด็ดเดี่ยว
อันหลินได้ฟังก็ตื้นตันใจ ขยี้หัวต้าไป๋อย่างแรง “ได้! งั้นเราลองดูกันอีกสักตั้ง!”
ประตูเหล็กค่อยๆ แง้มออก เผยให้เห็นเส้นทางสีน้ำเงินดุจลายน้ำ
อันหลินกับต้าไป๋ก้าวไปพร้อมกัน สัมผัสได้ว่าอุณหภูมิต่ำลงเรื่อยๆ
สุดท้ายหนึ่งคนหนึ่งสุนัขก็มาถึงห้องที่โล่งกว้างอย่างยิ่ง
ทั้งห้องขาวบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยหิมะปกคลุม อุณหภูมิที่เย็นเยือกทำให้ทั้งคู่สั่นระริกโดยไม่รู้ตัว ปลายทางของห้องลับมีคริสตัลสีน้ำเงิน มันกำลังส่องแสงสีน้ำเงินแวววับ ทั้งยังมีคลื่นสีน้ำเงินแผ่กระจายโดยรอบประหนึ่งริ้วคลื่น
“ยินดีต้อนรับสู่การทดสอบแห่งเหมันต์ เดินไปหยุดตรงหน้าคริสตัลสีน้ำเงิน เติมพลังปราณใส่คริสตัล ก็จะผ่านการทดสอบนี้ ตามสถิติของผู้ทดสอบที่ผ่านมา อัตราการรอดของการทดสอบนี้เป็นศูนย์ หากผ่านการทดสอบจะได้รับการสืบทอดผนึกนภา จะเริ่มการทดสอบเลยหรือไม่” เสียงของไป๋หลิงดังขึ้นในห้องลับ
พออันหลินได้ยินกติกาก็นึกถึงทางตันแห่งการดับสูญในตอนนั้น ก็ใช้ถ่ายพลังปราณใส่ลูกบอลที่ลอยอยู่เช่นกัน จึงจะผ่านการทดสอบ
ในเมื่อด่านนี้คล้ายคลึงกับทางตันแห่งการดับสูญ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ตอนนั้นเขามีก้อนอิฐแรกกำเนิด ถึงได้ผ่านการทดสอบมาได้ ครั้งนี้เมื่อเจอกับการทดสอบแห่งเหมันต์ คงจะบุกไปเลยไม่ได้หรอกมั้ง
ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไร สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแต่ทุ่มเทสุดตัว
อันหลินหยิบก้อนอิฐแรกกำเนิดออกมา มือถือกระบี่พิชิตมาร เพ่งสมาธิสัมผัสบรรยากาศรอบตัว หลังปรับสภาพตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว ถึงได้ตัดสินใจเริ่มการทดสอบ
“เริ่มการทดสอบได้!”
เมื่อสิ้นเสียงของอันหลิน คริสตัลสีน้ำเงินก็ส่องแสงเรืองรอง
กลิ่นอายเย็นยะเยือกถาโถมใส่อันหลิน!